ตอนที่ 1049 พระสวามีฮ่องเต้หญิง
เซียวหวงมองพวกเขาทีหนึ่ง ไม่ได้เอ่ยอันใด หากฟู่หลินเป็นบุตรชายตระกูลฟู่พวกเขาจริง จะเกี่ยวอันใดกับนาง แต่เพราะฟู่หลินเป็นน้องชายนาง นางจึงได้ทุ่มเทเช่นนี้
เซียวหวงหันไปมองซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยน “เสด็จแม่ พวกเรากลับเข้าวังกันเถอะเพคะ”
“ได้”
ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนรับคำ พาเซียวหวงเดินออกไป ใต้เท้าฟู่กับฮูหยินฟู่ไปส่งฮองเฮากับรัชทายาท ฟู่เซวียนรีบตามไป ยังกระตือรือร้นไปส่งฮองเฮากับรัชทายาทขึ้นรถม้า
ฮองเฮาอดมองเขาอีกสองสามทีไม่ได้ นางมองความในใจเขาออก คิดอยากจะเป็นพระสวามีฮ่องเต้หญิงหรือ
แต่ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนมองไปมาแล้วก็รู้สึกไม่ชอบฟู่เซวียน เขาไม่มีคุณสมบัติพอ
แม้เป็นเพียงพระสวามีฮ่องเต้หญิง แต่ก็ต้องเป็นมังกรในหมู่ชน จึงจะคู่ควรแต่งกับบุตรสาวนาง คนธรรมดาเช่นนี้ นางมองแล้วไม่เข้าตา
ฮองเฮาพาเซียวหวงขึ้นรถม้า ฟู่เซวียนไม่รู้ความคิดฮองเฮา เหม่อมองตามรถม้าไปอยู่อย่างนั้น
ใต้เท้าฟู่กับฮูหยินฟู่มองตาค้าง ทั้งสองคนยามนี้จึงได้เข้าใจความคิดของฟู่เซวียน เขาคิดแต่งกับรัชทายาทหญิงหรือ
เสียสติแล้วหรือ บุตรชายขุนนางระดับห้าถือสิทธิ์อันใดแต่งเป็นราชบุตรเขยรัชทายาท
ใต้เท้าฟู่เดินเข้าไปบิดหูบุตรชายตนเอง ดึงหูเขาเข้าบ้านไปอย่างโมโห
“คุกเข่าลง”
ฟู่เซวียนมองบิดาตนเองอย่างไม่เข้าใจ “ท่านพ่อ”
ฟู่เซวียนเห็นใต้เท้าฟู่โมโหเช่นนี้ก็รีบมองไปยังฮูหยินฟู่ ครั้งนี้แม้แต่ฮูหยินฟู่ก็ไม่ช่วยเขา
ฟู่เซวียนได้แต่คุกเข่าลงอย่างจนใจ “ท่านพ่อ ข้าทำผิดอันใดหรือ”
ในห้องโถง ฟู่ซือเองก็มองบิดาตนเองด้วยสีหน้าไม่เข้าใจเช่นกัน
ใต้เท้าฟู่โมโหมาก กล่าวว่า “เจ้ากระตือรือร้นไปส่งฮองเฮากับรัชทายาททำไมกัน”
ฟู่เซวียนก้มหน้าลงท่าทางเขินอาย ไม่กล้าสบตาบิดามารดา
ใต้เท้าฟู่ไม่ทันได้กล่าว ฟู่ซือก็เอ่ยขึ้นก่อนว่า “ท่านพ่อ พี่รองชอบรัชทายาท คิดแต่งเป็นราชบุตรเขยรัชทายาท นี่เป็นเรื่องดี หากเขาได้แต่งกับรัชทายาทจริง ตระกูลเราก็คือพระญาติ ตำแหน่งท่านพ่อก็ย่อมสูงขึ้นอีกขั้น”
ใต้เท้าฟู่อดโมโหไม่ได้ “พวกเจ้าคิดเพ้อพกอันใด ราชบุตรเขยเอกอย่างน้อยที่สุดก็ต้องเป็นบุตรชายขุนนางระดับสาม จะเป็นเขาได้อย่างไร”
ฟู่เซวียนเงยหน้ามองบิดาตนเองอย่างตื่นตะลึง “ไหนว่าไม่มีคนอยากแต่งกับรัชทายาทไม่ใช่หรือ”
ใต้เท้าฟู่โมโหจนส่งเสียงหัวเราะเยาะขึ้น “เฮอะ หลายคนไม่อยากแต่ง แต่ก็มีหลายคนอยากแต่ง ไม่กล่าวถึงผู้อื่น แม้แต่หลานชายวังโส่วฝู่เองก็อยากแต่งกับรัชทายาท เจ้าถือสิทธิ์อันใดแต่งกับรัชทายาท เจ้าเป็นผู้มีรูปโฉมโดดเด่น ทำให้รัชทายาทหญิงต้องพระทัยได้ หรือว่ามีความสามารถโดดเด่น ทำให้รัชทายาทต้องแปลกใจในความสามารถเจ้ากัน”
