Skip to content

Tales of Herding Gods 227

ตอนที่ 227 ปีศาจรากไม้แห่งสันเขาเดียวดาย

“คนอื่นเขามีแต่ทุบตีผู้เยาว์ ผู้เฒ่าก็โผล่ออกมา แต่ข้าดีกว่าเยอะ ทุบตีผู้เฒ่าเสร็จ พวกผู้เยาว์ก็โผล่มาแทน”

ฉินทอดถอนใจ เป็นจ้าวลัทธิมารฟ้านี่มันดีจริงๆ เลย ในเมื่อหลงเจี่ยวหนันและสตรีจากปราสาทสามมหัศจรรย์มาที่นี่ ก็แปลว่ายอดฝีมือรุ่นเยาว์คนอื่นๆ ก็คงจะอยู่ไม่ไกล หากว่าคนพวกนี้ไล่ตามฉินมู่ทัน คงน่ารําคาญไม่น้อย

ฮู่หลิงเอ๋อควบคุมลมปีศาจและเป่าแมลงที่โบยบินมาให้กระเด็นไปไกลลิบ “คุณชาย คนพวกนี้ไม่กลับบ้านช่องไปฉลองปีใหม่กันบ้างหรืออย่างไร”

“พวกเขาคงจะถือเอาการสังหารข้าเป็นการเฉลิมฉลองปีใหม่” ฉินมู่ส่ายหัวแล้วกล่าว “นอกจากสังหารข้าแล้ว พวกเขายังคิดสังหารจักรพรรดิ พวกเขาไม่มีสังหารข้าได้ แต่ข้าก็สงสัยอยู่ว่าพวกเขาจะสังหารจักรพรรดิสําเร็จไหม เพราะถึงอย่างไรจักรพรรดิก็เป็นเป้าหมายใหญ่กว่าข้ามากนัก”

ฮู่หลิงเอ๋อรับมือสถานการณ์ได้ดีเยี่ยมโดยการเป่าฝูงแมลงปลิวไป ทําให้หลงเจี่ยวหนันและพรรคพวกไม่อาจหาช่องเขาสันเขาเดียวดายได้

สถานที่ดังกล่าวอยู่ไม่ไกลจากจุดที่พวกเขาอยู่มากนัก และฉินมู่ก็เริ่มเดินทางตรงไปยังช่องเขานั้น ภูมิประเทศบริเวณนี้มิได้ลาดชันราวกําแพงเหมือนบริเวณอื่นๆ แต่ทว่ามีบางอย่างที่แตกต่างออกไปแถวๆ นี้ กล่าวคือบริเวณโดยรอบแห้งผากไร้พืชพรรณ

ทั้งภูเขามีแต่ต้นไม้เหี่ยวแห้งซึ่งดําเหมือนกับผืนดิน ทําให้ผู้คนรู้สึกถึงความอัปมงคล

“หากว่าพวกเขาสังหารจักรพรรดิได้ล่ะ?” ฮู่หลิงเอ๋อถาม ฉินมู่ย่างก้าวแรกเข้าไปในสันเขาเดียวดาย ฮู่หลิงเอ๋อรีบตามไปติดๆ โดยกระโดดขึ้นไปบนหลังกิเลนมังกร จากนั้นนางก็กระโดดขึ้นไปบนแล้วมองไปรอบๆ

“หากว่าพวกเขาสังหารจักรพรรดิ และรัชทายาทสืบราชสมบัติต่อ การปฏิรูปของราชครูก็จะถูกพลิกควํ่าหมด” ฉินมู่กล่าวต่อ “จากนั้น ราชครูก็จะกําจัดรัชทายาทแล้วหาจักรพรรดิองค์ใหม่ที่เชื่อฟังมากกว่านี้ แต่ต่อให้ราชครูไม่ทําเช่นนั้น ข้าก็จะทําเอง และข้าก็เชื้อเชิญราชครูให้มาเป็นเทวราชลัทธิคนที่ 4 ก็ในเมื่อข้าเก็บตําแหน่งว่างนี้ไว้รอเขามาตั้งนานแล้ว แต่ทว่าหากพวกเขาสังหารจักรพรรดิไม่สําเร็จ ราชครูก็คงไม่ยอมมาเป็นเทวราชลัทธิคนที่ 4 เป็นแน่”

