ตอนที่ 1005 ช่วยคน
ลู่เจียวคิดเหตุผลได้ดังนี้แล้วก็โล่งอก เยี่ยนเอ๋อร์จะยังไม่เป็นอันใดในตอนนี้
แต่นางยังคงเป็นห่วง มองไปยังเซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวว่า “ฝ่าบาทตั้งสำนักจิ่วหลงซือ ความเคลื่อนไหวในและนอกเมืองหลวงล้วนไม่อาจพ้นสายตาของสายสืบสำนักจิ่วหลงซือ เจ้าให้เหวินเหยาเข้าวังไปเข้าเฝ้าฝ่าบาท ให้ฝ่าบาทตรวจสอบรายงานลับของสำนักจิ่วหลงซือ ดูว่าพบเห็นร่องรอยอันใดบ้างหรือไม่”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง รู้สึกว่าวิธีนี้ใช้ได้
เขารีบเรียกเซี่ยเหวินเหยามา ให้เขาเข้าวังไปเข้าเฝ้าฝ่าบาท
ในวัง เซียวเหวินอวี๋เดิมเข้านอนแล้ว พอได้รับรายงานจากองครักษ์หน้าประตูก็รีบสวมเสื้อคลุมให้คนพาเซี่ยเหวินเหยาเข้ามา
“พี่ใหญ่ เกิดเรื่องอันใดขึ้น”
เซียวเหวินอวี๋รีบถามเซี่ยเหวินเหยาอย่างเป็นห่วง เขาคิดว่าท่านพ่อกับท่านแม่เกิดเรื่องอันใด ไม่เช่นนั้นเซี่ยเหวินเหยาไม่มีทางเข้าวังยามวิกาล
เซี่ยเหวินเหยาเห็นเขาเป็นห่วง รีบกล่าวว่า “องค์หญิงแปดซีเหลียงเกิดเรื่องแล้ว”
“ผู้ใดนะ”
สีหน้าเซียวเหวินอวี๋พลันร้อนใจ เรียวตาดอกท้อยาวจ้องมองเซี่ยเหวินเหยา เซี่ยเหวินเหยาแปลกใจอยู่บ้าง แต่ก็มิได้กล่าวอันใดมาก เอ่ยขึ้นว่า “บุตาสาวบุญธรรมของท่านแม่ถูกคนจับตัวไป ท่านแม่บอกว่าหากไม่เหนือความคาดหมาย รัชทายาทซีเหลียงซั่งกวนเฮ่อจับตัวนางไป ตอนนี้พวกเราหาร่องรอยพวกเขาไม่พบ ท่านแม่ให้กระหม่อมเข้าวังมาขอให้ฝ่าบาทตรวจสอบข่าวจากสำนักจิ่วหลงซือ ไม่แน่ว่าอาจพบร่องรอยบ้าง”
ข่าวลับจากสำนักจิ่วหลงซือไม่ใช่ทุกข่าวจะส่งมาถึงมือเซียวเหวินอวี๋ มักต้องเป็นเรื่องใหญ่จึงจะส่งมาถึงเขา ข่าวเล็กๆ ทั่วไปมักจะให้ผู้บัญชาการซ้ายขวาดำเนินการ
เซียวเหวินอวี๋ได้ฟังเซี่ยเหวินเหยาก็นั่งไม่ติด รีบลุกขึ้นพาคนเดินออกไปสั่งการโจวโย่วจิ่น “รีบไปตามผู้บัญชาการจ้าวกับผู้บัญชาการวังมา เราต้องการอ่านข่าวลับสำนักจิ่วหลงซือเมื่อวานทั้งหมด”
“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”
สำนักจิ่วหลงซือตั้งอยู่ในมุมลับทางตะวันตกของวังหลวง
