Skip to content

Tales of Herding Gods 303


ตอนที่ 303 ยักษ์ผู้มีกายาจ้าวแดนดิน

เวิ้งใต้พิภพแห่งนี้มีขนาดกว้างใหญ่ไพศาล และยังมีภูเขา ข้างหน้าอันดูเหมือนครึ่งท่อนบนของรูปสลักยักษ์ มันใหญ่โตมโหฬาร และทั้งร่างของมันปกคลุมไปด้วยหินสีดําสนิท แต่ทั้งจมูก ดวงตา ปาก และใบหูล้วนแต่ถูกสลักเสลาขึ้นมาอย่างละเอียด

ในเมื่อเห็นเพียงแต่ร่างครึ่งท่อนบน ร่างครึ่งท่อนล่างก็คงจะถูก ฝังอยู่ในพื้นดิน หรือมิเช่นนั้นก็มิได้สลักร่างครึ่งท่อนล่างมาตั้งแต่ แรก

ข้างหลังรูปสลัก มีเรือเหาะโบราณ ลอยอยู่กลางอากาศ ครึ่งหนึ่งของมันอยู่ในเวิ้งถํ้าใต้พิภพ ส่วนอีกครึ่งหนึ่งนั้นทะลุเข้าไป ในประตูใหญ่อันมีผนึกรูปรังผึ้งตราอยู่บนนั้น แต่กราบเรือของเรือ เหาะลํานี้แทงทะลุเข้าไป จมลงในโลกมิติอื่น

ตราผนึกนี้น่าจะเป็นผนึกสะกดแดนใต้พิภพที่ค้างคาวขาวพูดถึง

เทพโบราณน่าจะเปิดเส้นทางจากโลกจริงไปยังแดนใต้พิภพ

อันเป็นผลให้เกิดการรุกรานจากสิ่งมีชีวิตในแดนใต้พิภพ ดังนั้น เหล่าเทพเจ้าจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปิดผนึกสถานที่นี้เอาไว้ เผ่าเทพค้างคาวขาวคงจะได้รับคําสั่งให้คอยพิทักษ์คุ้มกัน และชีวิต

ที่นี่คงสงบสุขดีจนกระทั่งเรือเหาะร่วงลงมาทะลุเข้าไปในผนึก

จากที่เห็น ผนึกกําลังหลวมคลาย โดยเฉพาะจุดที่เรือเหาะเข้า ไปแตะ ปรากฏรอยแตกร้าวจํานวนมากที่นั่น

ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีปัญหาที่ว่าสิ่งมีชีวิตจากแดนใต้พิภพเข้า มายังแดนโบราณวินาศผ่านเรือเหาะอีก!

สิ่งประหลาดเหล่านั้น จะลงมาจากเรือเรื่อยๆ บางพวกก็กางปีก บินออกไป บางพวกก็กระโดดลงมาจากเรือ แต่ทว่าไม่ทันที่พวกมัน จะหลุดไปได้ ผนึกรูปรังผึ้งก็จะส่องแสงวาบและบั่นศีรษะของสิ่ง เหล่านี้อย่างเงียบงัน

รูปสลักเทพเจ้ามหึมา ประตูใหญ่ เรือยักษ์ ผนึกรังผึ้ง สิ่งมีชีวิต จากแดนใต้พิภพ…โลกใต้ดินนี้ดูน่าสยดสยองและพิลึกเหลือเกิน

ประตูนี้ดูคุ้นตา…

ฉินมู่ศึกษาประตูใหญ่ดังกล่าวขึ้นๆ ลงๆ รู้สึกราวกับว่าเหมือน จะเคยเห็นที่ไหนมาก่อน แต่ก็นึกไม่ออกว่าเคยเห็นที่ไหน

“ไต้ซือสองคนนั้นตายไปได้อย่างไร”

เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย กําลังฝีมือของหลวงจีนชั้นสูงทั้ง 2 คน นั้นเหนือลํ้ากว่าค้างคาวขาวสองพี่น้องเสียอีก และตั้งแต่เมื่อพวก เขามาพิทักษ์สถานที่นี้ตามคําสั่งยูไล ทุกๆ อย่างก็สงบสุขมาตลอด

แล้วทําไมจู่ๆ ถึงตาย

ค้างคาวขาวทั้ง 2 กล่าวว่าพวกเขาเหนื่อยล้าจนขาดใจตาย แต่จากที่มอง ดูท่าจะมีอะไรมากกว่านั้น การที่กายหยาบของไต้ซือ ทั้ง 2 ยังคงสามารถป้องกันปราณมารจากแดนใต้พิภพทั้งๆ ที่

