60. แม่ทัพฉินและคุณชายเจ็ด
ดูเหมือนว่าฉินมู่จะคาดเอาไว้แล้ว เมื่อเขาจับไม้เท้าขักขระด้วยมือเดียวยกทั้งไม้เท้าทั้งลิงยักษ์อสูรลอยหวือขึ้นจากพื้น ฟาดมันลงใส่พสุธาอย่างรุนแรง ส่วนมืออีกข้าง นิ้วทั้งห้าของเขาดีดไปมา เกิดเสียงระเบิดหกครั้ง เมื่อเขาทำลายดาบโค้งอันสร้างขึ้นจากปราณชีวิตของฮูหลิงเอ๋อ
“อ๊างงง”
มังกรคชสารยันเท้าส่งกำลังไปยังพื้น ส่วนฮู่หลิงเอ่อฉวยโอกาสที่ลิงยักษ์อสูรเบี่ยงเบนสมาธิของฉินมู่ พุ่งเข้าใส่ฉินมู่ใช้หัวชนให้เขากระเด็นไปจากการปะทะ!
และในจังหวะที่มังกรคชสารปะทะกับฉินมู่นั่นเอง งวงของมันก็ยาวยืดกระหวัดคว้าร่างของฉินมู่ในอากาศ กระชากเขาลงมา แล้วเงื้องวงขึ้น ฟาดฉินมู่ลงกับพื้นด้วยกำลังแรง
มังกรคชสารดึงเขาขึ้นมาจากพื้นอีกครั้ง แล้วทำท่าจะจับเขาฟาดอีกรอบ ทว่าฉินมู่รีบเปลี่ยนวิชาขา และเตะงวงของมันออกไป จากนั้นตามเข้าไปเตะยอดหน้ามังกรคชสารอีกกว่าร้อยครั้ง ส่งให้มันกระเด็นหวือ
“เด็กกระจ้อยร่อย ตกลงไป!”
มังกรเขียวพลันปรากฏรอบร่างมหึมาของลิงยักษ์อสูร มันทุบฉินมู่ที่เพิ่งส่งมังกรคชสารกระเด็นไปให้ร่วงลงกับพื้น คำรามลั่นแล้วเงื้อขาสั้นแข็งแกร่งของมันกระทืบใส่ฉินมู่อย่างไร้ปรานี!
วิชาขาขโมยสวรรค์ของเฒ่าเป๋ กระทืบเขาพระสุเมรุ!
ฉินมู่ซึ่งจมลงไปกับพื้นจากแรงกระแทกกับมังกรคชสาร รีบพลิกตัวหงาย เท้าหนึ่งเหยียบหยัด ร่างขนานกับพื้น และอีกเท้าก็ถีบไปปะทะตรงๆ กับเท้ายักษ์ของลิงยักษ์
เขาก็ใช้กระบวนท่ากระทืบเขาพระสุเมรุเช่นกัน แต่ด้วยว่าเขาเร่งเปลี่ยนใช้กระบวนท่านี้อย่างทันด่วน จึงมิอาจสำแดงพลังทั้งหมดของกระบวนท่าได้ แต่กระนั่นพละกำลังในลูกถีบของเขาก็มหาศาลน่าพรั่นพรึง!
ลิงยักษ์อสูรครางหนักๆ เมื่อมันเซถอยไปสองสามก้าว มันรีบคว้าหางของมังกรคชสาร จับมังกรคชสารฟาดใส่ฉินมู่ และในจังหวะเดียวกัน ฮู่หลิงเอ๋อก็กวัดแกว่งหางเรียกลมพายุอันก่อรูปเป็นดาบโค้งหมุนติ้วๆ ใส่ฉินมู่ราวกับล้อรถ!
ทันใดนั้น เสียงต้นไม้หักโค่นก็ดังมาในอากาศ ฉินมู่ใจกระตุกวูบ เขารีบกระโดดหลบการโจมตีของลิงยักษ์อสูรและฮู่หลิงเอ๋อ จากนั้นมองไปยังทิศทางเสียง เขาเห็นหญิงชายในชุดเกราะกว่าร้อยคนโลดแล่นฝ่าป่าดงมาไปยังทิศต้นน้ำของแม่น้ำหย่ง
ฮูหลิงเอ๋อ และลิงยักษ์อสูรก็สังเกตเห็นคนเหล่านี้เช่นกัน และรีบยั้งมือหยุดดู ชายคนหนึ่งในนั้นเห็นฉินมู่ ลิงยักษ์อสูร และจิ้งจอกขาว ก็อุทานด้วยความตกใจ “คนล่าสัตว์?”
