Skip to content

Tales of Herding Gods 63

63. มือถือกระบี่ ปากถือศีล

บนท้องฟ้า เส้นแสงเฉียบบางนั้นโบยบินกลับมาและซ่อนในเรือนผมของผู้ใหญ่บ้าน ผู้ใหญ่บ้านทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วเดินทอดน่องลงมาจากอากาศ กลับสู่หมู่บ้านพิการชรา

แต่ที่ทางปลายน้ำกว่าร้อยลี้ แม่น้ำหย่งมีโค้งใหญ่อ้อมภูเขาที่นี่ ทำให้คลื่นน้ำแข็งมาติดค้างอยู่ และน้ำแข็งก็สะสมมากขึ้นทุกทีจนกระทั่งทางแม่น้ำทั้งหมดถูกขัดขวาง

“แม่นางอู๋ หยุดก่อน!”

นางตะขาบกระดูกขาวร้อยขาพาฉินมู่เหินเหาะไปบนอากาศและเลื้อยบิดตัวไปข้างหน้าราวกับมังกรตัวหนึ่งด้วยความเร็วยิ่งยวด เมื่อได้ยินคำพูดของฉินมู่ มันก็หยุดลงที่โตรกผาริมแม่น้ำยอดหนึ่งและหัวเราะอย่างเยือกเย็น “ทำไมข้าต้องฟังเจ้าด้วย ไอ้เด็กผี”

ฉินมู่กระโดดลงจากหลังของมัน และมองกลับไปด้วยความงุนงง “ก็ข้าเพิ่งช่วยเจ้าไป เจ้าก็ต้องช่วยข้ากลับโดยทำลายเขื่อนน้ำแข็งนี้เพื่อตอบแทบข้าไม่ใช่รึ”

แม่นางอู๋ขดตัวขยุกขยิก ก่อนกลายร่างกลับเป็นเสียนชิงเอ๋อ ด้วยแขนขาของมันที่ยังมีห่วงและโซ่ร้อยอยู่ นางกระโดดไปมารอบๆ ตัวฉินมู่สองสามรอบด้วยเสียงโซ่ดังกรุ๋งกริ๋ง จากนั้นมันชะโงกหัวจากข้างหลังฉินมู่แล้วหัวเราะคิกคัก “ข้าต้องตอบแทนเจ้าที่เจ้าช่วยข้าเอาไว้? เจ้าลืมไปแล้วหรืออย่างไร ว่าเจ้าเคยเล่นข้าไว้ซะแสบ ข้าเกือบถูกเจ้าลาเฒ่าหัวล้านนั่นเข่นฆ่า! ไม่ใช่แค่นั้น เจ้ายังปล้นเอาทรัพย์สมบัติที่ข้าสะสมมาหลายปี ข้าควรจะงับหัวเจ้าเป็นอาหารเสียมากกว่า!”

ฉินมู่แย้มยิ้ม “แต่เจ้าไม่กล้า”

คอของแม่นางอู๋พลันยาวยืดขึ้นมาหลายวา มันม้วนพันคอของมันรัดรอบฉินมู่หลายรอบก่อนชะโงกหัวผิดมนุษย์นั่นเข้ามาประจันหน้าเขาใกล้ๆ แล้วยิ้มหยัน “ข้าไม่กล้า? ตอนนี้เจ้าไม่มีไอ้ลาเฒ่าหัวล้านนั่นช่วยเจ้าแล้ว ทำไมข้าจะไม่กล้า”

“ข้าอาศัยอยู่ในหมู่บ้านพิการชรา และมีผู้เฒ่าที่หมู่บ้านเก้าคน แต่ละคนนั้นพลิกมือเดียวก็ฆ่าเจ้าได้”

ฉินมู่ยิ้มแล้วกล่าวต่อ “ไม่ว่าเจ้าจะเปลี่ยนรูปลักษณ์ปลอมตัวหรือหนีไปสุดหล้าฟ้าเขียว พวกเขาก็สามารถติดตามหาตัวและปลิดชีวิตเจ้าได้อย่างง่ายดาย และง่ายไปกว่านั้นคือให้เจ้ามีชีวิตอยู่ทุกข์ทนกว่าตาย”

