Skip to content

Tales of Herding Gods 343


ตอนที่ 343 ความลับของนครหยกน้อย

“น่านฟ้าคันฉ่องวารีของนครหยกน้อยนับว่าเหนือธรรมดา จริงๆ”

ฉินมู่เพ่งพิศดูน่านฟ้าคันฉ่องวารีใต้เท้ากิเลนมังกรและอุทาน ด้วยความทึ่ง สิ่งนี้มหัศจรรย์เป็นอย่างยิ่ง เมื่อมองจากข้างใต้ ผู้มอง ก็เห็นท้องฟ้าสีครามใสในเวลากลางวัน และเห็นฟ้าดารดาษดาวใน ยามคํ่าคืน แต่ทว่าเมื่อใครขึ้นมาเหนือคันฉ่องวารี พวกเขาก็จะเห็น โลกอันผิดแผกแตกต่าง

น่านฟ้าคันฉ่องวารียกนครหยกน้อยให้ลอยขึ้นมาและแยกมัน ออกจากโลกหล้า เมื่ออยู่บนนั้นและแลมองลงไป พวกเขาก็จะเห็น เมฆทั้งหลายเคลื่อนคล้อยผ่านภูเขา บางครั้งก็เผยให้เห็นภูมิ

ประเทศของมันและแม่นํ้ายาวเหยียดอันดูเหมือนมังกรตัวหนึ่ง

น่านฟ้าคันฉ่องวารีทำขึ้นมาจากอะไรนะ

ฉินมู่พลันกระโดดลงมาจากหลังกิเลนมังกรและยื่นมือของเขา ออกไป ที่เขาแตะนั้นดูราวกับวัตถุในโลกจริง เขาวักนํ้าขึ้นมา จํานวนหนึ่งในอุ้งมือ และสามารถประคองมันไว้ในนั้นได้ และถึงกับไหลลงมาจากร่องระหว่างนิ้วของเขาได้ด้วย

ฉินมู่ยืนขึ้นและกระทืบเท้า ผิวหน้าของคันฉ่องวารีกระเพื่อม ออกไปรอบๆ

แปลกจริงเชียว นี่ม่ช่ทั้งนํ้าและอากาศ มันร้าขึ้นมาจาก อะไรกันน่น เขายิ่งตื่นใจมากขึ้นทุกที หรือว่าในโลกนี้ยังมีวัสดุที่ ข้ายังม่รู้จักอีกหรือ ม่ด้ล่ะ ข้าต้อค้นว้าเรื่อนี้ห้ถึงที่สุด!

เขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น หลังจากเรียนรู้วิชาหลอมสร้างตี เหล็กจากเฒ่าใบ้มาหลายปี มันก็กลายเป็นนิสัยเคยชินของฉินมู่ที่ จะศึกษาวัสดุที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน ทันทีที่พบเจอมัน

เขาปลุกเนตรสวรรค์เขียวครามเพื่อศึกษาโครงสร้างของน่าน ฟ้าคันฉ่องวารีโดยละเอียด พยายามเสาะหาว่ามันก่อตัวขึ้นมา อย่างไรโดยมองดูจากรอยฝังอักษรรูนในนั้น แต่เขาก็ต้องผิดหวัง เมื่อไม่สามารถหามันพบได้

นี่เป็นไปไม่ได้! น่านฟ้าคันฉ่องวารีนี้เป็นสมบัติวิเศษชัด และในเมื่อมันคือสมบัติชิ้นหนึ่ง มันก็ต้องอาศัยรอยฝังอักษรรูนที่จะเพิ่มพูนฤทธิ์เดชของมัน เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่เห็นรอยฝังอักษรรูนเลยแม้ต่ตัวเดียว!

