ตอนที่ 447 ลูกล้างลูกผลาญ
ลู่เจียวพยักหน้าเรียกถานเสี่ยวยากับจู้เป่าจูเข้าไปหา ลงมือตรวจให้พวกนาง
หลี่อวี้เหยากับเถียนฮวนยิ้มกล่าวว่า “พวกเราเองก็ควรให้เจียวเจียวตรวจสักหน่อยดีกว่า เจียวเจียวเป็นถึงหมอเทวดาประจำหอยาเป่าเหอ คนมากมายเท่าไรมารอให้นางตรวจรักษา พวกเราต้องคว้าโอกาสให้ดี”
ลู่เจียวกล่าวอย่างนึกขำว่า “พวกเจ้ามาให้ข้าตรวจสุขภาพให้เช่นนี้ ข้าไม่ตรวจให้พวกเจ้าแล้วดีกว่า”
หลี่อวี้เหยารีบยิ้มขออภัยทันที “ข้าผิดเอง เจียวเจียวจิตใจเมตตาอารี จะไม่ตรวจให้พวกเราได้อย่างไร”
ลู่เจียวคุยไปหัวเราะไป พลางช่วยตรวจสุขภาพให้ถานเสี่ยวยากับจู้เป่าจู
สุดท้ายงานเลี้ยงกินข้าวกลายเป็นงานรักษาอาการป่วย
ผู้หญิงมักมีอาการป่วยลับส่วนตัวที่ไม่กล้าไปหาหมอ ลู่เจียวเป็นหมอและเป็นผู้หญิง พวกนางย่อมไม่กังวลเรื่องพวกนี้ สุดท้ายนางก็ได้ตรวจดูโรคสตรีสองสามโรคให้หญิงเหล่านี้
ผู้ชายทางนั้นคุยเรื่องสภาพทั่วไปในอำเภอชิงเหอตอนนี้ หลังไม่มีสี่ตระกูลใหญ่ นายอำเภอหูทุ่มเทช่วยเหลือราษฎรให้หลุดพ้นจากความยากจน
ตอนเที่ยงกินข้าว เซี่ยอวิ๋นจิ่นยกน้ำผลไม้คารวะจ้าวหลิงเฟิง “การที่บ้านเราได้รับอิสระได้เร็วเพียงนี้ก็เพราะน้ำใจช่วยเหลือจากพี่จ้าว ข้าขอคารวะพี่จ้าว”
จ้าวหลิงเฟิงมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นอย่างแปลกใจ ทอดถอนใจไม่หยุด “หาได้ยากยิ่งๆ”
ที่แต่ไรมาเซี่ยซิ่วไฉเห็นเขาก็ขัดหูขัดตา ไม่ถูกชะตากับเขา ยามนี้ถึงกับเกรงใจเขาเช่นนี้ แต่จะว่าไป ก็รู้สึกดีไม่เลวเหมือนกัน
เซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่สนใจเขา ยังยกน้ำผลไม้ไปคารวะผู้อื่นอีกคนละจอก
ชายหนุ่มในที่นั้นล้วนเข้ากันได้ไม่เลว ดังนั้นบรรยากาศจึงดีมากเป็นพิเศษ
ระหว่างนั้น ลู่เจียวรู้สึกเป็นห่วงเด็กๆ ที่เรือนด้านหลัง จึงให้เฝิงจือไปดูที่เรือนด้านหลังสักหน่อย
ปรากฏเฝิงจือกลับมารายงานว่าทางลูกทั้งสี่กินกันแล้ว ตอนนี้กำลังเล่นกระดานลื่นอยู่ เจ้าหนูน้อยทั้งสี่สอนพวกจ้าวอวี้หลัวเล่นกระดานลื่นกันอย่างสนุกสนาน
ลู่เจียวได้ฟังก็วางใจไปต้อนรับแขกต่อ
หลังอาหารกลางวัน ทุกคนก็ขอตัวกลับไปพร้อมกับลูกๆ ของตน ใกล้ปีใหม่แล้ว โรงเรียนอนุบาลในตระกูลเซี่ยก็จะหยุดเรียนชั่วคราว
เด็กๆ ต่างไม่อยากกลับ ล้วนมีท่าทางอาลัยอาวรณ์ ทำให้บิดามารดาตนเองนึกอิจฉา พวกเขาไม่เคยเห็นลูกๆ อาลัยอาวรณ์ตนเองเช่นนี้มาก่อน
จ้าวหลิงเฟิงกลับเป็นกลุ่มสุดท้าย เขากำลังปลอบบุตรสาวอย่างปวดหัวยิ่ง
“หลังปีใหม่ค่อยมาอีกก็ได้”
“ยังไม่ปีใหม่ไม่ใช่หรือ”
“แต่บ้านท่านอาเซี่ยต้องเตรียมของปีใหม่ ซื้อของขวัญปีใหม่อะไรพวกนี้ จะมีเวลามาสอนหนังสือได้อย่างไร”
“นี่เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ พวกเราเป็นเด็กไม่ต้องทำอันใด ทำไมพวกเราเรียนหนังสือไม่ได้”
จ้าวหลิงเฟิงมองบุตรสาวตนเองอย่างไร้วาจาจะกล่าว เขาไม่เคยเห็นเด็กอยากเรียนหนังสือขนาดนี้มาก่อน
หน้าประตูบ้านตระกูลเซี่ย เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวมองจ้าวหลิงเฟิงรับมือบุตรสาวเงียบๆ จากนั้นเซี่ยอวิ๋นจิ่นก็คิดถึงปัญหาหนึ่งขึ้นมาได้ หากเขามีบุตรสาวเช่นสาวน้อยตระกูลจ้าวผู้นี้ จะน่าปวดหัวเพียงใด!
