ตอนที่ 1036 ดาบ
องค์ชายรองคิดอยู่ครู่หนึ่ง เอ่ยขึ้นว่า “ให้หลี่ฟู่ไป”
บรรดาที่ปรึกษาไม่อยากให้หลี่ฟู่ไปลอบสังหารองค์หญิงสาม เพราะหลี่ฟู่เป็นคนที่ฝ่าบาทพระราชทานมาให้คอยอารักขาองค์ชายรอง คนผู้นี้จะนำเรื่ององค์ชายรองไปรายงานฝ่าบาทหรือไม่
แต่บรรดาที่ปรึกษาต่างรู้ว่า แม้องค์ชายรองเป็นองค์ชาย ทว่าข้างกายไม่มีลูกน้องที่ใช้งานได้สักเท่าไร
สุดท้ายที่ปรึกษาผู้หนึ่งถามขึ้นว่า “หลี่ฟู่คงไม่นำเรื่องนี้ไปกราบทูลฝ่าบาทกระมัง”
องค์ชายรองโมโหทันที “เขากล้าหรือ”
เขากล่าวจบก็ยกมือบอกให้บรรดาที่ปรึกษาออกไปก่อน พอทุกคนออกไปกันแล้ว เขาก็ตามหลี่ฟู่เข้ามา “ข้าได้ข่าวว่าน้องสามออกจากวังแล้ว เจ้านำคนสองคนไปสังหารนาง”
องค์ชายรองเพียงแค่คิดถึงว่าองค์หญิงสามจะเป็นรัชทายาทหญิงก็โมโหมาก ต้องรีบสังหารนางทิ้ง
องค์ชายรองกล่าวจบ หลี่ฟู่ก็อึ้งไปครู่หนึ่ง เอ่ยเตือนว่า “องค์ชายรอง ทำเช่นนี้ไม่ดีกระมังพ่ะย่ะค่ะ ทรงให้กระหม่อมไปลอบสังหารองค์หญิงสาม หากฝ่าบาททรงรู้ ย่อมต้องลงโทษองค์ชาย องค์ชาย…”
หลี่ฟู่คิดบอกว่าองค์ชายลืมจุดจบของเสด็จพี่องค์ชายแล้วหรือ
น่าเสียดายเขาไม่ทันได้พูดออกมา องค์ชายรองก็โมโหเดือดดาล “หลี่ฟู่ อย่าลืมสถานะเจ้า เจ้าเป็นคนของข้า ในฐานะลูกน้อง เจ้านายให้เจ้าทำอันใด เจ้าก็ต้องทำ ไหนเลยควรมีวาจาไร้สาระมากมายเช่นนี้”
หลี่ฟู่เงียบไปครู่หนึ่งก็น้อมรับพระบัญชา “กระหม่อมน้อมรับพระบัญชา”
ในปีนั้นฝ่าบาทส่งเขามาอารักขาองค์ชายรอง เคยรับสั่งว่า จากนี้ไปเขาก็คือคนขององค์ชายรอง หากกล่าวเช่นนี้ องค์ชายรองก็นับว่าเป็นเจ้านายเขาแท้จริง ทรงให้เขาไปลอบสังหารองค์หญิงสาม เขาก็ควรน้อมรับพระบัญชา
แต่ในใจหลี่ฟู่แอบเศร้าสลด รู้สึกเย็นยะเยือกในใจ ติดตามเจ้านายเช่นนี้ เขาไม่สู้ตายไปเสียดีกว่า
หลี่ฟู่พาลูกน้องออกไป องค์ชายรองกระหยิ่มยิ้มย่อง
เซียวหวงไม่รู้ว่าองค์ชายรองส่งคนมาลอบสังหารนาง ในความเป็นจริงแม้ว่าไม่รู้ แต่ก็พอจะคาดเดาได้ แต่นางไม่คิดใส่ใจเสด็จพี่รองและลูกน้องเขาพวกนั้น ล้วนเป็นเพียงแค่ตัวตลกไร้ค่าในสายตานาง
ดังนั้นตอนหลี่ฟู่ลอบสังหารนาง นางไม่ต้องลงมือ เพียงแต่เลิกม่านเล็กน้อยมองดูจากภายในรถม้า
เจี้ยงเสวี่ยสั่งให้ลูกน้องสองคนออกไปประมือกับหลี่ฟู่ แม้หลี่ฟู่วิทยายุทธ์ไม่เลว แต่ไม่อาจต้านทานลูกน้ององค์หญิงสามได้ คนเหล่านี้เป็นคนที่องค์หญิงสามฝึกวิทยายุทธ์ขึ้นมาด้วยกลวิธีจากภพอื่น วิทยายุทธ์สูงกว่าหลี่ฟู่ไม่น้อย ดังนั้นหลี่ฟู่ได้รับบาดเจ็บอย่างรวดเร็ว