“อย่าไปยุ่งเรื่องคนอื่น พวกเราต้องรีบไป!”
อีกคนตะโกนแค่พอได้ยิน “เรือใกล้จะมาถึงนี่แล้ว! เราต้องรีบไปตั้งพยุหะค่ายกลบนแม่น้ำ ก่อนที่เรือนั้นจะมาถึง”
“ปล่อยไว้แบบนี้จะดีหรือ ถ้าเรื่องที่พวกเราโผล่มาแถวนี้เผยแพร่ออกไป ต้องไม่ดีกับพวกเราแน่!”
“มียอดฝีมือเร้นกายในแดนโบราณวินาศจำนวนมาก อย่าแส่หาเรื่องเกินพอดี พวกเรารีบไปกัน เรือของพวกเขาแล่นเร็วนัก หากว่ามัวชักช้า ก็อาจสายเกินกว่าจะเสียใจ!”
ลมพลันก่อตัวใต้เท้าพวกเขา เมื่อผู้คนเหล่านั้นหายวับไปในราวป่า
ฉินมู่ฉงนฉงาย และพูดด้วยเสียงเบา “คนพวกนี้ไม่เหมือนผู้คนในแดนโบราณวินาศ พวกเขาดูเหมือนรีบร้อนไปที่ต้นทางแม่น้ำ และวางแผนจะดักจู่โจมใครบางคน คนผู้นั้นถึงกับคิดฆ่าปิดปากพวกเราอีก ดังนั้นพวกเขาจึงไม่น่าจะใช่คนดี…หลิงเอ๋อ เจ้าตัวใหญ่ เจ้าเห็นมั้ย คนดีๆ ซื่อสัตย์ๆ อย่างพวกเราทุกวันมีแต่จะเสียเปรียบ คอยโดนผู้คนปิดปากอยู่เรื่อย”
จิ้งจอกขาวตัวน้อยรีบผงกหัวเล็กๆ ของนางเห็นด้วยอย่างสุดใจ ส่วนลิงยักษ์อสูรเบ้ปาก “เชื่อ? โง่!”
ฉินมู่กำลังจะพูดอะไรตอบไป จู่ๆ มังกรคชสารก็วิ่งรี่เข้าใส่แล้วขวิดเขากระเด็น ลิงยักษ์อสูรโกรธจนโลดเต้น แล้วคว้าคอมังกรคชสารมาซัดหมัดแรงๆ “พัก เข้าใจไหม”
มังกรคชสารครางหงิงๆ จากการถูกทุบตี ฉินมู่ก็อยากทุบมันสักผัวะสองผัวะเห็นก็เปลี่ยนใจ เพราะเห็นลิงยักษ์อสูรกระทืบมันไปไม่เบา ก็เลยปล่อย
มังกรคชสารตัวนี้เป็นสัตว์พิสดารที่อาศัยอยู่ในอาณาเขตติดกับหุบเขาวังสะกดเภทภัย มันก็มีอาณาเขตของตนเองและเหนือธรรมดาด้วยร่างกายอันอัดแน่นไปด้วยพละกำลังของมัน ทั้งมังกรคชสารและลิงยักษ์อสูรต่างก็ไม่ชอบขี้หน้ากัน และต่อสู้กันอยู่บ่อยๆ มังกรคชสารมักจะลอบเข้าไปในเขตลิงยักษ์อสูรเพื่อขโมยสัตว์ป่าในหุบเขานั้นมาเป็นอาหาร ทว่าตั้งแต่เมื่อฉินมู่ได้กลายเป็นเจ้าปกครองร่วมของหุบเขาวังสะกดเภทภัย และสอนให้ลิงยักษ์อสูรรู้จักการฝึกพลังวัตร มังกรคชสารก็มิอาจต่อกรกับลิงยักษ์อสูรได้อีกต่อไป
ลิงยักษ์อสูรจดจำความแค้น และมักเข้าไปต่อยตีมันจนหมอบก็ตั้งหลายคราว จนเมื่อมังกรคชสารทนไม่ไหวอีกต่อไป มันตัดสินใจยอมศิโรราบและกลายเป็นสัตว์พาหนะของลิงยักษ์อสูร ซึ่งขี่แล้วก็ดูโก้ไม่หยอก
แต่ว่ามังกรคชสารนั้นค่อนข้างโง่ทื่อ ไม่ฉลาดรู้ความเท่ากับลิงยักษ์อสูรและจิ้งจอกน้อย
ฉินมู่ประกายตาเปลี่ยน เขากระโดดขึ้นไปเหนือน้ำตก และเหยียบบนสันเขา ถัดจากสันเขาคือแม่น้ำหย่งที่ไหลเรื่อยผ่านกำแพงผนังหน้าผา