ฉินมู่ตะลึงไป เขาได้เห็นวิชาผนึกของเทพเจ้ามาก่อน ยกตัวอย่างเช่น ผนึกรังผึ้งในเวิ้งใต้ดินของหุบเขาภูตผี ข้างในผนึกนั้นมีรอยฝังอักษรรูนเรืองแสงวูบวาบไปมา หรือว่าวิธีการ หลอมสร้างน่านฟ้าคันฉ่องวารีนี้เหนือลํ้ากว่าวิธีของทวยเทพ ทําไม เขาถึงมองไม่เห็นรอยฝังอักษรรูนแม้แต่รอยเดียว

กิเลนมังกรนั้นได้มาถึงนครหยกน้อยแล้ว และทะยานขึ้นไปบน เกาะลอยฟ้า เสียงซีอวี่หันหลังกลับไปดู ก็เห็นแต่ฉินมู่ยังคง ‘วักนํ้า เล่น’ อยู่บนน่านฟ้าคันฉ่องวารี นางอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา จ้าลัทธิและกษัตริย์มนุษย์ฉินผู้นี้แม้จะดูมีวุฒิภาวะสูง ต่หัวใจเขาก็ยังคงเป็นเด็ก

ผู้สันโดษชิงโยวรีบก้าวเข้ามาข้างหน้าและเชิดชูลัญจกรกษัตริย์มนุษย์มาด้วย 2 มือเหนือหัว เขามองไปยังหลังของกิเลน มังกรเห็นแม่ลูกคู่หนึ่ง รวมกับทั้งผู้ใหญ่บ้านที่เหมือนมนุษย์แท่งไม้ ทุกคนลังเล

ผู้สันโดษชิงโยวแย้มยิ้ม “กษัตริย์มนุษย์ โปรดรับลัญจกรลํ้าค่า ของท่านกลับคืน!”

ผู้ใหญ่บ้านลอยลงมาจากหลังกิเลนมังกรพร้อมกับเก้าอี้โยก ของเขา แต่เขาไม่รับลัญจกรกลับมา เขาส่ายหัว “ข้ามิใช่กษัตริย์ มนุษย์อีกต่อไปแล้ว ข้าได้สละตําแหน่งและถ่ายทอดความ รับผิดชอบนี้สู่รุ่นต่อไป”

ผู้สันโดษชิงโยวรีบมองไปยังแม่ลูกคู่นั้นและลังเลอยู่ครู่หนึ่ง กษัตริย์มนุษย์รุ่นปัจจุบันเป็นสตรีอย่านั้นหรือ มิน่าล่ะหญิงผู้นี้จึงดูไม่อ่นแอเลยและมีกำลังฝีมือระดับจ้าลัทธิ ม่ธรรมดาเลยจริงๆ ว่านางดูไม่เหมือนคนจากแผ่นดินภาคกลาง ต่คล้ากับมาจากแผ่นดินตะวันตกมากกว่า

ในกษัตริย์มนุษย์รุ่นก่อนๆ ไม่เคยขาดแคลนสตรีเพศ แต่เสียง ซีอวี่มาจากชนเผ่าในแผ่นดินตะวันตก อันทําให้เขารู้สึกประหลาด ใจ แต่ทว่าชนเผ่าในแผ่นดินตะวันตกก็เป็นมนุษย์เช่นกัน ดังนั้นพวกเขาก็สามารถกลายเป็นกษัตริย์มนุษย์ได้

ผู้สันโดษชิงโยวและเซียนเฒ่าแห่งนครหยกน้อยคารวะทักทาย เสียงซีอวี่ และเสียงซีอวี่ก็กล่าวด้วยรอยยิ้มทันที “ข้ามิใช่กษัตริย์ มนุษย์ ผู้อาวุโสทั้งหลาย อย่าทําให้ข้าตกใจเลย ข้าไม่อาจรับการคารวะจากพวกท่านได้!”

