Skip to content

Tales of Herding Gods 247

ตอนที่ 247 สวรรค์ 20 ชั้น

ฉินมู่ เฒ่าหม่า และคนอื่นๆ เร่งฝีเท้า แต่เฒ่าหม่ายังต้องคอยสะกดมารจิตยายเฒ่าซีไปด้วยทําให้เขาเหนื่อยเป็น 2 เท่า และส่งผลให้การเดินทางของคณะล่าช้าไปอีก

จ้าวลัทธิหลี่แข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว และวรยุทธ์ของยายเฒ่าซีก็รุดหน้าไปมากขึ้นทุกทีๆ แต่ทว่าเฒ่าหม่ามิกล้าใช้พลังหนักมือไปด้วยเกรงทําร้ายจิตวิญญาณยายเฒ่าซี เพราะอย่างนี้การเดินทางของพวกเขาจึงเต็มไปด้วยตัวแปรอันยากจะคาดเดา

ช่วงเวลาที่ยายเฒ่าซีเป็นตัวของตัวเองน้อยลงเรื่อยๆ ขณะที่จ้าวลัทธิหลี่โผล่มาครองร่างบ่อยขึ้นแทน ฉินมู่ร้อนรนใจสุดๆ แต่ก็ทําอะไรไม่ได้สักนิด

แอ่งใหญ่แห่งนี้แต่เดิมเคยเป็นทะเล และน่าจะเป็นทะเลบูรพาที่เทวรูปราชาสวรรค์กล่าวถึง ภูมิประเทศที่นี่สลับซับซ้อนด้วยโตรกผา และเหวลึกเป็นพันวา และเทือกเขาอันแหลมคมดุจดาบกระบี่

นํ้าในทะเลบูรพาหายสาบสูญไปหมด และกลายเป็นพื้นบก ฉินมู่รู้สึกว่าเรื่องนี้มีเลศนัยเมื่อเขาได้ยินพวกชาวบ้านคุยกันว่าเห็นท้องทะเลอยู่บนผืนฟ้าเมื่อคํ่าคืนนี้ แต่นํ้าทะเลก็หายวับไปหมดเมื่อทิวามาถึง

นั่นสิ แล้วนํ้าทะเลพวกนั้นหายไปไหน

ยิ่งพวกเขาเดินลึกเข้าไปในแอ่งมากเท่าไร สิ่งมีชีวิตที่พบพานก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นทุกที มีแม้กระทั่งแมงกะพรุนเรืองแสงที่ลอยไปมาบนท้องฟ้าและพวกมันจะมาหลบซ่อนในวิหารเมื่อราตรีมาถึง ในเวลานั้นพวกมันก็จะดูเหมือนโคมไฟหลากสีสัน

ระหว่างทาง พวกเขาถึงกับเจอมังกรไร้เขาตัวเป็นๆ บางตัวก็อาศัยอยู่ในธารนํ้าลึกไปในเทือกเขา ขณะที่บางตัวก็อาศัยอยู่ในปล่องภูเขาไฟครอบครองอาณาเขตของพวกมันเอง

ตราบเท่าที่ไม่มีใครไปตอแยพวกมัน มังกรไร้เขาเหล่านี้ก็แทบไม่ออกมาจากถํ้า ฉินมู่เห็นพวกมันบินออกมาจับคนไปกิน 2 ครั้ง 2 หน แต่พวกมันเห็นว่าคณะเดินทางมีกําลังฝีมือแข็งแกร่งจึงไม่กล้าโอหังบังอาจ และเพียงแต่บินผ่านไปเฉยๆ เท่านั้น

หลังจากเดินออกมาจากแอ่ง ก็เหลือระยะทางอีกราวๆ 2 วันถึงจะถึงเขาพระสุเมรุ

ระหว่างเวลานั้น ฉินมู่และคณะไม่กล้าที่จะผ่อนความระวังป้องกัน แม้ยามหลับก็ไม่เต็มตา พร้อมที่จะตื่นขึ้นมาสยบจ้าวลัทธิหลี่ได้เสมอ อันสร้างความเหน็ดเหนื่อยให้แก่พวกเขาอย่างยิ่ง มีแต่กิเลนมังกรที่ได้กินเต็มอิ่มและนอนเต็มตา ดังนั้นทั้งหนัง เกล็ด และขนของมันก็สดใสเป็นมันวาว