แม่นางอู๋หนาวเยือกถึงกระดูกสันหลัง และหดคอของนาง แปลงกลับเป็นเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักเหมือนเดิม นางกระโดดโลดเต้นไปรอบๆ พร้อมกับเขย่าห่วงทองคำและโซ่ที่ข้อเท้าบนแขนของนาง “ข้ากลัวพวกผู้เฒ่าของเจ้า แต่ข้าไม่มีหน้าที่จะต้องช่วยเจ้า ไอ้ลาเฒ่าหัวล้านนั่นพูดถูก เมื่อเจ้าช่วยข้าแล้ว ข้าก็จะออกไปก่อกรรมทำเข็ญและกัดกินผู้คน! ทำไมข้าต้องช่วยเจ้าช่วยเหลือผู้คนด้วย ข้าไปดีกว่า…”

มันหันตัวกลับไปพร้อมเสียงกรุ๊งกริ๊งของโซ่

ฉินมู่กล่าวโดยพลัน “แม่คนนี้ดูผิวเผินเกินไปแทบไม่แยกแยกดีชั่ว ยากที่จะเชื่ออย่างสุดใจ แต่ทว่าถ้าเจ้าช่วยข้าจัดการเขื่อนทะเลสาบนี้และช่วยชีวิตผู้คนนับไม่ถ้วนทางปลายน้ำ มันก็จะกลายเป็นกุศลผลบุญของเจ้าที่ยิ่งใหญ่มหากุศลยิ่งกว่าที่พุทธรูปนั่นเคยสั่งสมมา”

แม่นางอู่ชะงักเท้าและหันกลับมาฟังอย่างสนอกสนใจ

ฉินมู่กล่าวต่อ “ช่วยข้าช่วยเหลือผู้คนจะสั่งสมกุศลให้เจ้ามากกว่ากุศลที่พุทธรูปนั่นสยบเจ้าไว้ร้อยเท่า! หากเจ้าพบเขาอีกครา เขาจะยังมีหน้ามาสยบเจ้าอีกหรือ”

แม่นางอู๋เอียงคอครุ่นคิด ก่อนระเบิดหัวเราะออกมา “เจ้าพูดเข้าที ข้าจะช่วยเจ้าก็ได้ ฮี่ๆ ไอ้ลาแก่หัวโล้นนั่นชอบวางท่าเที่ยงธรรมและอ้างเอาข้อที่ว่าข้ากินคนเข้าไปมากมายมาใช้กักขังสยบข้าในนามของคุณธรรมความดี เขายังบอกว่าจะใช้แม่น้ำเชี่ยวกรากนี้ชำระล้างกรรมชั่วของข้า ข้าบอกเขาว่าที่ข้ากินคนก็เพราะข้าหิว ไม่ใช่ว่าพวกเขาดีหรือชั่ว ข้าก็ต้องการอาหาร เหมือนกับมนุษย์อย่างเจ้าที่ต้องกินข้าว ไก่ ผักเมื่อพวกเจ้าหิวโหยเช่นกัน”

มันก้มลงมองแม่น้ำที่ถูกเขื่อนขัดขวางข้างล่างนั่น และกล่าวต่อ “ข้าไม่มีความรู้สึกผูกพันกับมนุษย์ที่ข้ากิน ดังนั้นข้าถือพวกเขาเป็นแค่อาหาร เจ้าเองก็ไม่มีความผูกพันกับผักปลาและข้าวสุกที่เจ้ากินเข้าไป และนั่นก็ทำให้เจ้ากินมันไม่ใช่รึ ไอ้โล้นใช้เหตุผลวิบัติมาสยบข้า เขาทำข้าโมโหจนข้าตัดสินใจว่าจะกินคนทุกคนที่เข้ามาในวัด เพื่อไม่ให้มันได้รับกุศลใดๆ! แต่ว่า ถ้าข้าสามารถสั่งสมมหากุศลได้เหนือกว่ามัน ข้าอยากรู้นักว่ามันยังจะมีหน้ามาสยบข้าอีกไหม! หืม ในแม่น้ำมีน้ำแข็งเยอะแยะไปหมด หากว่าข้ายังมีอาวุธวิญญาณอยู่ล่ะก็ ข้าสามารถทำลายเขื่อนน้ำแข็งนี้ได้ แต่ว่าอาวุธวิญญาณของข้าถูกไอ้โล้นนั่นยึดไป…”

หึ่ง

ฉินมู่เรียกกระบี่ผู้พิทักษ์เยาว์ และใช้ปราณคุมกระบี่บินลงไปสับคลื่นน้ำแข็งที่กีดกั้นคุ้งน้ำข้างล่าง “แม่นางอู๋ เสริมกำลังให้ข้า!”

