Skip to content
Home » Blog » ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย 495

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย 495

ตอนที่ 495 การสอบเซียงซื่อ คำอวยพรจากบุตรชาย

วันที่สิบสาม เดือนแปดเป็นวันเริ่มการสอบเซียงซื่อของปีนี้ บัณฑิตแต่ละพื้นที่มาหนิงโจวเพื่อเข้าร่วมการการสอบเซียงซื่อ

ก่อนหน้านี้ลู่เจียวมาเช่าบ้านอยู่ที่เมืองหนิงโจวเพื่อให้เซี่ยอวิ๋นจิ่นมีที่พักสบายสักหน่อย

เดิมลู่เจียวคิดจะไปเป็นเพื่อนเซี่ยอวิ๋นจิ่นที่หนิงโจว เพียงแต่นางเป็นห่วงเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ที่บ้าน จึงรู้สึกลำบากใจอยู่เล็กน้อย

เซี่ยอวิ๋นจิ่นกลับไม่อยากให้นางไป เขาไปสอบ ลู่เจียวอยู่ในเมืองคนเดียวก็ไม่ได้รู้จักคุ้นเคย อาจจะเบื่อ ดังนั้นเขาจึงห้ามลู่เจียว

“เจียวเจียว เจ้าอย่าไปเลย รอข้าอยู่ที่บ้านก็พอ”

ลู่เจียวคิดแล้วก็เห็นด้วย ที่บ้านมีเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ ให้นางทิ้งเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ที่บ้านตามเซี่ยอวิ๋นจิ่นไปสอบ นางก็ไม่วางใจจริงๆ นับประสาอันใดกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นไปสอบ นางอยู่หนิงโจวจะทำอันใด

“ก็ได้ แต่เจ้าต้องระวังตัวหน่อยนะ”

ลู่เจียวกำชับ เซี่ยอวิ๋นจิ่นรีบรับคำน้ำเสียงอ่อนโยน “ข้ารู้แล้ว”

สองสามเดือนมานี้ ทั้งครอบครัวอยู่ร่วมกันได้ดีมาก ทั้งอบอุ่นและมีความสุข

วันเวลาเช่นนี้ทำให้เซี่ยอวิ๋นจิ่นรู้สึกพึงพอใจอย่างมาก เขาไม่ได้คิดจะทำลายบรรยากาศที่เป็นอยู่ในตอนนี้แม้สักนิด ดังนั้นเห็นแววตาลู่เจียวมองมา เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็ยื่นมือไปกุมมือลู่เจียวไว้

“เจียวเจียวยังจำเรื่องที่เจ้ารับปากข้าก่อนหน้านี้ได้ไหม เจ้าบอกว่าจะให้โอกาสข้า ให้พวกเราได้อยู่ร่วมกันจริงๆ ระยะนี้เจ้าควรมองออกแล้วว่า ครอบครัวเราอยู่ด้วยกันมีความสุขและเบิกบานใจเพียงใด”

ในใจลู่เจียวเองก็ยอมรับแล้ว แต่ก็ยังคงเป็นห่วงว่าหลังเซี่ยอวิ๋นจิ่นไปเมืองหลวงแล้วจะเกิดการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นนางจะรออีกสักหน่อย

“รอพวกเราไปเมืองหลวงแล้วค่อยว่ากัน”

พอนางกล่าว เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็รู้สึกแปลกใจอยู่ไม่น้อย “ทำไมต้องรอให้ไปเมืองหลวงแล้วค่อยว่ากัน”

ลู่เจียวกล่าวทีเล่นทีจริงว่า “ข้ากลัวว่าเจ้าไปถึงเมืองหลวงได้เจอคนที่ถูกใจ ถึงตอนนั้นจะลำบากใจว่าควรทำเช่นไร ดังนั้นจึงควรรอไว้ไปเมืองหลวงก่อนค่อยว่ากัน”

พอลู่เจียวกล่าว เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็ไม่พอใจ บีบมือลู่เจียวเต็มแรง “เจ้าไม่เชื่อข้าเพียงนี้เลยหรือ”

ระยะนี้ทั้งสองคนอยู่ร่วมกันยิ่งเหมือนคู่รักขึ้นเรื่อยๆ ลู่เจียวเองก็ไม่ได้เอาแต่ทำสีหน้าสงบดำรงสตินิ่งดังเช่นเมื่อก่อน หลายครั้งนางก็มีท่าทางร่าเริงและมักจะแสดงอาการออดอ้อนเซี่ยอวิ๋นจิ่น

“โอ๊ย เจ้าก็ถือเสียว่าข้าคิดมากไปก็ได้”

นางกล่าวจบก็โอบไหล่เซี่ยอวิ๋นจิ่น ออดอ้อนว่า “ท่านพี่ ข้าขอแสดงความยินดีกับท่านพี่ตรงนี้ก่อน เจ้าสอบได้เป็นจวี่เหริน ท่านจวี่เหริน ข้าขอกล่าวแสดงความยินดีกับท่านตรงนี้ก่อนนะเจ้าคะ”

