ตอนที่ 365 เชี่ยวชาญในศาสตร์เฉพาะด้าน
หลงเจี่ยวหนันขยํ้าไปข้างหน้าและตะโกน “ไอ้เด็กเปรต เป็นเพราะเจ้า ข้าถึงตกในสภาพนี้!”
แสงพุทธธรรมสาดส่องจากมือของฉินมู่เมื่อเขาซัดมันไปปะทะ กับนาง ร่างของพวกเขาสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง และวิกผมอัน งดงามของหลงเจี่ยวหนันพลันร่วงลงกับพื้น เผยให้เห็นส่วนล้าน เลี่ยน ผิวหนังบนใบหน้าก็เหี่ยวไป
ปราณและโลหิตของฉินมู่กระเพื่อม เขานั้นกําลังจะลงมืออีก กระบวนท่าแต่เขาก็พลันนิ่งอึ้งไป ไม่ลงมือจู่โจมต่อ
บนทะเลตะวันออก หลงเจี่ยวหนันเกือบตายภายใต้การร่วมมือ จู่โจมของหลงอวี้จิวและซีอวิ๋นเซี่ยง นางพยายามดิ้นรนลอกคราบ
ผลัดหนัง แต่ด้วยการณ์นั้นนางก็สูญเสียอายุขัยไป แม้ว่านางจะถูก เจ้าสํานักเต๋านําตัวไป แต่ก็ยังไม่ฟื้นฟูกลับมา
เมื่อปะทะกับฉินมู่ วิกบนศีรษะนางก็ฉีกออกจากกัน และผิวหนังที่ดึงให้ตึงเอาไว้ก็กลับมาหย่อนคล้อย
หลงเจี่ยวหนันพบว่าเส้นผมของนางร่วงลงไป จึงร้องด้วยความ ตกใจ นางรีบจับทางโน้นทางนี้เพื่อกอบเส้นผมของตนกลับคืน ทุก ครั้งที่นางกําได้กระจุกหนึ่ง นางก็พยายามแปะมันกลับลงบนหัว แต่ ในเมื่อวิกฉีกกระจุยเป็นชิ้นๆ นางจะต่อมันติดกลับคืนได้อย่างไร
“พี่สาวหลง เจ้าหลงเหลืออายุขัยอยู่ไม่มากอีกต่อไป หากว่า เจ้าไม่ต่อสู้เอาชีวิตเข้าแลก เจ้าก็ยังคงใช้ชีวิตอย่างคนธรรมดาไป ได้อีกหลายสิบปี แต่หากว่าเจ้าลงมือกับข้า ข้าไม่จําเป็นต้องฆ่าเจ้า เลยด้วยซํ้า เพียงแค่การบาดเจ็บสาหัสก็เพียงพอที่จะทําให้เจ้าไม่มี โอกาสรอดชีวิตแล้ว”
ฉินมู่ส่ายหัวแล้วกล่าว “ชาตินี้เจ้าไม่มีทางแก้แค้นข้าได้อีก ต่อไปแล้ว เช่นนั้นจะพยายามไปทําไม”
“เจ้าคือคนที่ทําให้ข้าตกในสภาพนี้ แล้วยังมาเย้ยหยันอีก!” หลงเจี่ยวหนันตะโกน
“เจ้าต่างหากคือคนที่ทําร้ายตนเองและพ่อของเจ้า และราชา มังกรก็เป็นคนที่ทําร้ายเจ้าด้วย ข้าไม่ต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้ ผลัก ความผิดให้ข้านั้นไม่ใช่อะไรนอกไปเสียจากเจ้าต้องการหาคนมา ระบายโทสะเท่านั้น”
ฉินมู่สํารวจขาอันหนาและใหญ่ข้างๆ เขาและเงยหน้าขึ้นมา เทพเจ้าก็กําลังมองลงไป ไม่ได้มองพวกเขา หากแต่มองสํารวจภูมิ ประเทศของจักรวรรดิสันตินิรันดร์
เห็นได้ชัดว่าเทพเจ้านี้ไม่ใส่ใจพวกเขาเลยแม้แต่น้อย และรู้สึก ว่าพวกเขาไม่อาจทําอันตรายต่อเขาได้ ประโยชน์ของพวกเขานั้น มีไว้เพื่อช่วยเขาเลี้ยงมังกรเท่านั้น
