ตอนที่ 496 เรื่องแต่งงาน
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่รีบตอบรับเสียงดังกังวาน “พวกเราทำได้ ท่านพ่อวางใจได้”
สองพ่อลูกคุยกันกระหนุงกระหนิงได้ครู่หนึ่ง ลู่เจียวก็เร่งให้เซี่ยอวิ๋นจิ่นรีบไป หากยังไม่ไป วันนี้พระอาทิตย์ตกดินก็ยังไม่ถึงหนิงโจว
“พวกเราไปส่งท่านพ่อกันเถอะ”
“ขอรับ ท่านแม่”
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่รับคำพร้อมเพรียง เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ สองคนจูงมือเซี่ยอวิ๋นจิ่น อีกสองคนจูงมือลู่เจียวเดินออกไปพร้อมกัน
ตลอดทางมา เซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่ลืมกำชับเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ “พ่อไม่อยู่บ้าน พวกเจ้าต้องเชื่อฟังท่านแม่นะ รู้ไหม”
“ขอรับ”
“และยังต้องตั้งใจเรียนรู้สิ่งที่อาจารย์สอนด้วย”
“พวกเราทำได้ขอรับ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกำชับเจ้าหนูน้อยทั้งสี่เสร็จ รอจนทุกคนออกไปหน้าประตู เขาจึงได้หยุดหันหน้าไปมองลู่เจียวกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เจียวเจียว เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ก็มอบให้เจ้าแล้ว”
“ได้ วางใจเถิด พวกเราจะอยู่บ้านรอเจ้ากลับมา”
“อืม”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นพยายามฝืนถอนสายตาหันหลังขึ้นรถม้า ด้านหลังรถม้ามีคนขี่ม้าตามกันไปหลายคน ทั้งมือปราบจ้าว โจวเส้ากง หร่วนไค ถงอี้ ยายเฒ่าชิวนั่งอยู่ในรถม้าขนของ ทุกคนค่อยๆ เดินทางออกจากบ้านตระกูลเซี่ยไปสู่หนิงโจว
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่รู้สึกเป็นห่วง หันไปมองลู่เจียว “ท่านพ่อจะไม่เป็นอันใดใช่หรือไม่”
เทียบกับการสอบแล้ว เจ้าหนูน้อยทั้งสี่เป็นห่วงความปลอดภัยของบิดามากกว่า
ลู่เจียวได้ฟังเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ก็ยิ้มขำ ปลอบใจพวกเขาว่า “เอาละ อย่าได้เป็นห่วงท่านพ่อเจ้า เขาจะไม่เป็นอันใด ครั้งนี้จะต้องสอบผ่านได้ติดประกาศรายชื่ออันดับแรกอย่างแน่นอน”
“ประกาศรายชื่ออันดับแรกก็คือที่หนึ่งหรือ”
ต้าเป่าถามอย่างนึกสนใจ ลู่เจียวพยักหน้า ในใจก็รู้สึกแน่ใจอย่างมากว่าการสอบครั้งนี้เซี่ยอวิ๋นจิ่นต้องได้ติดประกาศรายชื่ออันดับหนึ่ง เดิมเขาเรียนดีอยู่แล้ว ยังได้ข้อมูลจากอ๋องเยียนอีก ก็ยิ่งมั่นใจ
“เชื่อท่านแม่ พวกเรารอรับข่าวดีกันได้เลย”
ต้าเป่าพยักหน้าเต็มแรงกล่าวว่า “วันหน้า ข้าก็จะสอบติดประกาศรายชื่ออันดับแรก”