องค์หญิงสามนั่งอยู่บนรถม้า เอ่ยอย่างเกียจคร้านว่า “เอาละ ให้เขากลับไปรายงานเสด็จพี่รองได้แล้ว กลับไปบอกกับเจ้านายเจ้าว่า หากมีครั้งหน้าอีก ข้าก็ไม่ถือสาหากจะต้องหักขาเขาทิ้ง”
เซียวหวงเอ่ยจบก็แสดงท่าทางเกียจคร้านไม่สนใจอีก แต่หลี่ฟู่รู้ว่าที่นางเอ่ยมานั้นจริง ครั้งนี้เขานับว่าได้รู้จักฝีมือลูกน้ององค์หญิงสามแล้ว ได้ยินว่านางกำนัลทั้งสี่ข้างกายองค์หญิงสามล้วนร้ายกาจ ตอนนี้ดูท่าสมดังคำล่ำลือ ได้ยินว่านางกำนัลเหล่านี้ได้รับการฝึกฝนจากองค์หญิงสามด้วยตนเอง เช่นนั้นองค์หญิงสามย่อมต้องเป็นวิทยายุทธ์ และเกรงว่าวิทยายุทธ์นางก็คงลึกล้ำไม่อาจประมาณได้อย่างแน่นอน
หลี่ฟู่บาดเจ็บกลับไปรายงาน ปรากฏองค์ชายรองไม่เชื่อ ด่าทอหลี่ฟู่ยกใหญ่
องค์หญิงสามนำคนไปหอจินเฟิ่งพบรองเจ้ากรมตรวจการฝ่ายซ้ายเฉิงโฮ่วไท่ หอจินเฟิ่งเป็นร้านอาหารที่องค์หญิงสามเปิด ในนั้นมีองค์กรต้งเทียน เป็นองค์กรที่องค์หญิงสามใช้เพื่อรวบรวมข่าวสารภายนอก
แม้ว่านางมีอำนาจสั่งการสำนักจิ่วหลงซือ แต่สำนักจิ่วหลงซือขึ้นตรงต่อเสด็จพ่อตนเอง ผู้บัญชาการทั้งสองก็รับคำสั่งเสด็จพ่อดำเนินการเท่านั้น
ทว่าตั้งแต่เสด็จแม่อภิเษกกับเสด็จพ่อ เสด็จพ่อก็มอบสำนักจิ่วหลงซือให้เสด็จแม่ พอนนางโตขึ้น เสด็จแม่ก็มอบสำนักจิ่วหลงซือให้นางดูแล
แต่องค์หญิงสามรู้ว่าเจ้านายแท้จริงของสำนักจิ่วหลงซือยังคงเป็นเสด็จพ่อ ดังนั้นต่อมานางจึงได้ตั้งหอจินเฟิ่งขึ้น
ในห้องรับรองลับชั้นสามบนหอจินเฟิ่ง รองเจ้ากรมตรวจการฝ่ายซ้ายเฉิงโฮ่วไท่เห็นองค์หญิงสามงดงามราวเทพธิดาแดนสวรรค์มาถึงก็รีบคุกเข่าถวายพระพร “ถวายพระพรองค์หญิงสาม”
ไม่เหนือความคาดหมาย ท่านผู้นี้จะได้ขึ้นเป็นรัชทายาทหญิงแห่งแคว้นต้าโจว ว่าที่ฮ่องเต้หญิง เฉิงโฮ่วไท่ไม่กล้าล่วงเกิน
ในห้องรับรอง องค์หญิงสามเดินไปนั่งลง “ลุกขึ้นได้ นั่ง”
“ขอบพระทัยองค์หญิงสาม”
องค์หญิงสามรอเฉิงโฮ่วไท่นั่งแล้วก็ค่อยๆ เอ่ยขึ้นว่า “รู้ไหมว่าข้าเรียกท่านมาพบด้วยเรื่องใด”
เฉิงโฮ่วไท่เงยหน้าขึ้นมององค์หญิงสามทันที เห็นอยู่ว่าเป็นหญิงสาวงดงามราวบุปผาเป็นหนึ่งไม่มีสอง แต่รัศมีรอบกายนางเปล่งประกายสูงศักดิ์ เป็นบารมีที่จะเปล่งจากผู้ที่จะขึ้นดำรงตำแหน่งสูงส่งเท่านั้น แม้เฉิงโฮ่วไท่เป็นขุนนางมาหลายปี แต่ยังคงถูกบารมีนางข่มจนไม่กล้ามองนางมากนัก
ความจริงในใจเฉิงโฮ่วไท่รู้ดีว่าองค์หญิงสามเรียกเขามาพบด้วยเรื่องใด คิดจะให้เขาออกหน้า ดำรงตนเป็นดาบเล่มหนึ่งในมือนาง คอยจัดการขุนนางที่นางคิดจัดการ ลำดับถัดจากนี้องค์หญิงสามน่าจะจัดการกับขุนนางที่คัดค้านการแต่งตั้งนางเป็นรัชทายาทหญิงอย่างไม่ไว้หน้าผู้ใด หากไม่เหนือความคาดหมาย วังโส่วฝู่ก็อาจจะเป็นคนแรกที่นางคิดลงดาบ
