ตอนที่ 195 เบาะแสน้อยนิดเผยสถานการณ์ใหญ่
หวางมู่หรันอุ้มร่างสังขารของผู้เฒ่าตกปลาแล้ววางไว้บนหลังกวาง เขาขี่กวางไล่ตามฉินมู่ ราชครู และคนอื่นๆ พลางร้องตะโกน “ราชครู ข้าจะล้างแค้นให้อาจารย์ข้า!”
ราชครูสันตินิรันดร์หันหน้ากลับไปมองด้วยสีหน้าจริงจัง “วิชาฝีมือของอาจารย์เจ้านั้นไม่เลวเลย หลังจากที่เจ้าเชี่ยวชาญในวิชาเหล่านั้น จงส่งต่อมันให้แก่ศิษย์เจ้าอย่าปล่อยให้มันสูญหาย”
หวางมู่หรันร้องตะโกนและเมฆหมอกก็ก่อตัวใต้เท้ากวางเขางามตัวนี้ พามันวิ่งตะบึงขึ้นไปบนอากาศ และหายลับไปในที่สุด
“มีใครบางคนเชื้อเชิญผู้เฒ่าใจอ่อนจากนครหยกน้อยเพื่อหยั่งตื้นลึกหนาบาง คนผู้นั้นสมควรตาย”
ราชครูสันตินิรันดร์ถ์อนสายตากลับมาแล้วกล่าวกับฉินมู่และพรรคพวก “นครหยกน้อยเป็นสถานที่ลึกลับอันลอยพ้นจากโลกีย์วิสัย พวกเขามีความเป็นมาอันเก่าแก่โบราณ แม้แต่ข้าก่อนนี้ก็เคยได้ยินแต่ข่าวลือเกี่ยวกับที่นั่นและนี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้พบพานยอดฝีมือจากนครหยกน้อย พวกเขานับว่ามีวิธีอันโดดเด่นเฉพาะตัว แต่ก็ยังล้าหลัง พวกเขาไม่ค่อยได้ออกมาข้างนอกบ่อยนัก และมิอาจประจักษ์ความก้าวหน้าของหลักวิชาของสํานักอื่นๆ การจํากัดตนเองไว้ในสถานที่อันคับแคบย่อมทําให้ถูกกาลเวลาทิ้งไว้ข้างหลัง จงจําเอาไว้ เจ้าไม่มีทางเป็นยอดฝีมือได้ด้วยการมุ่งมั่นปิดประตูฝึกปรือโดยไม่สนใจโลกได้”
ฉินมู่และคนอื่นๆ ผงกหัวรับคําสั่งสอนและรู้สึกชื่นชมนับถือในใจ
ผู้เฒ่าตกปลาผู้นี้กลับเป็นเพียงตัวหมากที่ผู้อื่นใช้หยั่งตื้นลึกของราชครู?
พวกเขาถึงกับช่วงใช้ชีวิตของผู้เฒ่าเพื่อทดสอบว่าราชครูมีกําลังฝีมืออันลึกลํ้าสักเพียงไหนน่ะหรือ
การดิ้นรนต่อสู้นี้ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ฉินมู่สายตาวูบไหวพลางครุ่นคิดในใจ
…
เมืองหลี่
กองทัพจักรวรรดิสันตินิรันดร์ได้รุกรานเมืองนี้แล้ว และเมื่อพวกเขามาถึงการต่อสู้ก็เพิ่งสิ้นสุด
การต่อสู้นี้ดูไม่น่าจะดุเดือดอะไร ฉินมู่มองไปรอบๆ และเห็นกําแพงเมืองยังอยู่ดีเกือบหมด กองทัพแห่งสันตินิรันดร์บุกเข้ามา และปะทะกับกองกําลังกบฏที่นอกเมือง ขจัดพวกเขาจนหมดสิ้นในรวดเดียว
มีโถงเรียงธาตุ และเรือนยุทธการลับในมหาวิทยาลัยจักรวรรดิ ซึ่งสอนวิชาพยุหะค่ายกลและพิชัยสงคราม สำนักทั้งหลายที่เผชิญหน้ากับกองทัพสันตินิรันดร์โดยตรง ก็ต้องพบจุดจบอย่างไม่ต้องคาดเดา เขาคิดในใจ
