ตอนที่ 1044 ฝันร้าย
คืนนี้เซียวหวงฝันร้าย
ในฝัน ฟู่หลินอยู่ในชุดดำถือกระบี่เหล็กนิลยืนอยู่หน้าประตูใหญ่สำนักเซียวเหยา ยกมือชี้หน้าตวาดใส่เจ้าสำนักเซียวเหยาและฟู่อวี้บุตรสาวที่รักของเขาด้วยความโมโห “ข้าฟู่หลิน วันนี้จะสังหารพวกเจ้าแก้แค้นแทนพี่สาวข้า”
เจ้าสำนักเซียวเหยามองเขาด้วยสีหน้าตกใจ “ฟู่หลิน เจ้าเสียสติไปแล้วหรือ เจ้ารู้ไหมว่าตนเองกำลังทำอันใด เจ้าเป็นศิษย์สำนักเซียวเหยาข้า การกระทำนี้ของเจ้าเท่ากับล้างครูทำลายสำนักตนเอง จะต้องถูกฟ้าดินลงทัณฑ์”
ฟู่หลินมองทุกคนในสำนักเซียวเหยาด้วยสีหน้าเย็นเยียบ กล่าวอย่างไร้ความรู้สึกว่า “ข้ายินดีโดนลงทัณฑ์ ข้าต้องแก้แค้นแทนพี่สาวข้า พวกเจ้ารังแกนาง วันนี้ข้าจะสังหารพวกเจ้าแทนนาง”
ฟู่หลินกล่าวจบ แววตาก็แดงก่ำ กระบี่เหล็กนิลค่อยๆ วาดวงรัศมีบังเกิดกลุ่มหมอกดำ คนในสำนักเซียวเหยาต่างส่งเสียงร้องอย่างแตกตื่นตกใจ
“พลังทำลายล้างโลก เขาถึงกับเรียนวิชาพลังทำลายล้างโลก”
“เจ้าสำนัก ทำอย่างไรดี”
เจ้าสำนักเซียวเหยาสีหน้าย่ำแย่อย่างยิ่ง สั่งคนข้างกายว่า “ไปตามผู้อาวุโสมา”
ฟู่หลินนับว่าเป็นศิษย์ผู้อาวุโสในสำนัก เขาไม่ฟังคำตน แต่ก็น่าจะฟังคำพูดผู้อาวุโสกระมัง
เพียงแต่น่าเสียดาย หลังจากอาวุโสมาถึงก็มิอาจยับยั้งฟู่หลินสังหารคนได้ เขาคล้ายกับเสียสติไปแล้ว แววตาแดงอาบไปด้วยโลหิต ถือกระบี่ตรงเข้าใส่เจ้าสำนักเซียวเหยา คนในสำนักเซียวเหยาพากันชักกระบี่ออกมารับมือ
แม้ว่าไม่รู้ว่าฟู่หลินไปเรียนวิชาพลังทำลายล้างโลกนี้มาจากที่ใด แต่คนสำนักเซียวเหยาไม่คิดว่าจะรับมือเขาไม่ได้ อย่างไรเขาก็มาเพียงคนเดียว พวกเขามีกันหลายคน ร่วมมือกันตั้งค่ายกลสังหารเขาได้
เพียงแต่น่าเสียดาย แม้ว่าพวกเขาคนมาก แต่ฟู่หลินก็เตรียมตัวมาพร้อม เขาไม่เพียงแต่มีวิชาพลังทำลายล้างโลก ยังมีค่ายกลปลุกวิญญาณ เปล่งพลังครอบศิษย์สำนักเซียวเหยาไว้ในค่ายกลปลุกวิญญาณ
ยามนี้มีเพียงเขายอมรามือ ไม่เช่นนั้นทุกคนล้วนต้องตายกันหมด
ผู้อาวุโสในสำนักมาถึง ก็คิดห้ามเขา น่าเสียดายเขาเหมือนไม่ได้ยิน คล้ายว่าไม่รับรู้อันใด ยามนี้แววตาเขามีเพียงกระบี่และความแค้น
สุดท้ายเจ้าสำนักเซียวเหยาและฟู่อวี้บุตรสาวเจ้าสำนักตายในค่ายกลปลุกวิญญาณ หลังจากฟู่หลินสังหารพวกเขาสองคนแล้วก็มิได้ทำอันตรายศิษย์คนอื่นในสำนักเซียวเหยา แต่ต้นจนจบเขาคิดสังหารเพียงแค่เจ้าสำนักเซียวเหยากับฟู่อวี้เพื่อแก้แค้นแทนฟู่หวงเท่านั้น
ในฝัน เซียวหวงเห็นทุกอย่างเช่นนี้ น้ำตาก็ไหลพรากราวกับสายฝน ที่แท้ภพก่อนนางมีชีวิตที่มีความหมายไม่น้อย อย่างน้อยฟู่หลินที่นางเลี้ยงดูมาจนเติบใหญ่ยังแก้แค้นให้นาง นางเห็นเขาเช่นนี้ แม้ในใจปวดร้าว แต่ก็บังเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา
