ตอนที่ 453 มาขอร้องแล้ว
เซี่ยหลานในลานอดแค่นเสียงฮึไม่ได้ “นี่ต้องเป็นความคิดลู่เจียวเป็นแน่ หญิงผู้นั้นทนเห็นบ้านเราได้ดีไม่ได้ ย่อมต้องเป็นความคิดนาง”
เฉินหลิ่วเองก็เห็นด้วยกับเซี่ยหลาน “ถูกต้อง ข้าดูแล้วเรื่องนี้มีแต่หญิงผู้นั้นทำ หญิงผู้นั้นไม่ใช่คนดี ท่านพ่อต้องคุยกับน้องสามให้ดีๆ ว่าหญิงผู้นั้นเจ้าคิดเจ้าแค้น วันหน้าน้องสามสอบเคอจวี่ได้เป็นขุนนาง นางทำเช่นนี้จะเป็นการทำร้ายน้องสามได้ง่าย”
คนทั้งบ้านพูดจนเซี่ยเหล่าเกินสีหน้ายิ่งโมโหและดูย่ำแย่มากขึ้นไปอีก
ตกค่ำครอบครัวเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับเซี่ยเอ้อร์จู้ก็มากินข้าว เซี่ยเหล่าเกินมองลู่เจียวด้วยสีหน้าไม่พอใจหลายที ลู่เจียวไม่คิดสนใจเขา
แต่ยังคงนำของที่เตรียมไว้ให้เขาก่อนหน้านี้ออกมา เป็นเสื้อผ้าสองชุด ขนมสี่อย่าง และยังมีเงินอีกสิบตำลึง
เซี่ยเหล่าเกินเห็นลู่เจียวเตรียมของขวัญให้เขา ในใจก็รู้สึกดีขึ้นมาก สีหน้าก็ดูดีขึ้นตามไปด้วย
เดิมเซี่ยต้าเฉียงกับเฉินหลิ่วกำลังรอให้บิดาระเบิดอารมณ์ ปรากฏพอเห็นของขวัญลู่เจียว บิดาเขาก็ยอมสยบ ทั้งสองคนจ้องมองเซี่ยเหล่าเกินอย่างไม่พอใจ ส่งเสียงกระแอมไอหลายครั้ง
เซี่ยเหล่าเกินจึงได้สติ ปั้นหน้ามองเซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวว่า “เจ้าสาม เจ้าใช้ไม่ได้นะ ให้ของชาวบ้านในหมู่บ้านตั้งมากมาย แต่ไม่ให้พี่น้องตนเอง”
เซี่ยต้าเฉียงรีบรับคำเซี่ยเหล่าเกิน “เจ้าคิดตัดสัมพันธ์กับพวกเราพี่น้องจริงหรือ”
เซี่ยต้าเฉียง เซี่ยอวิ๋นหวา เซี่ยหลานพากันมองเซี่ยอวิ๋นจิ่น
เซี่ยเอ้อร์จู้เห็นสถานการณ์เช่นนี้ก็โมโหเอ่ยว่า “เรียกพวกเรามากินอาหารเย็นไม่ใช่หรือ ทุกคนทำเช่นนี้เรียกว่าเชิญพวกเรามากินอาหารเย็นหรือร่วมมือกันรังแกน้องสามมากกว่า”
“น้องสามมอบของขวัญให้คนในหมู่บ้าน เพราะก่อนหน้านี้ตอนเขาอัมพาตบนเตียง คนในหมู่บ้านแต่ละครอบครัวมอบของให้พวกเขา แล้วพวกเจ้าเล่า ผู้ใดมอบของให้เขา”
เซี่ยต้าเฉียงได้ฟังเซี่ยเอ้อร์จู้ก็โมโหคำรามดังว่า “หุบปาก เกี่ยวอันใดกับเจ้า เจ้าได้ไปหมดแล้วนี่ ตอนนี้พูดจาเก่งดีนะ”
น้องสี่เซี่ยอวิ๋นหวามองเซี่ยเอ้อร์จู้กล่าวว่า “พี่รอง พี่สามยอมฟังพี่ พี่ก็ควรตักเตือนพี่สามอย่าได้คิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องวันวาน วันหน้าเขาเป็นขุนนางแล้ว คนเป็นขุนนางควรใจกว้างถึงจะถูกต้อง”
เซี่ยหลานพยักหน้าเต็มแรง “ใช่ ก่อนหน้านี้พวกเราทำไม่ถูก แต่พวกเรารู้ว่าผิดแล้ว และเรื่องเหล่านั้นก็เป็นเพราะความคิดท่านแม่ ตอนนี้ท่านแม่ก็ถูกท่านพ่อหย่าไปแล้ว พี่สามไม่ควรจะมาโมโหใส่พวกเราอีก”