ในใจเขาพอคิดขึ้นมาก็รีบสลัดทิ้งทันที ไม่สิ เป็นไปไม่ได้ที่บ้านพวกเขาจะมีบุตรสาวเช่นนี้ นางต้องน่ารักเชื่อฟังอย่างมาก ยังรู้ความและมีมารยาท ที่สำคัญที่สุดนางต้องเหมือนเจียวเจียว
ขณะที่เซี่ยอวิ๋นจิ่นกำลังคิดในใจอยู่นั้น เอ้อร์เป่าก็วิ่งมาตรงหน้าจ้าวอวี้หลัว กล่าวว่า “พวกเราก็ไม่มีเวลาเรียน พวกเราต้องเตรียมของขวัญให้เด็กๆ ในหมู่บ้าน ดังนั้นจึงไม่ว่างมาเรียนหนังสือ”
จ้าวอวี้หลัวพอได้ฟังเอ้อร์เป่าก็ไม่พูดอันใดต่ออีก นางถามเอ้อร์เป่าอย่างกังวลว่า “เช่นนั้นเจ้าก็จะเตรียมของขวัญให้ข้าด้วย?”
เอ้อร์เป่าคิดแล้วก็กล่าวว่า “เตรียมให้เจ้าด้วย”
จ้าวอวี้หลัวจับปอยผมตนเองพันไปมา กล่าวอย่างดีใจว่า “เช่นนั้นข้าก็กลับไปเตรียมของขวัญให้เจ้า จะเตรียมของขวัญหนึ่งคันรถเลย”
กล่าวจบก็ปีนขึ้นรถม้าอย่างดีใจ
จ้าวหลิงเฟิงด้านหลังจ้องมองบุตรสาว ใบหน้าเขาราวกับมีแสงสีดำพาดผ่าน เงินทองบ้านพวกเขาลมพัดหอบมาหรืออย่างไร ลูกล้างลูกผลาญผู้นี้ เขาอยากจะห่อแล้วมอบให้ตระกูลเซี่ยไปเสียจริงๆ
จ้าวหลิงเฟิงครุ่นคิดแล้วก็หันมาโบกมือกล่าวคำอำลาเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียว แต่ก็คิดถึงงานสมาคมการค้าขึ้นมาได้ เขากล่าวกับลู่เจียวว่า “ลู่เจียว พรุ่งนี้มีประชุมสมาคมการค้าชิงเหอ นายอำเภอหูมาเป็นประธานด้วยตนเอง เจ้าอย่าลืมไปนะ”
“ได้ ข้ารู้แล้ว”
ลู่เจียวรับคำ เซี่ยอวิ๋นจิ่นก้มหน้าลงคุยเรื่องนี้กับลู่เจียว
“ตอนนี้ข้าวในนาเก็บเกี่ยวเรียบร้อย ที่นาว่างแล้ว ปกติในเวลานี้อำเภอชิงเหอจะไม่หว่านเพาะ รอพ้นปีใหม่ก็จะปลูกข้าวรอบแรก อำเภอชิงเหออยู่ทางใต้ อากาศไม่หนาว ปีหนึ่งปลูกข้าวได้สองฤดู แต่เพราะภูมิอากาศชื้น ดินไม่ค่อยสมบูรณ์ ข้าวในนาจึงเติบโตได้ผลผลิตน้อย”
“นายอำเภอหูวางแผนว่าจะถือโอกาสนี้กล่อมให้ชาวบ้านร่วมแรงปลูกสมุนไพร ปีหน้าเดือนห้าเดือนหกก็ปลูกถั่วเหลืองกับพืชน้ำมันและงาดำ เป็นการเพิ่มรายได้ให้ชาวบ้าน”
ลู่เจียวก็พอจะเดาจุดมุ่งหมายการประชุมนี้ได้ นางพยักหน้าแสดงการรับรู้
วันรุ่งขึ้น นายอำเภอหูก็เป็นประธานเปิดประชุมหารือช่วยชาวบ้านและพัฒนาเรื่องสมุนไพร
ความต้องการของนายอำเภอหูก็คือให้พ่อค้าเป็นแกนนำปลูกสมุนไพร
พ่อค้าทุกคนในที่นั้นต่างมีที่นาในมือไม่น้อย ขอเพียงพวกเขาเป็นแกนนำเพาะปลูก ก็จะนำพาให้ราษฎรกระตือรือร้นตาม
