25. การปลุกพลังครั้งที่สอง
มนุษย์และลิงยักษ์นัวเนียซัดหมัดกันอย่างบ้าคลั่ง แขนของฉินมู่เริ่มจะปวดชา เขาพบว่าการป้องกันการจู่โจมแสนดุเดือดของนั้นยากขึ้นเรื่อยๆ
ไม่นานหลังจากนั้น ใบหน้าเขาก็ฟกช้ำดำเขียวจากฤทธิ์หมัดลิงยักษ์อสูร แต่ลิงยักษ์อสูรก็ไม่ฉวยโอกาสนั้นเข่นฆ่าเขา กลับออมมือลดแรงต่อยตีให้สูสีกันต่อ
“กิน แข็งแรง!”
ลิงยักษ์อสูรปล่อยหมัดอีกลูก อันเรียกลมพายุซึ่งแฝงคลื่นพลังเก้าระลอก ไม่ผิดแล้ว กระบวนท่านี้คือฟ้าคำรามแปดจู่โจม กระบวนท่าที่สาม–พายุสายฟ้าเก้ามังกร และขณะที่มันสู้ไป มันก็พร่ำบ่นสั่งสอนฉินมู่ให้กินเยอะๆ จะได้แข็งแกร่งเหมือนกับมัน
“เนตรสวรรค์ ปลุกพลัง!”
ปราณชีวิตของฉินมู่หลั่งไหลเข้าสู่ดวงตา และเริ่มถักทอรอยสวรรค์แรกในวิชาปลุกเนตรสวรรค์เก้า–พยุหะเจ็ดดาว เนตรวงแหวนพลันปรากฎในแก้วตาของเขาทันที
เมื่อปลุกพลังเนตรสวรรค์ ฉินมู่ก็พบว่าทุกสิ่งรอบๆ ตัวกลายเป็นแจ่มชัด ลึกล้ำ และมีระบบระเบียบ แม้กระทั่งกำปั้นของที่จวนจะกระทบหน้าเขาอยู่รอมร่อก็ยังดูเปี่ยมมนตราน่ามหัศจรรย์
เขาสามารถมองเห็นทุกรายละเอียดการเคลื่อนไหวในอากาศของเส้นขนลิงยักษ์อสูร เห็นว่าเส้นเอ็นและกล้ามเนื้อภายใต้ผิวหนังของมันเคลื่อนไหวอย่างไร เห็นแม้กระทั่งเส้นทางการเดินพลังของมัน!
วิชาปลุกเนตรสวรรค์เก้าที่เฒ่าบอดถ่ายทอดให้เขา ช่วยให้ฉินมู่เห็นความเป็นจริงที่ซ่อนอยู่ใต้ปรากฏการณ์ มันทำให้เขารู้ถ่องแท้ถึงความแตกต่างของพลังระหว่างตนและศัตรู ทั้งยังช่วยให้เขาควบคุมและชักนำพลังเหล่านั้นได้ในระดับที่เขาไม่เคยคาดคิด!
ในชั่วเสี้ยววินาทีก่อนที่หมัดของฉินมู่จะปะทะกับหมัดลิงยักษ์อสูร เขาพลันคลายมือพลิกนิ้วทั้งห้า ดรรชนีของเขาพุ่งแหวกอากาศส่งเสียงเสียดหูเหมือนสายธนูที่ปล่อยจากเกาทัณฑ์คันใหญ่!
ฟ้าคำรามแปดจู่โจม นิ้วสายฟ้าบรรเลงปี่แป้!
วิชาหมัดของเฒ่าหม่าไม่ได้มีแต่กระบวนท่าหมัด แต่ยังประกอบด้วยกระบวนท่าดรรชนี นิ้วสายฟ้าบรรเลงปี่แป้เป็นหนึ่งในยอดวิชาดรรชนีเหล่านั้น เมื่อนิ้วแรกของฉินมู่แตะกับกำปั้นยักษ์ของลิงยักษ์อสูร มันก็พบว่าพลังที่แฝงอยู่ในหมัดของมันมลายสิ้นทันที
ด้วยนิ้วที่สองของฉินมู่ ลิงยักษ์อสูรพบว่าเส้นเอ็นแขนของมันสั่นสะท้าน!
