Skip to content

Tales of Herding Gods 248

ตอนที่ 248 สึกไปเป็นฆราวาส

“หากว่าใครฝึกปรือทั้ง 20 เขตขั้น คนผู้นั้นก็จะบรรลุเป็นยูไล?”

ฉินมู่ตาเป็นประกาย วัดใหญ่ฟ้าคํารามสมกับเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์อันดับหนึ่งของฝ่ายพุทธ พระสูตรมหายานยูไลก็สมกิตติศัพท์ที่เป็นยอดวิชาสืบทอดสํานักที่ทัดเทียมได้กับคัมภีร์มารฟ้ามหาศึกษิตและ 14 นิพนธ์กระบี่เต๋า

3 มหาแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งยุทธจักรนับว่าไม่ได้มีแต่ชื่อเสียงกลวงเปล่า

บัดนี้เมื่อจักรวรรดิสันตินิรันดร์ผจญกับภัยพิบัติหิมะ แต่ที่นี่ในเขาพระสุเมรุ ทั้ง 4 ฤดูก็เหมือนกับฤดูร้อนอันอบอุ่น ผู้อพยพจํานวนมากจากจักรวรรดิสันตินิรันดร์ได้หลบหนีมายังที่นี่ และอาศัยในโบสถ์วิหารต่างๆ หลายต่อหลายคนได้เปลี่ยนมานับถือศาสนาพุทธ

ฉินมู่มองไปยังโบสถวิหารบนยอดเขาและกล่าวด้วยเสียวแผ่วเบา “ที่วัดใหญ่ฟ้าคํารามกําลังทําอยู่เหมือนฉวยโอกาสยามเคราะห์ซํ้ากรรมซัดใส่ผู้คน”

เฒ่าบอดส่ายหัว “มู่เอ๋อ ไม่ว่าพวกเขาจะมีจิตเจตนาเช่นไร แต่จงดูที่ว่าพวกเขาทําอะไร วัดใหญ่ฟ้าคํารามได้ช่วยเหลือชีวิตผู้คนมากมายและนี่คือการกระทําอันดีงาม ไม่ว่าพวกเขาจะใช้เรื่องนี้มาเผยแพร่ศาสนาพุทธหรือไม่ แต่สิ่งที่พวกเขาได้กระทําลงไปเป็นเรื่องที่ดี หากว่าเจ้าเอาแต่เพ่งเน้นแต่จิตเจตนาของวัดใหญ่ฟ้าคําราม และไม่สนใจมองสิ่งที่พวกเขาได้กระทําสําเร็จไป เจ้าก็จะไม่แตกต่างอะไรจากจ้าวลัทธิหลี่

ฉินมู่ตะลึงใจและพยักหน้าด้วยความเห็นพ้อง ชีวิตคนผู้หนึ่งก็ไม่มีอะไรมากกว่าหนทางแห่งการฝึกตนบ่มเพาะ และง่ายที่จะหลงทางด้วยตรรกะคิดที่สุดโต่ง ผู้ใดที่ไม่มีวิจารณญาณอันสุกงอมและความคิดความอ่านอันมั่นคง ก็มักจะถูกล่อลวงไปในทางอื่นด้วยหัวใจที่หวั่นไหววอกแวกของตน

อยู่กับจ้าวลัทธิหลี่มาหลายวันทําให้ฉินมู่ได้รับอิทธิพลจากเขาโดยไม่รู้ตัว

จ้าวลัทธิคนก่อนแห่งลัทธิมารฟ้ามีสันดานมารเข้มข้น และความคิดจิตใจเขาก็สุดโต่ง แต่ทว่าเขาเป็นตัวตนระดับปรมาจารย์ และคําพูดของเขาก็มีเหตุผลเหมาะเจาะ ดังนั้นคําพูดที่เขากล่าวออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจก็จะถูกผู้คนซึมซับรับเอาปรัชญาและวิธีคิดที่แฝงอยู่ในนั้นเข้าไปโดยไม่รู้ตัว

