Skip to content

Tales of Herding Gods 252

ตอนที่ 252 หลวงจีนหมิงซิ่น

“สังหารจ้าวลัทธิมารฟ้า แก้แค้นให้ศิษย์พี่ของพวกเรา!” อารมณ์ของทุกคนพลุ่งพล่านพร้อมๆ กันและพวกเขาก็กรูเข้าไปหาฉินมู่ราวกับฝูงผึ้ง

ฉินมู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย และร่างเขาพลันสั่นเทิ้ม พุทธองค์พันกรแผ่พุ่งแสงธรรมสาดส่องเจิดจ้าไปพร้อมๆ กับเสียงสวดภาวนาของพุทธองค์ที่กึกก้องไปทั่วกุฏิมังกรฟ้า

ฉินมู่ราวกับพุทธรูปไม่ไหวติงที่ต้อนรับการโจมตีจากทุกสารทิศ ด้วยเสียงปังๆ ดังสนั่นมาอย่างไม่หยุดหย่อน หลวงจีนก็กระเด็นกระดอนไปทั่วทุกทิศทาง พวกเขากระแทกเข้ากับเสามังกร และบางคนก็ฉีกกระจายเป็นสองสามชิ้นคาที่

ฉินมู่เขย่าร่าง และแขนทั้งหนึ่งพันที่อยู่ทั้งหน้าและหลังเขาก็หายวับ แสงธรรมก็ดับไปเช่นกัน

เขากวาดตามองหลวงจีนที่นอนระเนระนาดทั่วไปหมดและเหวี่ยงแขนเสื้อ “นี่คือฟ้าคํารามแปดจู่โจมของวัดใหญ่ฟ้าคํารามพวกเจ้า นี่นับว่าเป็นวิชามารอีกไหม วิชาใดจะเที่ยงธรรมก็ต่อเมื่อมันถูกใช้อย่างเที่ยงธรรม เมื่อใช้ในการก่อกรรมชั่ว แม้แต่ฟ้าคํารามแปดจู่โจมหรือพระสูตรมหายานยูไลก็จะกลายเป็นมาร!”

เฒ่าหม่ากระแอมไอและมองไปยังหลวงจีนจิ่งหมิงที่อ้าปากค้างข้างๆ เขา “ศิษย์พี่ กุฏิมังกรฟ้าของท่านดูเหมือนจะเริ่มวุ่นวายเละเทะ ข้าคิดว่าพวกเราควรไปเดินดูกุฏิใจสมาธิดีกว่า”

หลวงจีนเฒ่าจิ่งหมิงมองไปที่ฉินมู่อย่างแค้นเคือง หลวงจีนเกือบทั้งหมดที่ฉินมู่อัดจนควํ่าและสังหารไปล้วนแต่เป็นศิษย์ของเขา แต่ทว่า มีเฒ่าหม่ากับเฒ่าบอดอยู่ข้างๆ เขาก็ไม่กล้าบุ่มบ่ามลงมือกับฉินมู่

ที่เขากังวลเป็นอย่างยิ่งก็ชายตาบอดที่ยืนข้างเขา แม้ว่าเบ้าตาของชายผู้นี้จะว่างเปล่า แต่เขาสัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่วนเวียนรอบๆ คอหอยเขาไม่ว่าเขาจะกระดิกตัวไปทางไหน

หากว่าเขากล้าลงมือเข้าจริงๆ เขาแน่ใจว่าไม้เท้าไผ่ในมือชายตาบอดผู้นี้ต้องแทงทะลุคอเขาในพริบตา

พระสูตรมหายานยูไลของเขามีจุดอ่อนอันทิ้งช่องโหว่ที่คอของเขา และไม่ว่าเขาจะปรับปรุงแก้ไขเท่าไรก็ไม่สามารถปิดช่องโหว่นี้ได้

หลวงจีนเฒ่าคนอื่นๆ ในกุฏิมังกรฟ้าก็ไม่กล้าลงมือเหมือนกัน ระหว่างที่พวกเขายืนอยู่ข้างๆ เฒ่าหม่าและเฒ่าบอด พวกเขารู้สึกราวกับถูกเขาพระสุเมรุสองลูกกดทับลงมา หากว่าพวกเขากล้าตุกติก ร่างกายของพวกเขาก็จะแหลกเละอย่างแน่นอน!