ฉินมู่ดีดนิ้วที่สาม และลิงยักษ์อสูรก็พบว่ากล้ามเนื้อแขนของมันสั่นเทิ้มอย่างไม่อาจบังคับได้ มันเริ่มตระหนกตกใจล่ะทีนี้
นิ้วที่สี่ของฉินมู่ดีดออกไป ลิงยักษ์อสูรไม่อาจควบคุมพลังหมัดจนทำให้กำปั้นของมันถูกดีดขึ้นฟ้าเผยช่วงอกที่ไร้การป้องกัน
ฉินมู่ดีดนิ้วสุดท้าย นิ้วที่ห้าลงบนอกของสัตว์พิสดารตัวยักษ์ ลิงยักษ์อสูรพลันรู้สึกเหมือนถูกวัวเถื่อนแดนโบราณวินาศนับพันตัวขวิดเข้าที่อกพร้อมๆ กัน จนมันกระเด็นถอยหลัง!
ฉินมู่มองตะลึงอย่างไม่เชื่อสายตา วิชาปลุกเนตรสวรรค์เก้าที่เฒ่าบอดสอน มันร้ายกาจขนาดนี้เลยหรือ
ที่แข็งแกร่งมิใช่กระบวนท่าดรรชนี แต่เป็นดวงตาของเขา เมื่อใช้เนตรสวรรค์ เขาก็มองเห็นความเปลี่ยนแปรและเส้นทางการใช้พลังของลิงยักษ์อสูร ทำให้เขาพบจุดอ่อนในหมัดของอีกฝ่าย โจมตีจุดอ่อนนั้นด้วยนิ้วแรกเพื่อสลายพลังมโหฬารอันแฝงอยู่ในหมัด!
โฮกกก!
ขณะที่เขากำลังจมอยู่ในความคิดนั่นเอง ลิงยักษ์อสูรก็พลิกตัวลุกขึ้นมา แล้วปล่อยกำปั้นซัดฉินมู่กระเด็น จากนั้นมันกระโดดเหยียบอากาศ กำหมัดสองมือเข้าด้วยกัน แล้วโถมทุบฉินมู่อย่างไม่ปรานี พื้นดินไหวสะเทือนไปหมด เมื่อร่างของฉินมู่ถูกกระแทกจมดินจนเป็นหลุมลึก
เท้าลิงยักษ์อสูรกลับมาแตะพื้นเสียงดังตู้ม และปล่อยหมัดอีกลูกเข้าใส่หลุม แต่ไม่ทันที่หมัดจะเข้าใกล้หลุม ฉินมู่ก็ยกแขนดีดนิ้วของเขาใส่กำปั้นมันอีกครา
ผลลัพธ์ก็คือ ร่างมหึมาของลิงยักษ์อสูรปลิวกระเด็นขึ้นข้างบน ขณะที่ฉินมู่กระโดดขึ้นมาจากหลุม และตามซ้ำซัดลิงยักษ์อสูรที่กำลังลอยหวือในอากาศ
พายุสายฟ้าเก้ามังกร!