พวกเขาตายไปแล้ว แสดงว่ามีความสําเร็จในวิชาพุทธสูงส่ง และ กําลังฝีมือก็ไปถึงขีดขั้นอันสูงลํ้า ต่อให้พวกเขามิใช่ยอดยุทธ์ขั้น สะพานเทวะ ก็คงไม่ห่างไกลนัก

เป็นเรื่องยากที่ตัวตนระดับนี้จะขาดใจตายจากความเหนื่อยล้า ระหว่างการป้องกันต่อต้านปราณมาร

หรือว่ามีสิ่งมีชีวิตอันน่าสะพรึงกลัวอย่างสุดแสนที่เข้ามาในโลกนี้ผ่านเรือเหาะ และสังหารหลวงจีนเฒ่าสองคน? หรือว่าเป็นเพราะมีบางอย่างโจมตีผนึกอย่างรุนแรง และหลวงจีนทั้ง 2 ต้องรีดเร้นเรี่ยวแรงของตนเองจนตายเพื่อป้องกันการโจมตีนั้น?

ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน มันก็ไม่ใช่เรื่องดีเลยสักนิด หากว่าฉินมู่ เข้าใกล้เรือ เขามั่นใจว่าจะต้องมีอันตรายรอเขาอยู่อย่างไม่รู้จบ

แดนใต้พิภพ ดินแดนของภูติบดี แหล่งพํานักของดวงวิญญาณ ทูตของภูติบดีสามารถนำทางวิญญาณที่ตายในโลกนี้ ไปยังแดนใต้พิภพ และพวกเขาคือผู้นํ าทางความตาย ข้าเคยเห็น

ผู้นำทางความตายหนึ่งครั้ง พวกเขาเป็นผู้เฒ่าประหลาดที่พับเรือ กระดาษอยู่ในความมืดของแดนโบราณวินาศ แม้ว่าพวกเขาจะ

ประหลาดพิลึก แต่ก็นับได้ว่าค่อนข้างสงบสันติ ตราบเท่าที่ไม่ไป ขัดขวางงานของพวกเขา พวกเขาก็จะไม่ทำอะไรคนเป็น

ฉินมู่มองไปรอบๆ ดูเหมือนกับว่าแดนใต้พิภพของภูติบดีนั้นมี กฎระเบียบพิเศษเฉพาะของมันเองอยู่ และภูติบดีก็ไม่เข้ามายุ่ง เกี่ยวกับโลกจริง

ถ้าอย่างนั้น พวกสิ่งมีชีวิตจากแดนใต้พิภพที่อยู่ในหุบเขา ภูตผีนี่มันคืออะไรกัน

พวกมันแข็งแกร่ง ประหลาด เป็นมาร อํามหิต และยังชั่วร้าย เสียยิ่งกว่าฝูงมารฟ้าที่ฉินมู่เคยเจอ!

เทียบกับสิ่งมีชีวิตจากแดนใต้พิภพแล้ว ฝูงมารฟ้าดูน่ารักไป

เลย

สิ่งมีชีวิตจากแดนใต้พิภพ กับผู้นําทางความตายตรงกันข้าม

กันคนละขั้ว!

เขาเงยหน้าขึ้นมองเรืออันมิได้อยู่บนท้องฟ้า และมิได้อยู่บน พื้น ผนึกรังผึ้งได้ทําให้มันคาติดอยู่ตรงนั้น และเสาหกเหลี่ยมก็ถูก วางไว้ในอากาศ ซ้อนแล้วซ้อนอีก พวกมันโปร่งใสราวกับแก้วผลึก สี สร้างเป็นผนึกอันถูกทิ้งไว้โดยเทพโบราณ

แต่ทว่า มันมีปราณมารและรัศมีแปลกประหลาดรั่วไหลออกมา จากเรือเหาะ และมีเสียงอันกระตุกประสาทดังแว่วมาจากข้างในนั้น ราวกับมีวิญญาณบาปอันทนไฟนรกในแดนใต้พิภพกรีดร้อง โหยหวน

ฉินมู่ตั้งตัวและสติ และร่างของเขาพลันสั่นเทิ้ม เขาจําแลงเป็น สิ่งที่มีร่างงูและในมือมีม้วนคัมภีร์ ส่วนข้างหลังปรากฏประตูน้อม สวรรค์ หางงูของเขาเลื้อยพาร่างไปข้างหน้า ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า หลบหลีกรูปสลักเทพเจ้าตรงหน้าเพื่อเข้าไปในเรือ

ค้างคาวขาว 2 ตัวกระโดดโหยงด้วยความตกใจและรีบ กระพือปีกบินขึ้นมาเพ่งพิศฉินมู่อย่างสงสัยใคร่รู้ “แปลงร่าง เขาแปลงร่างอีกแล้ว! ก่อนนี้เขาเป็นวัว แล้วก็กลายเป็นคน และตอนนี้ เขาก็กลายเป็นงู!”