“กระบี่ที่ตัดโซ่นั่น?”

ตาของมันเป็นประกาย พลันเปลี่ยนกลับเป็นร่างจริง ขาทั้งร้อยของมันเคลื่อนไหวพร้อม ๆ กันกระโดดลงจากผนังผา ฉินมู่กระโดดตามลงไปเหยียบที่หลังของนาง ตะขาบกระดูกขาวร้อยขาพลันแหวกว่ายไปในอากาศพาฉินมู่ไปยังจุดที่คลื่นน้ำแข็งก่อตัวเป็นเขื่อน

“ผ่า!”

ฉินมู่กู่ร้องและใช้กระบี่ผู้พิทักษ์เยาว์ฟันลงไปบนคลื่นน้ำแข็ง ในเวลาเดียวกัน แม่นางอู๋ก็ปลดปล่อยลมหายใจอันมีปราณชีวิตปีศาจอันน่าสะพรึงกลัวหลั่งไหลเข้าไปในกระบี่ผู้พิทักษ์เยาว์

กระบี่ผู้พิทักษ์เยาว์นี้พลันยืดขยายยาวร้อยห้าสิบวา และฟาดฟันลงไปบนคลื่นน้ำแข็ง!

คลื่นน้ำแข็งนี้สะสมสูงขึ้นไปทุกทีเมื่อก้อนน้ำแข็งไหลมาค้างคาก่อตัวเพิ่มความสูงของเขื่อน และถ้าปล่อยไว้เช่นนี้ มันจะต้องเป็นมหาภัยพิบัติแก่ทุกชีวิตสองฝั่งแม่น้ำหย่ง!

กระบี่ผู้พิทักเยาว์แหวกอากาศและที่ใดที่คมกระบี่กรีดผ่าน รอยแยกสองฝั่งน้ำแข็งก็ปรากฎให้เห็น กระบี่ยาวร้อยห้าสิบวาฟันบรรจบลงกับเขื่อนน้ำแข็งและผ่าฟันน้ำแข็งเหล่านั้นราวกับก้อนเต้าหู้

“แย่แล้ว!”

สีหน้าแม่นางอู๋แปรเปลี่ยนอย่างรุนแรง และหมายจะทะยานเหินขึ้นฟ้าแต่ช้าไป เขื่อนน้ำแข็งพลันพังทลายด้วยแรงกดดันมหาศาลจากมวลน้ำในแม่น้ำ ทำให้เศษน้ำแข็งแตกกระจัดกระจายไปพุ่งใส่พวกเขาด้วยแรงดันร้ายแรงของน้ำพวกนั้น

แค่มองดูก็แทบจะจมน้ำตาย

แต่ก่อนที่เขื่อนน้ำแข็งจะพุ่งมาโดนเขา ก็มีพายุหมุนซัดจากบนท้องฟ้ากดพวกเขาให้ร่วงหล่นจากอากาศ

ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ

เศษน้ำแข็งจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งกระเดินไปรอบทิศ ฉินมู่พลันรู้สึกเจ็บที่ใบหน้าเมื่อหนึ่งในสะเก็ดน้ำแข็งพวกนั้นแทงกรีดหน้าเขา

ปราณชีวิตของเขาเข้มข้นและมีพลังป้องกันสูงเป็นพิเศษ เขาไม่สะทกสะท้านจากหมัดของกอริล่าอสูร แต่กลับบาดเจ็บจากสิ่งนี้ แสดงว่าสะเก็ดน้ำแข็งพุ่งด้วยความเร็วที่สูงพอที่จะกรีดผิวหนังเขาได้ จากเพียงเท่านี้ก็คงรู้ได้ว่ามันอันตรายแค่ไหนหากว่าเขื่อนน้ำแข็งนั้นถล่มลงใส่พวกเขา