ฉินมู่และคนอื่นๆ ได้แต่กระโดดขึ้นไปนั่งบนหลังเจ้าสัตว์ยักษ์ตัวนี้ให้มันนําพาพวกเขาไปยังเขาพระสุเมรุ

ระหว่างทางไปเริ่มปรากฏหมู่บ้านที่นับถือพุทธมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกๆ ครอบครัวจะตั้งพุทธรูปไว้บูชา และบางแห่งถึงกับตั้งวางพุทธรูปใหญ่ไว้ท่ามกลางรูปสลักหินอื่นๆ เพื่อบูชาทั้งมาร เทพ และพุทธรูปไปพร้อมๆ กัน

ฉินมู่ไต่ถามเรื่องนี้และพบว่ามีหลวงจีนจํานวนหนึ่งออกมาเผยแพร่พระธรรมและรักษาชาวบ้านที่ป่วยไข้ดังนั้นจึงเอาชนะใจพวกเขาได้

“ดูเหมือนลัทธิพุทธก็มีสาวกในแดนโบราณวินาศเหมือนกัน” เฒ่าบอดกล่าวยิ้มๆ “วัดใหญ่ฟ้าคํารามปฏิบัติต่อสรรพสัตว์ทั่วหล้าไม่ต่างกัน ช่วยเหลือแม้กระทั่งผู้คนที่ถูกละทิ้ง แต่นี่มันจะไม่ฉวยโอกาสไปหน่อยหรือที่อาศัยแอบอิงชื่อเสียงของรูปสลักหินเหล่านี้เพื่อสั่งสมบุญกุศล”

ยิ่งพวกเขาเข้าใกล้วัดใหญ่ฟ้าคํารามมากเท่าไรก็ยิ่งเห็นวิหารพุทธมากขึ้นทุกที บางวิหารก็เต็มไปด้วยธูปเทียนบูชาและตั้งพุทธรูปปางต่างๆ เอาไว้ แต่เมื่อเวลากลางคืนมาถึง ผู้คนและสัตว์พิสดารแห่งแดนโบราณวินาศก็จะไม่เข้าไปหลบซ่อนในวัดเหล่านั้นแต่จะไปยังสถานที่ที่มีรูปสลักหินและเทวรูปทั้งหลายแทน

ฉินมู่คิดในใจ ยูไลเฒ่าลงทุนลงแรงไปตั้งมากมาย แต่ก็ยากที่จะประชันขันแข่งเหล่าเทพยดาแห่งแดนโบราณวินาศ ลัทธิพุทธสามารถรักษาความป่วยได้ก็จริง แต่มิอาจช่วยเหลือชีวิตผู้คนจากความมืดได้

ภูเขาในบริเวณรอบๆ สูงใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ และมีโบสถ์วิหารน้อยใหญ่ตั้งอยู่ทั่วไปมากมาย

ฉินมู่ผ่านไปก็หลายแห่งและเลือกแห่งหนึ่งเพื่อพักผ่อนเพราะฟ้าตอนนี้ใกล้มืดคํ่า

ที่หน้าโบสถ์วิหารนี้มีธูปจุดบูชาไว้มากมาย และหลวงจีนในวัดก็ดูเหมือนจะไม่กลัวความมืดที่กําลังจะมาในรัตติกาล พวกเขายังคงสวดภาวนาพระสูตรไม่หยุดหย่อน

หรือว่าหลวงจีนเหล่านี้มีทักษะเทวะอันอัศจรรยที่ทำให้พวกเขาสามารถป้องกันตนเองจากมวลมืดได้? ฉินมู่ตะลึงในใจ

แต่ผิดจากที่เขาคาด พุทธรูปเกือบทั้งหมดนั้นเปล่งแสงเทวะเรื่อเรืองอันสามารถขวางกั้นมวลมืดเอาไว้ได้ ฉินมู่เดินเข้าไปดูหนึ่งในนั้นและทําหน้าเหมือนคนท้องผูกทันที

ที่แท้หลวงจีนในโบสถ์วิหารนี้ก็เอาดินเผามาพอกปิดทับรูปสลักหินแห่งแดนโบราณวินาศและปั้นแต่งดินเผาให้มีรูปลักษณ์แบบพุทธรูป จากนั้นพวกเขาก็แปะทองคําเปลวลงไปอีกชั้นหนึ่งเพื่อปลอมแปลงรูปสลักเทพยดาให้เหมือนกับพุทธรูป เพื่อให้ยามที่ราตรีมาถึงและรูปสลักเทพเจ้าเหล่านี้ปกป้องสถานที่ให้พ้นจากความมืด มันก็จะดูเหมือนพุทธรูปกําลังแผ่แสงธรรมเรืองออกมาปกป้องสรรพชีวิตทั้งหลาย