ตูม! ตูม! ตูม! เสียงระเบิดดังเป็นชุด เมื่อร่างของลิงยักษ์อสูรร่วงลงมาราวกับดาวตก ทำเอาต้นไม้ดงป่าแถบนั้นราบเป็นหน้ากลองทางทิศทางที่มันตกลงไป
ฉินมู่กับลิงยักษ์อสูรแลกหมัดอย่างดุเดือดไปทั่วทิศทางจนมาถึงยอดผา เมื่อนั้นทั้งคู่ถึงนั่งแหมะลงกับพื้นหอบหายใจ พวกเขาไม่มีพละกำลังหลงเหลือที่จะต่อยตีกันอีกแล้ว
แม้ว่าเนตรสวรรค์จะร้ายกาจพิสดาร แต่มันเผาผลาญปราณชีวิตมากเกินกว่าที่ฉินมู่จะทนได้ ขนาดว่าเขามีฐานพลังปราณที่ลึกล้ำกว่าคนทั่วไปหลายเท่า
หลังจากพักสักครู่หนึ่ง ลิงยักษ์อสูรก็ลุกขึ้นนั่ง ยกหัวแม่โป้งขึ้นมาชี้เข้าหาตนเอง
“ข้า…พี่!”
ฉินมู่จึงผุดลุกนั่งบ้างและส่ายศีรษะ “ข้า…พี่ เจ้า…น้อง”
ลิงยักษ์อสูรได้ยินดังนั้นก็โกรธจนขนกระดิก รีบยกแขนหนาดำของมันขึ้นมาเบ่งกล้ามโชว์ “ข้า…แข็งแรง!”
ฉินมู่จับเพียงนิ้วเดียวของมัน เหวี่ยงลิงยักษ์อสูรทั้งตัวปลิวข้ามหัวไปกองกับพื้นอย่างไม่ออมมือ “ข้า…แข็งแรงกว่า!”
มีหรือว่าลิงยักษ์อสูรจะยอม มันพลิกตัวลุกขึ้นแล้วตะลุยเข้าไปแลกหมัดต่อ ไม่นานพวกเขาก็หมดแรงกันอีกครั้ง
ฉินมู่ฟื้นฟูพละกำลังใหม่ แล้วลุกขึ้นยืน ลิงยักษ์อสูรลุกมานั่งจ้องฉินมู่ตาเขม็ง เมื่อเด็กชายเริ่มร่ายรำเพลงหมัดฟ้าคำรามแปดจู่โจมบนยอดผา
เมื่อวานฉินมู่สอนมันไปหนึ่งทีแล้ว และมันก็เรียนรู้การใช้เพลงหมัดนี้ขั้นพื้นฐาน รู้กระบวนท่าเพียงคร่าวๆ แต่บัดนี้ฉินมู่เผยแสดงทุกรายละเอียดในฟ้าคำรามแปดจู่โจมให้มันดู พร้อมกับอธิบายเคล็ดลับที่จะดึงเอาฤทธิ์เดชของแต่ละกระบวนท่าออกมาได้ถึงขีดสุด
ลิงยักษ์อสูรเรียนรู้อย่างรวดเร็ว และสามารถจดจำฟ้าคำรามแปดจู่โจมทุกกระบวนท่าได้หมดภายในไม่กี่ชั่วโมง ฉินมู่เห็นแล้วก็เสียวสันหลังเมื่อสงสัยว่าหากเขายังคงสอนมันต่อไป สู้กันอีกทีอาจจะไม่ชนะลิงยักษ์อสูรตัวนี้
หมอนี่ก็เป็นอัจฉริยะวิชายุทธนี่นา สัตว์พิสดารอัจฉริยะได้ขนาดนี้เลยหรือ พวกมันฝึกกำลังภายในได้ไหมนะ
ฉินมู่ครุ่นคิดอยู่สักพัก ก็นั่งลงแล้วสอนวิชาหายใจให้กับลิงยักษ์อสูร ถ่ายทอดวิชากายาจ้าวแดนดินสามอมตะของเขา
