Skip to content

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย 354

ตอนที่ 354 เทพสังหารประทับร่าง

ตอนเย็นจวนจะพลบค่ำ จ้าวหลิงเฟิงคิดจะส่งลู่เจียวกลับบ้านตระกูลเซี่ย ตอนเช้าเขาได้รับปากเซี่ยซิ่วไฉว่าจะพากลับไปส่งด้วยตนเอง ดังนั้นพูดได้ก็ต้องทำได้

เพียงแต่จ้าวหลิงเฟิงไม่ทันได้ไปส่งลู่เจียว ก็เห็นเซี่ยอวิ๋นจิ่นส่งหลี่หนานเทียนกับโจวเส้ากงมารับนาง

ลู่เจียวเห็นคนตามมากันมากมายเช่นนี้ก็ไม่ต้องการให้จ้าวหลิงเฟิงไปส่งแล้ว จึงปฏิเสธเขา

“ข้ามีคนตามไปส่งมากมายเช่นนี้ ไม่ต้องให้เจ้าไปส่งแล้ว”

จ้าวหลิงเฟิงพอได้ฟังก็ไม่ยอม กล่าวว่า “เช้านี้ข้ารับปากเซี่ยซิ่วไฉว่าจะพาเจ้ากลับไปคืนอย่างปลอดภัย ตอนนี้ไม่ส่งเจ้ากลับก็ถือว่าไม่รักษาคำพูดไหม เดี๋ยวหากเจ้าเกิดเรื่องอะไร เซี่ยซิ่วไฉต้องมาคิดบัญชีลงหัวข้าแน่นอน”

ลู่เจียวยิ้มพลางชี้ไปทางหลี่หนานเทียนกับโจวเส้ากงด้านหลัง กล่าวว่า “เจ้าไม่ได้บอกว่าพวกเขาสองคนร้ายกาจมากหรือ ในเมื่อพวกเขาร้ายกาจ เจ้าเป็นห่วงอะไร วางใจเถอะ”

ความจริงลู่เจียวแอบคิดว่า หากคนพวกนั้นมาจับตัวนางจริง นางก็ไม่ถือสาจะจับเป็นอีกฝ่าย จากนั้นก็สืบดูคนบงการเบื้องหลังคนเหล่านี้ หากคนเหล่านี้ปากแข็งไม่ยอมบอก นางก็ไม่ถือสาที่จะหาคนสักคนออกมาชี้ตัวรองนายอำเภอหยางกับเผิงจู่ปู้

ลู่เจียวครุ่นคิด แล้วก็หยอกจ้าวหลิงเฟิงว่า “นอกจากที่เจ้าว่ามานั้นเป็นเท็จ พวกเขาไม่ได้ร้ายกาจขนาดนั้น”

จ้าวหลิงเฟิงใบ้กินในทันที เขาพูดเองก็ได้แต่รับเอง

แต่พอจ้าวหลิงเฟิงมองหลี่หนานเทียนกับโจวเส้ากง ก็รู้สึกว่าตนเองไม่จำเป็นต้องเป็นห่วง แต่คิดถึงว่าตนเองต้องไปรับบุตรสาว ก็ยิ้มมองลู่เจียวกล่าวว่า “ความจริงข้าก็ไปเพื่อส่งเจ้าและรับอวี้หลัวด้วย ก็เลยถือโอกาสไปส่งเจ้าด้วย”

ลู่เจียวยังจะพูดอะไรได้ ได้แต่พยักหน้า “ได้ พวกเราไปกันเถอะ”

ลู่เจียวพาหร่วนไคกับหร่วนจู๋สองพี่น้องนั่งรถม้าหลินต้า หลี่หนานเทียนกับโจวเส้ากงขับรถม้าอีกคันตามมาด้านหลังคอยคุ้มกันลู่เจียว

ส่วนจ้าวหลิงเฟิงย่อมนั่งรถม้าตระกูลจ้าวตามด้านหลังรถม้าสองคัน

ยามนี้แม้ว่าฟ้าใกล้พลบค่ำแล้ว แต่ท้องถนนยังคงคึกคักมาก ริมทางยังมีคนไม่น้อยทำการค้าเล็กๆ คนเดินซื้อของกันอยู่ก็ไม่น้อย

หากพวกเขาไปตามถนนที่คึกคักเส้นนี้ ก็ย่อมไม่มีทางมีคนมาจับตัวลู่เจียว

ลู่เจียวอยู่ๆ เกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา สั่งการให้หลินต้าอ้อมไปอีกทาง