ลู่เจียวลูบศีรษะต้าเป่า ลูกคนนี้ไม่เพียงแต่ผ่านตาไม่ลืม ประเด็นคือตนเองยังยินยอมทนลำบากร่ำเรียน วันหน้าเข้าร่วมการสอบเซียงซื่อ ได้ตำแหน่งเจี่ยหยวนก็ไม่ใช่เรื่องยาก
“ได้ พวกเราเข้าบ้านกันเถอะ ท่านพ่อเจ้าไปสอบเซียงซื่อ พวกเราก็ไม่อาจลืมร่ำเรียนจนถดถอย”
แม้ว่าเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ไม่ได้เรียนสี่ตำราห้าคัมภีร์อย่างเป็นทางการ แต่ศิลปะความรู้อื่นก็เรียนได้ดีมาก คนยิ่งฉลาดก็ยิ่งมีความคิดริเริ่ม พวกเขาฝึกยุทธ์กับหลี่หนานเทียน เคลื่อนไหวก็ว่องไว เด็กห้าขวบรูปร่างก็สูงเกือบเท่าหน้าอกนางแล้ว
ลู่เจียวเห็นพวกเขาเติบโตดีเช่นนี้ ในใจก็ดีใจอย่างบอกไม่ถูก
แม่ลูกคุยกันไปเดินกันเข้าบ้านไป เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ไปเรียน ตอนนี้บิดาไปเมืองหนิงโจวเข้าร่วมการสอบเซียงซื่อ หากสอบติดได้เป็นจวี่เหริน วันหน้าก็ต้องเข้าเมืองหลวงไปสอบหุ้ยซื่อ ครอบครัวพวกเขาก็ล้วนต้องหยุดเรียนตามไปด้วย
รอให้บิดาจัดการทุกอย่างเรียบร้อย พวกเขาก็ต้องเริ่มเรียนสี่ตำราห้าคัมภีร์อย่างเป็นทางการแล้ว ชีวิตสนุกสนานวัยเด็กก็คงผ่านไปแล้ว ดังนั้นเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ต่างทะนุถนอมช่วงเวลาในตอนนี้อย่างมาก
ลู่เจียวกลับเรือนด้านหลังตรวจดูสมุดบัญชี นอกจากกิจการสามโรงผลิต ในมือนางตอนนี้ยังมีร้านขนส่งสินค้าเหนือใต้ ร้านค้าสองร้าน และร้านอาหารอีกร้าน
ร้านอาหารขายอาหารแบบบุฟเฟต์ราคาย่อมเยา ก็แค่ทำอาหารให้รสชาติดี วางเรียงเป็นช่องๆ ให้คนที่มากินข้าวได้เลือกอาหาร ราคาก็ยุติธรรมมาก
เริ่มแรกที่นางตัดสินใจทำการค้านี้ ลู่กุ้ยยังรู้สึกเป็นห่วง เขาไม่เคยเห็นร้านอาหารที่ใดทำกิจการเช่นนี้มาก่อน
ปรากฏร้านอาหารเปิดกิจการมา ก็ดึงดูผู้คนไปทั่ว ชาวบ้านไม่น้อยต่างพากันมากินข้าวที่ร้านอาหารของเขา แน่นอนว่าชั้นหนึ่งราคาย่อมเยา แต่ชั้นสองเป็นห้องจัดเลี้ยงแขกมีระดับ อาหารก็ย่อมต้องจัดเป็นห้องรับรองสำหรับแขกมีเงิน
แต่ที่หาเงินได้ดีที่สุดกลับเป็นอาหารราคาย่อมเยาที่ชั้นหนึ่ง สาเหตุหลักเพราะคนมาก
ตอนนี้ทุกต้นเดือน ลู่เจียวต้องตรวจสอบสมุดบัญชี นางมอบให้เฝิงจือช่วยดูสองร้านค้ากับร้านอาหาร นางดูแค่สามโรงผลิตกับร้านขนส่งสินค้าเหนือใต้ด้วยตนเอง
ในห้องหนังสือเล็ก ลู่เจียวกำลังพลิกตรวจสมุดบัญชี นอกประตู หลิ่วอันก็เดินเข้ามารายงานว่า “เหนียงจื่อ เถ้าแก่ลู่กับคุณหนูสวีมา”
หลิ่วอันได้ผ่านการดูแลสภาพจิตใจจากลู่เจียว ตอนนี้ยามเผชิญหน้ากับผู้ชายก็สงบจิตใจลงได้แล้ว และหลังผ่านการชี้แนะจากเฝิงจือ นางทำงานก็ยิ่งมีหลักมีการ
ลู่เจียวยิ้มพยักหน้าอย่างพึงพอใจ สั่งการว่า “เจ้ารีบเชิญพวกเขาเข้ามา”
