Skip to content

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย 1059

ตอนที่ 1059 ตรวจสอบ

ฟู่หลินตกลงรับคำ เซียวหวงโน้มตัวลงจุมพิตแก้มเขา พบว่าในใจเต็มไปด้วยความอิ่มเอมใจ คล้ายว่าจนกระทั่งในยามนี้ ในใจนางจึงไม่มีความรู้สึกเสียใจหรือขาดสิ่งใดไป

“ข้ากลับก่อน ไว้จะมาเยี่ยมเจ้าใหม่”

“อืม อืม”

ฟู่หลินเชื่อฟังอย่างมาก อาหวงบอกว่าจะอยู่กับเขาแล้ว ก็จะต้องอยู่กับเขา

เซียวหวงลุกขึ้นเดินออกไปยืนอยู่บนขั้นบันได เงยหน้ามองท้องฟ้า ความจริงเรื่องนี้ก็ยุ่งยากอยู่บ้าง เสด็จแม่ยังดี เสด็จพ่อจัดการยากกว่า ฟู่หลินเป็นเพียงแต่บุตรชายขุนนางระดับห้า ก่อนหน้านี้ยังเคยได้ชื่อว่าปัญญาอ่อน เสด็จพ่อย่อมไม่เห็นชอบให้นางเลือกเขาเป็นราชบุตรเขยเอก ให้ฟู่หลินเป็นราชบุตรเขยรองก็ไม่เลวแล้ว

แต่เซียวหวงรับปากฟู่หลินแล้วว่าจะไม่มีผู้ใดอีก

พวกเขาทั้งสองคนไม่ต้องการผู้ใดมาแทรกกลาง

ดังนั้นเรื่องนี้ต้องทูลเสด็จแม่ก่อน ขอให้เสด็จแม่ช่วยนางกล่อมเสด็จพ่อ เชื่อว่าจะต้องกล่อมเสด็จพ่อได้เป็นแน่

เซียวหวงครุ่นคิดแล้วก็นำนางกำนัลออกจากตระกูลฟู่กลับเข้าวัง

ฟู่หลินในห้องเอาแต่ยิ้มเบิกบานใจ ความเศร้าสลดก่อนหน้านี้มลายหายไปสิ้น เต็มไปด้วยพลังแห่งชีวิตชีวา

ใต้เท้าฟู่กับฮูหยินฟู่มองกันจนตาค้าง แม้แต่ฟู่เซวียนกับฟู่ซือก็รู้สึกว่าพี่ใหญ่ตนเองเหมือนกลับไปปัญญาอ่อนอีกครั้ง หนวดเครารุงรังดูไม่ได้เช่นนี้ ยังถึงกับแสดงท่าทางดีใจเพียงนี้ หรือว่าพี่ใหญ่เขาปัญญาอ่อนอีกแล้ว

ใต้เท้าฟู่ยื่นมือออกไป โบกตรงหน้าฟู่หลิน เอ่ยถามว่า “ฟู่หลิน นี่กี่นิ้ว”

ฟู่หลินได้สติ มองไปยังใต้เท้าฟู่ด้วยสีหน้านิ่งเฉย “ทำอันใด”

ฟู่หลินไม่ได้รู้สึกสนิทสนมกับคนตระกูลฟู่ หรืออาจกล่าวได้ว่าในโลกของเขามีเพียงเซียวหวงคนเดียวที่เขายินดีใกล้ชิด ผู้อื่นไม่อาจใกล้ชิดเขาได้

ใต้เท้าฟู่เห็นสายตาเย็นเยียบของเขาก็เอ่ยตะกุกตะกักว่า “บิดาเห็นเจ้าดีใจจนเซ่อซ่า ก็เลยเป็นห่วง”

ฟู่หลินไม่ได้เอ่ยว่าเซียวหวงจะแต่งกับเขา เรื่องนี้ยังไม่อาจเป็นที่สรุปได้ในตอนนี้

แต่ในฐานะที่เป็นคนในครอบครัวเขา วันหน้าเขาได้เป็นพระสวามีฮ่องเต้หญิง หากพวกเขากล้าทำเรื่องส่งผลเสียต่ออาหวง ไม่ต้องรอให้อาหวงสั่งการ เขาจะเป็นคนแรกที่จะไม่ปล่อยพวกเขาไป แน่นอนว่าหากพวกเขาอยู่อย่างสงบเสงี่ยม เขาก็ยินดีตอบแทนคุณของเจ้าของร่างเดิม

คนตระกูลฟู่พากันหนาวยะเยือกขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ

ในวัง เซียวหวงกลับเข้าวังก็ไม่รอช้า นางตรงไปพบซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยน ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนส่งมู่เซียงมาตามนางพอดี