ต้นไม้แห้งเหี่ยวเกลื่อนกลาดพื้น มันไร้กิ่งร้างใบ จิ้งจอกขาวตัวน้อยรู้สึกกระวนกระวายเมื่อนางมองเห็นก้านไม้หงิกงอแห้งเหี่ยวเหล่านั้นราวกับกรงเล็มคมเหมือนมีด และต้นไม้อันบิดเบี้ยวเหมือนกับใบหน้าอันน่าสยดสยอง นี่มันสั่นประสาทของนางมาก

“ที่นี่มีโลหิตเทพและมารอยู่ ซึ่งทําให้ดินแดนแห่งนี้แปดเปื้อน” ราชามารตู้เถียนเรียกแมลงจํานวนหนึ่งให้บินมาหาเขาจากนั้นคว้าดินขึ้นมากํานึงและถูๆ ดูในมือ “แปลก โลหิตนี้แปลกจริงๆ ข้าบอกไม่ได้ว่ามันเป็นเลือดมารหรือเลือดเทพ มันมีส่วนของทั้งสองอย่างอยู่ในนั้น โลหิตที่มีทั้งโลหิตเทพและโลหิตมาร น่าสนใจ…”

ฉินมู่ถามด้วยความใคร่รู้ “ใต้เท้าราชามาร หรือว่าเลือดเทพและเลือดมารจะกระเด็นมาตกที่นี่พร้อมๆ กัน?”

เขาเคยเห็นโลหิตของมารเทวะอันทรงพลังอย่างยิ่ง ตอนที่เขาเข้าไปในความมืดกับผู้ใหญ่บ้านในครั้งนั้นและผู้ใหญ่บ้านทําร้ายมารเทวะตนหนึ่งได้ โลหิตของมารเทวะตนนั้นหนึ่งหยดหยาดลงมายังผืนดินและพืชพรรณในรัศมี 150 วาก็แห้งเหี่ยวไปหมด เหมือนกับสภาพแวดล้อมในสันเขาเดียวดายแห่งนี้

ตอนนั้นเป็นเพียงเลือด 1 หยด

แต่ที่นี่ ทั้งช่องเขาแห่งสันเขาเดียวดาวแปดเปื้อนไปหมด ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีโลหิตของเทพและมารจํานวนมากได้กระเซ็นลงมาที่นี่
“ไม่ใช่อย่างนั้น” ราชามารตู้เถียนส่ายหน้าและกล่าว “มันเป็นโลหิตชนิดเดียวกัน เพียงแต่ว่าโลหิตชนิดนี้มีทั้งคุณสมบัติเทพและคุณสมบัติมาร ความรู้เจ้ายังตื้นเขินจึงไม่อาจเห็นความแตกต่างระหว่าง 2 คุณสมบัติ โลหิตเทพแสดงถึงชีวิต และโลหิตมารแสดงถึงความตาย โลหิตที่หลั่งลงมายังสันเขาเดียวดายนี้มี 2 คุณสมบัติในเวลาเดียวกัน ด้วยคุณสมบัติเทพซ่อนอยู่ในดินและคุณสมบัติมารปรากฏบนพื้นผิว สังหารทุกสิ่งทุกอย่างที่งอกเงยเหนือพื้น ต้นไม้เหล่านี้ตายไปแล้ว แต่รากของมันยังคงไม่ตาย ในทางตรงข้าม มันกลับแข็งแรงสมบูรณ์และมีชีวิตชีวาอย่างผิดปกติ บางกลุ่มรากอาจจะกลายเป็นมีจิตวิญญาณขึ้นมาโดยอาศัยพลังชีวิตในโลหิตเทพ”

ฮู่หลิงเอ๋อถามทันที “รากไม้พวกนี้จะกลายเป็นปีศาจไหม”

“เป็นสิ” ราชามารตู้เถียนกล่าว “พวกมันน่าจะกลายเป็นสิ่งมีชีวิตประหลาดที่มีหนวดรากมากมาย”

แม้ว่าช่องเขาสันเขาเดียวดายจะมีนามว่าช่องเขาอยู่ด้วย แต่พื้นที่ของมันค่อนข้างสูง และเมื่อเทียบกับเทือกเขาข้างๆ แล้ว ก็ยังนับว่าตํ่ากว่ามากอยู่ดี

ช่องเขาสีดําแห่งนี้ลาดสูงขึ้นไปเรื่อยๆ และทางภูเขาก็เดินทางไม่ง่ายนัก ลัทธิมารฟ้าคงเจอเรื่องยุ่งยากมากมายเมื่อขนของเถื่อนผ่านเส้นทางนี้