น้ำในแม่น้ำพัดพาก้อนน้ำแข็งลงมาตามน้ำ และยังมีเศษน้ำแข็งลอยระเกะระกะตามผิวของมัน ในฤดูนี้ปกติแล้วไม่มีเรือใดที่สามารถแล่นบนแม่น้ำได้
แต่ในตอนนี้เอง ฉินมู่ก็เห็นเรือแล่นลอยมาจากทางใต้น้ำ มันแล่นด้วยความเร็วยิ่ง พลางทะลวงน้ำแข็งที่ขวางทางมัน ดูเขื่องโขไม่ใช่น้อยที่แล่นด้วยความเร็วขนาดนี้ ทวนกระแสน้ำในแม่น้ำระเกะระกะน้ำแข็ง
ลิงยักษ์อสูร ฮู่หลิงเอ๋อ และมังกรคชสาร ก็ไต่ตามขึ้นมาและนั่งข้างๆ เขา ลิงยักษ์อสูรถอนต้นสนออกมาหนึ่งต้น แล้วขยุ้มใบสนกำหนึ่งยื่นให้จิ้งจอกน้อย
ฮู่หลิงเอ๋อส่ายหน้าทันที แต่ลิงยักษ์อสูรกล่าว “กิน แข็งแรง!”
ฮู่หลิงเอ๋อแย้มยิ้มแล้วตอบ “ข้ากินนี่ไม่ได้”
ลิงยักษ์อสูรจึงหันไปเอาใบสนกำนั้นยื่นใส่หน้ามังกรคชสารแล้วกล่าว “กิน แข็งแรง!”
มังกรคชสารส่ายศีรษะของมัน แต่กลับโดนลิงยักษ์กดคอมันลงกับพื้น แล้วต่อยหน้ามันด้วยความโมโห “กิน!”
มังกรคชสารน้ำตาไหลพราก แล้วเคี้ยวกินใบสนเหล่านั้นอย่างหงิมๆ ลิงยักษ์อสูรสงบลงแล้วร่วมวงนั่งกินใบสนกับมัน ฮู่หลิงเอ๋ออดไม่ได้พูดขึ้นมา “เจ้าตัวใหญ่ เจ้ารู้ไหมว่า มังกรคชสารมันไม่ใช่สัตว์กินพืช มันกินเนื้อเพราะว่ามันมีธรรมชาติของมังกรไม่ใช่ช้าง”
มังกรคชสารตื้นตันใจขึ้นมา และรีบผงกหัวรัวๆ
ลิงยักษ์อสูรแค่นเสียง “กินพืช แข็งแกร่ง! ข้า กินพืช แข็งแกร่ง!”
น้ำตามังกรคชสารไหลพรากซ้ำ เมื่อมันเคี้ยวใบสนต่ออย่างเศร้าใจ
เรือซึ่งแล่นมาใกล้เรื่อยๆ และฉินมู่ก็มองเห็นพวกขุนนางเจ้าหน้าที่และทหารสวมชุดเกราะยืนอยู่บนสำเภานั้น บนเรือมีฉัตรจักรวรรดิ และใต้ฉัตรนั้นแม่ทัพหนุ่มนั่งอยู่ด้วยท่วงทีทรงอำนาจ
บนดาดฟ้าเรือกว้าง มีจิตรกรหลายคนนั่งอยู่กับแผ่นผ้าวาดภาพของพวกเขา และเบื้องหน้าจิตรกรทุกคน มีกระจกทองแดงที่สูงวาครึ่ง และที่กราบเรือ มีทหารอันแต่งกายคล้ายคนเลี้ยงสัตว์ พวกเขาเปิดกรงเหล็กออก และปล่อยนกอินทรีทองโบยบินไปจากเรือ
ฉินมู่ลอบปลุกเนตรสวรรค์ของตน เขาสามารถมองเห็นภูเขาเขียวและแม่น้ำใสอันเปลี่ยนแปรรูปลักษณ์ไปมาสะท้อนอยู่บนผิวกระจกทองแดง
และเมื่อได้ยินเสียงนกอินทรีร้อง ฉินมู่ก็เงยหน้าขึ้นมองดูและเห็นนกอินทรีทองโบยบินข้ามหัวพวกเขาไป
เขาตระหนักขึ้นทันใดว่าเกิดอะไรขึ้น ภาพที่ปรากฏในกระจกทองแดงแสดงถึงภาพที่นกอินทรีทองพวกนี้มองเห็น! เวทมนตร์อะไรกันนี่ ถึงกับสามารถถ่ายทอดสิ่งที่นกอินทรีเห็นให้ปรากฏบนกระจกได้…ใช่แล้ว! จิตรกรพวกนี้กำลังวาดภาพภูมิประเทศของแดนโบราณวินาศ!