ฉินมู่ปลุกปลอบตนเองและคิดคํานวณโอกาสในการหลบหนี ของตนหากว่าเขาใช้วิชาขาเทวะขโมยสวรรค์ แต่ก็รีบดับความคิด นั้นโดยพลัน แม้ว่าขาเทวะขโมยสวรรค์จะรวดเร็วและเขาสามารถทลายความเร็วเหนือเสียงได้ถึง 4 เท่า และอาจจะมากกว่านั้นหากเขารีดเร้นกําลังเต็มที่ เขาสามารถอยู่ในสภาวะเร่งความเร็วสุดขีด ได้เพียงชั่วสั้นๆ ปราณชีวิตของเขาก็จะแห้งเหือดจนหมดสิ้น ภายใน 7 นาที เช่นเดียวกับร่างกายของเขา
ดูจากความเร็วของมังกรไร้เขา 2 ตัวใต้เท้าของเทพเจ้า เขา สามารถสร้างวิ่งหนีห่างไปได้ระยะหนึ่ง แต่เมื่อเขาหมดแรงมังกรทั้ง 2 ก็จะไล่ตามเขาทันได้ไม่ยากเย็น
ยิ่งไปกว่านั้นสัมภาระไร้ประโยชน์ที่เรียกว่ากิเลนมังกรก็ยังเป็น อัมพาตและไม่อาจลุกขึ้นยืนได้เลยแม้แต่นิด หากว่าฉินมู่ต้องแบก กิเลนมังกรไปด้วย ระยะที่เขาวิ่งหนีไปได้ก็จะจํากัดจําเขี่ยยิ่งขึ้น
กิเลนมังกรนั้นอ้วนและหนักเกินไป!
ไม่ใช่แค่งานเลี้ยงมังกรหรอกหรือ ข้าเลี้ยงมังกรอ้วนอยู่ทุกวัน เช่นนั้นก็ต้องเป็นเรื่องง่ายดายสำหรับข้า!
ฉินมู่นั่งลงบนร่างกายของมังกรไร้เขาข้างใต้ตูดเขา ด้วยทักษะ ติดตัว เขาไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น หากว่าเขาสามารถเลี้ยงมังกรอ้วนได้ ทําไมเขาจะเลี้ยงมังกรไร้เขาไม่ได้ล่ะ
“พวกเราจะเรียกหาผู้อาวุโสอย่างไร” ฉินมู่ถามด้วยเสียงอันดัง
“เจ้าสามารถเรียกข้าว่าเทพครองแดนเลี้ยงมังกร” เสียงของเทพ เจ้ากึกก้องมาราวกับอสุนีบาตเมื่อเขากล่าวพลางมองไปรอบๆ “ข้า เป็นเทพเจ้าจากเหนือฟ้า ตราบเท่าที่เจ้ารับใช้มังกรของข้าเป็น อย่างดี ข้าก็จะไว้ชีวิตเจ้า ไม่เพียงแค่นั้น ข้าก็จะพาเจ้าออกไปจากโลกมนุษย์นี้ ไปยังเหนือฟ้าเพื่อใช้ชีวิตอันสําราญระหว่างที่เลี้ยง มังกรของข้าด้วย”
หลงเจี่ยวหนันดวงตาเป็นประกาย และนางกล่าวด้วยเสียงอัน ดัง “บรรพจารย์ก่อตั้ง ข้าเป็นศิษย์สํานักขี่มังกร สํานักขี่มังกรเป็น สํานักที่ท่านก่อตั้ง!”
ฉินมู่ตัวสั่นเทิ้มทันที แย่ล่ะ! เทพครองแดนเลี้ยงมังกรเป็นบรรพจารย์ก่อตั้งของสำนักขี่มังกร!
เขารู้สึกอยากตบปากตัวเองที่ไปถามเทพเจ้าตนนี้ว่าจะเรียกชื่อว่าอย่างไร ตอนนี้หลงเจี่ยวหนันก็ได้สานสัมพันธ์แล้ว ส่วนเขากําลังจะตาย!
เขาอยากจะหนี แต่ไม่ว่าเขาจะเตะกิเลนมังกรแรงแค่ไหน เจ้า อ้วนนี่ก็นอนแบ่บอยู่อย่างนั้น ลุกไม่ขึ้น
ข้าเชี่ยวชาญในศาสตร์เฉพาะด้าน ข้าเชี่ยวชาญในศาสตร์ เฉพาะด้าน! ฉินมู่ปลอบใจตนเองพลางพยายามตั้งสติ
“สํานักขี่มังกร?”