เซี่ยอวิ๋นจิ่นถูกนางหยอกจนไม่โกรธแล้ว ยื่นมือไปบีบแก้มนาง “เจ้านี่นะ ข้าทำอันใดเจ้าไม่ได้เลยจริงๆ”

เขากล่าวจบก็ยิ้มกล่าวว่า “ไม่เพียงแต่จวี่เหริน แต่จะเป็นจิ้นซื่อ ถึงตอนนั้นข้าต้องขอพระราชทานตำแหน่งฮูหยินตราตั้งให้เจียวเจียว”

ประการแรก วันหน้าผู้อื่นก็จะไม่รังแกเจียวเจียว และที่สำคัญที่สุดก็คือหากได้เป็นฮูหยินของเขา เจียวเจียวก็ไม่มีทางไปไหนอีกแล้ว

เซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่ได้บอกความคิดละเอียดอ่อนนี้ในใจตนเองออกมา ลู่เจียวได้ฟังเขาก็ดีใจมาก

แคว้นต้าโจวมีเพียงฮูหยินตราตั้งเท่านั้นที่จะได้เรียกว่าฮูหยินแท้จริง สถานะสูงส่งมาก ต้องให้สามีตนยื่นเรื่องต่อกรมปกครองแต่งตั้งภรรยาตน

ส่วนใหญ่หากระดับขุนนางต่ำกว่าห้าลงมาก็จะแต่งตั้งโดยกรมปกครอง ระดับห้าขึ้นไปก็จะแต่งตั้งโดยราชโองการฮ่องเต้ หากความประพฤติไม่ดีหรือไม่เป็นที่ถูกพระทัย ก็อาจไม่ได้รับการแต่งตั้งก็เป็นได้

อนึ่ง ฮูหยินขุนนางระดับหนึ่งและสอง ฮ่องเต้จะให้ความสำคัญกับความประพฤติอย่างมาก หากความประพฤติไม่ดี ก็ไม่มีทางแต่งตั้ง

เซี่ยอวิ๋นจิ่นเป็นว่าที่โส่วฝู่แคว้นต้าโจว วันหน้านางก็คือฮูหยินใต้เท้าโส่วฝู่

ลู่เจียวยิ่งคิดก็ยิ่งเบิกบานใจ แน่นอนว่าต้องหลังจากเข้าเมืองหลวงแล้วไม่เกิดเหตุเปลี่ยนแปลงอันใด

ลู่เจียวครุ่นคิดมองไปยังเซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวว่า “อย่าเพิ่งไปคิดเรื่องไกลเพียงนั้น ตอนนี้มาคิดถึงการสอบเซียงซื่อก่อนดีกว่า”

นางกล่าวจบ เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็กล่าวว่า “ข้าจัดคนสองคนมาดูแลเจ้า เจ้าต้องระวังตัวหน่อย อีกอย่างยายเฒ่าชิวก็จะตามไปดูแลเจ้าด้วย”

ยายเฒ่าชิวเป็นสาวใช้มารดาเซี่ยอวิ๋นจิ่น มาจากตระกูลใหญ่ ย่อมดูแลคนเป็น ทำงานก็มีหลักการเรียบร้อย ไม่ค่อยเกิดเหตุผิดพลาด มีนางตามไป ลู่เจียวก็วางใจ

“ได้ แล้วแต่เจ้าจัดการ”

วันนี้เป็นวันที่เจ็ด เดือนแปด ลู่เจียวให้เซี่ยอวิ๋นจิ่นไปอยู่เมืองหนิงโจวล่วงหน้าเพื่อพักผ่อนสักสองสามวันก่อนเข้าสอบ

เรื่องสุขภาพเซี่ยอวิ๋นจิ่น ลู่เจียววางใจไม่เป็นห่วงเขาแล้วว่าจะเกิดเหตุอันใดตอนสอบ

หลายเดือนมานี้ ลู่เจียวปรับสมดุลสุขภาพให้เซี่ยอวิ๋นจิ่นมาตลอด เขาเองก็ฝึกยุทธ์ แม้ว่าได้ผลช้า แต่ก็ส่งผลดีต่อสุขภาพเขาอย่างมากจริงๆ

ลู่เจียววางใจ เซี่ยอวิ๋นจิ่นกลับอาลัย ตั้งแต่ลู่เจียวทะลุมิติมาในยุคสมัยนี้ ทั้งสองคนก็ไม่เคยแยกจากกันมาก่อน นี่เป็นการแยกจากกันที่ยาวนานที่สุด เซี่ยอวิ๋นจิ่นยังไม่ทันไป ในใจก็เริ่มคิดถึงนางแล้ว

สุดท้ายเขามองลู่เจียวกล่าวว่า “หรือว่าเจียวเจียวไปเป็นเพื่อนข้า พาเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ไปด้วย”