เฉิงโฮ่วไท่แอบกลัว วังโส่วฝู่เป็นหัวหน้าขุนนางบุ๋น เขาจะต่อกรกับวังโส่วฝู่ไหวหรือ แม้เขาต่อกรได้ เกรงว่าตระกูลวังกับบรรดาขุนนางที่สังกัดวังโส่วฝู่พวกนั้นย่อมต้องจดจำฝังแค้นเขาไว้ วันหน้าเขาทำการใดในราชสำนักย่อมเป็นเรื่องยากยิ่ง
เฉิงโฮ่วไท่คิดไปคิดมา สุดท้ายก็ลังเลเอ่ยขึ้นว่า “ทูลองค์หญิงสาม กระหม่อม กระหม่อมไม่รู้พ่ะย่ะค่ะ”
องค์หญิงสามยิ้มมองเขาทีหนึ่ง โบกมือกล่าวว่า “หากใต้เท้าเฉิงไม่รู้ เช่นนั้นก็กลับไปได้แล้ว”
เฉิงโฮ่วไท่อึ้งไปทันที เขาคิดว่าองค์หญิงสามอย่างน้อยก็ต้องกล่อมเขา ปรากฏพอเขาเอ่ยคำนี้ออกไป นางก็บอกให้เขากลับไป
เฉิงโฮ่วไท่กลับไม่กล้ากลับออกไป เงยหน้ามององค์หญิงสามอย่างระมัดระวัง “องค์หญิงสามคิดให้กระหม่อมเป็นดาบให้พระองค์หรือพ่ะย่ะค่ะ”
องค์หญิงสามยิ้มกล่าวว่า “ไหนว่าไม่รู้ ข้ายังคิดว่าใต้เท้าเฉิงโง่เขลาเช่นนั้นจริง ๆ ตอนนี้ดูท่าใต้เท้าเฉิงก็มิได้โง่เขลา เพียงแต่ขลาดกลัว ความกล้าเพียงแค่นี้ไม่คู่ควรรับใช้ข้าจริงๆ ท่านกลับไปได้แล้ว”
องค์หญิงสามตัดสินใจเปลี่ยนคน ขุนนางตรวจการมากมายเช่นนั้น หรือว่านางจะหาคนมาเป็นดาบให้นางไม่ได้กัน
นางคิดใช้เฉิงโฮ่วไท่ก็เพราะคนผู้นี้ค่อนข้างเปิดเผยตรงไปตรงมา นางยินดีส่งเสริมเขา แต่เขาหากไม่รับน้ำใจ นางใช้ผู้อื่นก็ย่อมได้
เฉิงโฮ่วไท่มองดูองค์หญิงสามท่าทางฉลาดหลักแหลม คล้ายว่าทุกเรื่องล้วนวางแผนในใจไว้พร้อมแล้ว ในใจพลันสะอึกกึก เกรงว่าองค์หญิงสามผู้นี้มีโอกาสได้เป็นฮ่องเต้หญิงแห่งแคว้นต้าโจว เช่นนั้นเขาจะปล่อยโอกาสเป็นขุนนางคนสนิทฮ่องเต้นี้ให้หลุดลอยไปกับตาได้หรือ
วันหน้าองค์หญิงสามขึ้นสู่ตำแหน่งเป็นฮ่องเต้หญิง นางจะยังใช้งานคนเช่นเขาอีกหรือ
เฉิงโฮ่วไท่นึกเสียใจภายหลังแล้ว รีบกล่าวว่า “องค์หญิงสาม เหตุใดต้องการใช้งานกระหม่อม”
องค์หญิงสามยิ้มมองเฉิงโฮ่วไท่ กล่าวว่า “ข้าเห็นว่านิสัยท่านไม่เลว ตัดสินใจให้โอกาสท่าน แต่ตอนนี้ดูท่า ความกล้าท่านไม่เหมาะจะเป็นดาบให้ข้า เหมาะจะเป็นคนว่างงานมากกว่า”
องค์หญิงสามกล่าวจบ เฉิงโฮ่วไท่ก็รู้สึกกลัวขึ้น คนว่างงานก็เท่ากับว่าเขาย่อมต้องหยุดอยู่ที่ตำแหน่งรองเจ้ากรมตรวจการฝ่ายซ้าย ตำแหน่งที่มีคำว่ารองนี้ติดตัวไปชั่วชีวิตอย่างไม่อาจสลัดหลุด
เฉิงโฮ่วไท่รีบคุกเข่าลงทันที “องค์หญิงสาม กระหม่อมไร้สมองจึงได้พูดจาเหลวไหล ขอองค์หญิงสามให้โอกาสกระหม่อมสักครั้ง กระหม่อมจะต้องฟังคำสั่งองค์หญิงสามเพียงผู้เดียว”