เมื่อฉินมู่ใช้ตาที่สามของเขา เขาก็เห็นว่านั่นคือเทพยดาที่ปกปักษ์แดนโบราณวินาศต่างหากที่เปล่งแสงเทวะไกลพันวาออกมา มิใช่พุทธรูปที่ไหน และยังมีสัตว์พิสดารที่แข็งแกร่งและแปลกพิลึกอันไม่ออกไป จากโบสถ์วิหารเมื่อรุ่งเช้ามาถึง หลวงจีนที่นี่ดูจะคุ้นชินกับภาพแบบนี้ ทั้งสัตว์พิสดารก็ไม่ได้ถูกมัดเอาไว้ แต่ปล่อยให้เดินไปมาอย่างอิสระในเขตวิหาร

ที่น่าตื่นตะลึงมากกว่านั้นคือสัตว์พิสดารประเภทกินเนื้อในวิหารล้วนแต่อยู่อย่างสงบเสงี่ยมและเหมือนจะกินแต่พืชแทนอันผิดแผกจากธรรมชาติของมัน พวกมันก็สวดบูชาพุทธรูปเช่นกัน ผู้คนแดนโบราณวินาศบางคนที่มาหลบภัยที่นี่เมื่อคืนกล่าวกันว่านี่เป็นพุทธานุภาพ

แต่ทว่าฉินมู่เห็นหลวงจีนลอบป้อนสัตว์พิสดารเหล่านี้ด้วยเนื้อก้อนใหญ่อันมีกลิ่นยาเบื่อเมาอยู่

ฉินมู่ตะลึงงันและขมวดคิ้วนิ่วหน้า

“มู่เอ๋อ อย่าไปยุ่งกับเขามาก” เฒ่าบอดกล่าวด้วยเสียงเบา “วัดใหญ่ฟ้าคํารามอยู่ใกล้ที่นี่แล้ว หากว่าเราทุบทําลายโบสถ์วิหารนี้ วัดใหญ่ฟ้าคํารามต้องได้ข่าวแน่ๆ และคงจะหาเรื่องขัดขวางพวกเรา อาจจะถึงกับไม่ยอมช่วยยายเฒ่าซี”

“หน้าไหว้หลังหลอก!” ยายเฒ่าซียิ้มหยัน “นี่คือความหน้าไหว้หลังหลอกของลัทธิพุทธ พวกเขาไม่มีทักษะเทวะของตัวเองชัดๆ ก็เลยไปเอาของคนอื่นมาแล้วเรียกว่ามันเป็นทักษะเทวะของตนเอง คุยโวโอ้อวดว่านี่คือพุทธานุภาพ เฒ่าบอด เฒ่าหม่า พวกเจ้าก็หน้าไหว้หลังหลอก เจ้าต้องการความช่วยเหลือจากยูไลเฒ่า ถึงไม่กล้าเปิดโปงพฤติกรรมของไอ้พวกโจรหัวล้านนี่!”

ฉินมู่กล่าว “พวกเขาจะมีทักษะเทวะเป็นของตัวเองหรือไม่นั้น เดี๋ยวจ้าวลัทธิหลี่ก็คงรู้เองไม่ใช่หรือเมื่อพวกเราไปถึงวัดใหญ่ฟ้าคํารามและได้พบกับยูไลเฒ่า?”

ยายเฒ่าซีหัวเราะคิกคัก “จ้าวลัทธิฉิน เจ้านี่สมกับเป็นจ้าวลัทธิศักดิ์สิทธิ์ของลัทธินักบุญเราเสียจริงนะ เจ้านั้นเป็นจ้าวลัทธินักบุญสวรรค์แต่ก็ยังต้องมาวิงวอนขอร้องให้ยูไลเฒ่าแห่งสํานักคู่อาฆาตช่วยเหลือ เจ้านั้นคือความอับอายขายหน้าของลัทธินักบุญศักดิ์สิทธิ์! สิทธิอํานาจอันน่าเกรงขามของลัทธินักบุญ สวรรค์เราจะย่อยยับในนํ้ามือเจ้า! เมื่อข้าฟื้นกลับมาโดยสมบูรณ์ และกลับคืนไปยังลัทธิศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง ข้าจะจัดแจงทุกอย่างใหม่ ให้เจ้าได้เห็นว่าจ้าวลัทธิศักดิ์สิทธิ์ควรจะต้องทําอะไรกันแน่!”