ปล่อยนกอินทรีทองขึ้นสู่ท้องฟ้าเพื่อตรวจตราภูมิประเทศรอบข้างแม่น้ำหย่ง จากนั้นส่งภาพต่อไปยังกระจอกทองแดงเพื่อให้จิตรกรวาดภาพพื้นที่ ด้วยวิธีนี้ เมื่อพวกเขาแล่นจากปลายน้ำไปยังต้นน้ำก็จะสามารถได้ภาพภูมิประเทศทั้งหมดของแม่น้ำหย่ง
พวกเขาคือใครกัน ทำไมถึงมาวาดภาพภูมิประเทศของแม่น้ำหย่ง พวกเขาจะใช้แผนที่นี้ทำอะไร
ฉินมู่กระพริบด้วยความงุนงงใจ
ในตอนนั้นเอง ทหารคนหนึ่งก็เข้าไปใต้ฉัตรแล้วคุกเข่าลงข้างหนึ่งประสานหมัดฝ่ามือคารวะ “ท่านแม่ทัพฉิน มีผู้คนลอบสังเกตการณ์พวกเราที่ริมฝั่งน้ำ!”
แม่ทัพหนุ่มใต้ร่มฉัตรเลิกคิ้วของเขา และหันไปมองฉินมู่ ฉินมู่ใจเต้นตึกเมื่อสายตาของแม่ทัพจ้องมองมา ราวกับว่ามันคือแสงเจิดจ้าสองเส้นสาดส่องใส่ แสงนั้นกลบดวงตาเขาจนละลานและไม่อาจมองเห็นสิ่งใดได้!
ฮู่หลิงเอ๋อและลิงยักษ์อสูรต่างก็อุทานด้วยความตกใจแล้วเอาสองมือปิดตาไว้ มีแต่มังกรคชสารที่ตั้งใจกินใบสนจนไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเท่านั้น
“พวกเขาเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดาริมฝั่งน้ำ”
แม่ทัพฉินปิดตาของเขาลงเพื่อพักผ่อนต่อ ระหว่างที่กล่าว “พวกเขาไม่มีอันตรายอะไร ในเมื่อแม้แต่สายตาข้า พวกเขาก็ยังไม่ทนต้านทานได้ เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวล”
“ขอรับ ท่านแม่ทัพ!”
ทหารนายนั้นลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนกล่าวต่อ “ท่านแม่ทัพ เมื่อเจ็ดเดือนก่อนภายใต้พระราชโองการขององค์จักรพรรดิ พวกเราได้เข้าตรวจค้นและยึดเคหาสน์ของเอี๋ยนเจิ้ง อำมาตย์กระทรวงพิธี ตลอดมานี้เอี๋ยนเจิ้งขึ้นชื่อเรื่องความสัตย์ซื่อเที่ยงธรรมในบรรดาทุกชนชั้นของสังคม และมักจะยืนหยัดช่วยเหลือสำนักเล็กๆ อยู่เสมอ เขายังมีรากเหง้าจากสำนักกระบี่หัวชิงซึ่งเลื่องชื่อลือชา เมื่อท่านแม่ทัพได้เข้ายึดเคหาสน์ของเขาทั้งยังประหารเขาภายใต้โองการขององค์จักพรรดิด้วยมือของท่านแม่ทัพเอง ดูท่าการเดินทางครานี้ของพวกเราคงไม่ราบรื่นนัก พวกลิ่วล้อของเอี๋ยนเจิ้งคงตระเตรียมที่จะจัดการกับพวกเรา”
แม่ทัพฉินยิ้มเย็น “เป็นโองการขององค์จักรพรรดิที่สั่งให้ยึดบ้านของเขา เป็นโองการขององค์จักพรรดิที่สั่งให้ประหารเขา มีอะไรเกี่ยวกับข้า ถ้าจะโทษต้องโทษที่เอี๋ยนเจิ้งมักใหญ่ใฝ่สูงถึงกับใส่ไคล้ว่าท่านราชครูคิดกบฏ หมายให้องค์จักพรรดิประหารท่านราชครู บังอาจอะไรอย่างนี้! เพียงแค่หวังชื่อเสียงสั้นๆ เขาถึงกับยุแยงตะแคงรั่วทำลายน้ำมิตรระหว่างองค์จักรพรรดิและท่านราชครู คนมักใหญ่ใจไม่บริสุทธิ์เช่นนี้สมควรตายแล้ว ถ้าไม่ประหารเขาจะให้ไปประหารใคร”