ผู้สันโดษชิงโยวมองไปที่เสียงฉีเอ๋อ เผยสีหน้าลําบากใจ เสียงซีอวี่รู้ว่าพวกเขาเข้าใจผิดอีกแล้ว จึงกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“กษัตริย์มนุษย์อยู่ข้างหลัง”

ผู้สันโดษชิงโยวและเซียนเฒ่าทั้งหลายแห่งนครหยกน้อยมอง ไปยังน่านฟ้าคันฉ่องวารีและเห็นเด็กหนุ่มที่กําลัง ‘วักนํ้าเล่น’ พวก เขาสีหน้ามืดดําอย่างข่มไม่อยู่

“ถ้าจะให้เด็กหนุ่มคนนี้เป็นกษัตริย์มนุษย์ เด็กหญิงน้อยคนนี้ ยังจะดีกว่าเสียอีก…”

ฉินมู่เพ่งพิศนํ้าซํ้าแล้วซํ้าอีก แต่ก็ยังคงมองไม่เห็นโครงสร้าง เขาจึงลอบนําขวดหยกเล็กๆ ออกมาและตักนํ้าเข้าไปข้างในนั้น เขาปิดจุกขวดและเก็บมันเข้าไปในถุงเต๋าตี้ เพื่อที่เขาจะได้ศึกษา ค้นคว้ามันตอนที่มีเวลา วิธีการหลอมสร้างสมบัติเช่นนี้ไม่ได้เรียบ ง่ายสามัญแค่การเอาเหล็กมาทุบตี มันเป็นสิ่งที่ใกล้เคียงกับสมบัติ วิเศษของเฒ่าใบ้ วิธีการหลอมสร้างที่ทําให้ผลลัพธ์ออกมาไร้ รูปร่างตายตัว และทําให้สิ่งนี้น่าศึกษาค้นคว้า

สมบัติของเฒ่าใบ้ไร้รูปร่างตายตัว และเขาสามารถหลอมสร้าง ทองคําทมิฬและเหล็กดําให้กลายเป็นสมบัติที่ไม่มีรูปร่างและสถานะตายตัวได้ ไปถึงขีดขั้นที่เขาสามารถแปรเปลี่ยนรูปลักษณ์มันได้ ตามประสงค์ ฉินมู่ยังคงห่างไกลจากขีดขั้นนี้

น้ำหายไปแค่นี้คไม่มีใครสังเกตเห็นหรอก

เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมาและเห็นพวกที่เหมือนฤๅษีเฒ่ามากมาย มองมายังเขาด้วยสีหน้าตกตะลึง สีหน้าของฉินมู่พลันแข็งค้าง และ เขารีบหัวเราะฮาๆ ยิ้มแฉ่งกลับไปให้พวกเขา เขาประสานมือคารวะ ทักทาย “กษัตริย์มนุษย์รุ่นปัจจุบันน้อมพบศิษย์พี่ชายและหญิง ทั้งหลาย ขออภัยที่มารบกวนความสงบของผู้อาวุโส ข้าเสียใจ จริงๆ”

เซียนเฒ่าทั้งหลายคารวะกลับไป

ผู้สันโดษชิงโยวลุกขึ้นและกล่าว “โปรดรับลัญจกรกษัตริย์ มนุษย์กลับ จริงสิ น่านฟ้าคันฉ่องวารีของนครหยกน้อยเรา กษัตริย์ มนุษย์ท่านจะ…”

“เจ้าสํานักเต๋าเฒ่า ยูไลเฒ่า ศิษย์พี่ทั้ง 2 ก็อยู่ที่นี่ด้วยหรือ!” ฉินมู่รับลัญจกรกษัตริย์มนุษย์มาและยัดมันลงไปในถุงเต๋าตี้ เขาเดินเข้าไปหาเจ้าสํานักเต๋าเฒ่าและยูไลเฒ่าพลางหัวเราะฮาๆ “ศิษย์พี่ทั้ง 2 ก็มาเป็นเซียนที่นี่อย่างนั้นหรือ เยี่ยมจริงๆ ดีจริงๆ พวกท่านก็จะได้ใช้ชีวิตอย่างไร้กังวลเสียที”

เจ้าสํานักเต๋าเฒ่าและยูไลเฒ่ารีบคารวะทักทายกลับ ยูไลเฒ่า แย้มยิ้ม “นักพรตเฒ่าและข้าเป็นอิสระจากภาระและเหลือเวลาชีวิต อยู่ไม่มาก มายังสถานที่อันสงบสันติเช่นนี้เพื่อใช้เวลาในบั้นปลาย ก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดี”