เมืองหลี่มิได้ถูกทําลายจากการต่อสู้ ดังนั้นผู้คนที่นี่จึงนับว่าปลอดภัยดีอยู่ ฉินมู่มาที่ร้านสมุนไพรและเลือกซื้อสมุนไพรจํานวนหนึ่งจากทุกๆ ร้านในเมือง
หลังจากที่แวะเข้าร้านสมุนไพรกว่า 10 ร้าน เวลาผ่านก็ผ่านไปค่อนวันแล้ว และราตรีก็ย่างกรายมาถึง ฉินมู่และคนอื่นๆ พักอยู่ที่จวนว่าการของเมืองหลี่ ผู้ว่าการเมืองหลี่ถูกจับตัวและส่งไปตัดสินโทษที่สภาราชสํานัก
ไม่นานนัก กลิ่นหอมของยาสมุนไพรก็โชยชายออกมาจากจวนว่าการ และหลังจากนั้น 1 ชั่วโมง ก็มีหญิงรับใช้ถืออ่างออกมาและเทเศษกากสมุนไพรลงบนทางเดินปูหิน
อีก 1 ชั่วโมงถัดมา หญิงรับใช้ก็อุ้มอ่างมาอีกหนเพื่อเทกากยาลงบนถนนหินให้ผู้เดินเดินเหยียบยํ่ามันไปมา
การณ์นี้เกิดขึ้น 3 ครั้ง และมีกากยาถูกเททิ้งไปทั้งหมด 7 อ่างในคืนเดียว
พอเช้ารุ่งขึ้น ฉินมู่กับคนอื่นๆ ก็มิได้ออกเดินทางไปยังทิศใต้ต่อ จนกระทั่งเวลาผ่านไปครึ่งวัน
ในร้านยาสมุนไพรในเมืองหลี่ มีบัณฑิตวัยกลางคนผู้หนึ่งในชุดนอกสีเขียวและชุดในสีขาวยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์ เขาพลิกดูบันทึกรายการยากว่า 10 ชุดและรายการยาเหล่านั้นบันทึกสมุนไพรที่ฉินมู่เลือกซื้อหาไปจากร้านยากว่า 10 ร้าน
“นี่ไม่ใช่แล้ว สมุนไพรเหล่านี้ไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง สมุนไพรพวกนี้มิได้ใช้เยียวยาอาการบาดเจ็บ ไอ้เด็กนี่กลอกกลิ้งเจ้าเล่ห์จริงๆ…”
บัณฑิตวัยกลางคนเงยหน้าขึ้นมาและเผยอยิ้ม “สมแล้วที่เป็นหมอเทวดาน้อยผู้โด่งดังในเมืองหลวง เจ้าไม่อยากให้ข้าวิเคราะห์ความหนักหนาของอาการบาดเจ็บราชครูสันตินิรันดร์ได้จากตัวยาที่เจ้าซื้อหา ร้ายจริงๆ เจ้าเล่ห์จจริงๆ แต่ว่าเจ้ายังดูเบาข้า อาจารย์วิญญาณเต๋าฉวน”
“อาจารย์วิญญาณ นี่คือกากยา!” นักปรุงยาอายุน้อยหลายคนมาจากข้างนอก และพวกเขาแต่ละคนก็ถือถังอันเต็มไปด้วยกากยา
อาจารย์วิญญาณเต๋าฉวนตรวจดูมันทีละอัน หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เขาก็หลับตาคิดคํานวณในใจ “หมอเทวดาน้อยผู้นี้กลอกกลิ้งจริงๆ เขาจงใจผสมกากยาชนิดอื่นเข้าไปด้วย ทําให้ข้ามิอาจหยั่งคะเนได้ว่าราชครูรับการเยียวยาอย่างไร แต่ว่าเล่นเล่ห์หลอกกลทํานองนี้กับข้า เจ้ายังอ่อนหัดนัก ศิษย์ไปเอาสมุนไพรมา!”