เซี่ยหลานผลักเรื่องทุกอย่างไปให้มารดาตนเอง
นางกล่าวจบ คนตระกูลเซี่ยก็พากันพยักหน้า “ถูกต้อง ก่อนหน้านี้ที่ไล่เจ้าออกไป ก็เป็นความคิดท่านแม่ ไม่ใช่ความต้องการของพวกเรา ดังนั้นเจ้าอย่าได้มาคิดบัญชีกับพวกเรา”
ลู่เจียวเห็นภาพตรงหน้าก็รู้สึกสะอิดสะเอียนในใจ ลุกขึ้นยืนกวาดตามองทุกคน กล่าวว่า “พวกเจ้าต้องการร่วมกันบีบน้องสามพวกเจ้า แต่พวกเจ้าบีบเขาไปก็ไร้ประโยชน์ เพราะเงินข้าเป็นคนหามา ข้าคิดจะให้ผู้ใดใช้ก็ได้ คิดจะจ่ายให้ผู้ใดก็ได้ ไม่ต้องให้ผู้อื่นมาคอยชี้นิ้วสั่ง”
ลู่เจียวกล่าวจบก็กวาดตามองคนตระกูลเซี่ยเอ่ยว่า “ขอโทษ ข้าไม่พอใจให้พวกเจ้าใช้ ดังนั้นพวกเจ้าอย่าได้เพ้อฝันจะเอาเงินจากเซี่ยอวิ๋นจิ่น เขาไม่มีเงินสักแดง เงินบ้านเราอยู่ที่มือข้าคนเดียว”
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่พยักหน้าพร้อมกัน “ใช่แล้ว ในมือท่านพ่อไม่มีเงิน เงินบ้านเราล้วนอยู่ในมือท่านแม่”
“ท่านพ่อหาเงินได้ไม่มาก ล้วนเป็นท่านแม่หาเงินมา”
สีหน้าคนตระกูลเซี่ยดูย่ำแย่ยากบรรยาย เซี่ยต้าเฉียงโมโหถลึงตาใส่ลู่เจียวตวาดว่า “แม้เป็นเงินเจ้าหามา เจ้าก็เป็นภรรยาน้องสามข้า เงินเจ้าก็คือเงินเขา เขาคิดจะใช้เงินอย่างไรก็ได้ หากเจ้ากล้าปฏิเสธสักคำ ข้าก็จะขับไล่เจ้าออกจากตระกูลเซี่ย”
ลู่เจียวมองเซี่ยต้าเฉียงด้วยสีหน้ารังเกียจ
“เจ้าคิดว่าน้องสามเจ้าจะขับไล่ข้าเพราะตระกูลอย่างพวกเจ้างั้นหรือ พวกเจ้ารู้สึกว่าเป็นไปได้หรือ”
ลู่เจียวกล่าวจบก็หันไปมองเซี่ยอวิ๋นจิ่น “พวกเรากลับไปกินข้าวที่บ้านเราดีกว่า ข้าวไม่ทันได้กิน ตอนนี้ กลับอัดอั้นเต็มท้องไปหมดแล้ว”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นรับคำพยักหน้าเตรียมจะจากไป
เซี่ยเหล่าเกินมองครอบครัวเจ้าสามจะไปแล้ว ก็รีบตวาดน้ำเสียงดุดันว่า “เอาละ อย่ามัวหาเรื่องกันอีก เตรียมกินข้าวได้แล้ว”
เฉินหลิ่วยืนนิ่งอย่างไม่พอใจ
ยามนี้ประตูใหญ่ตระกูลเซี่ยถูกผลักออก
เหมาโต้วที่หลบอยู่ข้างๆ ก็วิ่งออกไปทันที นอกประตูมีหญิงแก่ผอมโกรกชราภาพยืนอยู่คนหนึ่ง นางก็คือหร่วนซื่อ
เหมาโต้วนิ่งอึ้งไปทันที หร่วนซื่อผลักเขาออกก่อนจะบุกเข้ามา
ทุกคนในตระกูลเซี่ยหันหน้าไปมองด้วยสัญชาตญาณทันที พอเห็นคนที่ก้าวเข้ามาคือหร่วนซื่อกับน้าชายตระกูลหร่วน แต่ละคนก็หันขวับไปมองเซี่ยเหล่าเกินด้วยสัญชาตญาณพร้อมกัน
ยามนี้เซี่ยเหล่าเกินกำลังอารมณ์ไม่ดี พอเห็นหร่วนซื่อก็ตวาดอย่างโมโหว่า “เจ้ามาทำไม”