ลู่เจียวมองเขาอย่างนึกขำ “เอาละ เจ้าไปสอบ พาเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ไปด้วยจะกระทบกับการพักผ่อนของเจ้าหรือไม่ อย่างมากยี่สิบวันก็กลับมาแล้ว”

“แต่พวกเราไม่เคยแยกจากกันนานเพียงนี้ ข้าต้องคิดถึงเจ้ามากอย่างแน่นอน”

คำพูดเซี่ยอวิ๋นจิ่นส่งผลต่อลู่เจียวอย่างมาก นางยื่นมือไปกอดเซี่ยอวิ๋นจิ่นเอาไว้ “พวกเรารอเจ้าอยู่ที่บ้าน รอเจ้านำเกียรติยศเงินทองกลับมาให้พวกเรา”

วาจานี้ทำเอาในใจเซี่ยอวิ๋นจิ่นรู้สึกหวานล้ำ “ตกลง”

ทั้งสองคนกอดกันได้ครู่หนึ่ง กำลังจะผละจากกัน เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ก็พุ่งเข้าประตูมา

พอเข้ามาเห็นท่านพ่อกอดกับท่านแม่ ตอนนี้เจ้าหนูน้อยทั้งสี่โตพอที่จะรู้จักเขินอายแล้ว ทันทีที่เห็นก็ปิดตาตนเองแอบหัวเราะคิกคัก

เซี่ยอวิ๋นจิ่นผละออกจากลู่เจียว ทั้งสองหันหน้าไปมองเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ “พวกเจ้ามาทำอะไรกัน”

ต้าเป่า เอ้อร์เป่า ซานเป่า ซื่อเป่าสบตากันทันที จากนั้นก็ต้าเป่าพยักหน้าเล็กน้อยให้ซานเป่ากับซื่อเป่า ซานเป่ากับซื่อเป่าก็รีบเข้าไปดึงกระดาษใบใหญ่ออกมาใบหนึ่ง ด้านบนถึงกับเป็นภาพวาด วาดภาพตอนเซี่ยอวิ๋นจิ่นสอบ และยังเขียนอักษรด้วยพู่กันไว้อีกแถวหนึ่ง

“ขออวยพรให้ท่านพ่อประสบความสำเร็จในการสอบเซียงซื่อ”

เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวมองแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ เจ้าหนูน้อยทั้งสี่นับวันยิ่งมีความคิด พวกเขาถึงกับไม่รู้เรื่องที่ลูกๆ แอบทำ

ต้าเป่าเดินขึ้นหน้ามาก่อน “ท่านพ่อ ขอให้มีชื่อติดประกาศในการสอบเซียงซื่อครั้งนี้”

เอ้อร์เป่ารีบกล่าวตามมาว่า “ขอให้ท่านพ่อดังปลาไนข้ามประตูมังกร[1]”

ซานเป่ายิ้มตาหยีกล่าวว่า “ขอให้ท่านพ่อจากนี้ก้าวเดียวถึงแดนฟ้า”

ซื่อเป่ายิ้มจนเรียวตาดอกท้อหยี “ขอให้ท่านพ่อขึ้นไปสู่ตำแหน่งโส่วฝู่”

ซื่อเป่ากล่าวจบ เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวต่างตกใจ ทั้งสองคนมองซื่อเป่าถามอย่างแปลกใจว่า “ซื่อเป่า เจ้ารู้จักโส่วฝู่ด้วยหรือ”

ครั้งนี้ไม่เพียงแต่ซื่อเป่า แม้แต่ต้าเป่า เอ้อร์เป่า ซานเป่าต่างพยักหน้า

“รู้ ท่านอาจารย์เคยบอกพวกเรา ตำแหน่งขุนนางแคว้นต้าโจว ในคณะมนตรีมีตำแหน่งโส่วฝู่สูงที่สุด ดังนั้นพวกเราขอให้ท่านพ่อก้าวไปสู่ตำแหน่งโส่วฝู่”

เซี่ยอวิ๋นจิ่นดีใจขึ้นมาในทันที ไม่สนใจว่าตนเองวันหน้าจะไปถึงตำแหน่งโส่วฝู่ได้หรือไม่ แต่อย่างน้อยบุตรชายก็อวยพรได้ดีมาก

เขาเดินเข้าไปอุ้มขึ้นมาทีละคน “ขอบใจพวกเจ้ามาก พ่อต้องพยายามทำให้พวกเจ้าภาคภูมิใจ ในตัวพ่อ พวกเจ้าเองก็ต้องขยัน เป็นลูกที่ทำให้พ่อกับท่านแม่ภาคภูมิใจ”

…………….

[1] ตำนานเล่าว่ามีปลาไนหลายตัวพยายามโดดข้ามประตูมังกรจนท้อใจ แต่มีตัวหนึ่งพยายามไม่ย่อท้อ จนข้ามไปกลายเป็นมังกรได้ จึงนำมาเปรียบถึงคนที่มีความพยายามจนประสบความสำเร็จ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version