“หวงเอ๋อร์ วันนี้เสด็จแม่ต้องการคุยกับเจ้าสักหน่อย เจ้ารู้สึกไหมว่าเจ้าเคร่งเครียดเรื่องของฟู่หลินมากเกินไป แม้ว่าเจ้าเห็นเขาเป็นดังน้องชาย แต่คนนอกจะคิดเยี่ยงไร วันหน้าเจ้าก็ต้องแต่งราชบุตรเขย”

ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนอ่อนโยนต่อเซียวหวงมาตลอด ไม่ค่อยได้แสดงท่าทีเข้มงวดเช่นนี้ เซียวหวงรีบเดินไปหานาง คว้าแขนนางมากอดออดอ้อน “เสด็จแม่ หม่อมฉันผิดไปแล้ว วันหน้าหม่อมฉันไม่กล้าแล้วเพคะ”

ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนกล่าวน้ำเสียงเข้มว่า “ก่อนหน้านี้เจ้าก็กล่าวเช่นนี้”

เซียวหวงยกมือรับรอง “หม่อมฉันรับรองว่าวันหน้าจะไม่กล้าทำเช่นนี้อีกแล้ว แต่เสด็จแม่ หม่อมฉันมีเรื่องต้องคุยกับเสด็จแม่เพคะ”

ปกติเซียวหวงไม่ค่อยมีอาการเขินอายสักเท่าไร ยามนี้แก้มนางแดงก่ำ เดิมนางก็เป็นสาวงามล้ำเลิศอันดับหนึ่ง ยามนี้แก้มแดงงดงาม เปล่งประกายความงามไม่อาจบรรยาย ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนเห็นนางเช่นนี้พลันคิดขึ้นมาได้ทันที

เซียวหวงเอ่ยขึ้นเบาๆ ว่า “ก่อนหน้านี้หม่อมฉันบอกเสด็จแม่ว่าเห็นฟู่หลินเป็นดังน้องชาย ตอนนี้หม่อมฉันมาคิดดูให้ดีแล้ว ความจริงหม่อมฉันชอบฟู่หลิน อยากแต่งกับฟู่หลิน เสด็จแม่ทรงเห็นด้วยได้ไหมเพคะ”

ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนได้ฟังเซียวหวงก็ไม่ได้รู้สึกว่าไม่พอใจ แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยความเป็นห่วง คุณชายตระกูลฟู่ผู้นี้มีอุบายแยบยลหรือไม่ เห็นอยู่ว่าก่อนหน้านี้หวงเอ๋อร์เห็นเขาเป็นดังน้องชาย ปรากฏหวงเอ๋อร์ไปพบเขา กลับมาก็คิดแต่งกับเขาแล้ว

คุณชายตระกูลฟู่มากอุบายเช่นนี้ ไม่ใช่เรื่องดีสำหรับหวงเอ๋อร์

เซียวหวงไม่ได้ยินเสด็จแม่ตอบรับเป็นนาน ก็เงยหน้าขึ้นมองอย่างแปลกใจ พบว่าสีหน้าเสด็จแม่ไม่ดีอย่างมาก

เซียวหวงเอ่ยเรียกอย่างเป็นห่วง “เสด็จแม่”

ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนเอ่ยอย่างเป็นกังวลว่า “หวงเอ๋อร์ เจ้าเป็นรัชทายาทแห่งแคว้นต้าโจว ไม่อาจถูกผู้ใดครอบงำความคิดได้ เสด็จแม่จำได้ว่าก่อนหน้านี้เจ้ายังบอกว่าเห็นฟู่หลินเป็นดังน้องชาย ปรากฏเพียงแค่พบเขาไม่กี่ครั้ง ก็เปลี่ยนความคิด ตอนนี้เจ้ายังเป็นเจ้าคนเดิมอีกหรือไม่”

เซียวหวงพอได้ฟังก็รู้ว่าซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนเห็นฟู่หลินเป็นคนมากอุบายไปแล้ว พวกเขาไม่รู้เรื่องภพก่อนของฟู่หลินกับนาง ดังนั้นจึงได้คิดกับฟู่หลินเช่นนี้ แต่นางไม่อยากบอกเรื่องตนเองกับฟู่หลินภพก่อนให้เสด็จพ่อกับเสด็จแม่รู้

เซียวหวงพลันลำบากใจขึ้นมา สุดท้ายนางมองซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยน เสนอว่า “เสด็จแม่ หม่อมฉันไม่ฝืนใจเสด็จแม่กับเสด็จพ่อให้เห็นด้วยในตอนนี้ แต่ขอให้ทรงให้โอกาสเขาสักครั้งได้ไหมเพคะ เสด็จแม่กับเสด็จพ่อทดสอบเขาได้ หากเขาผ่านมาตรฐาน หม่อมฉันก็จะแต่งกับเขา หากเขาไม่ผ่าน หม่อมฉันก็ไม่แต่ง ดีหรือไม่เพคะ”