ทุกๆ ระยะหนึ่ง ก็จะมีแท่งหินจารึกบนถนนที่สูงหกเจ็ดวา พวกมันมีรอยจารึกอักษรรูนและฉินมู่ดูอยู่สักพักถึงระบุจําแนกมันออก “นี่คืออักษรรูนสะกดปีศาจจากลัทธิศักดิ์สิทธิ์เรา หลิงเอ๋อ อย่าไปแตะต้องพวกมัน เจ้าจะโดนดูดเข้าไปข้างในหากว่ากระตุ้นให้มันทํางาน”

ฮู่หลิงเอ๋อสะดุ้งโหยง

“มีหินสะกดปีศาจจํานวนมากมายในสันเขาเดียวดาย ดูเหมือนว่าลัทธิมารฟ้าจะใช้ความพยายามไม่ใช่น้อยในการกรุยทางสายนี้ นี่ก็แสดงด้วยอีกว่ามีปีศาจมากมายที่นี่อันน่าสะพรึงกลัว”

ฉินมู่นับจํานวนจารึกหินดําสะกดปีศาจที่เขาพบตลอดทาง และมันมีถึง 46 แท่ง นี่ยังเดินทางไปไม่ได้ถึงครึ่งช่องเขา และหากว่าจารึกหินนี้สามารถสยบปีศาจได้แท่งละ 1 ตน ที่ผ่านมาคงมีปีศาจถูกสะกดไว้ 46 ตน

แต่ทว่าจารึกหินดําสะกดมารเหล่านี้สูงถึงหกเจ็ดวา ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่มันจะสะกดมารแค่ตัวเดียวต่อหนึ่งแท่น ดูจากขนาดของมันแล้ว จํานวนของปีศาจที่มันสะกดเอาไว้คงมากมายจนบอกไม่ถูก

พวกเขามาถึงใจกลางหุบเขาและเห็นทะเลสาบที่นั่น หิมะตกทุกๆ ที่ในภูเขา ด้วยอากาศเย็นยะเยือกขนาดนี้ ก็ยังอุตส่าห์มีทะเลสาบ อันทําให้ผู้คนได้แต่เดาะปากด้วยความทึ่ง

และยังมีต้นไม้โบราณเหี่ยวแห้งอยู่ข้างทะเลสาบอันใหญ่โตกินอาณาบริเวณกว้างขวาง มีแท่งจารึกหินแน่นขนัดเป็นร้อยๆ แท่งที่ปักไว้ล้อมรอบต้นไม้โบราณและทะเลสาบนั้นโดยรอบ!

ฉินมู่และพรรคพวกสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ เมื่อมีจารึกหินดําสะกดมารจํานวนมากอยู่ที่นี่ หรือว่าจะมีปีศาจหลายร้อยตัวถูกสะกดไว้แถวๆ นี้?

แม้ว่าฉินมู่จะเป็นจ้าวลัทธิมารแห่งลัทธิมารฟ้า เขาก็ไม่รู้อะไรมากมายเกี่ยวกับทางผ่านในสันเขาเดียวดายนี้ เขาไม่รู้ว่าในครั้งกระโน้น ลัทธิมารฟ้าได้พบเจออะไรที่นี่

“หรือว่าจะเป็นประเทศปีศาจ?” ฉินมู่พึมพํา “แต่ว่าทําไมมีจารึกหินจํานวนมากล้อมรอบต้นไม้โบราณนี้ไว้ล่ะ มันดูไม่เหมือนเป็นการสะกดมารเอาไว้เป็นฝูงๆ แต่กลับเป็นการสะกดทะเลสาบ และต้นไม้นี้”

ขณะที่เขากล่าวอยู่นั่นเอง เขาก็พลันได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือจากทะเลสาบ กิเลนมังกรตัวสูงใหญ่ ดังนั้นเขาจึงมองข้ามจารึกหินเหล่านั้นได้ เมื่อเขาโงหัวขึ้นมาดูแวบหนึ่ง เขาก็กล่าวอย่างไม่เร่งรีบ “มีผู้หญิงกําลังอาบนํ้าอยู่ที่นั่น”

“ช่วยด้วย ช่วยด้วย!” นางร้องตะโกนอีกครา ฮู่หลิงเอ๋อรีบกระโดดขึ้นไปบนหัวกิเลนมังกร เพื่อมองตรงไปยังทะเลสาบ ก่อนจะกล่าวอย่างโกรธขึ้ง “มังกรอ้วน ไหนล่ะคนอาบนํ้า นางกําลังจมนํ้าอยู่ชัดๆ!”