เขากล่าวชื่อยาสมุนไพร และนักปรุงยาเยาว์เหล่านั้นก็รีบไปหยิบหาสมุนไพรตามรายชื่อมา อาจารย์วิญญาณเต๋าฉวนพึมพํา ขมุบขมิบและจัดกลุ่มพวกมันตามประเภท เขาเปลี่ยนการจัดเรียงใหม่สี่ห้าที และสั่งให้บรรดาศิษย์ของเขาจุดไฟหม้อหลอมยาเพื่อหลอมปรุงสมุนไพรในตอนที่เขาคิดว่าไม่มีข้อผิดพลาดในการวิเคราะห์ของตนแล้ว
หลังจากนั้นสองสามชั่วโมง อาจารย์วิญญาณเต๋าฉวนก็มองไปยังยาอันเขาหลอมปรุงขึ้นมา ยาตัวแรกคือซุปสมุนไพรอันเข้มข้นแรงฤทธิ์เป็นอย่างยิ่ง ตัวที่ 2 คือขี้ผึ้งยาที่ใช้ทาภายนอกเพื่อขับพิษ ตัวที่ 3 คือยาวิญญาณอันเม็ดขนาดเท่าปลายนิ้วก้อย
ยาเม็ดนี้มีสีเงินและเต็มไปด้วยหนาม ซึ่งแม้แต่เมื่อแตะเพียงแผ่วเบา ผู้แตะก็จะถูกปราณทองจากยาวิญญาณเม็ดนี้ทิ่มแทง
ยาตัวที่ 4 เป็นหมอกสีขาวนํ้านมซึ่งลอยอ้อยอิ่งอยู่ก้นหม้อหลอม
ยาตัวที่ 5 เป็นของเหลวสีแดงแก่กํ่าหนึ่งถ้วย อันระเหยไปในอากาศอย่างรวดเร็ว
ยาตัวที่ 6 และ 7 ก็เป็นยาวิญญาณเช่นเดียวกันแต่ฤทธิ์ยาของพวกมันแตกต่างกัน
อาจารย์วิญญาณเต๋าฉวนตรวจดูยาทั้ง 7 นี้และมีสีหน้าแปรเปลี่ยนพลางอุทานด้วยความทึ่ง “หมอเทวดาผู้นี้ฝีมือไม่ธรรมดา ไม่ธรรมดาจริงๆ ด้วยวิธีเยียวยาของเขา ทุกอาการบาดเจ็บของราชครูสันตินิรันดร์ก็จะหายสนิทภายใน 20 วันเป็นอย่างตํ่า และอย่างสูงก็ไม่เกินครึ่งปี!”
เขานํายาทั้ง 7 ไปด้วย กระโจนขึ้นไปบนอากาศแปรเปลี่ยนเป็นเส้นแสงที่พุ่งวาบหายไปบนท้องฟ้า
เส้นแสงดังกล่าวเดินทางไปครึ่งวันไปยังแดนใต้ และลงจอดที่เมืองต้าหลี่แห่งแดนใต้อันอยู่ห่างไปหมื่นลี้
เมืองต้าหลี่เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในแดนใต้ สถานที่แห่งนี้เคยเป็นประเทศมาก่อนอันนับถือคําสั่งสอนของลัทธิพุทธ พวกเขามีวัดก่อตั้งอยู่ในประเทศมากกว่า 3,600 วัด และถูกขนานนามว่าสรวงสวรรค์ประจิมแห่งแดนใต้ ซึ่งในภายหลังก็ถูกสยบให้อยู่ใต้ปกครองของสันตินิรันดร์
อาจารย์วิญญาณเต๋าฉวนหยุดยั้งที่วัดเล่ากวงอันยิ่งใหญ่ที่สุด และรีบก้าวเท้าเร็วๆ เข้าไปในวิหาร ที่นั่นมีตัวตนระดับจ้าวลัทธิมากกว่า 10 คนอยู่ข้างในและพวกเขาก็ยืนขึ้นทันที
“อาจารย์วิญญาณเต๋าฉวนมาแล้ว!”
ชายผู้สวมหน้ากากทองแดงต้อนรับเขาแล้วแย้มยิ้ม “ดูท่า อาจารย์วิญญาณเต๋าฉวนคงนําข่าวดีมาให้พวกเราในคราวนี้!”