มังกร 2 ตัวใต้เท้าของเทพครองแดนเลี้ยง พวกมันหยุดชะงัก และเทพเจ้าก็ก้มหน้าลงมามองหลงเจี่ยวหนัน เขา กล่าวด้วยความพิศวง “ข้าก่อตั้งสํานักนี้จริงๆ นั่นแหละ แต่นั่นก็นานนมมาแล้ว การก่อตั้งสํานักขี่มังกรเป็นแค่เรื่องละเล่นของข้าในเวลานั้น นั่นจึงเป็นเหตุว่าทําไมข้าถึงไม่ใส่ใจมันเมื่อกลับไปยัง
เหนือฟ้า เจ้าเป็นศิษย์ของสํานักขี่มังกรอย่างนั้นหรือ แล้วใครคือไอ้ปัญญาอ่อนที่เรียกเจ้าว่าลูกชายของเขาเมื่อครู่นี้ล่ะ”
หลงเจี่ยวหนันทั้งประหลาดใจแกมยินดี นางคุกเข่าลงทันทีและ โขกศีรษะคํานับ “นั่นคือบิดาของศิษย์ผู้นี้เอง เจ้าสํานักขี่มังกรคน ปัจจุบัน!”
“วรยุทธ์เขาอ่อนแอเหลือเกิน ขนาดว่าข้าตีทีเดียวก็กระเด็น แต่เขาคงไม่น่าจะตาย”
มังกร 2 ตัวใต้เท้าเทพครองแดนเลี้ยงมังกรร่อนลงสู่พื้นดิน และเทพเจ้าก็กล่าว “ในเมื่อเจ้าเป็นศิษย์สํานักขี่มังกร ข้าก็จะไม่ทําให้เจ้ายุ่งยากละกัน ดูปราณชีวิตของเจ้าจะได้รับความเสียหาย นี่คือ ลูกแก้วมังกรให้เจ้าใช้ฟื้นฟูตนเอง แม้ว่ามันจะไม่ฟื้นคืนความงาม ของเจ้ากลับมาดังเดิม แต่มันก็ยังคงช่วยฟื้นฟูพลังชีวิตและยืดอายุขัยให้แก่เจ้า”
ลูกแก้วสีส้มเจิดจ้าลอยลงมาจากเบื้องบน และหลงเจี่ยวหนัน คว้ามันเอาไว้ จากนั้นนางก็โขกศีรษะคํานับซํ้าแล้วซํ้าเล่าพลาง กล่าว “บรรพจารย์ก่อตั้ง ชายผู้นั้นเป็นศัตรูคู่อาฆาตของสํานักขี่ มังกรพวกเรา เป็นผู้ที่ทําลายล้างสํานัก!”
ฉินมู่ทําคอย่นเหมือนเต่าและส่ายหัวไปมา “แม่นางหลง อย่าใส่ ร้ายคนบริสุทธิ์อย่างข้า ดูขั้นวรยุทธ์ของข้าสิ ข้าจะไปทําลายล้าง สํานักขี่มังกรของเจ้าได้อย่างไร นั่นเป็นถึงแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ มหึมาที่มียอดฝีมือมากมายราวกับขนบนตัววัว แต่ละคนก็ล้วนมี กําลังฝีมือเลิศลํ้าและเหนือธรรมดา ยิ่งไปกว่านั้น มังกรที่พวกเขา เลี้ยงเอาไว้ล้วนแต่เป็นตัวตนอันทรงพลังอํานาจ ข้าจะไปมีความสามารถทําลายล้างพวกเขาได้อย่างไร”
เทพครองแดนเลี้ยงมังกรเพ่งพิศดูเขา และพบว่าเด็กหนุ่มผู้นี้เป็นเด็กหนุ่มท่าทางสัตย์ซื่อและน่าเชื่อถือกว่าหลงเจี่ยวหนัน “เด็ก ซื่อคนนี้ที่อ่อนแอราวกับลูกเจี๊ยบนี่หรือที่จะทําลายล้างสํานักอันข้า ก่อตั้งขึ้นมาได้ พวกเจ้าอ่อนแอขนาดนั้นเชียวหรือ”
หลงเจี่ยวหนันกัดฟันกรอดและตะโกน “ไอ้เด็กนี่มันอัญเชิญ มารเทวะออกมาฆ่าล้างสํานักข้า!”