กิเลนมังกรมาถึงยอดเขาทองคํา และเมฆอัคคีใต้เท้าของมันก็หดเล็กลงระหว่างที่มันร่อนลงจอดกับพื้น ยอดเขาทองคําแทงโผล่พ้นทะเลเมฆสีเดียวกับหยกขาวที่ปูลาดไว้บนพื้น

สถานที่นี้ดูราวกับสรวงสวรรค์

ฉินมู่มองไปรอบๆ และอุทานด้วยความทึ่ง วังทองโหรวหลันนั้นหรูหราลํ้าค่าประดับประดาเหมือนเศรษฐีใหม่ตื่นทอง วัดใหญ่ฟ้าคํารามก็ดูหรูหราเช่นกันแต่ความหรูหราของมันเคร่งขรึมมากกว่า

ทุกที่ทางและทุกการประดับประดาเต็มไปด้วยศักดิ์ศรี และวัฒนธรรมศาสนาพุทธ

บนยอดเขาทองคํา มีเจดีย์ตั้งตระหง่านอยู่เป็นจํานวนนับไม่ถ้วน หนึ่งในเจดีย์เหล่านั้นยิ่งใหญ่อลังการเป็นพิเศษ หลวงจีนคิ้วยาวจํานวนมากยืนอยู่ที่ระเบียงเจดีย์เพื่อสวดภาวนาพระสูตรต่างๆ อย่างต่อเนื่องด้วยเสียงพุทธอันก้องสะท้อนของพวกเขา

หรือนี่จะเป็นเจดีย์พันพุทธ? ฉินมู่คิดในใจ โพธิสัตว์หญิงในชุดขาวซึ่งประคองแจกันสีเดียวกับชุดก้าว

ออกมาและโค้งคารวะ “จ้าวลัทธิมารฟ้า หม่าหวางเฉิง ท่านหญิงซี และสหายเต๋าเฒ่าผู้นี้ ยูไลได้รอพวกท่านอยู่แล้ว โปรดตามข้ามา”

ฉินมู่กล่าวตอบ “รบกวนท่านแล้วพี่สาว”

พี่สาว?” โพธิสัตว์หญิงหัวเราะ “จ้าวลัทธิฉินล้อข้าเล่นแล้ว เชิญ”

ฉินมู่และคนอื่นๆ ตามหลังนางไป บนยอดเขาทองคํา แสงพุทธธรรมรอบหลวงจีนชั้นสูงจํานวนมากฉายฉานจากพวกเขาที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนก้อนเมฆ แสงทองจากข้างหลังพวกเขาสร้างรูปทรงโค้งกลมอันดูเจิดจ้าละลานจายิ่งนัก

ยูไลเฒ่าผู้ซึ่งเป็นประมุขของหลวงจีนทั้งหมดนั่งอยู่บนจุดที่สูงที่สุด ร่างเนื้อของเขากว้างใหญ่ไพศาล และข้างๆ เขาคืออัครสาวกซ้าย และอัครสาวกขวา ที่นั่งตํ่าลงมาคือบรรดาโพธิสัตว์ อรหันต์ วัชรา ผู้พิทักษ์ และศิษย์ของยูไลเฒ่าจํานวนหนึ่งที่มีวรยุทธ์สูงลํ้า มีกระทั่งหลวงจีนผู้บรรลุธรรมขั้นสูงอันดูเหมือนจะมาจากเผ่าพันธุ์อื่น พวกเขาดูเหมือนจะไม่ใช่เผ่าพันธุ์มนุษย์

ฉินมู่และคณะเดินทางก้าวเข้าไปใกล้ และฉินมู่ก็ทักทาย “ศิษย์พี่”

ยูไลเฒ่ารีบลุกขึ้นและทักทายตอบ “ศิษย์พี่”

ในจังหวะที่เขาลุกขึ้น ผู้พิทักษ์ อัครสาวก โพธิสัตว์ อรหันต์

และวัชราทั้งหมดก็ลุกขึ้นเช่นกันและกล่าวพร้อมๆ กันด้วยเสียงอันกึกก้อง “ศิษย์พี่!”