หลินต้าลังเลครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก ทำตามคำสั่งลู่เจียว

รถม้าเลี้ยวไปอีกทางอย่างรวดเร็ว เส้นทางนี้ริมทางสองข้างมีแต่บ้านคน ยามนี้บนถนนเงียบมาก นอกจากมีคนเดินผ่านไปสองสามคนก็ไม่มีคนสักคน

ลู่เจียวแอบรู้สึกได้ว่าด้านหลังมีคนจ้องมองนาง ต้องลงมือนะ ต้องลงมือนะ

รถม้าสามคันแล่นผ่านถนนอิฐชิงจวนไร้ผู้คนมาได้ราวหนึ่งก้านธูป ก็มีคนก้าวออกมาจากมุมมืด

พวกเขาลงมือ หร่วนจู๋ในรถม้าก็หันไปมองลู่เจียวกล่าวว่า “เหนียงจื่อ มีคนตามมา เป็นคนเป็นวิชายุทธ์ด้วย”

ลู่เจียวพยักหน้าเล็กน้อย กล่าวอย่างตื่นเต้นว่า “ดีเลย จับเป็น”

หร่วนจู๋รับคำเสียงหนึ่ง ก่อนจะโดดลงจากรถม้า หร่วนไคนั่งอยู่ข้างหลินต้าก็พุ่งไปด้านหน้ารถม้าพร้อมกับน้องสาวตน

หลี่หนานเทียนกับโจวเส้ากงด้านหลังก็บังคับม้าหยุดทันที กระโดดไปป้องกันรถม้าซ้ายและขวา

จ้าวหลิงเฟิงเองก็พาลูกน้องสองคนขึ้นหน้ามา เขายืนอยู่ข้างรถม้าปลอบใจลู่เจียวในรถ

“ลู่เหนียงจื่ออย่าได้เป็นห่วง ไม่มีอะไรแน่นอน”

ลู่เจียวไม่ได้เป็นห่วง นางเลิกม่านมองไปจ้าวหลิงเฟิงนอกรถ กล่าวว่า “ไม่เป็นไร ข้าไม่เป็นห่วงอะไร”

กล่าวจบ ก็เห็นในมุมมืดมีคนสิบกว่าคนปรากฏตัวขึ้นล้อมรถม้าลู่เจียวไว้ทันที

ลู่เจียวเลิกม่านมองออกไป ไม่ได้รู้สึกกลัวสักนิด กลับกัน ในใจนางกลับตื่นเต้นยินดี นางจะได้เห็นยอดฝีมือต่อสู้กันกับตาหรือนี่

หน้ารถม้ามีคนชุดดำปิดหน้าคนหนึ่งยกมือชี้ไปที่รถม้าตวาดเสียงดังว่า “เป้าหมายพวกเราครั้งนี้ก็คือลู่เหนียงจื่อในรถ คนอื่นไปได้”

วาจานี้หากเป็นคนธรรมดาไม่เป็นวิชายุทธ์ เกรงว่าก็คงหนีไปแล้ว น่าเสียดายหร่วนไคกับหร่วนจู๋และพวกหลี่หนานเทียนต่างเป็นวิชายุทธ์ ย่อมไม่กลัวคนตรงหน้า

ลู่เจียวในรถม้าสั่งการคนนอกรถม้าว่า “จับเป็นสองถึงสามคน”

“เจ้าค่ะ/ขอรับ เหนียงจื่อ”

คนด้านนอกรับคำ เงาร่างสองเงาก็พุ่งออกไปรวดเร็ว

เป็นหร่วนไคกับหร่วนจู๋สองคน หร่วนไคพุ่งออกไปรวดเร็ว ยังกล่าวกับหลี่หนานเทียนและโจวเส้ากงด้านหลังว่า “พวกท่านอยู่อารักขาเหนียงจื่อ”

“ตกลง”

หร่วนไคกับหร่วนจู๋พุ่งตรงไปหาคนชุดดำ ทั้งสองคนราวกับดาวตกสองดวงพุ่งถลา พริบตาเดียวก็ทะยานไปถึงคนชุดดำ คนชุดดำแต่ละคนในมือมีอาวุธเหมือนกัน