หร่วนซื่อมองเซี่ยเหล่าเกิน พบว่าเซี่ยเหล่าเกินอ่อนเยาว์กว่าเมื่อก่อนมาก ส่วนนาง สองสามเดือนมานี้ อยู่บ้านตระกูลหร่วน ช่วยทำงาน กินไม่ดีนอนไม่ดี พริบตาก็แก่ลงไปอีกสิบปีได้
ตอนนี้นางยืนกับเซี่ยเหล่าเกิน เดาว่าผู้อื่นคงเห็นพวกเขาเป็นแม่ลูก
หร่วนซื่ออดร้องไห้ขึ้นมาไม่ได้ ตนเองลำบากถึงเพียงนี้ ชายผู้นี้กลับมีชีวิตสุขสบาย มีบุตรชายบุตรสาวคอยกตัญญู ยังมีสตรีอ่อนเยาว์คอยปรนนิบัติ มิน่ายิ่งดูอ่อนเยาว์ลง แต่นางเล่า
หร่วนซื่อร่ำไห้มองเซี่ยเหล่าเกิน “เหล่าเกิน ข้ารู้สำนึกผิดแล้ว เจ้าให้ข้ากลับมาได้หรือไม่ วันหน้าข้าล้วนฟังเจ้า จะไม่ก่อเรื่องอีก ในบ้านเราให้เจ้าเป็นใหญ่”
เซี่ยเหล่าเกินได้ฟังหร่วนซื่อก็อึ้งไปทันที จากนั้นก็รู้สึกใจอ่อนขึ้นมา
แม่หม้ายหวังรีบยื่นมือไปผลักเซี่ยเหล่าเกินพร้อมกับส่งเสียงแค่นฮึในลำคอ
ความรู้สึกเห็นใจของเซี่ยเหล่าเกินก็พลันมลายหายสิ้นในบัดดล
เขามองหร่วนซื่ออย่างไร้ความผูกพัน “เจ้าถูกข้าหย่าไปแล้ว ยังมีเหตุผลใดที่จะกลับมาได้อีก ตระกูลเซี่ยข้าไม่อาจยอมรับสตรีเช่นเจ้า”
กล่าวจบก็มองน้าชายตระกูลหร่วนด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “พาพี่สาวเจ้ากลับไป วันหน้าอย่าให้นางมาที่นี่อีก”
หร่วนซื่อไม่อยากกลับบ้านตระกูลหร่วน ตอนนี้นางเพิ่งได้รู้ว่าน้องชายและน้องสะใภ้ตนก็คือหมาป่าละโมบที่เลี้ยงไม่มีวันอิ่ม
เห็นอยู่ว่าบุตรชายนางให้เงินพวกเขา แต่พวกเขายังคงให้นางทำงาน ของกินก็กินเหลือจากพวกเขา สองสามเดือนมานี้ นางมีชีวิตอยู่ไม่สู้ตาย ดังนั้นนางคิดกลับมา
เพียงแต่หร่วนซื่อคิดไม่ถึงว่าเซี่ยเหล่าเกินจะปฏิเสธนางทันที นางแผดเสียงร้องไห้ดังพลางกล่าวว่า “เซี่ยเหล่าเกินเจ้ามีคุณธรรมบ้างหรือไม่ ข้าคลอดลูกให้เจ้าตั้งหลายคน เจ้าถึงกับไม่ยอมให้ข้ากลับมา”
“ไม่ต้องไปกล่าวถึงผู้อื่น หากไม่มีข้า เจ้าจะมีบุตรชายฉลาดเช่นเจ้าสามหรือ เจ้าควรเห็นแก่หน้าเจ้าสาม ยอมให้ข้ากลับมา”
เซี่ยเหล่าเกินหันไปมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นด้วยสัญชาตญาณทันที
เซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่ได้ส่งเสียงสักนิด เขาเองก็ไม่เชื่อว่าคนอย่างหร่วนซื่อกลายเป็นคนดีไปได้ หากนางกลับมา เหนือเจียวเจียวขึ้นไปก็จะมีแม่สามี ตอนนี้เจียวเจียวยังไม่ตัดสินใจว่าจะอยู่ต่อ ไม่อาจปล่อยให้เกิดเหตุไม่คาดฝันเพราะหร่วนซื่อได้
ดังนั้นสีหน้าเซี่ยอวิ๋นจิ่นจึงนิ่งเฉยราวกับไม่รับรู้แววตาแฝงความนัยของเซี่ยเหล่าเกิน