“ประตูนี้แปลกจัง ข้าเข้าไปดูข้างในหน่อยดีกว่า!” ฝูอวี้ชุน กล่าวอย่างอยากรู้อยากเห็น หมายจะผลักประตูน้อมสวรรค์เปิดออกเพื่อดูข้างใน

“ข้างหลังประตูคือแดนใต้พิภพ ถ้าเจ้าอยากจะตายและให้ดวง วิญญาณหลุดเข้าไปในแดนใต้พิภพ ก็เอาเลย เปิดประตูเลย” ฉินมู่ กล่าวด้วยเสียงเข้ม

ในขณะที่เขากล่าวอยู่นั่นเอง จิตใจเขาก็หวั่นไหวสะท้านอย่าง แรงเมื่อเขาชะงักอยู่กลางอากาศ มองไปยังประตูมหึมาตรงหน้าเขา อย่างเหม่อลอย

ประตูน้อมสวรรค์ ประตูที่ถูกผนึกโดยรังผึ้งคือประตูน้อมสวรรค์! หากว่าเป็นเช่นนั้น แล้วรูปสลักนี้คืออะไร

ฉินมู่หันกลับไปอย่างยากจะทําใจและมองไปยังรูปสลักเทพเจ้า

ไม่ใช่ว่ารูปสลักนี้กับประตูน้อมสวรรค์ยักษ์ตรงกับฉินมู่และ ประตูน้อมสวรรค์ของเขาทุกประการหรอกหรือ

“นี่ไม่ใช่รูปสลัก แต่เป็นคนที่ฝึกปรือเทวาจําแลงเทพครองดาว เสาร์อย่างสมบูรณ์!”

ฉินมู่สมองอึงอล แม้ว่าเทวาจําแลงเทพครองดาวเสาร์จะมีศีรษะ มนุษย์และหางงูอยู่เสมอ แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถฝึกปรือจน เกิดประตูน้อมสวรรค์และม้วนคัมภีร์ในมือขึ้นมาได้ แม้แต่ราชครู สันตินิรันดร์ซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะอัจฉริยะศักดิ์สิทธิ์อันปรากฏทุกๆ 500 ปี ก็ยังไม่อาจฝึกปรือจนได้ร่างจําแลงนี้มา นี่คือเทวาจําแลงที่สมบูรณ์แบบที่สุด

ฉินมู่เคยคิดว่านี่คือสัญลักษณ์ของกายาจ้าวแดนดิน และก็ยัง เป็นเหตุผลที่ทําให้เขามั่นอกมั่นใจว่าราชครูสันตินิรันดร์นั้นไม่มี ทางแข็งแกร่งทัดเทียมกับเขา

และบัดนี้ เขาได้พบกับตัวตนที่ฝึกปรือประตูน้อมสวรรค์จน สําเร็จ

“หรือนี่คือกายาจ้าวแดนดินในยุคโบราณ? ทําไมเขาถึง กลายเป็นหิน ทําไมเขาถึงอยู่ในสภาพนี้”

ฉินมู่ยืนอยู่กลางอากาศอย่างเงียบงันและมองไปยังรูปสลักเทพ เจ้า แต่มันไม่ใช่รูปสลักเทพเจ้า มันคือเทพเจ้าในร่างเทวาจําแลง เทพครองดาวเสาร์ซึ่งกลายเป็นหิน ครึ่งล่างของเขาคงจะถูกฝังอยู่ ใต้แ ผ่นดิน

ประตูน้อมสวรรค์ของเขาได้กลายเป็นประตูที่เชื่อมต่อแดนใต้ พิภพและโลกจริงเข้าด้วยกัน แต่ยากที่จะกล่าวว่าเหตุใดประตูจึง สูญเสียการควบคุม นี่เป็นผลให้สิ่งมีชีวิตที่แดนใต้พิภพไหล่บ่า

ออกมาจากประตูและก่อความวุ่นวายในโลกจริง ดังนั้นเทพเจ้า โบราณจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปิดผนึกประตูนี้เอาไว้