เถ้าแก่ลู่ก็คือลู่กุ้ย คุณหนูสวีก็คือสวีจิ่นซิ่วที่หมั้นหมายกับเขา ก็คือน้องสะใภ้นาง
กล่าวตามตรง แต่งน้องสะใภ้คนนี้มาได้ดีมาก นางรู้ความอย่างมากและยังมีความกระตือรือร้นใส่ใจยามพบกับนางอย่างมาก นางไม่เหมือนน้องสะใภ้ แต่เหมือนน้องสาวนาง
ลู่เจียวชอบนางมาก
หลิ่วอันเดินออกไป เชิญลู่กุ้ยกับสวีจิ่นซิ่วเข้ามา
พอลู่กุ้ยเห็นลู่เจียวก็ถามอย่างห่วงใยกล่าวว่า “พี่เจียว พี่เขยไปตัวเมืองหรือ”
ลู่เจียวพยักหน้า “ใช่ ข้าให้เขารีบไปหน่อย พักผ่อนสองสามวันเตรียมการสอบเซียงซื่อ”
ลู่กุ้ยยิ้มอวยพรลู่เจียวว่า “ข้าขอแสดงความยินดีกับพี่เจียวล่วงหน้า พี่เขยไปสอบครั้งนี้ต้องสอบติดอย่างแน่นอน ถึงตอนนั้นพี่เจียวก็คือภรรยาจวี่เหรินแล้ว”
จิ่นซิ่วผลักเขาทีหนึ่ง “พี่เจียวไม่ใช่แค่ภรรยาจวี่เหรินนะ วันหน้านางก็คือฮูหยินขุนนาง ด้วยความรู้ความสามารถของพี่เขย ย่อมต้องสอบเป็นจิ้นซื่อได้อย่างแน่นอน”
พอจิ่นซิ่วกล่าว ลู่กุ้ยรีบโบกมือยิ้มกล่าวว่า “ใช่ ใช่ วันหน้าพี่เจียวก็คือฮูหยินขุนนางแล้ว”
ลู่เจียวยิ้มส่งสายตาจ้องใส่เขาทีหนึ่ง “รู้แต่ประจบ วันนี้พวกเจ้ามามีเรื่องอะไรกระมัง”
หลายวันก่อน ลู่กุ้ยเพิ่งนำสมุดบัญชีร้านอาหารมาให้ หากไม่มีอะไร เขาไม่ควรมาในตอนนี้
ลู่กุ้ยได้ยินลู่เจียวถามก็กล่าวอย่างดีใจทันทีว่า “พี่เจียว ครั้งก่อนข้าบอกกับพี่แล้วใช่หรือไม่ อยากจะซื้อบ้านแต่งงานแล้ว สองวันก่อน สำนักนายหน้ามาแจ้งให้ข้าไปดู ข้าดูมาสองสามหลัง วันนี้คิดจะเชิญพี่ไปช่วยข้าดูสักหน่อย”
ลู่เจียวกล่าวอย่างนึกขำว่า “เรื่องบ้าน เจ้าควรเชิญน้าสวีกับจิ่นซิ่วไปดู วันหน้าเป็นบ้านของพวกนาง”
จิ่นซิ่วเดินมาข้างกายลู่เจียว คล้องแขนนางกล่าวว่า “พี่เจียว ข้ากับท่านแม่ข้าไปดูแล้ว พวกเราอยากให้พี่ไปดูด้วยสักหน่อย”
ลู่เจียวชอบจิ่นซิ่วมาก เห็นจิ่นซิ่วเป็นดังน้องสาวแท้ๆ แล้ว
เพราะจิ่นซิ่วสนิทสนมกับพี่สาว ทำให้ลู่กุ้ยยิ่งพึงพอใจจิ่นซิ่ว
“ได้ เช่นนั้นข้าไปช่วยพวกเจ้าดูหน่อย ไปตอนนี้หรือ”
ลู่กุ้ยกับจิ่นซิ่วพยักหน้า “ใช่”
ทั้งสองคนพยักหน้า ลู่กุ้ยก็มองไปยังลู่เจียวกล่าวว่า “ยังอยากหารือกับพี่เจียวอีกเรื่อง”
“เรื่องอันใด”
ลู่กุ้ยสบตากับจิ่นซิ่ว ก่อนล่าวว่า “คืออย่างนี้ พี่เขยไปสอบครั้งนี้ย่อมต้องสอบติด พี่เขาสอบติด พี่เจียวก็คงต้องพาเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ตามพี่เขยไปสอบที่เมืองหลวง? ไปครั้งนี้น่าจะไม่ได้กลับมาง่ายๆ ก่อนหน้านี้ท่านแม่ฝากคนส่งจดหมายมาถึงข้า บอกว่าอยากให้ก่อนพี่เจียวไปเมืองหลวง จัดการเรื่องแต่งงานของข้ากับจิ่นซิ่วให้เรียบร้อยก่อน พี่เจียวคิดว่าได้หรือไม่”