“เจ้าพูดถูกแล้ว” อาจารย์วิญญาณเต๋าฉวนนํายา 7 ชนิดออกมาวางเรียงรายตรงหน้า “คราวนี้ราชครูสันตินิรันดร์ได้ปะทะประมือกับเฒ่าพเนจรเสินแห่งนครหยกน้อย เขาคงได้รับบาดเจ็บเช่นกันและเมื่อมีหมอ
เทวดาน้อยติดสอยห้อยตามเขามาด้วยในการเดินทางนี้ ข้าคิดว่าหมอเทวดาน้อยจะต้องช่วยรักษาอาการบาดเจ็บให้เขา ดังนั้นยาที่เขาใช้ย่อมเผยสถานการณ์ความสาหัสของอาการบาดเจ็บราชครูสันตินิรันดร์ ยาทั้ง 7 ชนิดนี้คือยาที่หมอเทวดาน้อยหลอมปรุงขึ้นมาเมื่อคืนก่อน พวกเจ้าทุกคนจะมาดูหน่อยไหม”
ขุนนางชั้นสูงหม่าเหลียนซานถามอย่างตกตะลึง “ปกติอาจารย์วิญญาณฉวนไม่เคยใส่ใจหน้าอินทร์หน้าพรหม และเชื่อมั่นว่าตนเองคืออันดับหนึ่งในศาสตร์แห่งการเยียวยา แม้แต่ราชาพิษน้อยก็ยังต้องประจบประแจงเจ้า เหตุใดวันนี้เจ้าถึงเรียกเด็กเปรตตัวกระจ้อยว่าหมอเทวดาล่ะ”
อาจารย์วิญญาณเต๋าฉวนกล่าวอย่างเคร่งขรึม “แต่ก่อนนั้น ข้ามองตนเองสูงส่งเพราะไม่เคยพบพานผู้ที่ทัดเทียมข้าในความรู้วิชาแพทย์ พวกเขาล้วนแต่เป็นเป็ดก้าบๆ ที่รู้ตํารับยาสองสามอันก็เท่านั้น แม้แต่ราชาพิษน้อยก็เพียงแต่สืบทอดวิชาฝีมือของราชาพิษหน้าหยกและมิได้สร้างสรรค์อะไรเป็นของตนเอง ยิ่งไปกว่านั้น ข้ายังรังเกียจนิสัยใจคอของเขา ผู้ที่หักหลังได้แม้แต่อาจารย์ของตนทําให้ข้าไม่อยากจะเหลือบแล แต่ทว่าหมอเทวดาน้อยผู้นี้กลับสมกับนามอันรุ่งโรจน์ของเขา”
เขาชี้ไปยังยาตัวแรกแล้วกล่าว “นี่คือนํ้าแกงยาสมุนไพรที่หมอเทวดาน้อยต้มปรุงขึ้นมาอันประกอบด้วยสมุนไพรหลาย 10 ชนิด แค่นับสมุนไพรพิษอย่างเดียวก็มีจํานวนมากกว่าครึ่งของวัตถุดิบนํ้าแกงยา นํ้าแกงยาสมุนไพรนี้มีสรรพคุณช่วยกระตุ้นวิญญาณ และเยียวยาอาการบาดเจ็บในวิญญาณ ราชครูสันตินิรันดร์ได้รับบาดเจ็บทางวิญญาณหรือเปล่า”
ชายชราผู้หนึ่งหอบหายใจแล้วกล่าว “เขานั้นได้รับบาดเจ็บจริง ข้าได้ใช้หยางพิสุทธิ์ 36 วิญญาณสวรรค์ดาวปีศาจเพื่อทําร้ายวิญญาณของเขา แต่เขาก็ทําให้ข้าบาดเจ็บเช่นกัน”
อาจารย์วิญญาณเต๋าฉวนกล่าว “นํ้าแกงยาสมุนไพรนี้มีเพื่อเยียวยาอาการบาดเจ็บในดวงวิญญาณซึ่งเป็นสิ่งที่เขาต้องการจําเป็น ยาตัวที่ 2 เป็นขี้ผึ้ง ไม่ทราบว่าราชครูได้รับบาดเจ็บภายนอกอันแฝงพิษอัคคีหรือไม่”