ด้วยใบหน้าอันซื่อสัตย์ ฉินมู่ตะกุกตะกักและพยายามแก้ต่าง ให้ตนเอง “ข้าเคยทําอย่างนั้นเมื่อไหร่ ตั้งแต่ยังเด็กข้าก็เรียนแต่ วิชาแพทย์และได้รับการขนานนามว่าหมอเทวดา ทุกๆ วันข้ามีแต่ จัดตํารับยาและเลี้ยงมังกรกิเลน เลี้ยงจนเขาอ้วนพี ข้าจะไปอัญเชิญมารเทวะมาทําร้ายผู้คนได้อย่างไร ไม่ใช่แค่เจ้าใส่ร้ายข้า จะ…เจ้ายังดูหมิ่นข้าอีก!”
หลงเจี่ยวหนันโกรธเป็นเจ้าเข้า และกระโดดไปบีบคอเขา นาง หวีดร้อง “เจ้าคือจ้าวลัทธิมารฟ้าและในหัวเต็มไปด้วยความคิดชั่ว ร้ายเพื่อทําลายผู้คน เจ้าคือมารร้ายในหมู่มารร้าย!”
ฉินมู่หายใจไม่ออก และตาเขาก็เหลือกไปข้างหลัง
ทันใดนั้น เทพครองแดนเลี้ยงมังกรก็ดีดนิ้วส่งให้หลงเจี่ยวหนัน กระเด็นไปข้างหลังสามสี่ตลบ
นางร่วงลงมากับพื้น ถึงพบว่าตอนนี้พวกเขาลงมาจากฟากฟ้า แล้ว มังกรไร้เขา 2 ตัวใต้เท้าของเทพครองแดนเลี้ยงมังกรได้พา พวกเขามาถึงแม่นํ้าทองคํา
“เจ้าเป็นคนที่เลี้ยงกิเลนมังกรจนอ้วนพีอย่างนี้หรือ” เทพครอง แดนเลี้ยงมังกรยกฉินมู่ในฝ่ามือและมองเขาขึ้นๆ ลงๆ เขาแย้มยิ้ม แล้วกล่าว “เจ้าเลี้ยงเขาได้ดี ข้าชอบใจเจ้ามากๆ”
เมื่อฉินมู่เผชิญหน้ากับเขา หัวใจเขาก็สั่นระริก เทพครองแดน เลี้ยงมังกรนั้นใหญ่มหึมาเกินไป เพียงแค่ใบหน้าของเขาก็สูงกว่า
ตัวฉินมู่ทั้งตัวแล้ว เขานั้นปกคลุมไปด้วยเกล็ดมังกรและมีแต่สันคิ้ว อันโหนกนูนของเขาเท่านั้นที่ไม่มีเกล็ด ในทางกลับกันมันมีคิ้ว 2 แผงที่คมกริบราวขนนก
“ผู้อาวุโส…” ฉินมู่รวบรวมความกล้าแล้วกล่าว “ข้าได้เรียน วิชาแพทย์มาตั้งแต่ยังเล็กและฝีมือด้านการปรุงยาของข้าก็พอใช้ได้ ข้าเลี้ยงกิเลนมังกรของข้าด้วยยาวิญญาณเพลิงฉานครึ่งถังทุกๆ วัน”
“ยาวิญญาณเพลิงฉานครึ่งถัง?” เทพครองแดนเลี้ยงมังกร หัวเราะเบาๆ “ดูท่าวิชาหลอมปรุงยาของเจ้าก็เหนือธรรมดาจริงๆ ถึงกับหลอมปรุงยามากมายขนาดนั้นได้ทุกๆ วัน เจ้าตัวเล็กที่มีกาย
ของเด็กน้อยอย่างเขาจะต้องกินครึ่งถังทุกวันได้อย่างไรกัน ทั้งหมด ที่เขาต้องการก็คือยาวิญญาณเพลิงฉานหนึ่งชามเท่านั้น”
ฉินมู่สีหน้ามืดคลํ้าทันใด
เทพครองแดนเลี้ยงมังกรกล่าวต่อ “แต่ทว่ายาวิญญาณ ทั้งหมดที่เขากินเข้าไปก็ไม่เสียเปล่า พวกมันแปรเปลี่ยนเป็นพลัง ชีวิตมังกรและพลังชีวิตกิเลนอันเก็บกักไว้ในร่างกายของเขา เมื่อ พลังงานพวกนี้ถูกกระตุ้น เขาก็จะสามารถบ่มเพาะลูกแก้วมังกร และเพลิงกิเลนออกมาได้ ทั้ง 2 อย่างล้วนวิเศษเหนือธรรมดา เมื่อนั้นเขาถึงจะนับว่าเติบโตเต็มวัย ข้าเห็นว่าแม้เจ้าจะรู้วิธีการหลอม ปรุงยา แต่เจ้าไม่รู้ว่าควรจะเลี้ยงมังกรอย่างไร เจ้ายินดีที่จะเรียนรู้ จากข้าหรือไม่”
“ศิษย์ยินดี!”