ถ้าอย่างนั้น เขากลายเป็นหินได้อย่างไร และใครทำให้เขา กลายเป็นหิน…

ฉินมู่พิศวงเล็กน้อย กายาจ้าวแดนดินโบราณผู้นี้ประสบพบ เจออะไร ถึงตกอยู่ในสภาพที่เห็น ทําไมประตูน้อมสวรรค์จึงไม่ปิด ลงไปและหายวับหลังจากที่เขาสิ้นชีวิต ทําไมมันถึงกลายเป็นประตู ที่เชื่อมต่อแดนใต้พิภพกับโลกจริง

ค้างคาวขาวกล่าวว่า เหล่าเทพโบราณได้เปิดประตูระหว่าง แดนใต้พิภพกับโลกจริง แต่พวกเขาหมายความว่าอย่างไรกันแน่

หรือว่าค้างคาว 2 นี้รู้เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใน โบราณกาลนั้น?

ฉินมู่ตั้งสติและละทิ้งความคิดวุ่นวายในหัว เขาหันร่างกลับไป จากรูปสลักเทพเจ้าและเลื้อยตรงไปยังเรือเหาะ สิ่งมากมายที่คนยุค สมัยนี้มองว่าแปลกประหลาดได้เกิดขึ้นในยุคก่อนมหาภัยพิบัติของ แดนโบราณวินาศ เหตุการณ์เหล่านั้นได้กลายเป็นหน้า ประวัติศาสตร์ที่จมอยู่ในฝุ่นธุลีไปนานแล้ว กลายเป็นความลึกลับที่ รอให้ชนรุ่นหลังมาเปิดเผยความจริง

ฉินมู่นั้นยังอ่อนแออยู่มาก และไม่มีความสามารถที่จะไข ปริศนาและความลับเบื้องหลังทุกๆ สิ่งได้

เขาเหาะไปยังเรือจากอวกาศนอกโลก ค่อยเข้าใกล้มันอย่าง ระมัดระวัง ยิ่งเข้าใกล้มากเท่าไร เขาก็ยิ่งรู้สึกถึงความอลังการของ เรือเหาะนี้

แน่ล่ะ หากไปเทียบกับเรือตะวันและเรือจันทรา เรือเหาะนี้ไม่ นับว่าเป็นอะไร แต่เมื่อเทียบกับเรือเหาะของจักรวรรดิสันตินิรันดร์ แล้ว เรือลํานี้ใหญ่โตกว่ามาก

เรือนี้ดูไม่เหมือนสิ่งที่มาจากโลกปุถุชน บนลําเรือเต็มไปด้วย รอยฝังอักษรรูนแปลกพิสดารเต็มไปหมด แม้ว่าอักษรรูนส่วนมาก จะถูกทําลายไป แต่ก็ยังมีบางส่วนที่ส่องแสงวูบวาบอย่างมีชีวิตชีวา เป็นครั้งคราว ระหว่างที่อักษรรูนติดแสงขึ้นมาและดับไป รูปร่างของ อักษรรูนก็จะแปรเปลี่ยน หากว่าฉินมู่สังเกตการณ์พวกมันอย่าง ละเอียด เขาก็น่าจะถอดเอาแง่อัศจรรย์ออกมาจากการเปลี่ยนแปร ของพวกมันได้จํานวนหนึ่ง

แต่ทว่าเขาไม่มีเวลาเฝ้าสังเกตอักษรรูน เขาลอบขึ้นไปที่ท้าย เรือและเห็นหลายส่วนของเรือถูกทําลายจนพังไปแล้ว แม้ว่าตัวเรือ ใหญ่จะยังคงอยู่ดีก็ตาม

ผนึกรังผึ้งที่เทพเจ้าโบราณทิ้งเอาไว้ ไม่โจมตีเขาหรือค้างคาว ผนึกเหล่านั้นน่าจะมุ่งเป้าโจมตีสิ่งมีชีวิตจากแดนใต้พิภพ และไม่มี อันตรายต่อสิ่งมีชีวิตจากโลกจริง

ฉินมู่ลงสู่พื้น ข้างหลังเขา กิเลนมังกรและค้างคาวขาวทั้ง 2 ก็ ลงที่ดาดฟ้า บนดาดฟ้านี้มีของเหลวสีเขียวอยู่เต็มไปหมด อันส่อง แสงเรื่อเรืองออกมา ฉินมู่เผลอเลื้อยผ่านกองของเหลวนี้กองหนึ่ง และรีบหลบไปข้างๆ ทันที เขาพบว่ามันมีสิ่งคล้ายใยไหมถูกดึง ออกมาจากของเหลวเหนียวดังกล่าว

ฝูอวี่ชิวกอบของเหลวเหนียวนี้มากําหนึ่งและดมฟุดฟิด “นี่น่าจะเป็นซากที่เหลือของแมลงที่ตายไปแล้ว”