หลังจากทุกคนทักทายกันเสร็จแล้ว ยูไลเฒ่าก็ยกมือเชื้อเชิญ ฉินมู่ให้ขึ้นมานั่งข้างๆ เขา อาสนะนี้เป็นเสื่อสมาธิ และหากว่าเขานั่งลงไป ตําแหน่งนั่งของเขาก็จะตํ่ากว่าหลวงจีนคนอื่นๆ ที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าเป็นอย่างมาก

มู่เอ๋อ นั่งลงไปเถอะ” เฒ่าหม่ากล่าว

เมื่อฉินมู่นั่งลง เขาก็รู้สึกถึงพลังอันนุ่มนวลที่แผ่มาอันยกเสื่อสมาธิและตัวเขาลอยขึ้นไปบนหลังกิเลนมังกร อันดูสง่างามไม่ใช่เล่น

ยูไลเฒ่ามองไปยังเฒ่าหม่าและแย้มยิ้ม “ศิษย์ข้า ในที่สุดเจ้าก็พร้อมจะละทิ้งโลกีย์วิสัยและกลับขึ้นภูเขาแล้วอย่างนั้นหรือ”

กลับขึ้นภูเขา? ในหัวใจข้ามีเขาพระสุเมรุ แต่บนนั้นไม่มีพุทธองค์อีกต่อไป”

ยูไลเฒ่ากล่าว “เมื่อเขาพระสุเมรุไม่อยู่ในหัวใจเจ้าอีกต่อไป เมื่อนั้นเจ้าก็จะบรรลุเป็นยูไลยอดเยี่ยม หากเจ้าละทิ้งบุตรและธิดาของตนออกไปจากใจ ข้าก็จะมรณภาพในอีกไม่กี่วันเพื่อมอบวัดใหญ่ฟ้าคํารามนี้แก่เจ้า”

เฒ่าหม่าส่ายหน้า “หากว่าข้าต้องมาทําหน้าที่เป็นผู้นําสถานที่แห่งนี้ ข้าคงอดไม่ได้ที่จะเข่นฆ่าไอ้พวกโล้นที่น่าตายพวกนี้ให้หมดภูเขา”

สีหน้าของเหล่าผู้พิทักษ์และอรหันต์ทั้งหลายบิดเบี้ยวอย่างรุนแรง และพวกเขาก็เดือดดาลขึ้นมาทันใด

ยูไลเฒ่ากล่าว “เจ้ายังคงดื้อดึงที่จะเดินไปผิดทาง คราวก่อนที่เจ้าแวะกลับมาที่ภูเขา ข้าก็ยังคงกลับมาช้ากว่าเจ้าก้าวหนึ่ง เจ้าควรรู้ว่าระหว่างเราสองมีความสัมพันธ์ศิษย์อาจารย์ เจ้าได้ตัดแขนของเจ้าและส่งมันมาที่นี่ แต่ข้าเชื่อว่าเจ้าจะละวางสิ่งผูกมัดในโลกีย์วิสัยได้และกลับมายังวัดใหญ่ฟ้าคํารามในที่สุด ข้าจึงสั่งให้คณะสงฆ์วางแขนของเจ้าไว้ในเจดีย์พันพุทธ นั่นก็เพราะว่าข้ามุ่งหมายให้เจ้ากลับมาที่นี่ในสักวัน เจ้าน่าจะเข้าใจจิตเจตนาของข้า”

เฒ่าหม่ากล่าวอย่างเคร่งขรึม “ข้าทราบ แต่ภรรยาและบุตรทั้งหลายของข้าตายตกในนํ้ามือของวัดใหญ่ฟ้าคําราม ความอาฆาตนี้จะต้องชดใช้ด้วยชีวิต”