อาวุธหร่วนไคก็คือแส้ยาวสีดำ อาวุธหร่วนจู๋ก็คือกระบี่อ่อน

สองพี่น้องถืออาวุธแล้วกลับกลายเป็นเครื่องมือสังหาร

โดยเฉพาะหญิงสาวอย่างหร่วนจู๋ที่แสนบอบบางอ่อนหวาน นางเคลื่อนไหวว่องไวราวภาพเงา ไม่นานก็พุ่งแหวกกลางกลุ่มคนชุดดำ ที่ที่นางผ่านคนเหล่านั้นล้วนกองพื้นไร้ลมหายใจ กระบี่ยาวราวกับมังกรเริงวารี ที่ที่พาดผ่านล้วนได้ยินเสียงกระบี่ฟันเลือดเนื้อโลหิตไหลนอง

พริบตา คนชุดดำก็ล้มลงไปเป็นแถบ ส่วนนางยังคงสังหาร หร่วนไคด้านหลังอดเรียกไว้ไม่ได้ “น้องพี่ จับเป็นสองคน”

หร่วนจู๋ผ่อนความเร็วลงหน่อยหนึ่ง ไว้ชีวิตสองคน

ฝีมือหร่วนไคเองก็ร้ายกาจมาก แต่กล่าวตามจริง เทียบกับหร่วนจู๋แล้วก็ยังด้อยกว่านิดหน่อย

หร่วนจู๋สังหารคนขึ้นมาก็ไม่เหมือนหญิงสาวตัวน้อย แต่เหมือนภูติผีล่าสังหาร

ลู่เจียวกับจ้าวหลิงเฟิงในรถม้าเห็นแล้วก็อึ้งมองตาค้าง

ข้างกายจ้าวหลิงเฟิงความจริงก็มีคนอารักขาที่เป็นวิชายุทธ์ไม่น้อย แต่ความจริงคนคุ้มกันเขามากมายเช่นนี้ แต่มีเพียงคนเดียวที่ฝีมือพอเทียบกับหร่วนจู๋ที่เป็นหญิงสาวผู้นี้ได้ แต่ไม่แน่ก็อาจสู้ไม่ได้ด้วยซ้ำ

ฝีมือหญิงสาวตัวน้อยนี้ร้ายกาจจริงๆ และโชคดีที่นางเป็นคนของลู่เจียว หากเป็นคนของผู้อื่น ไม่แน่อาจกลายเป็นเครื่องมือสังหาร

จ้าวหลิงเฟิงครุ่นคิดมองไปยังคนชุดดำพวกนั้น ฝีมืออีกฝ่ายก็ไม่เลวและคนยังมากกว่า แต่พวกเขาเกรงว่าคงไม่เคยคิดแม้แต่ฝันถึงว่าจะพบอาวุธสังหารเช่นหร่วนจู๋ผู้นี้

ไม่เพียงแต่อีกฝ่ายคิดไม่ถึง แม้แต่ลู่เจียวเองก็คิดไม่ถึงว่าฝีมือหร่วนจู๋จะร้ายกาจเช่นนี้

นางร้ายกาจเช่นนี้ คุณหนูหกตระกูลเถียนยังตัดใจยกให้นาง ลู่เจียวแอบไม่อยากจะเชื่อ เลิกคิ้วครุ่นคิดเล็กน้อย

นางคิดออกในทันที ว่าทำไมคุณหนูหกตระกูลเถียนจึงมอบหร่วนจู๋ให้นาง เพราะเห็นคุณค่าของคนมีความสามารถ

หร่วนจู๋คือยอดฝีมือวิทยายุทธ์สูงส่ง แต่นิสัยบริสุทธิ์เปิดเผย ไม่เคยผ่านประสบการณ์โลกกว้าง หากให้คนรู้ว่านางมีความสามารถเช่นนี้ เป็นไปได้มากว่าจะหาทางเอานางไว้รับใช้ข้างกาย กลายเป็นอาวุธสังหารโหดร้าย หากเป็นเช่นนั้น หร่วนจู๋ย่อมถูกทำลายสิ้น

คุณหนูหกตระกูลเถียนเชื่อคุณธรรมนาง กอปรกับพวกเขาเองก็คิดมอบน้ำใจให้พวกเขา ดังนั้นจึงได้มอบหร่วนจู๋ให้ในทันที ประการแรก หร่วนจู๋ย่อมไม่ถูกทำลาย ประการที่สอง ครอบครัวลู่เจียวย่อมผูกสัมพันธ์กับตระกูลเถียน

ลู่เจียวครุ่นคิดแล้วก็มองไปยังหร่วนจู๋ด้านนอกทันที นางเก็บกระบี่อ่อนแล้ว สีหน้ามีรอยยิ้มพึงพอใจ ลากคนชุดดำสองคนเดินมา รอบกายไม่ได้มีไอสังหารเหมือนก่อนหน้านี้แม้แต่น้อย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!