62. ขัดขวางผลบุญของเจ้า
“ขัดขวางการฝึกกุศล ขัดขวางผลบุญของเจ้า?”
ฉินมู่ยิ้มหยันขณะที่เขาเร่งมือตัดฟันโซ่ที่เหลือ “เจ้าก็เป็นแค่พุทธรูปทองแดง จะเอากุศลผลบุญมาจากไหน การพันธนาการแม่นางอู๋ไว้ที่นี่เป็นผลบุญของเจ้าหรือ แต่เจ้ากลับแสร้งทำเป็นไม่เห็นเมื่อแม่นางอู๋จับมนุษย์กินต่อหน้าเจ้า หากว่าเจ้าเคยมีผลบุญอยู่บ้าง มันคงถูกเจ้าผลาญไปหมดแล้ว!”
ร่างของพุทธรูปสั่นเทาขึ้นมาทันที รอยอักขระโลหิตตามเนื้อทองแดงส่องแสงเรือง ด้วยทองคำเปลวที่ห้อหุ้มมัน แสงพวกนั้นทำให้มันดูเหมือนพุทธรูปทองคำที่กำลังเปล่งแสงทอง มันกล่าวด้วยเสียงทึบตื้อ “เจ้ารู้หรือไม่ว่าจะมีผู้คนถูกกินล้มตายไปมากมายเท่าไร หากเจ้าปล่อยมันไป”
“ข้ารู้แต่ว่ามันซ่อนโครงกระดูกจำนวนนับไม่ถ้วนหลังเจ้า และใช้เจ้าช่วยก่อกรรมทำเข็ญ และข้าก็ไม่เห็นเจ้าจะทำอะไรสักอย่างกับเรื่องนี้”
ฉินมู่ตัดโซ่เส้นที่สองออกแล้วยิ้มหยัน “คลื่นน้ำแข็งก่อตัวลอยผ่านวัดนี้หลายครั้งในปีหนึ่งๆ เจ้าได้ทำอะไรบ้างหรือไม่ ช่วยแก้ปัญหาคลื่นน้ำแข็งเท่ากับก่อกุศลผลบุญ แต่นั่งเฉยๆ เพื่อพันธนาการปีศาจไว้นั้นมิใช่ อย่าให้พูดถึงการที่เจ้าปล่อยให้ปีศาจกินผู้คนอีก หากว่าเจ้าทำลายคลื่นน้ำแข็ง เพื่อช่วยชีวิตผู้คนที่ปลายน้ำ นั่นแหละเจ้าถึงจะได้มหากุศล!”
พุทธรูปนี้พลันฉายโชนแสงทองออกมา แขนของมันเริ่มขยับประหนึ่งมีชีวิต แม่นางอู๋รีบร้องเตือนด้วยความตระหนก “เจ้าลาเฒ่าหัวโล้นนี่เป็นพุทธรูปปีศาจ มันกำลังจะหลอมเผาข้าให้ตาย เร่งมือเร็วเข้า!”
ฉินมู่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว และพุ่งออกจากในวัดราวสายฟ้า จากนั้นใช้กระบี่ผู้พิทักษ์เยาว์ตัดฟันโซ่ที่อยู่นอกวัด
“บาปกรรมของทุกชีวิตต้องถูกชำระล้างด้วยอุทกภัย เมื่อนั้นจึงหมดบาปกรรมไปได้ พวกเขาเพียงแค่ได้รับผลกรรมชั่วที่เคยทำมา”
ตูม
แรงสั่นสะเทือนมหาศาลพลันแผ่พุ่งเมื่อพุทธรูปทองแดงหยัดยืนขึ้น และทลายวัดร้างแห่งนั้นด้วยศีรษะของมัน มันคำรามก้องราวกับสายฟ้าฟาดอันสะเทือนฟ้าสะท้านดิน
“มารชั่ว กล้าดียังไงถึงแย้งคำสั่งสอนของพุทธเจ้า! สัตว์บาปหนาบัวใต้ตมอย่างเจ้า สอนอย่างไรก็ไม่เข้าใจ!”
โซ่ที่พันธนาการพุทธรูปทองแดงและแม่นางอู๋เอาไว้พลันดูเหมือนกับมีชีวิตขึ้นมา เมื่อมันเลื้อยระริกในอากาศและพุ่งฉกใส่ฉินมู่
“คำสอนของพุทธเจ้าของเจ้ามีแต่สอนให้ช่วยเหลือผู้อื่นเพื่อกุศลของตัวเอง แต่ไม่เคยสอนให้ช่วยเหลือผู้อื่นเพียงเพราะต้องการให้ผู้อื่นพ้นทุกข์ ช่างเสแสร้งซะจริง!”