เหงื่อเย็นเยียบหยาดซึมจากหน้าผากหลวงจีนจิ่งหมิง และเขาก็กล่าว “ศิษย์น้อง ศิษย์ของเจ้าสังหารหลวงจีนแห่งกุฏิมังกรฟ้าของข้า และกระทั่งทําลายรูปร้อยมังกรไปหลายรูป…”

เฒ่าหม่าไม่เอ่ยวาจา เฒ่าบอดกล่าวอย่างเยือกเย็นระหว่างที่ยืนพิงไม้เท้าไผ่ของตน

“ศิษย์พี่จิ่งหมิง กุฏิมังกรฟ้าถูกทําลายให้เสียหายนั้นเป็นความผิดของเจ้า หากเจ้าไม่จงใจชี้ว่ามู่เอ๋อเป็นจ้าวลัทธิมาร เรื่องนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น อย่าทําเป็นเรื่องใหญ่ไปหน่อยเลย ถ้าเป็นเรื่องจริงๆ คงเละเทะเกินกว่าจะกวาดเช็ดได้”

เหงื่อเย็นหยดหนึ่งร่วงลงมาจากหน้าผากหลวงจีนจิ่งหมิง เขากระแอมไอ เสียงของเขาประดุจระฆังใหญ่ประกาศออกไป “จ้าวลัทธิฉินเป็นอาคันตุกะจากแดนไกล พวกเจ้าอย่าเสียมารยาท ถอยไปซะ”

เมื่อเขากล่าวเช่นนั้น เหล่าหลวงจีนที่อยู่แถวๆ รูปร้อยมังกรก็ดูจะโล่งอกและเข้าไปช่วยเพื่อนพ้องของตนที่นอนแผ่อยู่กับพื้นทันที

เฒ่าหม่ากล่าว “มู่เอ๋อ กลับมา”

เฒ่าบอดยิ้มแฉ่งให้เด็กหนุ่ม “เจ้าต่อสู้ทําลายข้าวของ แล้วยังสั่งสอนเทศนาผู้คนอีก พวกเราเป็นผู้มาเยือน คงไม่ดีนักที่จะเสียมารยาท เฒ่าหม่าบอกว่าพวกเราน่าจะไปเดินเล่นดูที่กุฏิใจสมาธิ เจ้าไม่มาด้วยหรือ”

ฉินมู่รับคําและโค้งแก่หลวงจีนหมิงซิ่น “หลวงจีนน้อย หากว่าเจ้าไม่อาจอยู่ในวัดใหญ่ฟ้าคํารามได้อีกต่อไป ก็มาตามหาข้าที่ลัทธิมารฟ้านะ”

หลวงจีนหมิงซิ่นฟังแล้วก็งงงวย “ทําไมข้าถึงจะอยู่ที่นี่ไม่ได้อีกต่อไปล่ะ อาจารย์ออกจะดีกับข้า และศิษย์พี่ศิษย์น้องก็ดูแลข้าดีเช่นกัน ข้าไม่ลงเรือโจรหรอก เจ้าก็เหมือนกัน อย่าเป็นจ้าวลัทธิมารอีกต่อไปเลย เลิกทําชั่วและกลายเป็นคนดีไม่ดีกว่าหรอกหรือ พุทธองค์ตรัสว่าทะเลทุกข์ไร้สิ้นสุด เพียงแค่หันหลังกลับก็จะพบฝั่ง…”