ถือว่านางยอมถอยก้าวหนึ่งแล้ว นางรู้ความคิดฟู่หลินที่มีต่อนาง และรู้ว่าเสด็จพ่อกับเสด็จแม่เป็นห่วงนาง พวกเขาล้วนรักนาง

เสด็จพ่อกับเสด็จแม่เพียงต้องการหาคู่ครองที่รักนาง

ดังนั้นขอเพียงพวกเขาทดสอบฟู่หลิน ก็จะรู้ว่าบนโลกใบนี้ไม่มีผู้ใดเหมาะกับการเป็นคู่ครองนางมากไปกว่าฟู่หลิน

แน่นอนว่านางเองยืนยันจะแต่งกับฟู่หลินได้ แต่หากเป็นเช่นนั้นก็จะทำร้ายจิตใจเสด็จพ่อกับเสด็จแม่

เซียวหวงไม่อยากทำเช่นนั้น

ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนยอมรับฟังข้อเสนอนาง “ตกลง นี่เจ้าพูดเองนะ หากเขาเหมาะจะเป็นคู่ครองเจ้าจริง เสด็จแม่ออกหน้าจัดการให้เจ้าได้ ไม่ว่าสถานะเขาต่ำต้อยเพียงใด มีความสามารถหรือไม่ เสด็จแม่ก็จะให้เจ้าได้แต่งกับเขา แต่หากเขาไม่เหมาะสมกับเจ้า เจ้าก็อย่าได้หาว่าเสด็จแม่แล้งน้ำใจ”

“ได้เพคะ”

ตกค่ำเซียวเหวินอวี๋กลับมา ได้ยินซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนเอ่ยว่าเซียวหวงคิดแต่งคุณชายตระกูลฟู่ผู้นั้นเป็นราชบุตรเขย เซียวเหวินอวี๋ก็โมโหทันที “เจ้าคนมากอุบายเช่นนี้ยังคิดจะแต่งกับรัชทายาท ฝันไปเถอะ พรุ่งนี้เราจะมีราชโองการให้ตระกูลฟู่ทั้งครอบครัวออกไปจากเมืองหลวง เนรเทศไปชายแดน”

ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนรีบดึงเขามากล่อมว่า “ฝ่าบาททรงทำเช่นนี้รังแต่จะทำให้หวงเอ๋อร์เสียใจ เพื่อคนนอกคนเดียวต้องทำลายผูกพันพ่อลูก คุ้มค่าหรือเพคะ ก่อนหน้านี้หวงเอ๋อร์เสนอให้พวกเราทดสอบฟู่หลิน ให้โอกาสฟู่หลินสักครั้ง พวกเราก็ให้โอกาสเขาสักครั้ง หากพวกเราพิสูจน์ได้ว่าเขามีใจคิดไม่ซื่อ เชื่อว่าหวงเอ๋อร์ก็ไม่มีวาจาอันใดโต้แย้งอีก แน่นอนว่าหากเขาจริงใจต่อหวงเอ๋อร์ พวกเราก็ไม่อาจห้ามไม่ให้หวงเอ๋อร์แต่งกับเขาเพราะสถานะเขาได้”

เซียวเหวินอวี๋ไม่พอใจคำพูดซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยน “เขาเป็นคนปัญญาอ่อน แม้มีใจรักหวงเอ๋อร์ ก็ไร้ความสามารถ เราไม่มีทางเห็นชอบให้เขาแต่งกับหวงเอ๋อร์ คู่ครองนางจะต้องปกป้องนางได้”

ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนเอ่ยขึ้นว่า “ความจริงพระสวามีฮ่องเต้หญิงมีความสามารถ ก็เหมือนดาบสองคม ฝ่าบาทไม่ลองคิดดู เขาปกป้องหวงเอ๋อร์ได้ หากวันใดมีใจคิดเป็นอื่น เขาก็อาจทำร้ายหวงเอ๋อร์ได้ หากวันใด พระสวามีคิดขึ้นแทนที่ฮ่องเต้หญิง ฝ่าบาทว่าหวงเอ๋อร์จะตกในอันตรายหรือไม่ หากพระสวามีฮ่องเต้หญิงไม่ได้มีความสามารถเช่นนนั้น เป็นเพียงแต่คนอ่อนแอ พวกเราก็ไม่ต้องกังวลเช่นนั้นแล้ว”

เซียวเหวินอวี๋พอได้ฟังพลันเงียบงันไป ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนกล่าวได้มีเหตุผล แต่เขาทำใจยอมรับไม่ได้ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ดึงดันต่อ

“เรื่องตรวจสอบ ข้าจัดการเอง เจ้าไม่ต้องข้องเกี่ยวกับเรื่องนี้”

“ได้ ได้ ฝ่าบาทจัดการ คู่ครองหวงเอ๋อร์ต้องให้ฝ่าบาทเห็นชอบจึงจะได้เพคะ”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!