ฉินมู่กระโดดขึ้นและหลบหลีกการกระหวัดรัดของโซ่ เขาใช้กระบี่ผู้พิทักษ์เยาว์ตัดฟันโซ่เส้นสุดท้าย “เจ้าอาจจะยังได้ผลบุญอยู่บ้าง หากเจ้าสังหารแม่นางอู๋ทันทีที่เจ้าสยบนางได้ แต่เจ้าเลือกที่จะแค่พันธนาการนางไว้ แต่ยังยอมให้นางทำร้ายกัดกินผู้คน ทำไม เพราะการกัดกินผู้คนนั้นถือเป็นบาป และยิ่งบาปของมันพอกพูนมากเท่าไร เจ้าก็จะยิ่งได้กุศลมากขึ้นเท่านั้นเมื่อถึงเวลาชำระล้างมัน บ๊ะ! บาปกรรมที่แม่นางอู๋กัดกินผู้คน ควรถูกนับเป็นบาปกรรมของเจ้าด้วยเช่นกัน!”
เคร้ง
กระบี่ผู้พิทักษ์เยาว์กระทบกับโซ่ และกำลังมหาศาลพลันแผ่พุ่งมาจากโซ่ ผลักให้กระบี่กระดอนออกไป
ฉินมู่ครางหนักทีหนึ่ง และก้าวเซถอยหลังระหว่างที่คอยหลบหลีกโซ่เหล่านั้นอันดูเหมือนงูเหลือมทมิฬสองตัว จากนั้นเขาก็ยิ้มเยาะ “ด้วยน้ำไหลบ่าท่วมท้นรอบวัด เจ้าไม่เพียงแต่นั่งเป็นทองไม่รู้ร้อนไม่ช่วยเหลือผู้คน แต่ยังขัดขวางไม่ให้ข้าช่วยเหลือผู้คน นี่เจ้ายังคิดอยากได้กุศลผลบุญอีกหรือ ให้ข้าบอกเจ้าเอาบุญ ผู้เฒ่าหลายคนจากหมู่บ้านข้า ทุกๆ ปีจะออกไปสู้กับคลื่นน้ำแข็งเพื่อช่วยเหลือชีวิตคนและสัตว์จำนวนนับไม่ถ้วน! หากว่าใครๆ ก็สามารถบรรลุพุทธะได้ด้วยการสั่งสมผลบุญ ป่านนี้ผู้เฒ่าทุกคนคงกลายเป็นพระยูไลร่างทอง มิใช่แค่รูปปั้นทองแดงอย่างเจ้า!”
“เหลวไหล!”
พุทธรูปทองแดงนั้นใหญ่โตมหึมา ด้วยการย่างเท้าเพียงก้าวเดียว มันก็พ้นออกมาจากวัดร้างนั้น มันพนมมือเข้าหากัน เสียงเคร้งคร้างของโซ่เหล็กกระทบกันและแสงทองของพุทธรูปก็ฉายโชนเต็มที่เพื่อขับไล่ฉินมู่!