ฉินมู่ส่ายหน้าแล้วกล่าวอย่างมั่นคง “เจ้าเป็นหลวงจีนที่แท้จริง บางครั้งหลวงจีนที่แท้จริงก็ไม่อาจอยู่ในวัดที่มีแต่หลวงจีนจอมปลอมได้ เมื่อวัดนี้ไม่ทนเจ้าอีกต่อไป เจ้าก็จะต้องไปค้นหาตถาคตของตนเอง การตื่นรู้ของตนเอง”

“อ่านพระสูตรแต่น้อย พระสูตรส่วนใหญ่เขียนขึ้นมาโดยผู้ที่ไม่เคยเป็นยูไล และหากว่าเขามิได้บรรลุเป็นพุทธเจ้า เขาจะชี้แนะเจ้าในมรรคาเต๋าได้อย่างไร ทําลายพุทธเจ้าและวัดใหญ่ฟ้าคํารามในหัวใจของเจ้า และเจ้าก็จะกลายเป็นพุทธเจ้าของตนเอง โลกหล้าจะเป็นวัดใหญ่ฟ้าคํารามของเจ้า และสรรพชีวิตก็จะเป็นสหายเต๋า เป็นศิษย์พี่ของเจ้า”

เขายื่นนิ้วออกไปและแตะที่ตําแหน่งหัวใจของหลวงจีนหมิงซิ่นด้วยรอยยิ้ม “ที่นี่ คือพุทธเจ้าที่แท้จริง”

จากนั้น เขาก็เปลี่ยนไปแตะที่ใจกลางหว่างคิ้วของหลวงจีนหมิงซิ่น “ส่วนนี่คือพุทธเจ้าอันเทียมเท็จ อย่าปล่อยให้ความเชื่อกลายเป็นมาร เป็นพันธนาการ และเป็นอุปสรรคขัดขวางการรับรู้ของเจ้า ที่เจ้าควรทํา คือเงยหน้าขึ้นมาเผชิญกับโลกและมีจิตสํานึกอันกระจ่างแจ้ง”

“วางตาชั่งไว้ในหัวใจ และให้มันเป็นหลักการชั่งวัดดีและชั่ว ถูกและผิด เที่ยงธรรมและชั่วร้าย พุทธเจ้าและมารอสูร เดินออกไปข้างนอกมากกว่านี้เพื่อดูว่าผู้คนกระทําอะไร ไม่ใช่เพียงแค่อ่านว่าพระสูตรเขียนไว้อย่างไร ถ้าเจ้าเอาแต่นั่งไตร่ตรองเรื่องความดี ความชั่วอยู่ในวัดแต่ถ่ายเดียว เจ้าไม่มีวันบรรลุเป็นพุทธเจ้าได้แน่นอน”

หลวงจีนหมิงซิ่นฟังแล้วเหมือนถูกพลิกฟ้าควํ่าดิน เขาจมลึกในห้วงคิด

ฉินมู่หันหลังกลับและเดินไปหาเฒ่าหม่า ระหว่างทางเขาทักทายหลวงจีนจิ่งหมิง “ขอโทษไต้ซือด้วยที่ข้าทําลายความสงบ”

หลวงจีนจิ่งหมิงทักทายกลับและกล่าว “จ้าวลัทธิมารสุภาพไปแล้ว การฝึกฝนบําเพ็ญของพวกเขายังไม่ถึงขั้นและสันดานมารของจ้าวลัทธิก็แข็งแกร่งเกินไป เจ้านั้นเก่งในเรื่องล่อลวงจิตใจผู้คน ทั้งยังอํามหิตในการลงมือ สมกับเป็นมารเฒ่าชั่วร้าย”

ฉินมู่ส่ายหน้า “การฝึกบําเพ็ญใจของข้ายังคงตื้นเขิน หากว่าผู้คนหมายจะสังหารข้า ข้าก็ได้แต่ตอบโต้ไป ระดับบําเพ็ญจิตใจของไต้ซือนั้นลึกซึ้ง หากว่ามีคนหมายจะปลิดชีวิตเจ้า เจ้าจะตอบโต้ไหม”

เมื่อเขากล่าวจบ สายตาของเขาก็กลายเป็นคุกคาม และกระบี่ผู้พิทักษ์เยาว์ก็พุ่งออกมาจากฝัก