ตอนเซียวเหวินอวี๋กับเซี่ยเหวินเหยามาถึง ผู้บัญชาการจ้าวกับผู้บัญชาการวังก็มาถึงแล้ว ทั้งสองคนพาลูกน้องมารอรับที่หน้าประตู
“ฝ่าบาท”
“เข้าไปข้างในกันก่อน นำข่าวลับเมื่อวานทั้งหมดมาดูก่อน เราต้องการตรวจสอบเรื่องหนึ่ง”
“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”
ผู้บัญชาการทั้งสองไม่กล้าประมาท รีบเข้าไปนำข่าวลับเมื่อวานออกมาทั้งหมด กองเอกสารสำคัญเตรียมรายงานพรุ่งนี้ กองเอกสารไม่สำคัญวางไว้อีกด้าน สองกองสูงมาก มองออกว่าสายลับสำนักจิ่วหลงซือ สืบข่าวทุกวันได้มากมาย
เซียวเหวินอวี๋กับเซี่ยเหวินเหยาอ่านกองข่าวสำคัญก่อน กองโตเช่นนั้นปรากฏตรวจสอบไม่พบอันใด ทั้งสองคนหันไปตรวจกองข่าวไม่สำคัญ สุดท้ายเซี่ยเหวินเหยาหยิบเรื่องหนึ่งที่ไม่สะดุดตานักออกมา เนินสิบแปดลี้มีพี่น้องชายหญิงทะเลาะกัน เกือบลงไม้ลงมือ
ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนไปเนินสิบแปดลี้ส่งคณะทูตซีเหลียง ปรากฏยังไม่กลับมา
เซี่ยเหวินเหยาส่งข่าวลับนี้ให้เซียวเหวินอวี๋ “อวิ๋นเยี่ยนไปเนินสิบแปดลี้ส่งคณะทูตซีเหลียง เรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับนางหรือไม่”
เซียวเหวินอวี๋รับมาแล้วก็ถามผู้บัญชาการจ้าว “นี่เป็นข่าวที่สายสืบคนใดส่งมา เรียกตัวเขามา”
ผู้บัญชาการจ้าวกับผู้บัญชาการวังไม่เข้าใจฝ่าบาทต้องการสืบข่าวอันใด แต่ไม่กล้าชักช้า รีบสั่งการให้คนไปตามตัวสายสืบที่ส่งเรื่องเล็กน้อยนี้มา
สายสืบออกไปสืบข่าวทุกวัน หากพบความผิดปกติแม้เพียงเล็กน้อยก็จะส่งข่าวกลับมาให้ผู้บัญชาการทั้งสองตรวจสอบ
ก่อนหน้านี้ผู้บัญชาการจ้าวกับผู้บัญชาการวังไม่ได้สนใจอันใด ดังนั้นจึงวางกองไว้ด้านข้าง
ตอนนี้ได้ยินฝ่าบาทตรัสขึ้น เกรงว่าเรื่องนี้น่าจะเกี่ยวพันถึงเรื่องบางอย่าง ไม่กล้าชักช้า รีบสั่งการให้คนไปตามสายสืบที่ส่งข่าวนี้มา
“ตอนนั้นเกิดเรื่องอันใดขึ้น”
เซียวเหวินอวี๋มองไปยังสายลับสำนักจิ่วหลงซือในชุดดำ
คนผู้นี้ร่างไม่สูง แต่ฉลาดมาก พอได้ยินฝ่าบาทถามก็รีบทบทวนสถานการณ์ตอนนั้นอย่างละเอียด
“เริ่มแรกกระหม่อมคิดว่าเป็นการลักพาตัว จึงได้เข้าไปถาม ปรากฏอีกฝ่ายกลับบอกว่าพี่น้องเล่นกัน ทั้งสองคนต่างไม่ได้เอ่ยอันใด ดังนั้นกระหม่อมจึงปล่อยไป”