ส่วนชาวบ้านที่ไม่มีเมล็ดพันธุ์ ก็มีคนในที่นั้นเสนอว่าจะให้ชาวบ้านยืมไปเพาะปลูกก่อนโดยไม่ต้องซื้อ รอไว้เก็บเกี่ยวเอาไปขายได้ก็ค่อยจ่ายเงินค่าเมล็ดพันธุ์
เช่นนี้ชาวบ้านก็เท่ากับแบกรับความเสี่ยงเพียงแค่ครึ่งเดียว
เมล็ดพันธุ์มีคนให้ไม่เสียเงิน ปลูกสมุนไพรยังได้เงินมัดจำล่วงหน้า ไม่ต้องเป็นห่วงว่าวันหน้าขายไม่ได้
เพราะมีพ่อค้าเป็นแกนนำ อำเภอชิงเหอก็เริ่มคึกคักกันขึ้นมา พากันปลูกสมุนไพรกันอย่างเอิกเกริกไปทั้งอำเภอ
ลู่เจียวเองก็เริ่มมีงานยุ่ง เพราะสมุนไพรแต่ละอย่างมีการเติบโตแตกต่างกัน ไม่ใช่ปลูกกันได้ง่ายๆ ทั่วไปในทุกพื้นที่ อีกอย่างมีสมุนไพรที่ใช้ระยะเวลาเติบโตนาน หากไม่ถึงกำหนดย่อมนำไปใช้ไม่ได้ผล ประสิทธิภาพตัวยาลดลงมาก ขายไม่ได้ราคา
แต่สมุนไพรที่ใช้ระยะเวลาเติบโตนาน ราษฎรย่อมไม่มีความอดทนพอจะรอคอย ดังนั้นลู่เจียวจึงเสนอให้ทุกคนปลูกสมุนไพรที่มีระยะเวลาเติบโตสั้น เช่นนี้ก็จะทำให้ชาวบ้านได้เห็นเม็ดเงิน ในใจชาวบ้านก็จะยิ่งมั่นใจ
อีกเรื่องก็คือจะปลูกสมุนไพรอย่างไร จะกำจัดวัชพืชตามระยะเวลากำหนดอย่างไร จะป้องกันการเกิดโรคไม่ให้ส่งผลต่อประสิทธิภาพของยาได้อย่างไร จำเป็นต้องบอกชาวบ้านให้กระจ่างชัดเจน
ลู่เจียวกับฉีเหล่ยและหมอมีชื่อในอำเภอชิงเหออีกสองคนแบ่งเป็นสี่ขบวนออกไปตามหมู่บ้านสอนชาวบ้านปลูกสมุนไพร
เซี่ยอวิ๋นจิ่นทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยให้กับลู่เจียวโดยไม่ต้องจ่ายค่าจ้าง ติดตามนางไปอธิบายเรื่องที่ต้องใส่ใจในการปลูกสมุนไพรแก่ชาวบ้านในหมู่บ้าน
เดิมลู่เจียวยังเป็นห่วงการเรียนของเขา ไม่อยากให้เขาไปด้วย
แต่เซี่ยอวิ๋นจิ่นยืนยันความคิดตนเอง คิดว่าไม่ส่งผลกระทบต่อการเรียนของเขา กลับกันยังทำให้เขาเข้าใจเรื่องการเกษตร เรียนรู้ว่าจะปลูกสมุนไพรแต่ละอย่างเช่นไร วันหน้าเขาก็จะได้ชี้แนะชาวบ้านได้
ลู่เจียวเห็นเขายืนยันเช่นนี้ก็ตามใจเขา
แม้ลู่เจียวไม่ว่าอันใด ทว่าอาจารย์ใหญ่หลูกลับนั่งไม่ติด
ปีหน้าก็จะสอบเซียงซื่อแล้ว เซี่ยอวิ๋นจิ่นมีความหวังจะชิงตำแหน่งเจี่ยหยวนให้กับหนิงโจวได้ ตอนนี้ผู้ที่จะเข้าสอบเซียงซื่อถึงกับติดตามภรรยาตนเองไปสอนชาวบ้านปลูกสมุนไพรตามหมู่บ้าน
พออาจารย์ใหญ่หลูคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ในใจก็กลัดกลุ้ม สุดท้ายก็นั่งไม่ติด พาอาจารย์สองท่านไปห้ามถึงตระกูลเซี่ย
ลู่เจียวกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นที่เพิ่งกลับมาก็พบทั้งคู่เข้าพอดี