สายตาของหลวงจีนเฒ่าจิ่งหมิงและคนอื่นๆ จับจ้องลงบนใบมีดวาบวับ พวกเขาส่ายหน้าอย่างเชื่องช้า

ฉินมู่เก็บกระบี่วิเศษกลับเข้าฝักและระบายลมหายใจที่อั้นไว้ ก่อนจะเผยยิ้ม “ข้าคิดว่าหลวงจีนอาวุโสอย่างพวกเจ้าที่บรรลุธรรม จะสําเร็จถึงขั้นไม่กลัวความเป็นความตาย ไม่กลัวสรรเสริญและเสื่อมยศ แต่พวกเจ้าก็ยังเหมือนกับข้า เป็นมนุษย์ธรรมดาที่มีสันดานมาร ลาก่อน ท่านปู่หม่า ท่านปู่บอด กุฏิใจสมาธิเป็นสถานที่อย่างไรหรือ”

เฒ่าหม่าพาพวกเขาเดินออกไปพลางกล่าว “กุฏิใจสมาธิเป็นสถานที่ที่หลวงจีนฝึกปรือจิตใจตน การฝึกปรือที่นั่นแตกต่างจากที่นี่ สําหรับการฝึกปรือของหลวงจีน อย่างแรกพวกเขาจะฝึกบําเพ็ญใจ มีหลวงจีนหลายคนบําเพ็ญตบะไม่เอ่ยวาจา”

เฒ่าบอดระบายลมหายใจโล่งอกแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ดีแล้วล่ะที่พวกเขาบําเพ็ญตบะไม่พูดจา นี่ประหยัดแรงมานั่งพูดถึงพฤติกรรมของหลวงจีนทั้งหลายที่ทําอยู่จริงอันขัดแย้งกับที่พวกเขาพรํ่าบอกว่าเป็นคําสอนพุทธศาสนา เพราะพอจะคุยกับพวกเขาเรื่องการจัดการสํานัก พวกเขาก็จะไพล่ไปพูดเรื่องหลักเหตุผล พวกเจ้าไปคุยกับพวกเขาเรื่องหลักเหตุผล ก็ไพล่ไปพูดเรื่องหลักคําสอนพุทธ และพอเจ้าไปคุยเรื่องหลักคําสอนพุทธ พวกเขาก็จะฮือมารุมต่อยตีเจ้า พวกนักบวชพวกนี้ทําอย่างที่ตัวเองสอน ชาวบ้านยังไม่ได้เลย”

เฒ่าหม่าลังเลและชะงักเท้า “ถ้าอย่างนั้น พวกเราอย่าไปกุฏิใจสมาธิเลย”

ฉินมู่ฉงนและร้องออกมา “หรือหลวงจีนที่กุฏิใจสมาธิก็จะเป็นแบบที่นี่เหมือนกัน?”

เฒ่าหม่าส่ายหัว “มีหลวงจีนบางกลุ่มในกุฏิใจสมาธิที่ไม่ได้บําเพ็ญตบะไม่เอ่ยวาจา ดีแล้วที่เจ้ามาด้วย หากข้ามาคนเดียว พวกเขาก็คงรุมล้อมเข้ามาเทศนาสั่งสอนข้า แต่ในเมื่อเจ้าเป็นจ้าวลัทธิมาร พวกเขาก็จะหันไปเทศนาสั่งสอนเจ้ามากกว่า และหากว่าพวกเขาโน้มน้าวเจ้าไม่สําเร็จ เหตุการณ์แบบเดียวกับที่กุฏิมังกรฟ้าก็จะย้อนรอยเดิม”