ทั้งแขนขาและกระดูกของฉินมู่ต่างก็ช็อกค้าง ห้อยตัวอยู่กลางอากาศ ขณะที่โซ่เหล่านั้นรุกไล่เข้าใส่เขา
เขาตั้งตัวเหยียบไปบนโซ่ รีบรุดวิ่งไปตามเส้นโซ่ แล้วเงื้อกระบี่ผู้พิทักษ์เยาว์ตัดฟันใส่โซ่เส้นสุดท้ายที่มัดแม่นางอู๋ไว้
โซ่ข้างหลังเขาเลื้อยไล่ตามเขาอย่างดุร้ายราวงูเหลือมตัวหนาใหญ่ และโจมตีใส่เขา
พุทธรูปทองแดงนั้นสร้างจากสำริดชัดๆ แต่มันกลับเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่ว ไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ
ก่อนหน้านี้พุทธรูปทองแดงไม่อาจแยกแยะระหว่างฉินมู่และแม่นางอู๋ เมื่อฉินมู่ร่ายคาถามาร พุทธรูปทองแดงจึงตอบสนองโดยอัตโนมัติร่ายคาถาพุทธสวนกลับไปเพื่อชำระล้างแม่นางอู๋ และตอนนี้เมื่อฉินมู่พยายามปลดปล่อยแม่นางอู๋ พุทธรูปทองแดงก็เปลี่ยนจากปฏิกิริยาตอบสนองมาเป็นโจมตีฉินมู่ตรงๆ
โซ่หนาใหญ่พุ่งใส่เขาจากทุกทิศทาง ฉินมู่กระโดดไปเหยียบบนโซ่เส้นหนึ่งเพื่อหลบโซ่เส้นที่เหลือ
กำลังที่พุทธรูปทอดแดงถ่ายทอดผ่านโซ่แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ แรงสั่นสะเทือนจากการที่โซ่เหล่านั้นเสียดสีกัน รุนแรงจนฉินมู่ยืนแทบไม่อยู่ ขาของเขาเจ็บปวดไปหมดจากการสั่นไหวนั้น และวิถีการควบคุมกระบี่ผู้พิทักษ์เยาว์ของเขาก็ไม่แม่นยำดุจเดิม
พุทธรูปทองแดงมีพละกำลังกล้าแข็งขึ้นทุกทีทุกที ราวกับว่ามีขุมกำลังไม่สิ้นสุดอยู่ในร่าง และในตอนนี้ขุมกำลังนั้นกำลังฟื้นฟูกลับมาทีละเล็กทีละน้อย
ท่านยายซีและเฒ่าเป๋เคยกล่าวถึงพุทธรูปนี้และบอกว่ามีบางอย่างพิลักพิลั่นเกี่ยวกับพุทธรูปทองแดง ท่านยายซียังบอกอีกว่านางเคยคิดกำจัดแม่นางอู๋ แต่ถูกหยุดยั้งโดยพุทธรูปทองแดง จึงไม่ประสบความสำเร็จ
ท่านยายซีนั้นมีวรยุทธกล้าแข็ง แต่กลับไม่อาจผ่านพุทธรูปไปจัดการแม่นางอู๋ได้ นั่นแปลว่าหากขุมพลังในร่างพุทธรูปฟื้นคืนกลับมาเต็มที่ มันต้องทรงพลังน่ากลัวมากแน่ๆ!
และตอนนี้พลังในพุทธรูปทองแดงก็ฟื้นฟูกลับคืนมาทีละเล็กทีละน้อย!
แม้ว่ามันจะฟื้นคืนมาไม่กี่ส่วน ก็มิใช่คู่ต่อสู้ที่ฉินมู่จะรับมือได้
และในจังหวะนี้ เสียงสะเทือนเลื่อนลั่นก็ดังขึ้นมา คลื่นน้ำแข็งอันก่อตัวบ่ามาจากเหนือน้ำไหลมาถึงเกาะกลางน้ำในที่สุด ภูเขาน้ำแข็งสูงลิ่วอันสูงหลายสิบวาพุ่งมาตามกระแสน้ำรุนแรงและปรากฏที่หน้าเกาะตะปูกลางน้ำนั้น ซึ่งก็คือข้างหลังฉินมู่
เงาภูเขาน้ำแข็งปกคลุมบังแสงจากฉินมู่ในทันใด เขารีบหันกลับไปเห็นก้อนน้ำแข็งจำนวนไร้ประมาณที่เบียดอัดเสียดสีกันไปมากลิ้งขึ้นไปบนยอดภูเขาน้ำแข็ง และกลิ้งลงสู่แม่น้ำอีกที จากนั้นน้ำแข็งก้อนใหม่ก็จะถูกอัดขึ้นไปบนยอดภูเขาน้ำแข็งแล้วร่วงลงมาเหมือนก้อนก่อนหน้า
เมื่อคลื่นน้ำแข็งบดขยี้ทุกสิ่งบนเส้นทางของมัน ซากศพในน้ำแข็งก็จะถูกบดละเอียดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยจนมองไม่เห็นอีกต่อไป สิ่งที่เหลือมีแต่ภูเขาน้ำแข็งก้อนใหญ่ที่กลิ้งถล่มโถมไปข้างหน้าเรื่อยๆ บดขยี้ด้วยมวลมหาศาลของมัน!
เหง่ง!
พุทธรูปทองแดงดูจะตระหนักถึงอันตรายเช่นกัน และไม่อาจแยกสมาธิไล่โจมตีฉินมู่ได้อีกต่อไป เมื่อมันยื่นฝ่ามือไปเบื้องหน้าไปยังภูเขาน้ำแข็ง หมายจะผลักมันออกไป
หง่าง!