“เจ้าเห็นคนในเกี้ยวหรือไม่”
สายสืบอึ้งไปครู่หนึ่ง รีบกล่าวว่า “เห็นพ่ะย่ะค่ะ เป็นหญิงสาวหน้าตางดงามมาก ชายผู้นั้นบอกว่าเป็นพี่ชายนาง นางเองก็ไม่ได้ปฏิเสธ กระหม่อมจึงคิดว่าพวกเขาเป็นพี่น้องกันพ่ะย่ะค่ะ”
ผู้บัญชาการจ้าวพอได้ฟังก็รู้ว่าเรื่องราวเป็นเช่นไร ตวาดด่าทันทีว่า “เจ้างั่ง หากไม่เหนือความคาดหมายหญิงผู้นั้นย่อมถูกสกัดจุดไว้ นางจึงได้ไม่มีปฏิกิริยาอันใด”
ผู้บัญชาการจ้าวกล่าวจบก็มองไปยังเซียวเหวินอวี๋ “ฝ่าบาท เรื่องนี้เป็นเพราะกระหม่อมประมาทเลินเล่อพ่ะย่ะค่ะ”
เซียวเหวินอวี๋ไม่ตำหนิเขา เรื่องนี้ผู้ใดก็ไม่คาดคิด
เขาโบกมือให้สายลับออกไป จากนั้นก็บอกผู้บัญชาการจ้าว “นำแผนที่เนินสิบแปดลี้มาให้เราดูหน่อย”
ผู้บัญชาการจ้าวรีบไปหาแผนที่มากางตรงหน้าเซียวเหวินอวี๋ เซียวเหวินอวี๋หารือเรื่องนี้กับเซี่ยเหวินเหยา
“ซั่งกวนเฮ่อถูกพิษประหลาดซีเหลียง ตามหลักแล้วน่าจะรีบหาทางถอนพิษถึงจะถูกต้อง ยามนี้เหตุใดเขาต้องจับตัวไปซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนไปด้วย”
เซี่ยเหวินเหยารีบกล่าวว่าอธิบายกล่าวว่า “ท่านแม่บอกว่า วิชาการแพทย์อวิ๋นเยี่ยนล้ำเลิศมาก หากเป็นดังคาด ซั่งกวนเฮ่อจับตัวไปนางก็เพื่อให้นางถอนพิษให้เขา”
เซียวเหวินอวี๋ตกใจมองเซี่ยเหวินเหยา “พี่ใหญ่บอกว่าวิชาการแพทย์อวิ๋นเยี่ยนร้ายกาจมากหรือ”
เซี่ยเหวินเหยาพยักหน้า “ท่านแม่บอกเช่นนี้”
เซียวเหวินอวี๋ได้ฟังก็พลันหัวเราะ หญิงผู้นั้นกิริยาท่าทางมั่นใจในตนเอง ไม่เหมือนคนไร้ความสามารถ นางก็เหมือนกับท่านแม่เขาที่เก่งกาจมาก
เซียวเหวินอวี๋คิดไปก็ตรวจแผนที่อย่างละเอียดไปด้วย จากนั้นก็จิ้มไปบนศาลเจ้าร้างบนแผนที่ กล่าวว่า “นางน่าจะถูกจับไปไว้ที่ศาลเจ้าร้างที่นี่”
เซี่ยเหวินเหยาในฐานะเจ้ากรมศาลอาญาต้าหลี่ มักจะออกไปทำคดี คุ้นเคยกับศาลเจ้าร้างแห่งนี้มาก มองทีหนึ่งก็กล่าวว่า “ที่นี่ห่างจากเนินสิบแปดลี้ราวห้าสิบลี้ได้ ข้าจะรีบนำคนไปตรวจสอบ”
เซียวเหวินอวี๋กลับเอ่ยว่า “พี่ใหญ่กลับไปบอกท่านพ่อกับท่านแม่ ให้พวกท่านอย่าได้ร้อนใจ เราจะนำคนไปช่วยนางเอง”