เฒ่าบอดส่ายหน้า “ถ้าอย่างนั้น อย่าไปดีกว่า วัดใหญ่ฟ้าคํารามเต็มไปด้วยหลวงจีนจอมปลอมที่ไม่กี่คนทําได้อย่างที่สั่งสอนชาวบ้าน เมื่อไหร่ที่เจ้าชี้เรื่องที่พวกเขาทําผิด พวกเขาก็จะมาโต้เถียงกับเจ้า สิ่งที่ยากที่สุดในโลกนี้คือโน้มน้าวเปลี่ยนใจผู้คน พวกเขาไม่อาจทะลวงสิ่งกีดกันความตระหนักรู้ของตนและคอยแต่จะทําให้เหตุผลง่ายๆ กลายเป็นเรื่องซับซ้อน ทําให้เจ้าปวดเศียรเวียนเกล้าไปหมด หากว่าเจ้าตามการชักแม่นํ้าทั้งห้าของพวกเขาไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็หลงไม่รู้ทิศรู้ทาง”

เฒ่าหม่ากล่าว “หลักเหตุผลที่ดีที่สุดก็คือสัจจะ ในที่สุดแล้ว สิ่งที่ใช่ก็คือสิ่งที่คนผู้นั้นกระทํา ในโลกนี้มีหลวงจีนที่แท้จริงอยู่ไม่มาก ส่วนใหญ่แล้วมีแต่พวกปลอมเปลือก พวกที่อ้าปากมาก็พ่นแต่ถ้อยคําที่เอ่ยอ้างมาจากคัมภีร์ราวกับพ่นดอกพิกุลเงินพิกุลทองออกมา รู้แต่จะพูดแต่ไม่รู้ที่จะลงมือทํา นับว่าโชคดีเท่าไรแล้วที่จะหาหลวงจีนที่แท้จริงท่ามกลางพวกจอมปลอมได้สักหนึ่งในร้อยคน ยูไลนั้นชราภาพและเพิกเฉยการสั่งสอน หลังๆ มานี้เขาดูเหมือนจะไม่มีกําลังวังชาที่จะทําอะไรดั่งที่ใจอยากทํา”

ปกติแล้วเฒ่าหม่าเป็นคนพูดน้อย แต่เมื่อเขาได้กลับมาเยือนที่พํานักเก่า เขาก็พูดจามากขึ้นโดยไม่รู้ตัว

หลวงจีนจิ่งหมิงมองตามพวกเขาที่เดินออกไปไกลทุกที จากนั้นหันมามองกลุ่มหลวงจีนเฒ่าด้วยกันอย่างหดหู่

“สันดารมาร จ้าวลัทธิมารฟ้าผู้นี้มีสันดานมารอย่างแท้จริง”

หลวงจีนเฒ่าอีกคนหนึ่งถอนหายใจ “ยูไลให้เขาอยู่ในวัดเรา แต่ข้าเกรงว่านี่จะเป็นเคราะห์มากกว่าโชคสําหรับวัดใหญ่ฟ้าคําราม”

เจ้าอาวาสอีกคนกล่าว “ข้าไม่เข้าใจเลยว่าทําไมยูไลถึงอยากให้เขาอยู่ที่นี่ เขาเป็นจ้าวลัทธิมาร จ้าวลัทธิมารแห่งลัทธิมารฟ้าคนไหนที่จะโน้มน้าวให้กลับใจได้ง่ายๆ กันล่ะ”

หลวงจีนจิ่งหมิงกล่าว “พวกเจ้าไม่ต้องเดาไปสุ่มสี่สุ่มห้าหรอกเจตนาของยูไลคือหมายจะใช้คําสอนพุทธส่งอิทธิพลต่อเขา ให้เขารู้ความกว้างใหญ่ไพศาลของพุทธศาสนา ละทิ้งความชั่วกลับตัวเป็นคนดี เปลี่ยนเขาให้เป็นชาวพุทธ ยูไลเคยคิดจะรับเขาเป็นศิษย์ ทว่าปรมาจารย์ลัทธิมารยื่นมือออกไปก่อนและช่วงชิงเขาไป”