เซียวหวงเดิมคิดว่าฟู่หลินสังหารเจ้าสำนักเซียวเหยากับฟู่อวี้แก้แค้นให้นางแล้วก็จะสบายใจ คิดไม่ถึงว่าสุดท้ายนางถึงกับเห็นฟู่หลินรอคอยนางอยู่ข้างหลุมศพราวกับคนไร้ชีวิต ไม่กินไม่ดื่ม คล้ายกับรอความตาย
เซียวหวงทนดูต่อไปไม่ไหว ในใจร้องเรียกอย่างปวดร้าวว่า “ฟู่หลินไม่ได้นะ ทำเช่นนี้ไม่ได้ เจ้าแก้แค้นให้พี่แล้ว วันหน้าก็มีชีวิตต่อไปให้ดี”
เพียงแต่น่าเสียดาย เซียวหวงตะโกนจบก็ตื่นขึ้นมา เรื่องราวจากนั้นเป็นเช่นไร นางก็ไม่อาจรู้ได้แล้ว
เสียงตะโกนร้องของเซียวหวงทำให้นางข้าหลวงใหญ่ฮว่าซ่านตกใจ ฮว่าซ่านรีบนำนางกำนัลสองคนเดินเข้ามา
“รัชทายาท เป็นอันใดหรือเพคะ”
เซียวหวงขอบตาแดงมองดูในห้อง ค่อยๆ ได้สติคืนมา นางฝันถึงภพก่อน ฝันถึงฟู่หลิน ฝันว่าฟู่หลินแก้แค้นให้นาง
ความจริงเซียวหวงไม่อยากให้ฟู่หลินแก้แค้นให้นาง แม้ว่านางถูกเจ้าสำนักเซียวเหยากับฟู่อวี้บีบคั้นจนตาย แต่หากฟู่หลินแก้แค้นให้นางแล้วไม่อาจอยู่สำนักต่อไปได้ นางก็ไม่อยากให้ชีวิตวันหน้าของเขาไร้ความสุข
แต่พอเซียวหวงตื่นมา ก็รู้สึกว่าก่อนหน้านี้ตนเองเพียงแต่ฝันไป ความฝันน่าจะกลับด้านกับความจริง เป็นไปได้มากว่า เรื่องเลือกคู่ครองเมื่อวานทำให้นางคิดมากไป ดังนั้นจึงได้ฝันถึงฟู่หลินในภพก่อน
เพียงแต่เซียวหวงคิดไม่ถึงว่า จากนั้นมานางก็ฝันถึงเรื่องในภพก่อนติดต่อกันถึงหนึ่งอาทิตย์เต็ม นางรู้สึกว่าทุกอย่างในความฝันคล้ายเป็นเรื่องจริง ฟู่หลินแก้แค้นให้นางจริง เขาสังหารเจ้าสำนักเซียวเหยาสองพ่อลูก
เช่นนั้นสุดท้ายเขาเป็นอย่างไรบ้าง
ในใจเซียวหวงอดเคร่งเครียดขึ้นมาไม่ได้
เพราะระยะนี้เอาแต่ฝันร้าย สีหน้าเซียวหวงจึงไม่ค่อยดีนัก ฮ่องเต้กับฮองเฮาเห็นแล้วก็เป็นห่วงมาก เรียกเซียวหวงมาถามไถ่อย่างห่วงใยว่านางเป็นอันใดไปหรือ
เซียวหวงไม่ได้เล่าเรื่องภพก่อนให้เซียวเหวินอวี๋กับซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนฟัง เอ่ยเพียงว่าตนเองฝันร้ายติดต่อกันหลายวัน
เซียวเหวินอวี๋อดเป็นห่วงไม่ได้ ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนกล่าวว่า “ได้ยินว่าพระอาจารย์ทงหุ้ยมาจำพรรษาวัดเซี่ยงกั๋ว ตอนนี้สนทนาธรรมกับเจ้าอาวาสอยู่ในวัดเซี่ยงกั๋ว ฝ่าบาทรับสั่งให้พระอาจารย์เข้าวังมาตรวจให้หวงเอ๋อร์สักหน่อยว่าเหตุใดนางจึงฝันร้ายต่อเนื่อง ดีไหมเพคะ”
พระอาจารย์ทงหุ้ยเป็นผู้บรรลุธรรมกระจ่าง มีญาณวิเศษ เป็นผู้มีชื่อเสียงอย่างมากในแคว้นต้าโจว เขามักจะออกเดินทางท่องไปทั่ว ครั้งนี้ผ่านมาทางวัดเซี่ยงกั๋ว จึงได้มาหยุดพักสนทนาธรรมกับเจ้าอาวาสวัดเซี่ยงกั๋ว เรื่องนี้หลายตระกูลในเมืองหลวงล้วนรู้กัน ในจำนวนนี้มีคนไปคารวะพระอาจารย์ทงหุ้ย แต่ท่านไม่ยอมให้พบ