ฉินมู่ไม่สะทกสะท้านและถาม “แล้วเจ้าลัทธิศักดิ์สิทธิ์จะต้องทําอะไรล่ะ”

“ฉีกหน้ากากจอมปลอมของโจรหัวล้านพวกนี้ ทุบทําลายพุทธรูปและเผยให้เห็นเทวรูปที่ซ่อนอยู่ข้างใน!” ท่านยายซีกล่าว

“ถอนยาเบื่อเมาออกจากสัตว์พิสดาร และปล่อยให้พวกมันจับคนกิน เพื่อให้พวกมันเผยธาตุแท้และเข่นฆ่าโจรหัวล้านที่นี่ให้หมด กวาดล้างทั้งโบสถ์วัดให้สิ้นซาก! ให้ผู้คนโง่เง่าทั้งหลายได้เห็นความเหลวไหลทั้งหมดนี่! ฮี่ๆ ฝ่ายเที่ยงธรรมที่เอ่ยอ้างกันมันก็แค่อาจมสุนัข ดังนั้นเผยขี้ที่พวกมันห่อไว้ด้วยทองคําเปลวให้ผู้ชมได้เห็นกระจ่างตา! นั่นคือคําสอนของลัทธินักบุญสวรรค์เรามีความเข้าใจอันบริสุทธิ์ตรงตามธรรมชาติ!”

ฉินมู่รู้สึกว่าคํากล่าวนี้มีเหตุผล แต่การกระทํานั้นสุดโต่งเกินไป เขานั้นก็อยากที่จะถอนยาเบื่อเมาออกจากร่างของสัตว์พิสดาร แต่เมื่อใคร่ครวญแล้วว่าหากมันได้สติกลับมาพวกมันก็จะจับคนกิน เขาจึงได้แต่ละวางความคิด

ในที่สุดคณะเดินทางก็มองเห็นวัดใหญ่ฟ้าคํารามอยู่ไกลๆ และพวกเขาก็เห็นขุนเขาอันยิ่งใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางเทือกเขาเทพทําลาย เทือกเขาอื่นๆ ถูกเฉือนผ่าด้วยมหิทธานุภาพอันเกรี้ยวกราดและกลายเป็นหน้าผาชันและเหวลึก อันแม้แต่นกก็ยังยากจะบินข้ามไปได้ ภูเขาทั้งหมดโดยรอบถูกหิมะปกคลุมจนขาวโพลนไปหมด มีแต่ขุนเขาใจกลางลูกนี้ลูกเดียวที่ยืนตระหง่านและไม่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติเหมือนกับเทือกเขารอบๆ

มันอาจจะฟังดูแปลก แต่ดูเหมือนยอดเขานี้ก่อรูปเป็นบันได ยอดเขาทั้งหมด 3,000 ลูกสร้างวงล้อมอันก่อเป็นบันไดขั้นแรก และชั้นถัดไปก็มียอดเขาที่สูงขึ้นเป็นวงล้อมอีกชั้น พวกมันทั้งหมดห้อมล้อมยอดเขาหลักอยู่ในใจกลาง

โบสถ์วิหารน้อยใหญ่ ทุกขนาดตั้งอยู่ท่ามกลางยอดเขาลดหลั่นเหล่านั้นและพวกมันทั้งหมดล้วนแต่เคารพบูชาพุทธรูปองค์ใหญ่ ยอดเขาบางลูกถูกสลักเสลาให้เป็นพุทธรูปองค์มหึมา บางโบสถ์วิหารก็ตั้งอยู่บนฝ่ามือของพุทธรูปและบางโบสถ์วิหารก็ตั้งอยู่ในตําแหน่งหฤทัยของรูปเคารพพุทธองค์

“หรูหราจริงๆ” เฒ่าบอดชมเปาะ “เฒ่าหม่า ทําไมพวกลัทธิพุทธเจ้าถึงชอบสวมใส่เงินและทองคํา ข้าวของวิจิตรแบบนี้ หรูหราปานนี้ เอาไปช่วยผู้ประสบภัยพิบัติจะไม่ดีกว่ารึ สําหรับพวกหลวงจีนแล้วธาตุทั้ง 4 อาจว่างเปล่าได้ แต่กระเป๋าตังค์มิอาจว่างเปล่า”