ศิษย์โง่!” ยูไลเฒ่าตะโกนใส่หน้า “ภริยาและบุตรเป็นเพียงมายาไม่จีรัง เพียงแค่เลือดเนื้อสังขาร! หากเจ้ามีสันดานพุทธ เจ้าก็น่าจะรู้ว่าผลลัพธ์จากการแต่งงานสืบทายาทในที่สุดก็กลวงเปล่า”

เฒ่าหม่าตะโกนกลับไปอย่างเดือดดาล “กลวงเปล่าห่าเหวอะไร! ข้าได้ตัดแขนข้าออกไปเองแล้ว แล้วเจ้ายังจะยังไม่พอใจอะไรอีก ทําไมเจ้าถึงต้องสังหารภรรยาและบุตรของข้า แล้วจะอย่างไรถ้าภรรยาและบุตรเป็นแค่เลือดเนื้อสังขาร เป็นมารที่พันธนาการข้าไว้ แล้วอย่างไรถ้าข้าจะรักใคร่ในเลือดเนื้อสังขาร เหล่านั้น เรียกเจ้าว่าอาจารย์นั้นก็แค่ไว้หน้าเจ้าเพราะต้องการความช่วยเหลือจากเจ้า ขืนพูดมากไปกว่านี้ข้าจะถล่มเจ้าให้ยับ ล้างยอดเขานี้ด้วยเลือด สังหารโจรหัวล้านทั้งหมดบนภูเขา!”

สีหน้าหลวงจีนทุกคนบนภูเขาแปรเปลี่ยนและพวกเขาไม่อาจนั่งนิ่งขึงได้อีกต่อไป

ฉินมู่ไม่คาดฝันเลยว่าเฒ่าหม่าจะระเบิดออกมากะทันหันแบบนี้ ปกติแล้วเฒ่าหม่าเป็นคนที่ใจเย็นและพึ่งพิงได้มากที่สุดในหมู่บ้าน เป็นบุคคลที่เฒ่าเป๋นับถือที่สุด เพราะอย่างนี้ฉินมู่จึงไม่คาดคิดว่าเฒ่าหม่าจะระเบิดโทสะออกมาโดยไม่มีผู้ใดทัดทานเขาไว้ได้

บนยอดเขาทองคํา เมฆมืดเข้ามารวมตัวกันก่อนหน้านี้ บรรยากาศโปร่งสบายจากเมฆวิเศษและแสงทองอันดูสว่างเป็นมงคลอย่างยิ่ง แต่ในบัดนี้ จิตสังหารได้อบอวลไปทั่วบรรยากาศ

ฉินมู่กระแอมดังๆ แล้วหัวเราะ “เรื่องเล็กน้อยเหมือนเส้นผมบังภูเขา นี่เป็นเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น ศิษย์พี่ยูไล ข้ายังมิได้แนะนําทุกคนให้ท่านรู้จักเลย นี่คือท่านปู่หม่า ซึ่งผู้คนมักจะเรียกเขาว่าเฒ่าหม่า และลําดับอาวุโสของเขานั้นสูงกว่าข้าเป็น 2 เท่า นี่คือท่านยายซีซึ่งลําดับอาวุโสสูงกว่าข้าเป็น 2 เท่าเช่นกัน เช่นเดียวกับ ท่านปู่บอด พี่ทางเต๋ายูไล ไม่จําเป็นต้องมากพิธี เราคนกันเอง”