เจ้าสํานักเต่าเฒ่าก็ยิ้มกล่าว “หรือว่ากษัตริย์มนุษย์ฉินก็หมาย ที่จะเป็นเซียนผู้อมตะและหลุดพ้นจากพันธนาการทางโลก หากว่า ท่านทําเช่นนั้น ก็คงเป็นโชควาสนาของโลกหล้า”

ฉินมู่ส่ายหัว “ข้ายังมีภาระหน้าที่ติดตัว จะหดหัวหนีไปได้อย่างไร”

เจ้าสํานักเต๋าเฒ่าและยูไลเฒ่าทักทายผู้ใหญ่บ้านด้วยรอยยิ้ม เช่นกัน “ศิษย์พี่ท่านได้สละตําแหน่งกษัตริย์มนุษย์ และถึงกับออกมาจากแดนโบราณวินาศ หรือว่าท่านก็หมายจะมาเป็นเซียนผู้ ไร้กังวลในนครหยกน้อยเช่นกัน”

ผู้ใหญ่บ้านส่ายหัวและกล่าวอย่างชืดชา “มู่เอ๋อเพียงแต่กลัวว่า ข้าจะเหงาอยู่ในหมู่บ้านคนเดียว เขาจึงพาข้าไปด้วยในทุกที่ที่เขา ไป”

ผู้สันโดษชิงโยวก้าวเข้ามาด้วยรอยยิ้ม “กษัตริย์มนุษย์เฒ่า กษัตริย์มนุษย์ใหม่ และสหายเต๋าทั้ง 3 เชิญทางนี้”

ฉินมู่ตามพวกเขาไปที่ขุนเขาผู้อมตะ สถานที่นี้ทั้งตระการตา และงดงาม ให้ความรู้สึกแตกต่างเหนือธรรมดาแต่งแต้มอยู่ในนั้น ขุนเขาผู้อมตะที่ลอยอยู่กลางอากาศนั้นเชื่อมต่อด้วยสะพานแขวน เชือกโยงมากมายอันดูเหมือนจะถูกจัดเรียงเป็นพยุหะอัศจรรย์บางอย่างที่ทําให้ภูเขาลอยได้

หยิบยืมพลังกฎจากฟ้าและดิน วิธีการเช่นนี้ดูไม่เหมือนมาจากโลกปุถุชน! ฉินมู่สะท้านใจอย่างรุนแรง

การจัดเรียงพยุหะนี้เป็นประเภทที่หยิบยืมพลังกฎ อันระดับความลํ้าเลิศของมันได้สูงส่งจนสุดขีดขั้ว!

แม้ว่าฉินมู่จะไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านพยุหะค่ายกล แต่เขาก็รู้ว่า พยุหะทั้งหลายในโลกนี้จะต้องอยู่ใต้กฎที่ว่าพลังงานไม่ได้เกิดขึ้นมาจากความว่างเปล่า และจะต้องมีแหล่งพลังงานมาขับเคลื่อน

มัน ยกตัวอย่างเช่น ครั้งหนึ่งฉินมู่เคยคิดที่จะหลอมสร้างปืนใหญ่ แก่นกําเนิดอันมีพยุหะเนตรอัคคี เพื่อใช้ปกป้องภูเขานักบุญเยือน แต่ทว่าหินยาที่จะต้องใช้เพื่อหล่อเลี้ยงพยุหะเหล่านั้นให้ดํารงอยู่ได้

นั้นมากมายมหาศาล เขาจึงได้แต่ละวางความคิด

ในทางกลับกัน พยุหะของขุนเขาผู้อมตะและสะพานแขวน เหล่านี้ กลับหยิบยืมพลังกฎจากฟ้าและดิน มันดึงเอาพลังงานมา จากสวรรค์และพิภพ ดังนั้นจึงไม่จําเป็นต้องใช้หินยาและเตาหลอม ยาเป็นแหล่งจ่ายพลังงาน