ลิงยักษ์อสูรเลียนแบบทุกท่างท่าการหายใจจนกระทั่งเรียนรู้วิชาหายใจนี้ อันที่จริงแล้วกายาจ้าวแดนดินสามอมตะก็คือวิชาเต้าหยินที่กระจอกสามัญสุดๆ และวิธีในการโคจรลมปราณนั้นก็เรียบง่ายเพียงแค่สูดลมเข้าและชักนำปราณชีวิต
ไม่นานนัก ลิงยักษ์อสูรก็สำเร็จวิชาเต้าหยินเช่นกัน ลมหายใจของมันเป็นจังหวะ ส่วนหนึ่งก็เพราะว่านิสัยใจคอของมัน มันเป็นสัตว์กินพืช รักสงบ และมีจิตใจบริสุทธิ์ไม่ซับซ้อน ดังนั้นมันจึงสามารถสำเร็จวิชาเต้าหยินได้ในเวลาอันสั้น
“หมอนี่มันอัจฉริยะจริงๆ”
ฉินมู่เห็นมันบรรลุวิชาเต้าหยินเร็วขนาดนี้ อดไม่ได้ที่จะออกปากชื่นชมจากใจจริง “ฝึกต่อไป เจ้าตัวใหญ่ ข้าจะมาประลองฝีมือกับเจ้าวันพรุ่งนี้อีกที” กล่าวจบ เขาก็กระโดดลงจากหน้าผาและวิ่งกลับไปทางหมู่บ้าน
ลิงยักษ์อสูรยืนส่งฉินมู่กลับ ก่อนนั่งลงอีกครั้งแล้วพูดด้วยเสียงเบา “เด็กกระจ้อยร่อย…”
นับแต่นั้นมาหลายต่อหลายวัน ฉินมู่แวะมาประลองฝีมือกับทุกวัน ลิงยักษ์อสูรจะเตรียมหาผลไม้ให้เขากิน ส่วนฉินมู่ก็จะสอนมันฝึกปรือกำลังภายใน และสอนแม้กระทั่งเท้าเทวะขโมยสวรรค์ของเฒ่าเป๋ให้มันด้วย
ทีแรกลิงยักษ์อสูรก็มีดีแค่วิชาหมัด แต่หลังจากที่มันเรียนวิชาเท้าเทวะขโมยสวรรค์ ท่วงท่าเท้าของมันก็กลอกกลิ้งแคล่วคล่อง ทำให้ฉินมู่เพลี่ยงพล้ำเสมอหากว่าเขาไม่ระวังให้ดี
ฉินมู่แข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ความรุดหน้าของลิงยักษ์อสูรก็ไปไวไม่แพ้เขา มันสำเร็จการสั่งสมบ่มเพาะลมปราณเบื้องต้นในไม่ช้า เมื่อต่อสู้กับฉินมู่ หากว่าฉินมู่ไม่ปลุกเนตรสวรรค์ เขาก็ไม่อาจชิงชัยได้เปรียบ และกลับจะตกเป็นรองเสียอีก
ในเย็นนี้เอง หลังจากสิ้นสุดการประลองฝีมือกับลิงยักษ์อสูร ฉินมู่กลับมาที่ห้องตีเหล็กของเฒ่าใบ้เพื่อช่วยหยิบจับของเล็กๆ น้อยๆ พลางเฝ้าสังเกตไฟตามวิธีที่เฒ่าใบ้สอนสั่ง
ในสมบัติเทวะทารกวิญญาณของเขา ปราณชีวิตเขาเหมือนกับไฟหลอมเหล็กที่เคี่ยวกรำทารกวิญญาณให้แข็งแกร่ง ทุกๆ อย่างเหมือนกับที่เคย จนกระทั่งแสงทองพลันถูกดูดซับหลั่งไหลเข้าไปในทารกวิญญาณจากทะเลแสงทองรอบๆ ดูดซึมเข้าไปอย่างบ้าคลั่ง
ฉินมู่งงงวยและไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