ยูไลเฒ่าหัวเราะเบาๆ และเมฆมืดบนท้องฟ้าก็หายวับ “จ้าวลัทธิฉิน ระหว่างเรามีชะตาวาสนาอยู่ เจ้าได้รับไม้เท้าขักขระ อันเป็นไม้เท้าที่คู่มือข้างกายข้าฟันฝ่ายุทธจักร ในเมื่อมันตกมาอยู่ในมือเจ้า ระหว่างเจ้าและข้าก็มีชะตาวาสนาการเป็นศิษย์อาจารย์ หลวงจีนเฒ่าผู้นี้ได้ตั้งใจมุ่งไปยังแดนโบราณวินาศเพื่อพบปะกับสหายเต๋าเฒ่าแห่งหมู่บ้านพิการชรา เพื่อรับเจ้าเข้ามาในวัดใหญ่ฟ้าคํารามเรา แต่ไม่นึกเลยว่าชะตาวาสนาของพวกเราจะขาดสะบั้นไปอย่างนั้น เมื่อพวกเราพบพานกันอีกครั้ง เจ้าก็ได้กลายเป็นจ้าวลัทธิมารแห่งลัทธิมารฟ้าไปเสียแล้ว ไม่ใช่แค่เพียงเวลาและวาสนา แม้แต่ฟ้าลิขิตก็เล่นตลกกับพวกเราทั้งหมด”

ฉินมู่ยิ้มน้อยๆ แล้วกล่าว “ยูไลล้อข้าเล่นแล้ว น้องชายผู้นี้มาที่นี่ก็เพื่อจะร้องขอยูไลให้ปราบมาร ในร่างของท่านยายซีมียอดฝีมืออันเป็นจ้าวลัทธิคนก่อนของลัทธิศักดิ์สิทธิ์เรา หลี่เทียนซิ่ง เขาได้เปลี่ยนตนเองเป็นเมล็ดพันธุ์มาร และฝังตนลงไปในจิตเต๋าของท่านยายซี น้องชายผู้นี้จึงมาที่นี่เพื่อร้องขอให้ยูไลสยบมารตนดังกล่าว ขจัดเภทภัยให้แก่ผู้คน”

อัครสาวกผู้หนึ่งกล่าวด้วยเสียงเบา “ภควันต์ ยายเฒ่าซีผู้นี้คือธิดาเทพรุ่นก่อนแห่งลัทธิมารฟ้า นามว่าซีโหยวโหยว ในคืนที่นางแต่งงานกับหลี่เทียนซิ่ง นางฆาตกรรมเขา นางก็มิใช่ตัวดีอันใด นางนั้นนับเป็นมารร้ายในเหล่ามารร้าย”

ผู้พิทักษ์และอรหันต์ทั้งหมดกล่าว “นี่เป็นเรื่องภายในของลัทธิมาร พวกเราจะสอดมือเข้าไปได้อย่างไร”

ยูไลยกมือขึ้นแล้วแย้มยิ้ม “ทุกสรรพชีวิตล้วนเท่าเทียมกัน พุทธเจ้าก็เป็นหนึ่งในสรรพชีวิต และมารก็เป็นส่วนหนึ่งของสรรพชีวิต ในเมื่อจ้าวลัทธิฉินได้เอ่ยปากขอร้อง หลวงจีนเฒ่าผู้นี้ก็ย่อมต้องยื่นมือเข้าไปช่วย”

สายตาของอัครสาวกอีกคนวูบไหวและกล่าวด้วยเสียงนุ่มเบา “เมื่อเราให้พระสูตรคัมภีร์แก่ผู้คน เราก็จะรับเงินทองจํานวนหนึ่งเป็นค่าบูชา ในการช่วยเหลือปราบมารกําราบปีศาจครั้งนี้ หรือว่าเราจะ…”

ยูไลเฒ่าโบกมือให้เขาหุบปาก “ฮูหยินลัทธิ เจ้าเผยรูปโฉมที่แท้จริงออกมาได้หรือไม่?”

ฉินมู่ลังเล จากนั้นส่ายหน้า “ยูไล ข้าว่ามันไม่จําเป็นหรอก ใช่ไหม”

เฒ่าบอดเคาะไม้เท้าไผ่กับพื้นแล้วกล่าว “ยูไลเฒ่า ไม่จําเป็นต้องดูรูปโฉมที่แท้จริงของยายเฒ่าซีหรอกเพราะคงไม่ดีแน่ หากความงามของนางจะทําลายการบําเพ็ญของพวกหลวงจีนของเจ้า”