“อาบนํ้าต่างหากล่ะ” กิเลนมังกรกล่าวอย่างแช่มช้า “นางไม่สวมเสื้อผ้าเลยสักชิ้น ดังนั้นแปลว่านางกําลังอาบนํ้า เจ้าเคยเห็นใครจมนํ้าขณะที่ถอดเสื้อผ้าเปลือยเปล่ามั่งล่ะ”

“เปลือยเปล่า?” ราชามารตู้เถียนประหลาดใจแกมยินดีและรีบปีนขึ้นไปบนหัวของกิเลนมังกรเพื่อมองไปยังทะเลสาบ ที่นั่นมีหญิงเปลือยกําลังจมนํ้าอยู่ในทะเลสาบ และเขาสามารถมองเห็นรูปร่างอันยั่วยวนของนางดิ้นรนอยู่ในนํ้า เต็มไปด้วยส่วนโค้งส่วนเว้าจนราชามารตู้ เถียนอุทานด้วยความชื่นชม “ปีศาจสาวนางนี้สวยสุดๆ! เด็กร้ายกาจ เจ้าขึ้นมาดูสิ!”

ฉินมู่แย้มยิ้ม “ข้างหลังยังมีคนไล่ล่าพวกเรามา รีบไปกันเถอะ”

หลังจากเขากล่าว เขาก็ลอบสอดส่ายสายตามองผ่านช่องว่างระหว่างหินจารึกดํา

“คุณชายเป็นสุภาพบุรุษผู้เที่ยงตรง!” ฮู่หลิงเอ๋อยกย่องเขาด้วยความมั่นใจ

“คนข้างนอก ช่วยข้าด้วย!” หญิงสาวในทะเลสาบรํ่าร้องอย่างน่าสงสาร “รีบผลักหินจารึกพวกนี้ลงและช่วยข้า ข้าจะมอบกายถวายชีวิตให้แก่ท่าน!”

ฉินมู่และพรรคพวกเดินอ้อมทะเลสาบ ฮู่หลิงเอ๋อกล่าวกลับไปด้วยเสียงอันดัง “ปีศาจสาว คุณชายของข้าไม่ถูกเจ้าหลอกหรอกเจ้าพึงรู้ว่าคุณชายของข้าคือจ้าวลัทธิศักดิ์สิทธิ์แห่งลัทธินักบุญสวรรค์!”

ทันใดนั้น เสียงของหญิงสาวก็เงียบลงไป และมีเสียงชั่วร้ายเย็นเยียบดังมาแทน “จ้าวลัทธิศักดิ์สิทธิ์แห่งลัทธินักบุญสวรรค์?”

ตู้มมม!

มวลนํ้าในทะเลสาบอันถูกห้อมล้อมไว้ด้วยจารึกหิน พลันโถมทะลวงขึ้นสู่ฟ้า และรากไม้สีดําสนิทจํานวนมากก็ชูชันออกมาราวกับหนวดปลาหมึก ที่ปลายรากไม้แต่ละปลายคือสาวเปลือยวัยสะคราญ พวกนางทั้งหมดมองไปยังฉินมู่ และเสียงกรีดร้องบาดแก้วหูจํานวนนับไม่ถ้วนก็หวีดออกมาพร้อมๆ กัน

“ลัทธินักบุญสวรรค์! ลัทธินักบุญสวรรค์คือผู้ที่กักขังข้าไว้ที่นี่! พวกมันใช้จารึกหินดําสะกดร่างกายของข้า กดทับแขนและขาของข้า…”

ตูม ตูม!

ในสันเขาเดียวดาย จารึกหินเหล่านั้นสั่นริกๆ เมื่อมีร่างอันมหึมาดิ้นรนข้างใต้พวกมันหมายจะทําลายผนึกออกมา!

ฉินมู่กระโดดโหยงด้วยความตกใจ เขาได้เห็นหินจารึกดํามากมายในสันเขาเดียวดายและนึกไปว่ามันเอาไว้สะกดปีศาจจํานวนนับไม่ถ้วน ไม่คาดคิดเลยว่าจารึกหินทั้งหมดเหล่านี้ใช้เพื่อสะกดปีศาจมหึมาเพียงตนเดียว!