ชายชราอีกคนฉีกยิ้ม “อาจารย์วิญญาณคะเนได้แม่นยํา ในวิชาของข้ามีพิษอัคคีซ่อนอยู่ เมื่อพวกเราซุ่มโจมตีราชครูสันตินิรันดร์ในครั้งนั้น ข้าก็ซัดไปหนึ่งฝ่ามือที่หลังเขาตรงตําแหน่งหัวใจ”
“ยาขี้ผึ้งของหมอเทวดาน้อยมีสรรพคุณขจัดพิษอัคคี”
อาจารย์วิญญาณเต๋าฉวนชี้ไปยังยาตัวที่ 3 “มีปราณทองซ่อนอยู่ในยาวิญญาณเม็ดนี้อันคมกริบอย่างเหลือเชื่อ ราชครูสันตินิรันดร์น่าจะได้รับบาดเจ็บจากแมลงพิษหรือไม้พิษ ผู้ใดที่ใช้ไม้พิษ หรือแมลงพิษโจมตีให้ราชครูสันตินิรันดร์ได้รับบาดเจ็บในวันนั้น”
ผู้เฒ่าอีกคนหัวเราะในคอ “เมื่อพวกเรา 3 คนซุ่มโจมตีราชครูในครั้งนั้น เป็นข้าเองที่ใช้แมลงพิษ”
“งั้นก็เป็นเช่นนั้น”
อาจารย์วิญญาณฉวนกล่าวต่อ “ยาตัวที่ 4 นั้นสําหรับการเยียวยาด้วยไอนํ้า ราชครูสันตินิรันดร์ได้รับบาดเจ็บในสมบัติเทวะทั้งเจ็ดของเขาอันยากจะส่งฤทธิ์พลังยาแทรกซึมเข้าไป ดังนั้นหมอเทวดาน้อยจึงเปลี่ยนฤทธิ์พลังยาให้เป็นไออากาศใช้นึ่งราชครูสันตินิรันดร์ในหม้อนึ่ง”
เหล่าจ้าวลัทธิในวัดเล่ากวงต่างแย้มยิ้ม “ทําไมไม่นึ่งเขาให้สุกไปเลยนะ”
“นอกจากนั้นยังมีอาการบาดเจ็บซ่อนเร้นที่ยังมิได้ขจัด หมอเทวดาน้อยผู้นี้จึงใช้วิธีฝังเข็มและการรมยา เข็มเหล่านั้นกลวงตรงกลางและยาตัวที่ 5 ซ่อนอยู่ในเข็ม ยาตัวนี้ระเหยได้อย่างรวดเร็ว และจะซึมเข้าไปในผิวหนังเขาหลังจากปักเข็มเข้าไปในร่าง”
อาจารย์วิญญาณเต๋าฉวนชี้ไปยังยาตัวที่ 6 และกล่าว “ยาตัวนี้ใช้เสริมสร้างความแข็งแรงแก่ร่างกาย เพื่อเสริมสร้างขยายผลการรักษา ยาตัวที่ 7 เป็นยาบํารุงซึ่งใช้หล่อเลี้ยงบํารุงร่างกายของราชครู หลังจากการหยั่งทดสอบนี้ ข้ามั่นใจโดยไร้ข้อกังขาว่าราชครูสันตินิรันดร์นั้นยังไม่ฟื้นฟูกลับมา”
เขาอุทานด้วยความทึ่งอีกทีหนึ่งแล้วกล่าวต่อ “แต่หากว่าให้เวลาหมอเทวดาน้อยนี้อีก 1 เดือน ราชครูสันตินิรันดร์ก็จะได้รับการเยียวยาจนกลับสู่สภาวะแข็งแกร่งสุดยอด และอาการบาดเจ็บทั้งหลายของเขาก็จะได้รับการรักษาโดยไม่ทิ้งภัยซ่อนเร้นเอาไว้เลยสักนิด!”