รอบๆ เกาะกลางน้ำพลันปราฎแสงทองก่อเป็นรูประฆังซึ่งใหญ่โตครอบคลุมทั้งเกาะได้!
ก้อนน้ำแข็งนับไม่ถ้วนเหล่านั้นพุ่งเข้ามาปะทะกับระฆังทองและสร้างเสียงปังๆ ดังสนั่น พวกมันแตกทำลายจากคลื่นปะทะนั้น ทุกก้อนน้ำแข็งที่ถล่มใส่ระฆังจะสร้างคลื่อนกระเพื่อมบนระฆังแสงทองนั้นให้กระจายออกเป็นวงจากจุดปะทะ จากจุดที่ฉินมู่ยืนดูอยู่ ภาพที่เห็นอลังการตื่นตา
หลังจากรอยกระเพื่อม คลื่นน้ำแข็งก็กระทบกระแทก เสียงแตกหักเสียดสีของพวกมันดังกัมปนาทคล้ายสายฟ้าฟาด อื้ออึ้งไปทั้งหู ท่ามกลางเสียงครั่นครื้นนี้ ก็มีเสียงเหง่งหง่างของระฆังแทรกอยู่ด้วย!
พลังอำนาจของธรรมชาติปะทะฤทธานุภาพวิชาพุทธของพุทธรูปทองคำช่างสะท้านโลกหล้า แม้แต่เกาะตะปูกลางน้ำนี้ก็ไหวโยกเยกไปมา ราวกับว่าจะถล่มจมในน้ำได้ทุกเมื่อ
คลื่นน้ำแข็งถูกสกัดกั้นโดยเกาะกลางน้ำและระฆังทอง ทำให้มันสะสมสูงขึ้นสูงขึ้น คลื่นน้ำแข็งของสองฟากเกาะได้ไหลลงไปตามน้ำแล้ว มีแต่จุดนี้ที่ยังต้านทานและสั่งสมน้ำแข็งโสโครกมากขึ้นทุกที และไม่นานนัก คลื่นน้ำแข็งก็ทำท่าจะกลืนทั้งเกาะตะปูเข้าไปไว้ใต้ท้องของมัน
ครืดคราด
เสียงโซ่สั่นไหวเมื่อมันพุ่งเข้าใส่ฉินมู่ พุทธรูปทองแดงนี้ยังอุตส่าห์หลงเหลือกำลังมาใช้คุมโซ่ประดุจงูร้ายที่เลื่อยไล่เขาอย่างกัดไม่ปล่อย
ในขณะเดียวกันมันก็สร้างเสียงปะทะของโลหะดังสนั่นด้วยการใช้ฝ่ามือฟาดซ้ำๆ ไปที่ผนังระฆังทองเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับวิชา
บรรดาโซ่ม้วนพันหมุนไปรอบๆ ร่างของมัน และลอยละลิ่วตามท่าร่าง เมื่อมันไล่โจมตีฉินมู่ และแม่นางอู๋ซึ่งอยู่ในรูปลักษณ์เด็กผู้หญิงเสียนชิงเอ๋อก็สะดุดจากแรงดึงโซ่ และล้มคะมำไปกับพื้น หน้าของนางฟกช้ำยับเยินจากการถูกลากถูลู่ถูกังไปรอบๆ
ฉินมู่เหยียบลงบนโซ่อีกครั้ง และพบว่ากำลังของพุทธรูปทองแดงเหมือนสูญหายไปเยอะ และไม่น่ากลัวเหมือนที่เคย เขาฉวยโอกาสตัดโซ่เส้นสุดท้ายให้หลุดขาดเสียงเคร้งดังลั่นด้วยกระบี่ผู้พิทักษ์เยาว์
แม่นางอู๋ตกตะลึงไปครู่ ไม่อาจระงับความแตกตื่นและดีใจเมื่อนางยกแขนของนางขึ้นเพื่อดูห่วงทองที่เอวอันร้อยโซ่ขาดแหว่งเอาไว้
และยังมีห่วงทองคำที่ข้อเท้า ซึ่งก็มีโซ่ขาดๆ หลงเหลืออยู่เล็กน้อยเช่นกัน
“เลิกยืนเซ่อ แล้วขยับเร็วๆ เข้า!” ฉินมู่ตะโกนด้วยเสียงอันดัง เมื่อเขากระโจนเข้ามาใกล้
แม่นางอู๋หัวร่อดังสนั่นและร่างของมันก็ขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว ผิวหนังของเสียนชิงเอ๋อฉีกขาดออกจากกันไปทั่วร่างและเผยให้เห็นร่างจริงของมันอันปกคลุมไปด้วยเกราะกระดูก ร้อยขาของมันกระดิกอย่างรวดเร็วตามสายลม มันตะโกนบอก “พี่ชายน้อย รีบกระโดดขึ้นมาบนตัวข้า ข้าจะพาเจ้าออกไป!”