กิเลนมังกรเขย่าร่างของเขา และลูกบอลเพลิงแท้สมาธิก็ถูกยิง ออกมา แผดเผาของเหลวเหนียวทั้งหมดบนดาดฟ้าเรือ

ทันใดนั้น ลูกบอลปราณมารก็พุ่งออกมาจากท้ายเรือ ดับลูก บอลเพลิงแท้ของกิเลนมังกรโดยพลัน ฝูอวี่ชิวและฝูอวี่ชุ้นรีบพุ่ง วาบไปขวางเบื้องหน้าฉินมู่ อ้าปากของพวกเขาเพื่อกรีดร้องอย่าง

ไร้เสียง อันไปปะทะกับปราณมารนั้น

ตูม!

พละกําลังมหาศาลเกินจินตนาการกวาดซัดมาเป่าค้างคาว 2 ตนกระเด็นไป แม้แต่ฉินมู่กับกิเลนมังกรที่ยืนอยู่ข้างหลังก็ปลิว ขึ้นไปบนอากาศ

พวกเขาทั้งหมดร่วงลงมากับพื้นและมองไปข้างหน้าด้วยสีหน้าวิตก

ความมืดคืบคลานมาราวกับมีชีวิตจิตใจ เข้าใกล้พวกเขา

กิเลนมังกรร้องขู่และตัวสั่นเทิ้ม เสียงกรอบแกรบดังมาจากร่างของ เขาเมื่อเขาขยายร่างขึ้น และเกล็ดมังกรก็ส่งเสียงบาดหูเมื่อมัน เสียดสีกันไปมา ในพริบตาเดียว เขาก็เผยร่างที่แท้จริงและ

กลายเป็นสัตว์ยักษ์มหึมาครึ่งมังกรครึ่งกิเลน เพลิงและสายฟ้าพวย พุ่งออกมาจากร่างของเขา และโถมซัดเข้าไปยังส่วนลึกของเรือ

กิเลนมังกรอ้าปากของตน พ่นเพลิงไฟและอสุนีบาต กําลังฝีมือของเขาเยี่ยมยอด และแม้แต่ยอดฝีมือขั้นชาว

สวรรค์ก็ยังต้องหลบหลีกจากการจู่โจมนี้ของเขาตรงๆ แต่ทว่าเมื่อ

มันยิงเข้าไปใส่มวลมืดที่แผ่สยายมา ก็ไม่ต่างอะไรกับวัวโคลนจม ทะเล ไม่เกิดรอยกระเพื่อมเลยแม้แต่น้อย

ค้างคาวขาวทั้ง 2 กระพือปีกและหมุนปั่นในอากาศ ขนขาว ละเอียดยิบของพวกมันพลันพุ่งออกมาราวห่าฝนยิงเข้าไปในความ มืดด้วยเข็มสีขาวนับไม่ถ้วน

หลังจากนั้นค้างคาวก็เรียกขนของตนกลับไป แต่ไม่ว่าพวก เขาจะทําอย่างไร ขนของพวกเขาก็ไม่กลับมา ในช่วงพริบตานั้น พวกเขาเหมือนกับหนูตัวใหญ่ที่เพิ่งผลัดขนออกจนหมด ยืนเปล่า เปลือยตัวสั่นระริก

ความมืดยังคงคืบคลานมาข้างหน้าอย่างไม่ช้าไม่เร็ว เสียงหัวเราะอย่างแผ่วเบาแว่วมาจากข้างในและกล่าวถ้อยคําบางอย่างที่เข้าใจไม่ได้

มันไม่ใช่เสียงเทพ และก็ไม่ใช่เสียงมาร และแน่นอนว่าไม่ใช่ คาถาพุทธเช่นกัน

ทันใดนั้น ฉินมู่สีหน้าแปรเปลี่ยน และเขากล่าวถ้อยคําของ แดนใต้พิภพเท่าที่เขารู้ออกไป

ความมืดพลันชะงักทันทีและหยุดคืบคลานเข้ามาหาพวกเขา ในทางตรงข้าม มวลมืดล่าถอยกลับไปอย่างรวดเร็ว และเส้นขน ละเอียดเล็กจํานวนมากก็บินกลับไปและคืนสู่ร่างกายของค้างคาวขาว ทําให้พวกเขาดูยังกับตัวเม่น

ค้างคาวขาวงุนงง แต่พวกเขาก็รีบสั่นร่างเพื่อให้เส้นขนสีขาว กลับเข้ามาในรูขุมขนตามเดิม

ACAC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version