เจ้าวังแห่งวังพรากกิเลสขมวดคิ้ว และนางก็กล่าวด้วยเสียงนุ่ม “ทุกคน อาการบาดเจ็บของราชครูสันตินิรันดร์ดูท่าจะร้ายแรงกว่าที่พวกเราคาดการณ์ไว้”
ชายในหน้ากากทองแดงยิ้ม “นั่นก็เพราะว่าเขาได้พบกับเฒ่าพเนจรเสินแห่งนครหยกน้อย ข้าเคยรู้จักมักคุ้นกับเฒ่าพเนจรเสินในครั้งกระโน้นและมีสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับเขา แต่เมื่อเขาไปยังนครหยกน้อย พวกเราก็ไม่ค่อยได้ติดต่อกัน เฒ่าพเนจรเสินก็เป็นยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นสะพานเทวะและฝีมือของเขามิได้ด้อยไปกว่าราชครูสันตินิรันดร์สักเท่าไร”
อาจารย์วิญญาณเต๋าฉวนกล่าว “เฒ่าพเนจรเสินแห่งนครหยกน้อยสิ้นชีวิตแล้ว ราชครูสันตินิรันดร์สังหารเขา ข้ารู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนจากภูเขานั้นเมื่อข้าอยู่ในเมืองหลี่”
สายตาของเจ้าวังพรากกิเลสจับจ้องมองชายในหน้ากากทองแดง ดูเหมือนใคร่รู้ว่าใบหน้าเบื้องหลังหน้ากากนั้นจะเป็นใคร “เจ้าได้ช่วงใช้มิตรภาพของเจ้ากับเฒ่าพเนจรเสินเพื่อส่งเขาไปตาย แบบนี้ไม่มากแผนเกินไปหน่อยหรือ ตั้งแต่ที่ข้าเห็นเจ้า เจ้าก็ใส่หน้ากากมาตลอดและไม่กล้าเผยหน้าที่แท้จริง เจ้าทรยศสหาย และปิดบังตัวตน นี่ทําให้ข้ากังวลเป็นอย่างยิ่ง หากว่าข้าก็ถูกเจ้าทรยศเช่นกันล่ะ ข้าเกรงว่าแม้แต่โฉมหน้าคนที่แทงข้าข้างหลัง ข้าก็ไม่วันได้ล่วงรู้”
“เจ้าวังชุ่ย เจ้าวางใจเถอะ เขาผู้นี้ไม่มีลับลมคมในแน่นอน” เจ้าวังพรากกิเลสชุ่ยตี้อี้มองไปยังที่มาของเสียงและเห็นว่าผู้ที่กล่าวคือหนึ่งใน 3 มหัศจรรย์ของปราสาท 3 มหัศจรรย์ นายใหญ่ครองปราสาทเฉอเจิ้งหลี่ บิดาของสนมเฉอในเมืองหลวง
หลังจากที่เขาก่อกบฏ สนมเฉอก็พลอยพัวพันกับเขาไปด้วย และบัดนี้ก็ไม่รู้ว่านางเป็นหรือตายในตําหนักเย็น
เจ้าวังพรากกิเลสกล่าวด้วยเสียงไร้อารมณ์ “แน่ใจว่าไม่มีปัญหา? เพียงเพราะเจ้าพูดว่าไม่มีก็ไม่มี? นายครองปราสาทเฉอ อย่าลืมว่าเจ้าก็เป็นญาติดองกับราชวงศ์เหมือนกัน”
เฉอเจิ้งหลี่สีหน้าแปรเปลี่ยนและกําลังจะโต้ตอบกลับไป แต่หญิงชรานางหนึ่งก็หัวเราะขัดจังหวะ “เจ้าวัง ข้ายืนยันว่าตัวตนของคนผู้นี้ไม่มีปัญหาแน่นอน”
หญิงชราที่กล่าวคําพูดนี้เป็นหนึ่งใน 3 สุดยอดฝีมือจากผู้คนรุ่นเก่าก่อนที่ได้ซุ่มโจมตีราชครูสันตินิรันดร์ และในเมื่อนางกล่าวว่าไม่มีปัญหา เจ้าวังพรากกิเลสจึงได้แต่ข่มระงับการซักไซ้
“ในเมื่อราชครูสันตินิรันดร์ยังคงถูกอาการบาดเจ็บเคี่ยวกรําให้ทรมาน พวกเราควรให้เวลาเขาพักฟื้นสักหน่อยไหม”
ชายในหน้ากากทองแดงมองไปรอบๆ แล้วถาม “เขาสั่งเหอเสี่ยวเผิงให้มาที่นี่และเสนอทางเลือกแก่พวกเรา 2 ทาง ตอนนี้ก็ได้เวลาที่พวกเราจะตัดสินใจ พวกเราจะตัดสินใจเลือกทางใดล่ะ”