เฒ่าหม่ากล่าวอย่างไร้อารมณ์ “ใครจะมาเคารพกราบไหว้พวกเรา หากว่าพวกเราไม่หรูหราโอ่อ่าพอ”

ยายเฒ่าซีเยาะหยัน “หน้าไหว้หลังหลอก…”

ฉินมู่ตะโกน “หุบปาก! เดี๋ยวเถอะยูไลเฒ่าจะป่นเจ้าให้เป็นผุยผง!”

“เด็กดื้อ เจ้ากล้าด่าทอข้างั้นเรอะ!” ท่านยายซีเต้นเร่า

ฉินมู่ทําอะไรไม่ถูกและพึมพํา “โอ้ ที่แท้ก็เป็นท่านยาย ท่านยายโปรดอย่าใส่ใจ ข้านึกว่าเป็นจ้าวลัทธิหลี่โผล่ออกมาอีกรอบ”

ยายเฒ่าซียิ้มหยัน “เฒ่าหม่า ข้าไม่ได้ว่าเจ้าหรอกนะ แต่ไอ้พวกโจรหัวล้านพวกนี้มีแต่หน้าไหว้หลังหลอก มองไปรอบๆ สิ มีโบสถ์วิหารหลังไหนบ้างที่ไม่หรูหราอลังการ เต็มไปด้วยสิ่งสําราญใจ มีพุทธรูปองค์ไหนที่ไม่ได้ประดับด้วยเงินและทองคํา มีแต่โจรหัวล้านพวกนี้แหละที่ใช้ชีวิตบนกองเงินกองทองแบบนี้! หลวงจีนพวกนี้ไม่ได้ทําประโยชน์อะไรให้กับโลก ภาษีก็ไม่จ่าย เมื่อเสียผลประโยชน์ก็ประท้วงอีก ในขณะเดียวกัน พวกเขาก็ชุบเลี้ยงหลวงจีนพวกนี้ให้เป็นอาวุธ เป็นกบฏ และหมายจะควบคุม ครอบครองโลกหล้า”

“หุบปากเดี๋ยวนี้นะมารร้าย!” มีคนตะโกนมาจากกลางอากาศ

เมื่อฉินมู่เงยขึ้นมองดูก็เห็นหลวงจีนที่เปล่งแสงธรรมออกมาลอยอยู่เหนือพวกเขา หลวงจีนนี้ดูเงียบขรึม แต่เห็นได้ชัดว่าเขากําลังโกรธเกรี้ยวจากสิ่งที่ยายเฒ่าซีกล่าว

หลวงจีนนั้นเหลือบไปเห็นเฒ่าหม่า เผยสีหน้าสะท้านใจอย่างแรงอยู่แวบหนึ่ง จากนั้นเขาก็รีบหนีไปพลางร้องตะโกน “แย่แล้ว แย่ แล้ว! หม่าหวางเฉิงกลับขึ้นภูเขา!”

ในโบสถ์วิหารทั้งหลายบนยอดเขา พลันมีหลวงจีนทั้งหมดในนั้นร้องโหวกเหวกแล้วเหาะขึ้นมาสร้างกระบวนค่ายพยุหะในอากาศราวกับว่ากําลังตั้งท่ารับมือศัตรูอันยิ่งใหญ่

หม่าหวางเฉิงกล่าวอย่างไม่ยี่หระ “คราวก่อนเมื่อข้ากลับมาเอาแขน ข้าสร้างความวุ่นวายเล็กน้อย พวกเราขึ้นภูเขากันเถอะ”

เมฆอัคคีผุดขึ้นใต้เท้ากิเลนมังกรเมื่อเขาวิ่งตะบึงขึ้นไปยังยอดเขาสูงสุดตรงกลาง

สถานที่นั้นสูงทะลุทะเลเมฆ ดังนั้นแสงอาทิตย์จึงสาดส่องลงมาได้ อาบไล้ให้มันเป็นสีทองสุกใสอันเป็นเหตุที่มันถูกเรียกว่ายอดเขาทองคํา หากว่าพวกเขาต้องการตรงไปยังที่นั่นแม้ด้วยความเร็วของกิเลนมังกรก็คงต้องใช้เวลาสักพักหนึ่ง