ความรักใคร่ใหลหลงเป็นเพียงแค่มายา และหญิงงามเลิศลํ้าก็เป็นเพียงแต่เนื้อหนังสังขารที่ห่อหุ้มโครงกระดูก สหายเต๋า เจ้าดูเบาความมั่นคงของตบะการบําเพ็ญของเหล่าหลวงจีนแห่งวัดใหญ่ฟ้าคํารามของข้า”

ยูไลเฒ่าแย้มยิ้ม “จะยื่นมือช่วยเหลือฮูหยินลัทธิ และเปิดดวงตาเห็นธรรมให้แก่จ้าวลัทธิหลี่นั้นคงจะเป็นเรื่องยากหากว่ามิได้เห็นรูปโฉมที่แท้จริงของฮูหยินลัทธิ สําหรับจ้าวลัทธิหลี่ ความรัก ก่อเกิดจากรูปโฉม สร้างมารแห่งความใคร่ปรารถนา หลวงจีนเฒ่าผู้นี้เพียงแต่หมายจะชมดูวัตถุอันเป็นต้นเหตุแห่งความลุ่มรักของเขา”

ยายเฒ่าซีหัวเราะคิกคัก “เฒ่าบอด เฒ่าหม่า ทําไมพวกเจ้าไม่คลายผนึกข้าซะล่ะ จ้าวลัทธิฉิน ถอดผืนหนังอันน่าเกลียดน่าชังนี้ออกไปจากตัวข้า ข้าอยากเห็นนักว่าพวกหลวงจีนหน้าไหว้หลังหลอกเหล่านี้จะมีความมั่นคงไปได้สักกี่นํ้า!”

เฒ่าบอดขมวดคิ้วเล็กน้อยและกล่าวด้วยเสียงเบา “เฒ่าหม่า เจ้ามีความเห็นว่าอย่างไร”

เฒ่าหม่าลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นมองไปยังหลวงจีนที่นั่งอยู่เต็มภูเขา “ขั้นพุทธธรรมของยูไลเฒ่านั้นเหนือลํ้ากว่าข้า และคงจะมีความสามารถรับมือได้ มู่เอ๋อเจ้าคิดว่าอย่างไรล่ะ”

ฉินมู่ครุ่นคิดเล็กน้อยและกล่าว “เราเพียงแต่ต้องลอง แม้ว่ามันจะไม่เป็นผล ท่านปู่ เตรียมตัวให้ดี พวกเราไม่อาจปล่อยให้จ้าวลัทธิหลี่หนีไปได้เด็ดขาด!”

เฒ่าหม่าถอนหายใจ และดึงจิตวิญญาณพุทธองค์ออกจากใจกลางหว่างคิ้วของยายเฒ่าซี จากนั้นก็พยักหน้าให้เฒ่าบอด

เฒ่าบอดยื่นมือออกไป ปราณชีวิตสีเงินของเขาอันเหมือนกับมังกรเงินก็โบยบินออกมาจากในร่างของยายเฒ่าซีกลับเข้ามาในร่างของเฒ่าบอด

ฉินมู่ก้าวไปข้างหน้าและตัดเบาๆ หนังของท่านยายซีแหวกออกและหญิงงามล่มเมืองก็ก้าวออกมาจากในนั้น เส้นผมของนางทิ้งตัวไหวราวกับนํ้าตกเมื่อนางเงยหน้าขึ้นช้าๆ มองไปรอบๆ ด้วยดวงตาสุกใสของนาง สายตาของนางเลื่อนจากหลวงจีนคนหนึ่งไปยังอีกคนหนึ่ง ทีละคนๆ ทั้งยอดเขาทองคําจมลงไปในความเงียบงัน

แม้แต่เสียงพุทธที่กําลังสวดพระสูตรอยู่ก็ชะงักงันไปในวินาทีนั้น หลวงจีนอาวุโสทั้งหลายที่บรรลุธรรมขั้นสูงก็พลันรู้สึกคอแห้งผากและหัวใจเต้นตุบตับอย่างรุนแรง และสร้อยประคําก็หมุนวนในมืออย่างรวดเร็ว