และเฒ่าใบ้ซึ่งมองไม่เห็นทะลุถึงข้างในสมบัติเทวะทารกวิญญาณของฉินมู่ ก็ย่อมไม่เห็นปรากฏการณ์ประหลาดอัศจรรย์ที่กำลังดำเนินอยู่ในนั้น
ทารกวิญญาณดูดซับเอารัศมีทองเข้าไปในร่างมากขึ้นมากขึ้นทุกที แต่ทันใดนั้นมันก็หยุดโดยฉับพลัน ทารกวิญญาณตัวเล็กๆ หยุดหายใจเข้าหายใจออก แน่นิ่งไม่ไหวติง
ทารกวิญญาณข้าซี้แล้วหรือเนี่ย
เด็กชายกระสับกระส่าย แต่ไม่นานหลังจากนั้น ทารกวิญญาณเขาก็ฟื้นคืนกลับมาขยับกระดิกได้เหมือนเดิม
ฉินมู่ลอบระบายลมหายใจโล่งอก และหันกลับไปเฝ้าสังเกตไฟต่อ ในตอนนั้นเองที่เขารู้สึกว่า ปราณชีวิตของเขากลายเป็นร้อนระอุรุนแรง เมื่อทารกวิญญาณปล่อยปราณชีวิตที่กลั่นกรองแล้วออกมา ปราณชีวิตเหล่านั้นก็จะติดไฟเป็นเพลิง ไม่ยอมดับระงับแม้ว่ามันจะไหลเวียนออกไปจากสมบัติเทวะทารกวิญญาณก็ตามที
ฉินมู่กระโดดโหยงด้วยความตกใจและหยุดการสังเกตไฟทันที ทว่าดูจะสายไปเมื่อเสื้อผ้าของเขาเริ่มติดไฟลุกไหม้
เฒ่าใบ้ที่อยู่ข้างๆ รีบยกหม้อน้ำยักษ์แล้วเทคว่ำราดทับทั้งตัวฉินมู่ ดับไฟที่ลุกไหม้เสื้อผ้าเขา
ฉินมู่แง้มหม้อน้ำยักษ์ที่ครอบตัวเขาออกมา ตัวเขาเปียกปอนหัวหูลู่เหมือนหนูที่ตกน้ำ
เฒ่าใบ้เองก็อึ้งงัน เขารีบเข้าไปตรวจดูรอยไหม้ที่ปรากฎบนเสื้อผ้าของฉินมู่ เมื่อดูแล้วก็โยนทั้งค้อนทั้งท่อนเหล็กในมือไปข้างหลัง แล้วรีบตะกายวิ่งเร็วจี๋ไปหาผู้ใหญ่บ้านเพื่อส่งสัญญาณมือสี่ห้าที
ผู้ใหญ่บ้านอ้าปากค้างแล้วรีบเรียกเฒ่าหนวกกับเฒ่าใบ้ให้แบกเขาไปดู “มู่เอ๋อ ลองเฝ้าสังเกตดูอีกทีซิ!”
ฉินมู่ไม่รู้ว่าทำไมผู้ใหญ่บ้านถึงแตกตื่นจริงจัง แต่ก็สังเกตไฟตามที่บอกอยู่ดี ในสมบัติเทวะทารกวิญญาณ ปราณชีวิตของเขาติดไฟเผากระพือรอบๆ ทารกวิญญาณอีกครั้ง
จากนั้น คลื่นความร้อนก็แผ่พล่านออกมาจากร่างกาย เพิ่มอุณหภูมิในร่างเขาอย่างร้อนแรง!
ผู้ใหญ่บ้านชมดูจนตาเป็นประกาย และแนะนำฉินมู่ต่อ “มู๋เอ๋อ ตั้งสมาธิให้มั่นอย่าวอกแวก ลองใช้ฝ่ามือเจ้าแทนมีด แล้วฟันให้ข้าดู!”
ด้วยจิตว่าจากสิ่งเร้า ฉินมู่มีแต่ไฟในเตาในสายตา ปราณชีวิตของเขาถูกปลดปล่อยออกมาอย่างเป็นธรรมชาติเมื่อเขาตวัดมือต่างมีดสับไปเบื้องหน้า
พรึ่บ!
มือของเขาพลันติดไฟลุกไหม้ ราวกับกระบี่อัคคีฟาดฟันลงไป!