ระหว่างการเดินทางขึ้นเขา พวกเขาผ่านวัดและโบสถ์วิหารจํานวนมาก วิหารส่วนใหญ่เต็มไปด้วยหลวงจีนอาวุโสที่มีความสําเร็จสูงส่งในการฝึกตนทั้งยังมีกําลังฝีมือเหนือธรรมดา แต่ไม่มีคนใดเลยที่กล้าออกหน้ามาขัดขวางพวกเขา แต่ถึงอย่างไรพวกเขาก็ไม่ยอมถอดใจปล่อยให้คณะเดินทางบุกตะลุยขึ้นไปยัง ยอดเขาใจกลางได้ง่ายๆ โดยไม่แสดงท่าทีต่อต้าน

หลวงจีนเหาะออกมากลางอากาศมากขึ้นทุกทีๆ พวกเขาขี่สัตว์พิสดารต่างๆ นานา และห้อมล้อมรอบยอดเขาทองคําจัดกระบวนทัพเป็นพยุหะค่ายกล มีหลวงจีนดาหน้าออกมาเรียงเป็นชั้นๆ เพื่อปราบมารกําราบปีศาจ…

ฉินมู่เห็นแล้วก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกนับถือเฒ่าหม่า ครั้งล่าสุดที่ท่านปู่หม่ามาที่นี่ เขาคงต่อสู้บุกตะลุยขึ้นไป และทะลวงถึงยอดเขาหลักได้ในคราวเดียว

เฒ่าหม่าให้กิเลนมังกรหยุดที่หน้าหลวงจีนนับหมื่นรูปอันก่อพยุหะป้องกันอันยากจะฝ่าเข้าไปปกป้องยอดเขาทองคํา เขากล่าว “ข้ามาที่นี่เพื่อเข้าพบยูไลเฒ่า ข้ามีเรื่องที่ต้องขอร้องเขา”

เสียงของเขาก้องสะท้อนไป และภาพมายามากมายพลันเติมเต็มไปทั้งภูเขา นํ้าพุทองคําปะทุขึ้นมาจากพื้นดิน ดอกบัวร่วงลงมาจากนภากาศ รูปเงาของ 8 เทพอสูรมังกรฟ้าปรากฏรอบทิศเบื้องบน เช่นเดียวกับเหล่าพรหมแห่งสวรรค์ชั้นที่ 20 เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นซํ้าแล้วซํ้าเล่าด้วยแสงเรืองรองแจ่มจ้าที่สาดส่องไปทั่วทิศ และเงารูปเหล่านั้นก็สรรเสริญนามพุทธองค์เป็นเสียงเดียวกัน

คาถาระดับสุดยอดนี้สะกดข่มหลวงจีนนับไม่ถ้วน ในขณะนั้นเองก็มีเสียงชราภาพหัวเราะมาจากยอดเขาทองคํา

“วรยุทธ์ของหม่าหวางเฉินรุดหน้าขึ้นไปจากเมื่อก่อนเสียอีก ข้าคะเนว่าเจ้าคงฝึกปรือถึงสวรรค์ชั้นที่ 20  สวรรค์ชั้นพรหมของพระสูตรมหายานยูไลแล้วสิ รุดหน้าไปอีกก้าว เจ้าก็จะบรรลุเป็นยูไล ภิกษุทั้งหลาย ให้เขาขึ้นมา ข้ารอคอยเขามาตั้งนานแล้ว”

“สวรรค์ชั้นที่ 20?” ฉินมู่ตะลึงไปเล็กน้อยและมองไปยังเฒ่าหม่า

พยุหะป้องกันอันไร้ช่องโหว่ของเหล่าหลวงจีนตรงหน้าพวกเขาจึงกระจายออกไป และเฒ่าหม่าก็ให้กิเลนมังกรขึ้นไปบนภูเขา

พลางกล่าว “มีเขตขั้นวรยุทธ์ทั้งหมด 20 ขั้นในพระสูตรมหายานยูไล เมื่อใครฝึกทั้ง 20 เขตขั้นสวรรค์ คนผู้นั้นก็จะบรรลุเป็นยูไล ข้าได้ฝึกปรือถึงเขตขั้นที่ 19 เขตขั้นท้าวสักกะ ในเวลานั้น ข้าก็ได้กลายเป็นหนึ่งในยอดฝีมือชั้นหนึ่งในแดนดิน”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!