ทันใดนั้น รัศมีธรรมหลังศีรษะของโพธิสัตว์คนหนึ่งก็กระจายหายไป และเขาก็ร่วงหล่นลงจากท้องฟ้าไปสู่หุบเขาใต้ผืนเมฆ

สักพัก ก็มีเสียงตึมของสิ่งหนักร่วงลงกระทบพื้นดังมา

ตึม ตึม

ของหนักร่วงกระทบพื้นอีกหลายครั้ง ซึ่งก็คืออรหันต์ และวัชราอีกหลายคน

สีหน้าของยูไลเฒ่าแปรเปลี่ยนและเขามองไปรอบๆ อย่างร้อนใจ หลวงจีนทุกคนจับจ้องไปยังหญิงงามล่มเมืองอย่างไม่วางตา ขณะที่สร้อยประคําในมือพวกเขาหมุนเร็วขึ้นและเร็วขึ้น

เพ้ย!”

ยูไลเฒ่ากําลังจะตะโกนเรียกสติ แต่ทันใดเขาก็ได้ยินเสียงอื่น อรหันต์คนหนึ่งร้องออกมาอย่างโกรธเกรี้ยวและพุ่งเข้าใส่ยายเฒ่าซี “นางปีศาจสาวนี่ร้ายนัก ล่อลวงสรรพสัตว์ให้ลุ่มหลง นางคือมารฟ้า จากวินาทีแรกที่ข้ามองนาง ก็มีมารก่อเกิดขึ้นมาในใจข้า ข้าจะต้องสังหารนาง!”

ข้าจะสังหารนางมารนี้ให้แก่โลกหล้า!” วัชราอีกคนเหวี่ยงสากสยบมาร เผยร่างอสุรา 3 หัว 6 แขนและพุ่งเข้าใส่ยายเฒ่าซี

ทันใดนั้น หลวงจีนเฒ่าคนหนึ่งก็ทะยานไปข้างหน้าและขวางทางอรหันต์และวัชรานั้น เขาฉีกจีวรของตนออกแล้วกระชากประคําของตนให้ขาดกระเด็น จากนั้นหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “ข้านั้นชมชอบฆ่าคนวางเพลิง ไม่เคยจะมานั่งบําเพ็ญบุญกุศล ข้ารู้สึกว่าข้าเสียเวลาครึ่งชีวิตมานั่งกินเจและท่องพระสูตร! หลังจากที่เห็นหญิงงามเลิศลํ้าเช่นนี้ ข้าก็แน่ใจว่าครึ่งชีวิตข้านั้นเสียเปล่าจริงๆ! แต่บัดนี้ข้าจะสึกไปเป็นฆราวาส!”

อรหันต์อีกหลายคนพุ่งตามเข้าไปสมทบ และเกิดความอลหม่านโกลาหลไปทั่วทั้งยอดเขาทองคํา

จีวรเหลืองของยูไลเฒ่าสั่นสะท้านและเสียงพุทธแห่งเจดีย์พันพุทธพลันกึกก้องมา สวดภาวนาพระสูตรพุทธองค์หลายพันพระสูตรพร้อมๆ กัน เพื่อดึงหลวงจีนทั้งหลายที่สู้รบฆ่าฟันกันบนยอดเขาทองคําให้กลับมาได้สติ ทุกคนกลับไปนั่งที่ตนเองด้วยความอับอายอย่างสุดซึ้ง

ต้องมานั่งกินเจและท่องพระสูตรงั้นหรือ บําเพ็ญบุญสร้างกุศลไปมีประโยชน์อะไร สู้ใช้ชีวิตให้สุขสันต์แต่บัดนี้เลยไม่ดีกว่าหรือ ข้าจะสึกไปเป็นฆราวาส!” ทันใดนั้นหลวงจีนเฒ่าคนหนึ่งก็กระโดดลงจากยอดเขาทองคําแล้วหายลับไปในที่ไกลๆ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!