แม่นางอู๋แบกเขาวิ่งตะกุยตะกายหนีสะเก็ดน้ำแข็งที่พุ่งใส่จากทุกทิศทุกทางพร้อมด้วยคลื่นยักษ์โถมพุ่ง จากนั้นพายุหมุนปะปนกับสะเก็ดน้ำแข็งและคลื่นยักษ์ก็โถมซัดใส่ร่างของพวกเขาส่งให้ทั้งคู่กระเด็นไปด้วยกำลังแรง

ตึบ ตึบ

สองเสียงตึบดังมาจากผนังผาฝั่งตรงข้าม ฉินมู่และแม่นางอู๋ถูกกระแทกไปฝังใส่ผนังผานั้น ตนหนึ่งก็เป็นรูปตัว X อีกคนก็เป็นรูปตัว H

จากนั้นเสียงหวีดหวือของกระบี่ก็แล่นตามมา เมื่อฉินมู่ได้ยินเสียง เขาก็รู้ทันทีว่าเกิดเรื่องเสียแล้ว เมื่อเสียงหวีดกระบี่พุ่งตรงมายังเขา!

เขารีบกางขาของเขาออก และได้ยินเสียงฉึกของกระบี่ผู้พิทักษ์เยาว์ที่ปักมาเกือบโดนขาอ่อนของเขา

ฟิ้ว

ฉินมู่ถอนหายใจอย่างโล่งอก และในตอนนี้ขาและตัวของเขาอยู่ในรูปตัว A ส่วนกระบี่ผู้พิทักษ์เยาว์ปักอยู่ห่างจากฉินมู่น้อยของเขาแค่ไม่กี่นิ้ว

ข้างๆ กันนั้น จอมปีศาจก็ระเบิดเสียงหัวเราะ ฉินมู่หัวเราะตามไปด้วยอย่างช่วยไม่ได้ เสียงหัวเราะของหนึ่งปีศาจหนึ่งมนุษย์ประสานกันดังขึ้นดังขึ้นในโตรกผานั้น

เบื้องล่างพวกเขาน้ำในแม่น้ำไหลไปตามปกติ และวิกฤตก็ได้ผ่านพ้นไปแล้ว

ไม่นานนักฉินมู่และแม่นางอู๋ก็แปลงกายกลับเป็นเสียนชิงเอ๋อ ก็นั่งกันอยู่ที่หน้าผาเหนือแม่น้ำ แขนของพวกเขายันรับตัวที่เอนไปข้างหลังจ้องมองฟ้าสีน้ำเงินและเมฆขาว พวกเขารู้สึกสงบใจในขณะนั้น

“พุทธรูปทองแดงนั่นคือใคร” ฉินมู่ถาม

“เขามาจากวัดน้อยฟ้าคำราม เป็นเผ่าพันธุ์อื่นที่เกิดมีจิตตื่นรู้ ปีศาจคล้ายๆ กับข้า”

แม่นางอู๋ก้มดูห่วงทองคำที่ขาของมัน “ว่ากันว่าปรมาจารย์ของวัดน้อยฟ้าคำรามได้เข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์และกลายเป็นลูกศิษย์ของวัดใหญ่ฟ้าคำราม ทว่าเขาได้ทรยศวัดและออกจากวัดในที่สุด จากนั้นจึงก่อตั้งวัดน้อยฟ้าคำราม ตั้งตัวเองเป็นยูไลน้อย ข้าได้ยินว่าเขาถูกบีบให้หนีเข้ามาในแดนโบราณวินาศโดยยูไลเฒ่าของวัดใหญ่ฟ้าคำราม ดังนั้นวัดน้อยฟ้าคำรามก็อพยพทั้งวัดเข้ามาในแดนโบราณวินาศด้วย เจ้าอาวาสวัดน้อยฟ้าคำรามที่สืบทอดกันมาแต่ละรุ่น ล้วนแต่เป็นปีศาจเยี่ยงข้า แต่พวกเขาเรียกตนเองว่ายูไลน้อย ผู้ที่สยบข้าไว้บนเกาะกลางน้ำคือยูไลน้อยของรุ่นนี้ และบัดนี้เมื่อเจ้าได้ตัดโซ่เพื่อปลดปล่อยข้าให้เป็นอิสระ ฮี่ๆ มันคงหมายหัวเจ้าแล้ว!”

“วัดน้อยฟ้าคำราม? ยูไลน้อย?”