หลงเจี่ยวหนันเดือดดาล คนชั่วใจดําผู้นี้ได้ฉวยโอกาสปีน เหนือหัวนางและกลายเป็นศิษย์ของบรรพจารย์ก่อตั้ง
“ข้าถามว่าเจ้าจะเรียนจากข้าหรือไม่ ไม่ได้ถามว่าเจ้าอยาก เป็นศิษย์ข้าหรือไม่ เจ้าเป็นเพียงแค่เด็กชายตัวเล็กๆ” เทพครอง แดนเลี้ยงมังกรยิ้มและกล่าว “อย่าเพิ่งรีบร้อนคํานับเป็นศิษย์ ในเมื่อ ข้าไม่รับศิษย์ใด แต่ตราบเท่าที่เจ้ารับใช้มังกรของข้าเป็นอย่างดี ก็ ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ที่ข้าจะรับเจ้าเป็นศิษย์ในอนาคต ตอนนี้หลอมปรุงยาวิญญาณเพลิงฉานหนึ่งหม้อให้ข้าดูหน่อย”
ฉินมู่รีบแผ่พุ่งปราณชีวิตของตนและนําสมุนไพรจํานวนหนึ่ง ออกมาจากถุงเต๋าตี้ของเขาเพื่อหลอมปรุงยาในอากาศ ระหว่างที่ เทพครองแดนเลี้ยงมังกรกําลังสนทนาอยู่นั้น เขาก็หลอมปรุงยา วิญญาณเพลิงฉานสําเร็จ 1 หม้อ
เทพครองแดนเลี้ยงมังกรเผยสีหน้าแตกตื่นอันแปรเปลี่ยนเป็น ความปีติใจเป็นอย่างยิ่ง เขาหัวเราะแล้วกล่าว “รับเด็กน้อยอย่างเจ้า มา ข้าก็หมดเรื่องกังวลกับงานประจําวันไปเยอะ จากวันนี้เป็นต้น ไป เจ้ารับหน้าที่ในการหลอมปรุงยา ข้าก็จะได้สบายใจ”
เขายกขาขึ้นเตะกิเลนมังกรหนึ่งทีแล้วกล่าว “ตัวจ้อย ข้าจะสอนเจ้าถึงวิชาในการบ่มเพาะลูกแก้วมังกรและเพลิงกิเลน เพื่อให้เจ้าสามารถช่วยจุดไฟในการหลอมปรุงยาได้”
กิเลนมังกรยืนขึ้นได้ในที่สุด เขาประหลาดใจแกมยินดี ฉินมู่ผงกหัวหงึกๆ พลางครุ่นคิด ท่านปู่หนวกพูดอยู่บ่อยๆ ว่า
การศึกษาความรู้อักษรศาสตร์นั้นเป็นเป้าหมายที่ควรไขว่คว้า สว่น
วิชาแพทย์ของท่านปู่นักปรุงยานั้นไร้ประโยชน์ บางทีหมออาจจะ ต้องจ่ายเงินชดใช้คนป่วยจนหมดตัวหากว่าวินิจฉัยผิดพลาด เมื่อ เทียบกันแล้วความรู้อักษรศาสตร์และภาพเขียนช่วยให้ท่าน สามารถหากินที่ไหนก็ได้ แต่ในท้ายที่สุด ท่านปู่หนวกก็เกือบอด อาหารตายระหว่างขายภาพวาดของเขาบนถนน และวิชาแพทย์ ของท่านปู่นักปรุงยาทําให้ชีวิตของข้าราบรื่นไม่ว่าที่ใดก็ตาม…
“เด็กหญิง มาที่นี่” หลงเจี่ยวหนันก้มหน้าของนางและเดินตรงไปข้างหน้าให้เทพ
ครองแดนเลี้ยงมังกรเพ่งพิศสํารวจนาง เขาส่ายหัวแล้วกล่าว “เจ้าก็
รู้วิชาเลี้ยงมังกรอยู่บ้าง เช่นนั้นแล้วจงไปเป็นผู้ช่วยของเขาและช่วย ข้าเลี้ยงมังกรทั้งหลาย จําเอาไว้ อย่าใส่ไคล้เขาอีกต่อไป มิเช่นนั้น ข้าจะมิให้อภัยเจ้า!”