เขาแตะไล้หน้าผากของตนไปมา ก่อนถอนหายใจ “องค์จักรพรรดิให้ข้าไปยึดบ้านและประหารเขา ก็เพราะว่าข้าเป็นลูกศิษย์ของท่านราชครูและได้รับแต่งตั้งโดยท่านราชครู การณ์นี้ก็เพื่อบอกกล่าวแก่ทั้งวงขุนนางและสามัญชนว่าองค์จักรพรรดิวางใจในตัวท่านราชครูอย่างสุดซึ้ง เพื่อให้พวกหนอนบ่อนไส้ในสภาขุนนางเลิกล้มความคิดทรยศชั่วร้ายเสีย! แต่น่าเสียดายที่หลายคนไม่เข้าใจนัยทางการเมืองพวกนี้อย่างถ่องแท้ จึงได้แต่รนหาที่ตาย”
ทหารผู้นั้นกล่าวต่อ “แต่ถึงอย่างไร ก็อาจจะยังมีพวกมักใหญ่ใฝ่สูงที่คอยซุ่มโจมตีพวกเราอยู่…”
แม่ทัพฉินโบกมือและกล่าวอย่างไม่ยี่หระ “จริงๆ แล้วข้าก็หวังล่อให้ไอ้พวกลิ่วล้อที่เหลือของเอี๋ยนเจิ้งโผล่หัวมาให้หมด จะได้จัดการพวกขบถนี่ภายในรวดเดียว!”
เขาลุกขึ้นและเดินไปที่หัวเรือ ทอดสายตามองลงไปในแม่น้ำเชี่ยวกรากที่นำพาก้อนน้ำแข็งลอยไปทางปลายน้ำ เมื่อมองไปตามภูเขาและเชิงผาเขาก็กล่าวอย่างไร้อารมณ์ “ท่านราชครูสั่งให้ข้าเข้ามาในแดนโบราณวินาศ วาดภาพภูมิประเทศทั้งหมดของแม่น้ำหย่งเพื่อมอบให้แก่จักรวรรดิใช้ในการรวบรวมแดนโบราณวินาศเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิสันตินิรันดร์ พวกขบถเหล่านั้นไม่เพียงแต่มองไม่เห็นความเหนื่อยยากของท่านราชครู ซ้ำยังหมายสังหารข้าอีก? พวกขบถที่บังอาจสร้างความปั่นป่วนแตกแยกในจักรวรรดิ พวกมันไม่สมควรตายหรอกหรือ”
ในตอนนั้นเอง ก็มีคุณชายท่านหนึ่งเดินออกมาจากห้องบนเรือ เขาไม่ได้อวบอ้วน แต่มีแก้มยุ้ยของเด็กแรกรุ่น หน้าผากมีแต้มสีชาดวาดไว้ระหว่างคิ้ว ในมือเขาถือพัดจีบ เขาหัวร่อหนึ่งครา “ข้าไม่รู้จะหัวเราะหรือร่ำไห้ดี ที่ผู้คนเยี่ยงนี้กับพะยี่ห้อใส่ตนเองว่าขุนนางผู้สัตย์ซื่อถือคุณธรรม! ขุนนางสัตย์ซื่อถือคุณธรรมเยี่ยงนี้ สมควรกวาดล้างให้หมด!”
แม่ทัพฉินหันกลับไปทันทีและกล่าวคารวะทักทาย “คุณชายเจ็ด”
คุณชายเจ็ดผู้นั้นเงยหน้ามองภูเขา บนภูเขานั้น เงาของฉินมู่และลิงยักษ์อสูรยังคงถูกแสงอาทิตย์ส่องและทาบทับลงมาเห็นเป็นรูปร่างบนพื้นเรือ
“แม่ทัพฉิน ข้าได้ยินว่าผู้คนดั้งเดิมในแดนโบราณวินาศล้วนแต่เป็นผู้ถูกละทิ้งโดยเทพเจ้า ข้าเข้าใจถูกหรือไม่” คุณชายเจ็ดถาม