แต่ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนรู้ว่าพระอาจารย์ทงหุ้ยเคยพบกับท่านแม่นาง ได้ยินว่าเมื่อก่อนพระอาจารย์ทงหุ้ยตอนยังไม่เข้าสู่พระธรรม เคยได้รับการช่วยเหลือจากท่านแม่นาง ดังนั้นเขากับฝ่าบาทก็นับว่ามีวาสนาต่อกัน หากฝ่าบาทส่งคนไปเชิญเขาเข้าวัง เขาต้องเข้าวังมาอย่างแน่นอน
แต่เซียวหวงไม่รอให้เซียวเหวินอวี๋เอ่ย ก็แย่งเอ่ยขึ้นก่อนว่า “เสด็จพ่อ หม่อมฉันเดินทางไปวัดเซี่ยงกั๋วได้เพคะ หม่อมฉันอยากพบพระอาจารย์ท่านนี้”
นางคิดถามเขาเกี่ยวกับภพก่อนและภพนี้ และยังอยากรู้ว่าสุดท้ายฟู่หลินเป็นอย่างไรบ้าง
แม้ว่าพระอาจารย์อาจไม่อาจรำลึกย้อนกลับไปยังเรื่องในภพก่อน แต่นางก็คิดอยากลองถามดูสักหน่อย
นางอยากให้ฟู่หลินมีชีวิตที่ดี
เซียวเหวินอวี๋เห็นท่าทางนางร้อนใจก็เอ่ยขึ้นว่า “ในเมื่อเจ้าอยากไปก็พาคนไปสักครั้งก็ได้ แต่ต้องระวังหน่อย พาคนไปมากหน่อย”
ตอนนี้เซียวหวงเป็นรัชทายาทหญิงแห่งแคว้นต้าโจว เดินทางไปที่ใดก็ต้องรอบคอบ อย่าได้ตกหลุมพรางผู้อื่น
เซียวหวงได้ฟังก็พยักหน้า “เสด็จพ่อวางใจ หม่อมฉันจะจัดการให้เรียบร้อย จะไม่ให้เกิดเรื่องอย่างเด็ดขาดเพคะ”
นางไม่มีทางยอมให้ตนเองเกิดเรื่องอันใดได้ หากนางเกิดเรื่อง เสด็จพ่อกับเสด็จแม่อาจต้องเกิดช่องว่างระหว่างกัน ตั้งแต่เสด็จแม่ให้กำเนิดน้องสาวนางก็ไม่อาจให้กำเนิดได้อีก หากนางเกิดเรื่อง ขุนนางในราชสำนักย่อมต้องบีบให้เสด็จพ่อรับพระสนมอีก เสด็จแม่ก็จะเสียใจ นางไม่อยากให้เสด็จแม่เสียใจ ดังนั้นต้องระวังตนเองให้ดี ถือเป็นการตอบแทนความรักของเสด็จพ่อกับเสด็จแม่ที่ดีที่สุด
เซียวเหวินอวี๋เห็นนางรับฟังคำพูดตนเองแล้ว ก็ปล่อยนางไป
“ได้ เจ้าอยากไปก็ไปเถอะ”
วันรุ่งขึ้นเซียวหวงพานางข้าหลวงใหญ่สี่คนเดินทางไปวัดเซี่ยงกั๋วแคว้นต้าโจว นอกจากนางข้าหลวงใหญ่สี่คนติดตามเปิดเผยแล้ว ยังมีองครักษ์อีกกองหนึ่งคอยแอบติดตามในมุมลับตา
ทุกคนแต่งกายง่ายๆ เดินทางไปวัดเซี่ยงกั๋ว เดิมวัดเซี่ยงกั๋วแคว้นต้าโจวเป็นสถานที่ผู้คนพากันมากราบไว้บูชามากมายอยู่แล้ว กอปรกับยามนี้มีพระอาจารย์ทงหุ้ยมาอยู่วัดเซี่ยงกั๋วอีก ดังนั้นจึงทำให้ผู้คนพากันมากราบไหว้บูชาที่วัดเซี่ยงกั๋วมากจนไม่อาจบรรยาย แต่พระอาจารย์ทงหุ้ยก็ไม่ยอมพบผู้ใด พบเพียงผู้มีวาสนาเท่านั้น
รถม้าเซียวหวงมาถึงวัดเซี่ยงกั๋ว รถม้าเพิ่งจะจอดลง ก็มีเณรน้อยรูปหนึ่งเข้ามารอรับ ถวายคำนับเซียวหวงแล้วก็กล่าวว่า “คารวะสีกา ท่านอาจารย์บอกว่าวันนี้จะมีสตรีสูงศักดิ์มาเยือน ให้ข้ามารอรับแขกพิเศษอยู่ที่นี่”