หลวงจีนเฒ่าทั้งหมดฉงนฉงาย พวกเขารู้ว่าจิ่งหมิงและยูไลมีสายสัมพันธ์ลึกลํ้าของอาจารย์และศิษย์ ดังนั้นหลายๆ เรื่องจึงมิได้ปิดบังจิ่งหมิง เพราะอย่างนั้นพวกเขาจึงเชื่อที่บอกและถาม “มีเหตุการณ์แบบนั้นด้วยหรือนี่”

“ไม้เท้าขักขระนั่นเป็นของสัญลักษณ์ แต่เขาก็ยังคงไปยกให้กับลิงตัวหนึ่ง ยูไลรู้สึกว่าวาสนาขาดสะบั้น ท่านจึงไม่ตามหาตัวเขาต่อ แต่อันที่จริงแล้ว เหตุผลที่ 2 ที่ยูไลให้เขาอยู่ที่นี่ ก็เพราะว่าลัทธิมารฟ้านั้นเริ่มเจริญรุ่งเรืองเพราะมีจ้าวลัทธิฉินผู้นี้ เขายังมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับราชครูสันตินิรันดร์ และเมื่อภัยพิบัติหิมะมาถึง จ้าวลัทธิมารฟ้าก็มีวิสัยทัศน์ยาวไกลและสั่งให้ทั้งลัทธิมารสนับสนุนจักรพรรดิในการออกไปบรรเทาภัยพิบัติบัดนี้ด้วย จักรพรรดิและราชครูสันตินิรันดร์ประหนึ่งแขนขาของลัทธิมารฟ้า มันก็ยิ่งแต่จะรุ่งเรืองมากขึ้นไปอีก”

สีหน้าของเหล่าหลวงจีนเฒ่าแปรเปลี่ยน พวกเขากระทืบเท้ารํ่าร้อง “แล้วพวกเราต้องทําอย่างไร”

หลวงจีนเฒ่าจิ่งหมิงกล่าว “หากจ้าวลัทธิฉินมู่นี้ถูกกักตัวไว้ในวัดใหญ่ฟ้าคําราม แรงออกตัวของลัทธิมารฟ้าก็จะถูกทําลาย มารจะอ่อนแอและพุทธก็จะผงาด วัดใหญ่ฟ้าคํารามเราจะเจริญด้วยโชควาสนา แม้ว่าลัทธิมารฟ้าจะพยายามหาจ้าวลัทธิคนใหม่ พวกเขาก็คงไม่สามารถหาผู้ที่โดดเด่นเช่นจ้าวลัทธิฉินได้ ส่วนจิตเจตนาข้อที่ 3 นั้น…”

ในดวงตาเขามีประกายแสงราวกับแสงพุทธธรรมพุ่งวูบวาบ เมื่อเขากล่าวอย่างเผินๆ “นี่ก็เพราะเรื่องยูไลคนถัดไป ยูไลเฒ่าไม่มีความอุกอาจแบบเดียวกับปรมาจารย์ลัทธิมาร ที่จะเลือกเด็กอายุเพียงเท่านี้มาเป็นจ้าวลัทธิ แต่เขายังคงชื่นชมหม่าหวางเฉิง และรู้สึกว่าหม่าหวางเฉิงนั้นเหมาะสมที่สุดที่จะสืบทอดกาสาวพัตร์และบาตรของเขา น่าเสียดาย…”

หลวงจีนเฒ่าคนอื่นๆ หันไปมองกันและกัน จากนั้นกล่าวเป็นเสียงเดียว “น่าเสียดาย”

หลวงจีนน้อยหมิงซิ่นก้าวเขามาด้วยใบหน้าอันเหม่องงและกล่าวกับกับหลวงจีนเฒ่าจิ่งหมิง “อาจารย์ ข้า…”

หลวงจีนเฒ่าจิ่งหมิงเห็นเขาใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวจึงสําทับ “เด็กดี เจ้าถูกถ้อยคําของจ้าวลัทธิมารล่อลวงมารในตัวเจ้าเด็กนั่นล่อลวงจิตใจผู้คนและเมื่อเขาเป็นจ้าวลัทธิมารฟ้าก็ยิ่งเลวร้ายเข้าไปใหญ่”