ในความสําเร็จด้านพยุหะค่ายกล นครหยกน้อยนับได้ว่า นําหน้ากว่าจักรวรรดิสันตินิรันดร์ไปนับพันๆ ลี้

ฉินมู่อยากที่จะศึกษาพยุหะนี้ของนครหยกน้อย แต่หลังจากที่ เขาทําให้เซียนเฒ่าทั้งหลายขุ่นใจจากการขโมยน่านฟ้าคันฉ่อง วารีไปหนึ่งขวดแล้ว ก็คงไม่ดีถ้าจะทําแบบเดิมอีกรอบ

นครหยกน้อยนี้ดูค่อนข้างคล้ายคลึงกับลัทธินักบุญสวรรค์ของข้า ทั้ง 2 ห่งช้พยุหะแบบเดียวกัน หรือว่าพวกเขาจะเกี่ยวข้องกัน

ฉินมู่ประกายตาไหววูบ ภูเขานักบุญเยือนของลัทธิมารฟ้าก็ ลอยเลื่อนอยู่ในอากาศ และมีพยุหะค่ายกลปกป้องมันอันหยิบยืม พลังกฎจากฟ้าและดิน คัมภีร์มารฟ้ามหาศึกษิตของลัทธินักบุญ สวรรค์นั้นก็เหนือธรรมดา แต่พวกมันก็คงไม่อาจเหนือลํ้าไปกว่า มรรคา วิชา และทักษะเทวะของจักรวรรดิสันตินิรันดร์ได้ แต่ทว่า วิชาเคลื่อนย้ายระยะไกลของพวกเขาเหมือนกับทักษะเทวะระดับ ตํานาน มันเป็นสิ่งที่เวทมนตร์ทักษะเทวะของสันตินิรันดร์ไม่มีทาง ตามทัน!

น่านฟ้าคันฉ่องวารีของนครหยกน้อยก็แสดงให้เห็นว่าวิธีการ หลอมสร้างของพวกเขาก็บรรลุถึงขั้นน่าตื่นตระหนก มหัศจรรย์ เทียบเท่ากับสมบัติวิเศษไร้รูปร่างของเฒ่าใบ้

เห็นได้ชัดว่านครหยกน้อยมีวิชาและสุดยอดทักษะอันก้าวลํ้า เหนือกว่าโลกปุถุชนมากมาย สมแล้วกับที่เป็นแดนศักดิ์สิทธิ์อันดับ หนึ่งแห่งโลกหล้า!

ผู้สันโดษชิงโยวรินชาให้ผู้ใหญ่บ้านและกล่าว “พี่ทางเต๋าได้ ปลีกตัวเร้นกายในแดนโบราณวินาศและหายสาบสูญไปหลายร้อย

ปี ผู้คนมากมายคิดว่าท่านเสียชีวิตไปแล้ว บัดนี้เมื่อโลกอยู่ใน ความสงบสุข ไฉนพี่ทางเต๋าจึงออกมาอีกครั้งเล่า เมื่อท่านออกมา อีกครั้ง ผู้คนก็จะตกอยู่ใต้สถานการณ์อันยากลําบากอีกหน! หาก

ว่าท่านไม่อยากออกมาเอง กษัตริย์มนุษย์คนปัจจุบันจะพาท่าน ออกมาได้อย่างไร”

“ผู้คนในยุคสมัยเดียวกับพวกเราตายจากความชราไปเกือบ หมด แม้ว่าบางคนจะโดดเด่นเหนือลํ้าและมีวรยุทธ์อันสะท้านพิภพ

แต่พวกเขาก็ยินยอมที่จะกลบฝังความสามารถของตนเองและแก่ ตายอย่างเงียบสงบในแดนสวรรค์จอมปลอมแห่งนี้ หากว่าข้าจะ ตาย ข้าก็อยากตายอย่างสมศักดิ์ศรีกษัตริย์มนุษย์ ตายอย่างฮึก เหิมห้าวหาญ” ผู้ใหญ่บ้านกล่าวอย่างไม่ยี่หระ