ฉินมู่กระโดดขึ้นไปบนตัวของมัน ร่างของจอมปีศาจนี้ปกคลุมไปด้วยเกราะกระดูก และเมื่อมันตะกายพุ่งทางหลังเกาะกลางน้ำด้วยความเร็วลากห่วงทองและโซ่ขาดไปตามพื้นเสียงตึงตัง มันเลื้อยคลานไปด้วยความรวดเร็วจนเกือบจะทะยานอากาศ ทั้งร้อยขาใต้ร่างของมันทำงานประสานกันอย่างไร้ที่ติ และพาร่างมันกระโจนฝ่าอากาศไปยังผนังระฆังทอง
“ปีศาจบาปหนา เจ้าคือกุศลผลบุญของข้า ยังคิดจะหนีข้าพ้นอีกหรือ”
พุทธรูปทองแดงพลันหันหลังกลับมา และมือสำริดของมันคว้าจับอากาศเปล่า ห่วงทองคำและโซ่ขาดที่อยู่บนตัวแม่นางอู๋สั่นไหวกรุ๊งกริ๊ง และทำท่าจะดึงร่างมันลอยกลับไป ในขณะเดียวกันนั้น โซ่ที่เชื่อมต่อจากร่างของพุทธรูปทองแดงก็ลอยเข้าใส่ราวกับว่ามันจะเชื่อมต่อกลับกับโซ่ขาดเหล่านั้น
แม่นางอู๋หนาวเยือกไปทั้งตัว นางร่วงลงมาจากแรงดึงของห่วงและโซ่บนร่างกายมัน พลังในโซ่ที่ขามีกำลังรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ จนลากร่างนางถอยกลับไปกรูดๆ
มันใช้กำลังทั้งหมดที่มีตะกุยทั้งร้อยขา แต่มิอาจต้านทานแรงดึงกลับไปได้
ฉินมู่กำลังคิดที่จะใช้กระบี่ผู้พิทักษ์เยาว์ฟันทำลายห่วงทองคำบนร่างแม่นางอู๋ แต่ทันใดนั้นประกายแสงสีทองอันเฉียบบางก็พุ่งมาจากก้อนเมฆ ทะลวงผนังระฆังทองก่อนที่จะทะลุผ่านระหว่างดวงตาของพุทธรูปทองแดง
พุทธรูปทองแดงร้องโหยหวนเมื่อมันกุมจุดระหว่างดวงตานั้น แม่นางอู่พลันรู้สึกว่าร่างปราศจากแรงดึง และฉวยโอกาสนี้ใส่เกือกตะขาบโกยแน่บ ใช้ไม่กี่ก้าว มันก็ทะยานขึ้นไปบนอากาศ จากนั้นพุ่งทะลุผ่านผนังระฆังทอง แล้วหายลับไปลิบแม่น้ำ
เบื้องหลังพวกเขาพุทธรูปทองแดงยังไม่หยุดร้องโหยหวน ทันใดนั้นระฆังทองก็แตกทำลาย และคลื่นน้ำแข็งสูงเยี่ยมเทียมภูเขาก็โถมถล่มลงมา กลบฝั่งทั้งเกาะกลางน้ำและพุทธรูปทองแดงนั้นให้จมลงไป วัดร้างโบราณก็พังย่อยยับทันใด ทั้งเกาะตะปูถล่มราบลงใต้พื้นน้ำ!
“เจ้าและข้าไม่เคยแส่ยุ่งเรื่องของกันและกัน…”
พุทธรูปทองแดงโกรธเกรี้ยว แต่ไม่ทันที่มันจะสิ้นสุดคำพูด มันถูกถูกฝังจมแม่น้ำด้วยคลื่นน้ำแข็งไปพร้อมกับเกาะตะปูนั้น!