หลงเจี่ยวหนันเดือดปุดๆ แต่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากผงกหัว รับคํา
ฉินมู่พึงพอใจและกล่าว “เทพครองแดนเลี้ยงมังกรท่านมาทํา อะไรที่แม่นํ้าทองคําหรือ”
“เสาะหาสายแร่มังกรหลักแห่งจักรวรรดิสันตินิรันดร์”
ต่างหูบนหูของเทพครองแดนเลี้ยงมังกรส่ายไหวไปมาแล้วเลื้อยลง แปลงร่างเป็นมังกรไร้เขาสีเหลืองตัวหนึ่ง ร่างของมันขยาย ใหญ่ขึ้นและยาวขึ้นทุกทีเมื่อมันเลื้อยลงไปในแม่นํ้าด้วยรัศมีอันแผดออกมาอย่างน่าสะพรึงกลัวขึ้นทุกขณะจิต
แม่นํ้าทองคํามีกระแสนํ้าเชี่ยวกราก และในพริบตาที่มังกรไร้ เขาแหวกว่ายลงไป มันก็เริ่มกระเพื่อมให้ป่วนปั่น มวลนํ้าพวย พุ่งสูงขึ้นสู่ท้องฟ้า สร้างเป็นแม่นํ้าที่ลอยอยู่ในอากาศ
“นี่คือจุดตําแหน่งของสะดือแม่นํ้าทองคํา กรงเล็บของมันก็ น่าจะอยู่ใกล้ๆ ด้วยเช่นกัน”
ฉินมู่มองไปที่ก้นแม่นํ้าและตะลึงเล็กน้อย เขาเห็นว่ากระแสนํ้า ได้กัดเซาะหินข้างล่างจนมันดูเหมือนเกล็ดมังกรหลายชิ้น จาก เส้นทางของมัน เขาสามารถเห็นได้รางๆ ว่ามันถึงกับก่อรูปขึ้นมา เป็นกรงเล็บ!
“แม่นํ้ามีปราณแม่นํ้าอันจะรวบรวมเข้าด้วยกันเป็นสายแร่มังกร อันจะเป็นสายแร่มังกรวารี เมื่อปราณภูเขารวบรวมเข้าด้วยกันก่อรูปเป็นสายแร่มังกร เป็นสายแร่มังกรปฐพี และเมื่อปราณ
ไฟอย่างหินหลอมเหลวใต้โลกรวบรวมเข้าด้วยกันก่อเป็นสายแร่ มังกร ก็จะเป็นสายแร่มังกรอัคคี พวกเหล่านี้คือสายแร่มังกรที่ผู้คน รู้จักกันโดยทั่วไป แต่ทว่ายังมีสายแร่มังกรแบบที่ 4 อันคือวายุ ลม
อันพัดผ่านระยะหมื่นลี้และสลักร่องรอยมังกรท่ามกลางขุนเขาและ ผืนแผ่นดิน”
เทพครองแดนเลี้ยงมังกรเงยศีรษะขึ้นมองไปข้างบนและกล่าว ด้วยเสียงเบา “ข้าได้ตรวจสอบสายแร่วายุ และสายแร่ภูเขาแล้ว แม่นํ้าโคลนกับแม่นํ้าทองคําข้าก็ตรวจดูแล้ว หากว่าข้ามุ่งหน้า ต่อไป ข้าก็จะต้องไปตรวจสอบสายแร่มังกรอัคคี 3 เส้นอันอยู่ใต้ ผืนดิน ด้วยจักรวรรดิสันตินิรันดร์มีสายแร่มังกรมากมายขนาดนี้ ข้าเกรงว่ามังกรใหญ่คงจะใกล้เข้ามา แต่หากว่าข้าช่วงชิงสายแร่ มังกรสายหลักออกไป มังกรทั้งหลายก็จะไร้ผู้นําและ…คิคิ โลกหล้า ก็จะตกอยู่ในความโกลาหล…”