ผู้สันโดษชิงโยวจิบชาไป 1 อึกแล้วแย้มยิ้ม “พี่ทางเต๋า ต่อให้ พวกเราเปี่ยมความสามารถสะท้านโลกแล้วอย่างไร ท่านนั้นเป็น อันดับหนึ่งของโลกหล้าในช่วงเวลานั้น 1 กระบี่สามารถส่อง สว่างขุนเขาและแม่นํ้าไปได้ตั้งไม่รู้กี่พันลูก? ในด้านความโดดเด่น เหนือธรรมดา พวกเราจะทัดเทียมกับท่านได้อย่างไร พี่ทางเต๋า? แต่แล้วเกิดอะไรขึ้น ท่านได้กลายเป็นอย่างไรแล้วตอนนี้”

ประกายตาของผู้ใหญ่บ้านพลันแปลบปลาบเหมือนกระบี่คม ผู้สันโดษชิงโยวไม่สะทกสะท้านและวางถ้วยชาของเขาลง

กล่าว “ยูไลเฒ่า เจ้าสํานักเต๋าเฒ่า หลิงจิ่ง และเซียนเฒ่าทั้งหลาย

เหล่านี้ต่างก็ชื่นชมยกย่องท่านในอดีตกาล! พวกเรานับถือท่าน เป็นอย่างยิ่งและรู้สึกว่าท่านสามารถเขย่าฟ้าและดินได้ แต่น่า เสียดาย แม้จะเป็นผู้โดดเด่นเหนือลํ้าอย่างท่านก็ยังถูกบีบให้ตกอยู่ ในสภาพนี้”

ผู้ใ หญ่บ้า นนิ่งไป

ผู้สันโดษชิงโยวถอนหายใจ “ปณิธานทะยานฟ้าของท่านถูก ตัดสะบั้นไปพร้อมกับแขนและขา แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเป็นเหมือน ท่าน พวกเรารู้สึกว่าอยู่ที่นี่ก็ดีเหมือนกัน ท่านไม่ใช่มัจฉา ท่านจะ หยั่งรู้ความสุขของมัจฉาได้อย่างไร ข้าเองก็ไม่ใช่ท่าน ดังนั้นข้าก็มิ อาจเข้าใจซาบซึ้งอารมณ์และปณิธานของท่านได้”

ผู้ใหญ่บ้านยกถ้วยชาขึ้นด้วยปราณชีวิตของตนและดื่มชา อย่างเชื่องช้า

ผู้สันโดษชิงโยวมองไปที่ฉินมู่และยิ้มกล่าว “กษัตริย์มนุษย์ฉิน ผู้สันโดษนี้ได้ยินนามของท่านมาก่อน ท่านนั้นก็เป็นจ้าวลัทธิ์ ศักดิ์สิทธิ์แห่งลัทธินักบุญสวรรค์ด้วย”

ฉินมู่สะกิดใจขึ้นมา และกล่าว “ในเมื่อพวกท่านล้วนแต่เป็น เซียนผู้อมตะที่อยู่เหนือโลกีย์วิสัย แต่ทําไมยังคงสอดแนมเรื่องของ โลกปุถุชนด้วยล่ะ”

ผู้สันโดษชิงโยวเพียงแย้มยิ้มแต่ไม่อธิบาย เขาให้ความรู้สึก เหมือนกับว่าอยากจะอยู่ผลักไสฉินมู่ห่างไกลไปสักพันลี้ “หลังจาก กษัตริย์มนุษย์ดื่มชาถ้วยนี้ ก็เชิญออกจากนครหยกน้อย”

ฉินมู่ไม่ดื่มชา แต่นําหนังสือทองคําออกมา “เชิญผู้อมตะดูหนังสือเล่มนี้ ข้าสงสัยว่าจะสามารถทําให้ใจของท่านหวั่นไหวได้หรือไม่”