เซียวเหวินอวี๋กล่าวจบก็ไม่รอเซี่ยเหวินเหยาแสดงท่าที ลุกขึ้นยืนจัดการสั่งการทันที จากนั้นก็นำคนออกไปช่วยคนที่ศาลเจ้าร้างทันที
พอเขาไปแล้ว เซี่ยเหวินเหยาจึงตั้งสติได้
น้องสี่ถึงกับนำคนไปช่วยด้วยตนเอง เหตุใดเขาจึงรู้สึกว่าเรื่องนี้น่าประหลาดกัน
เซี่ยเหวินเหยาลุกขึ้นเดินออกไป ขี่ม้ากลับจวนตระกูลเซี่ย ตลอดทางมาพลันคิดเข้าใจได้เรื่องหนึ่ง
น้องสี่คงมิได้ต้องใจอวิ๋นเยี่ยนกระมัง ดังนั้นจึงได้ร้อนใจไปช่วยนาง
เซี่ยเหวินเหยาพลันไม่รู้ควรเอ่ยอันใดดี กล่าวตามตรงเขาอยากให้น้องสี่มีคนรู้ใจสักคน
พวกเขาพี่น้องได้แต่งกับภรรยาที่ตนพึงใจ แม้ว่าพวกเขาไม่ได้มีความรักร้อนแรงดังเปลวไฟลุกโชน แต่สามีภรรยาก็อยู่ร่วมกันอย่างรักใคร่ผูกพันกันดี ชีวิตในแต่ละวันล้วนดีมาก
แต่น้องสี่ในฐานะฮ่องเต้แคว้นต้าโจว เหตุใดต้องพบเจอเรื่องเช่นนี้ ต้องมาพบพานกับหญิงเช่นฮองเฮา
ทว่าเขาไม่เคยคิดว่าน้องสี่จะชอบอวิ๋นเยี่ยน เรื่องนี้เขาต้องบอกท่านแม่หรือไม่
เซี่ยเหวินเหยาคิดไปพลางควบม้ากลับถึงจวน พอถึงจวนก็บอกเรื่องนี้กับเซี่ยอวิ๋นจิ่นและลู่เจียว เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวนั่งไม่ติด พาลูกน้องตระกูลเซี่ยเดินทางไปศาลเจ้าร้าง เซี่ยเหวินเหยากับเซี่ยเหวินเซ่าคิดตามไป แต่ถูกพวกเขาห้ามไว้
“พวกเจ้าไม่ต้องตามไป พรุ่งนี้ต้องไปทำงานอีก พวกเราไปก็พอ”
เซี่ยเหวินเหยาเป็นห่วง “พวกเราไม่วางใจ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “พวกเจ้าวางใจ พวกเราจะไม่เป็นอันใด”
เขามีวิชาตัวเบาร้ายกาจ เจียวเจียวมีห้วงอากาศ ไม่มีทางเกิดเรื่อง
เซี่ยเหวินเหยายังคิดเอ่ยต่อ แต่เซี่ยอวิ๋นจิ่นกลับไม่ให้โอกาสเขาได้เอ่ย พาลู่เจียวและทุกคนในตระกูลเซี่ยเดินออกไป
ทุกคนไปถึงศาลเจ้าร้างที่เนินสิบแปดลี้ในยามค่ำคืน
ยามนี้ในศาลเจ้าร้าง เซียวเหวินอวี๋พาลูกน้องสองสามคนบุกเข้าไป แต่ในศาลเจ้าร้างกลับว่างเปล่า ไร้ผู้คน เซียวเหวินอวี๋ค้นหาโดยรอบแล้วก็แน่ใจว่าก่อนหน้านี้ที่นี่มีคน เพียงแต่ตอนนี้ไปกันแล้ว
เซียวเหวินอวี๋มองศาลเจ้าร้างด้วยสีหน้าเย็นเยียบ ในใจแอบด่าทอซั่งกวนเฮ่อ คนผู้นี้เจ้าเล่ห์จริง ต้องระมัดระวังให้มาก