จารึกหินดําเหล่านั้นสั่นสะท้านอย่างไม่หยุดยั้ง และดินรอบๆ มันก็ดูร่วนขึ้น ราวกับมันกําลังจะถูกถอนออกจากพื้น แต่ทันใดนั้นอักษรรูนก็เปล่งแสงออกมา และจารึกหินเหล่านั้นกลายเป็นหนักอึ้งดุจขุนเขา พวกมันกดทับลงไปบนปีศาจแห่งสันเขาเดียวดาย ทําให้มันไม่อาจขยับเขยื้อน

“ข้าจะแก้แค้น!” บนท้องฟ้าเหนือทะเลสาบ ใบหน้าของหญิงเปลือยจํานวนมากบิดเบี้ยวและกรีดร้องโหยหวน “ข้าจะฆ่าทุกคนในลัทธินักบุญสวรรค์ของเจ้าให้เกลี้ยง!”

จารึกหินดํารอบทะเลสาบเปล่งแสงออกมา และแสงอักษรรูนก็ฉายส่องไปยังต้นไม้โบราณ หนวดรากเหนือทะเลสาบเหมือนจะถูกฉุดลากกลับลงไปด้วยพลังอันแปลกประหลาด หญิงสาวเหล่านั้นกรีดร้องอย่างเจ็บปวด พวกนางพยายามคว้าจับสิ่งต่างๆ โดยรอบ แต่ก็ถูกลากลงไปในทะเลสาบอยู่ดี

“ทะเลสาบนี่น่าจะเป็นหลุมที่เกิดขึ้นจากการรองรับโลหิตมารและเทพ จากนั้นโลหิตก็ถูกต้นไม้โบราณนี้ดูดซึมเข้าไป” ราชามารตู้เถียนถามด้วยสีหน้าฉงนฉงาย “ทําไมบ้านเกิดเจ้าเต็มไปด้วยสิ่งแปลกประหลาด”

ฉินมู่ยิ้มกล่าว “บ้านเกิดข้ายังมีของแปลกประหลาดกว่านี้อีกเยอะ พวกเรารีบๆ เดินออกจากสันเขาเดียวดายก่อนคํ่าดีกว่า จะได้หาที่ปลอดภัยพัก”

“น่าเสียดาย” ราชามารตู้เถียนกัดปากตนเองและกล่าว “ปีศาจสาวตัวน้อยนั่นน่ารักไม่หยอก สะสวยยิ่งกว่าพวกผู้หญิงในโลกตู้เถียนข้ามากนัก”

ในตอนนั้นเอง หลงเจี่ยวหนันและชุ่ยเยว่ตามมาสมทบกับ บัณฑิตหลานอวี่ หลวงจีนป้านฉือ และหยวนซานขณะที่กําลังเสาะหาร่องรอยของฉินมู่ ทันใดนั้นพวกเขารู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนมาจากสันเขาเดียวดาย และต่างก็มองไปยังทิศทางนั้น

บัณฑิตหลานอวี่ร้องออกมา “จ้าวลัทธิมารฟ้าเข้าไปในเทือกเขาเทพทําลาย? เขาไม่กลัวโดนเกาทัณฑ์มุกลับยิงเอาอย่างนั้นหรือ”

ชุ่ยเยว่โบกมือของนาง และแมลงจํานวนนับไม่ถ้วนก็โบยบินไปยังทิศทางของสันเขาเดียวดาย “จ้าวลัทธิมารฟ้ากลอกกลิ้งเป็นอย่างยิ่ง หากว่าเขาเดินทางไปยังเทือกเขาเทพทําลาย ก็น่าจะมีเส้นทางรอดอยู่บนนั้น! แมลงของข้าจะแสวงหาทิศทางและพวกเราจะตามไปข้างหลัง”

ทุกคนรีบตรงไปยังสันเขาเดียวดาย ส่วนฝูงแมลงก็พรั่งพรูนําหน้าไป ระหว่างที่พวกมันกระพือปีกนั่นเอง พวกเขาก็มาถึงริมทะเลสาบอันสามารถเห็นเมฆปีศาจลอยคลุ้งไปทั่วอากาศ และได้

ยินเสียงกรีดร้องซํ้าๆ ไม่จบสิ้น “จ้าวลัทธิมารฟ้า ข้าจะฆ่าเจ้า ข้าจะฆ่าเจ้าแน่ๆ และทําลายล้างลัทธินักบุญสวรรค์!”