ใต้เท้าฟู่กล่าวจนสุดท้ายก็เอ่ยเตือนอย่างคับแค้นใจว่า “วันหน้าอย่าได้คิดเหลวไหลอีก รัชทายาทไม่ใช่คนที่จะมีเรื่องด้วยได้ อย่าว่าแต่เจ้า แม้แต่ท่านพ่อท่านแม่เองก็คงไม่มีทางรอดไปได้ รู้ไหม”
ตระกูลฟู่กำลังคุยกันถึงเรื่องรัชทายาท ฮองเฮาก็กำลังคุยกับเซียวหวงเรื่องคุณชายรองฟู่เซวียน
“เจ้ารู้สึกว่าคุณชายรองฟู่เป็นอย่างไรบ้าง”
เซียวหวงแค่นยิ้มเยาะ “ตัวตลกเท่านั้น”
คุณชายรองฟู่ทำเช่นนั้น นางแค่มองก็รู้ว่าความคิดของเขา ไม่ได้รู้สึกสนใจแม้สักนิด
ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนไม่เอ่ยอันใดอีก แต่กลับถามเซียวหวงอย่างห่วงใยแทนว่า “พรุ่งนี้เจ้าจะพาฟู่หลินเดินทางไปวัดเซี่ยงกั๋วจริงหรือ”
“เพคะ พระอาจารย์ทงหุ้ยมิใช่พระประจำวัดเซี่ยงกั๋ว เพียงแค่เดินทางผ่านมาพักอยู่วัดเซี่ยงกั๋วชั่วคราวเท่านั้น อาจจะเดินทางจากไปได้ทุกเมื่อ หม่อมฉันจะต้องถือโอกาสนี้พาฟู่หลินไปพบเขาที่วัดเซี่ยงกั๋ว ไม่แน่ว่าเขาอาจมีวิธีเรียกจิตวิญญาณฟู่หลินที่สูญเสียไปกลับคืนมาได้ เช่นนั้นฟู่หลินก็จะไม่สมองเสื่อมอีกแล้ว”
ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนเห็นเซียวหวงดีต่อฟู่หลินมากเป็นพิเศษ คิดถึงว่าฟู่หลินเป็นเด็กหนุ่มหน้าตาดีมาก หากเขาหายดี เซียวหวงจะแต่งเขาเป็นว่าที่พระสวามีในฮ่องเต้หญิงหรือไม่ หากนางอยากจะแต่งกับเขา นางก็จะได้ตรวจสอบเด็กคนนี้ก่อน
ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนครุ่นคิดแล้วก็ถามเซียวหวง “หวงเอ๋อร์ หากฟู่หลินหายดี เจ้าจะแต่งกับเขาเป็นราชบุตรเขยหรือไม่”
อย่างไรหวงเอ๋อร์ก็มิเคยได้ใส่ใจผู้ใดมากมายเช่นนี้มาก่อน
เพียงแต่พอซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยน เซียวหวงก็หัวเราะ “เสด็จแม่ ท่านกล่าวอันใดกัน หม่อมฉันเห็นฟู่หลินเป็นดังน้องชายเพคะ”
เขาเป็นน้องชายนาง นางจะแต่งเขามาเป็นคู่ครองได้อย่างไร
ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนไม่ได้เอ่ยอันใดต่อ พอรถม้ากลับเข้าวัง เซียวหวงก็ส่งซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนไปตำหนักที่ประทับก่อน จากนั้นก็ค่อยนำคนกลับตำหนักตนเอง
เซียวเหวินอวี๋กำลังรอซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนอยู่ พอเห็นนางกลับมา ก็รีบถามนางเรื่องตระกูลฟู่อย่างห่วงใย
ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนเล่าเรื่องของฟู่หลินให้เขาฟังแล้วก็เอ่ยถึงบุตรสาวตนเอง
“ข้ารู้สึกว่าหวงเอ๋อร์ใส่ใจฟู่หลินมากเป็นพิเศษ เดิมยังคิดว่านางจะมีใจต่อฟู่หลินหรือไม่ ปรากฏนางกลับบอกว่านางเห็นฟู่หลินเป็นดังน้องชาย”
เซียวเหวินอวี๋ได้ฟังซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนก็กล่าวว่า “ตระกูลฟู่เพียงแต่ขุนนางระดับห้า แม้บุตรชายตระกูลพวกเขาเคยช่วยหวงเอ๋อร์ไว้โดยบังเอิญ แต่ก็ไม่มีทางให้บุตรชายตระกูลพวกเขาได้เป็นว่าที่พระสวามีฮ่องเต้หญิงในวันหน้า เจ้าเลือกคนอื่นให้หวงเอ๋อร์ดีกว่า รอให้เลือกได้แล้ว เราจะทดสอบคนผู้นี้เอง ไม่จำเป็นต้องมีความสามารถมาก แค่หน้าตาดีก็พอ หวงเอ๋อร์เห็นแล้วก็จะสบายตา อีกอย่างคนผู้นี้จะต้องรักหวงเอ๋อร์ ในฐานะพระสวามี ไม่จำเป็นต้องมีความสามารถมากนัก แต่จำเป็นต้องรักหวงเอ๋อร์ หากเป็นคนมีใจคิดการอื่น ย่อมต้องกำจัดทิ้งให้หมด”
ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนมองเซียวเหวินอวี๋อย่างนึกขำ เซียวเหวินอวี๋เห็นนางเช่นนี้ พลันคิดถึงว่าตนเองแต่งตั้งฮองเฮามาสองคน ล้วนไม่ค่อยดีนัก
เขายื่นมือไปจับซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนกดลงพร้อมกับจักจี้เอวนาง “เจ้าหัวเราะเช่นนี้ หมายความเยี่ยงไร หัวเราะเราที่สายตาไม่ดีใช่หรือไม่”
ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนกลัวถูกจักจี้ ได้แต่ร้องขอชีวิตไปกล่าวไปว่า “หม่อมฉันเปล่านะเพคะ ฝ่าบาทหยุดจักจี้ได้แล้วเพคะ”
หากให้ผู้อื่นเห็นว่าฝ่าบาทไม่ได้ดังใจก็จักจี้นาง ช่างเป็นคนไร้คุณธรรมเสียจริง
เซียวเหวินอวี๋จักจี้ได้ครู่หนึ่ง ก็ก้มลงจุมพิตซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยน ไม่เปิดโอกาสให้นางได้พูด ตั้งแต่แต่งซั่งกวนเยี่ยนมา เขาจึงได้รู้สามีภรรยาสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสนิทกลมกลืนดังสายน้ำ
ดังนั้นเขาจึงได้อยากให้หวงเอ๋อร์เลือกคนที่ชอบสักคน เช่นนี้ชีวิตที่เหลือจากนี้ของนางก็จะมีแต่ความเบิกบานใจ
เช้าวันรุ่งขึ้นเซียวหวงออกจากวังหลวงไปตระกูลฟู่ พาฟู่หลินเดินทางไปวัดเซี่ยงกั๋ว ในการนี้ถึงกับมีเหตุไม่คาดคิดเล็กน้อย คุณชายรองฟู่เซวียนอยากเดินทางไปวัดเซี่ยงกั๋วเป็นเพื่อนฟู่หลินด้วย
แต่ถูกเซียวหวงปฏิเสธทันที “ไม่ต้อง เราจะพาเขาเดินทางไปวัดเซี่ยงกั๋วเอง ไม่จำเป็นต้องมีคนไปเป็นเพื่อน”
ฟู่เซวียนรีบกล่าวว่า “พี่ชายกระหม่อมกลัว หากไม่เห็นญาติใกล้ชิด ก็จะโมโหวิ่งไปทั่ว”
เซียวหวงไม่แม้แต่จะมองฟู่เซวียน เงยหน้ามองไปยังฟู่หลิน กล่อมเขาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ฟู่หลิน พี่สาวพาเจ้าไปวัดเซี่ยงกั๋วรักษาอาการป่วยของเจ้าดีไหม”
ฟู่หลินกอดตุ๊กตาตนเองทันที เดินไปตรงหน้าเซียวหวงอย่างว่าง่าย เซียวหวงยื่นมือออกไป เขาก็ส่งมือข้างหนึ่งให้เซียวหวงจูง ทั้งสองคนจูงมือกันออกจากตระกูลฟู่ไปด้วยกัน ฟู่เซวียนด้านหลังเห็นดังนี้ก็โมโหกัดฟันกรอด แต่ทำอันใดไม่ได้
สุดท้ายเขาอดวิ่งไปถามใต้เท้าฟู่ไม่ได้ “ท่านพ่อ ท่านพ่อว่ารัชทายาทจะเลือกพี่ชายข้าเป็นราชบุตรเขยหรือไม่”
แม้ว่าใต้เท้าฟู่มองออกว่ารัชทายาทดีต่อบุตรชายคนโตตนเองมาก แต่หากจะบอกว่ารัชทายาทจะเลือกบุตรชายคนโตของเขาเป็นราชบุตรเขย ก็รู้สึกว่าไม่น่าเป็นไปได้
“เป็นไปไม่ได้ ฝ่าบาทกับฮองเฮาย่อมไม่ทรงเห็นด้วย ด้วยสถานะตระกูลเรา แม้ว่พี่ชายเจ้าหายดี ก็ไม่อาจเป็นราชบุตรเขยได้”
ฟู่เซวียนไม่รู้ว่าผิดหวังหรือดีใจ อารมณ์สับสนไม่อาจบรรยาย
เซียวหวงพาฟู่หลินออกนอกประตูขึ้นรถม้า ทุกคนเดินทางไปวัดเซี่ยงกั๋ว