ฉินมู่อึ้งไปพัก ก่อนจะถาม “วัดน้อยฟ้าคำรามอยุู่ในแดนโบราณวินาศนี้?”

“แหงสิ หลวงจีนปีศาจก็เห็นเจอได้อยู่ทั่วไป แต่หลวงจีนวัดน้อยฟ้าคำรามขึ้นชื่อเรื่องความใจแคบและผูกพยาบาท แล้วยูไลน้อยล่ะจะใจแคบแค่ไหน”

แม่นางอู๋หัวเราะคิก “ด้วยนิสัยใจคอของไอ้โล้นเฒ่า มันต้องตามคิดบัญชีเจ้าแน่!”

ทันใดนั้นเสียงตะโกนด้วยความโกรธก็ดังเสียดแทงมา “เป็นมนุษย์ แต่กลับร่วมมือกับปีศาจ วันนี้พวกเราอาจารย์และศิษย์จะสยบมารขจัดปีศาจ!”

ฉินมู่หันไปมองและเห็นนักพรตเต๋าสามสี่คนเดินมาใกล้ มีนักพรตเฒ่านำลูกศิษย์ของตนทั้งหญิงและชายมาด้วย นักพรตเฒ่ามีท่าทีเข้มงวดเที่ยงธรรม ขณะที่เด็กหนุ่มและเด็กสาวมีท่าทีตื่นเต้น เห็นได้ว่าพวกเขาคือผู้ฝึกยุทธฝีมือดีจากโลกภายนอกที่เข้ามาฝึกฝนแสวงประสบการณ์ในแดนโบราณวินาศ

“สหายนักพรตเต๋า ปีศาจตนนี้และข้าเพิ่งช่วยกันแก้ไขวิกฤตและทำลายเขื่อนทะเลสาบเพื่อช่วยชีวิตผู้คนนับไม่ถ้วนที่ปลายน้ำ”

ฉินมู่ลุกขึ้นแล้วกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ปีศาจตนนี้ได้ช่วยเหลือชีวิตผู้คนมากมาย ดังนั้นนางมิใช่..”

“หุบปากของเจ้า ผู้คนที่ถูกละทิ้ง!”

นักพรตเฒ่าตะคอกอย่างเคร่งเครียดด้วยน้ำเสียงที่ของผู้ผดุงธรรมแทนสวรรค์ “เจ้ายิ่งสมควรตายกว่ามัน เพราะสุมหัวร่วมคิดกับปีศาจ ช่วยคนร้ายก่อกรรมทำเข็ญ! ในวันนี้ข้าจะกำจัดพวกเจ้าทั้งสอง! ศิษย์ข้า รีบตั้งพยุหะค่ายกลและสยบมารชั่วคู่นี้!”

“ข้าหิวล่ะ” เด็กผู้หญิงตัวเล็กข้างๆ ฉินมู่บอกเขาพลางแลบลิ้นเลียริมฝีปากแดงๆ ของนาง

“บางผู้คนนี่ก็แย่ยิ่งกว่าปีศาจ”

เมื่อหมดความสนใจในเหตุการณ์ ฉินมู่ก็กระโดดลงจากหน้าผาลงไปสู่แม่น้ำเบื้องล่าง เสียงของเขาลอยขึ้นมา “แม่นางอู๋ บัดนี้ข้าปลดปล่อยเจ้า และเจ้าเป็นอิสระ!”

เมื่อเท้าเหยียบสู่พื้นน้ำ เขาก็ก้าวเท้าไปตามยอดคลื่น

เสียงกรีดร้องดังมาจากยอดโตรกผา เมื่อแม่นางอู๋เผยร่างที่แท้จริงและเริ่มเข่นฆ่า หลังจากนั้นไม่นาน นางปีศาจก็กินอิ่มหนำสำราญ แล้วแล่นขึ้นไปบนท้องฟ้า ชอนไชเข้าไปในก้อนเมฆก่อนจะหายลับไปในที่สุด

“เจ้าเด็กเลี้ยงวัว หากว่าชะตาต้องกัน พวกเราคงได้พบกันอีก…”

เมฆปีศาจแล่นมาทันฉินมู่ และเสียงของแม่นางอู๋ก็ก้องมาจากบนนั้น ก่อนที่มันจะลอยลิ่วจากไปลิบตา

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!