ทุกคนหันไปมองหน้ากันและกันและหลวงจีนป้านฉือก็กระแอมไอแล้วกล่าวด้วยเสียงอันดัง “ปีศาจหญิง เจ้ามีความบาดหมางใดกับจ้าวลัทธิมารฟ้างั้นรึ”

สาววัยสะคราญเผยร่างเปลือยเปล่าของนางบนผิวนํ้าในทะเลสาบและรํ่าไห้อย่างน่าเวทนา “ลัทธินักบุญสวรรค์สะกดข้าไว้ที่นี่ถึงหลายร้อยปี ความแค้นของข้ากับเขานั้นลึกลํ้ายิ่งกว่ามหาสมุทร ข้ากับเขามิอาจอยู่ร่วมฟ้าเดียวกัน หากว่าท่านช่วยข้าออกไป ข้าจะยอมมอบกายถวายชีวิตให้แก่ท่าน…”

หลวงจีนป้านฉือแย้มยิ้ม “ข้าเป็นนักบวช ดังนั้นไม่ต้องการให้เจ้ามอบกายให้ เจ้าเพียงแต่ต้องเข้าสู่ศาสนาพุทธและช่วยข้าสังหารจ้าวลัทธิมารฟ้า จากนั้นหลวงจีนน้อยผู้นี้ก็จะทําลายผนึกที่นี่และปลดปล่อยเจ้าออกมา”

“ข้ายินดีเข้าสู่ศาสนาพุทธ!” หญิงนางนั้นร้องออกมาด้วยความประหลาดใจแกมยินดี

บัณฑิตหลานอวี่ หยวนซาน อวี้อี่ และคนอื่นๆ ขมวดคิ้วและหมายจะคัดค้านแต่หลวงจีนป้านฉือได้ดึงหินจารึกดําออกมาแท่งหนึ่งแล้ว และโยนมันลงไปบนพื้น “สหายเต๋าทั้งหลาย นี่คือปีศาจที่ลัทธิมารฟ้าได้สะกดเอาไว้ และในเมื่อลัทธิมารฟ้านั้นเป็นฝ่ายมาร ปีศาจที่พวกมันสะกดไว้ย่อมเป็นปีศาจที่ดี ทุกๆ คน ช่วยข้าผลักหินสะกดปีศาจพวกนี้ให้ล้มให้หมดเพื่อปลดปล่อยสหายผู้นี้กันเถอะ!”

ทุกคนจึงได้แต่ก้าวเข้าไปและผลักจารึกหินด้วยกันทั้งหมด

ตูม!

ภูเขาสั่นไหว และรากไม้ลอยขึ้นมาอีกครั้ง ข้างใต้ต้นไม้ ก้อนกลมใหญ่มหึมาพองขึ้นอย่างต่อเนื่อง กลายเป็นใหญ่ยักษ์ขึ้นทุกที รากไม้ดําบิดงอไปมาเหมือนกับมังกรไร้เขาและงูยักษ์ เผยให้เห็นกระดูกขาวโพลนจํานวนมากที่ซ่อนอยู่ในนั้น!

หลวงจีนป้านฉือเห็นโครงกระดูกขาวไร้ประมาณที่ฝังอยู่ข้างใต้และรู้สึกหนาวเยือกถึงกระดูกสันหลัง

เขาพลันมีความคิดว่าปีศาจตนนี้ที่ลัทธิมารฟ้าสะกดเอาไว้ อาจจะมิใช่สหายในวิถีเดียวกัน ในทางตรงข้าม มันอาจจะเป็นตัวตนที่ชั่วร้ายเสียยิ่งกว่าลัทธิมารฟ้า!

“หนีเร็ว!” หลงเจี่ยวหนันกรีดร้อง ทุกคนเร่งรีบวิ่งหนีไปทางแดนโบราณวินาศ

“ข้าเป็นอิสระแล้ว ข้าเป็นอิสระจนได้!”

เสียงกรีดร้องโหยหวนแซ่ซ้องระเบ็งมาข้างหลังพวกเขา ขณะที่จารึกหินดําสั่นสะเทือนก่อนจะล้มครืนๆ ลงกับพื้น หนวดรากหนาใหญ่เลื้อยออกมาจากพื้น ส่ายไหวไปมาไม่หยุดนิ่ง ที่ปลายหนวดรากเหล่านั้นคือสตรีรูปงามที่กําลังแย้มยิ้ม “ลัทธินักบุญสวรรค์ กล่าวว่าข้ากินคนมากเกินไป พวกมันถึงสะกดไว้ที่นี่ ขอบใจเจ้า ขอบใจเจ้ามาก หลวงจีนน้อย ในที่สุดข้าก็จะได้กินคนอีกครั้ง…”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!