ผู้สันโดษชิงโยวพลิกเปิดหนังสือทองคํา และสีหน้าเขาก็ แปรเปลี่ยน รัศมีของเขาพลันทวีคูณสูงขึ้นอย่างรุนแรง ก่อนจะกลับมาสงบดังเดิม เขาพลิกหน้าที่ 2 จากนั้นก็หน้าที่ 3

ผ่านไปสักพัก ผู้สันโดษชิงโยวก็ปิดหนังสือ และผลักหนังสือ ทองคํากลับไปยังฉินมู่ด้วยรอยยิ้ม “นี่นับว่าทําให้ใจของข้า หวั่นไหวได้จริงๆ กษัตริย์มนุษย์ฉิน เชิญกลับเถอะ”

ฉินมู่ตกตะลึง ใครก็ตามที่เห็นหนังสือทองคําเล่มนี้ล้วนยากที่ จะสงบใจ อย่าว่าแต่จะคืนหนังสือให้เขา แต่กระนั้นผู้สันโดษชิงโยวกลับดูเหมือนว่าจะไม่หวั่นไหว ทําให้ทุกอย่างที่เขาอยากจะเจรจา กลายเป็นเปล่าประโยชน์!

“ผู้อมตะชิงโยว…”

ฉินมู่พูดไม่ทันขาดคํา ผู้สันโดษชิงโยวก็มองเขาด้วยสายตา ลึกลํ้าแล้วกล่าว “กษัตริย์มนุษย์รุ่นก่อนๆ ทุกคนก็เป็นเช่นนี้ทั้งนั้น ยากจะทําให้กษัตริย์มนุษย์ยอมล้มเลิก ถ้าเช่นนั้น ให้ผู้สันโดษนี้ไข ความกระจ่างให้แก่กษัตริย์มนุษย์”

เขาลุกขึ้นยืนและกล่าว “ไม่ทราบว่ากษัตริย์มนุษย์รู้สึกคุ้นเคย หรือไม่เมื่อมองไปยังนครหยกน้อย มันดูเหมือนกับภูเขานักบุญ เยือนของลัทธินักบุญสวรรค์ไหม”

ฉินมู่อึ้งไปและผุดลุกขึ้นตามมา เขามีความรู้สึกคุ้นเคยจริงๆ นั่นแหละ สิ่งที่เขารู้สึกคุ้นเคยที่สุดก็คือพยุหะค่ายกลที่นครหยก น้อยใช้ในการหยิบยืมพลังกฎของฟ้าและดิน มันแทบจะเหมือนกัน กับที่ใช้ในภูเขานักบุญเยือน!

“นี่เพราะว่านครหยกน้อยและภูเขานักบุญเยือนมีที่มาเดียวกัน” ผู้สันโดษชิงโยวมองไปยังขุนเขาผู้อมตะอันยิ่งใหญ่ตระการ

แห่งนครหยกน้อยแล้วกล่าวด้วยเสียงแผ่วเบา “นักบุญแห่งลัทธิ นักบุญสวรรค์และผู้ก่อตั้งนครหยกน้อยของพวกเรานั้นมาจากคน รุ่นเดียวกัน พวกเขาออกมาจากแหล่งเดียวกัน ไม่เพียงแต่ลัทธิมารฟ้าและนครหยกน้อย…”

เขาหันกลับไปมองยังผู้ใหญ่บ้าน พร้อมกับเน้นหนักทุกคําที่ เขากล่าว “กษัตริย์มนุษย์รุ่นแรกแห่งโถงกษัตริย์มนุษย์ ก็มาจากที่นั่นเช่นกัน! ยิ่งไปกว่านั้น นครหยกน้อย ภูเขานักบุญเยือน และ โถงกษัตริย์มนุษย์ คือชิ้นส่วนแตกหักอันมาจากสถานที่เดียวกัน! พี่ทางเต๋าซึ่งไปยังโถงกษัตริย์มนุษย์มาแล้ว ควรจะรู้ดีว่าสถานที่ นั้นเป็นเช่นไร จริงหรือไม่”

ACAC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version