“แต่ข้ารู้สึกว่าที่เขาพูดก็ฟังดูมีเหตุผล…”

หลวงจีนเฒ่าจิ่งหมิงหัวเราะด้วยเสียงอันดัง “เด็กดี ในวัดเรามีพระสูตรมากมายที่ใช้ตัดสินว่าใครเป็นมาร ไปดูสิว่าผู้มาก่อนเจ้ากล่าวไว้อย่างไร จากนั้นเจ้าก็จะได้ทําความคิดให้เที่ยงตรงโดยที่ข้าไม่จําเป็นต้องชี้ทางสว่าง”

หลวงจีนหมิงซิ่นยังคงรู้สึกไม่สบายใจ

หลวงจีนเฒ่าจิ่งหมิงขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าผลกระทบจากถ้อยคําที่ฉินมู่กล่าวต่อหลวงจีนน้อยผู้นั้นค่อนข้างฝังลึกเช่นนั้นคงจะดีกว่าถ้าจะให้เขาทํางานอื่นๆ อันไม่จําเป็นต้องขบคิดใคร่ครวญมาก “ไป และช่วยพวกศิษย์พี่ของเจ้าทํางาน ช่วยยกเสามังกรตั้งขึ้นมาคืนแม้ว่ามันจะแตกหัก แต่ก็ยังคงซ่อมแซมได้”

หลวงจีนหมิงซิ่นรับคําและเดินไปช่วยพวกศิษย์พี่ในกุฏิมังกรฟ้ารักษาคนบาดเจ็บ แต่ทว่าหลวงจีนเหล่านั้นทําหน้าบึ้งใส่และผลักเขาออกด้วยการปัดชายแขนเสื้อ

หลวงจีนหมิงซิ่นอึ้งไป เขาเปลี่ยนไปช่วยยกเสามังกรที่ล้มลง แต่หลวงจีนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาผลักเขาออกไปข้างๆ

เมื่อเขาเบียดเข้าไปอีกครั้ง คราวนี้ก็โดนผลักล้มลงกับพื้น เขามองไปยังทุกๆ คนอย่างมึนงง ก่อนที่จะลุกขึ้นอย่างเงียบงันแล้วเดินไปยังหอพระธรรมเพื่ออ่านพระสูตร แต่ทว่าเขาไม่อาจซึมซับหลักเหตุผลในสิ่งที่เขาอ่านได้เลย

หลวงจีนเฒ่าจิ่งหมิงซึ่งกําลังจัดแจงกุฏิมังกรฟ้าอยู่พลันเห็นหลวงจีนหมิงซิ่นแบกห่อสัมภาระเล็กๆ เดินลงจากภูเขา เขาจึงร้องเรียก “หมิงซิ่น เจ้าได้นําพระสูตรติดตัวไปด้วยไหม”

หลวงจีนหมิงซิ่นหยุดยั้งและกล่าว “อาจารย์ ข้านําพระสูตรหฤทัยไป”

หลวงจีนจิ่งหมิงพยักหน้า “ลงจากภูเขาแล้วรีบกลับมาโดยเร็ว ทะเลทุกข์ไร้ที่สุดสิ้น เมื่อหันหลังกลับก็จะเห็นเขาพระสุเมรุอันเป็นที่สถิตของวัดใหญ่ฟ้าคํารามอยู่ใกล้แค่เอื้อม”

หลวงจีนหมิงซิ่นคุกเข่าลงโขกหัวคารวะ 2 ครา จากนั้นหันกายลงจากภูเขาไป

ข้างหลังเขา ระฆังแห่งวัดใหญ่ฟ้าคํารามดังเหง่งหง่าม ท่ามกลางแสงดวงตะวันที่ลอยเด่นอยู่กลางฟากฟ้า แสงของมันทาบทอสร้างเงาของหลวงจีนน้อยให้ยืดยาวไปในทางลงภูเขา

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!