ตอนที่ 535 คนสมองไม่ดี
วันรุ่งขึ้นลู่เจียวก็ไปจวนอู่กั๋วกง ระหว่างทางถูกคนขวางทาง คนที่ขวางทางนางก็คือเนี่ยเยี่ยเจินคุณชายรองจวนอู่กั๋วกง
ใบหน้าเนี่ยเยี่ยเจินถูกองครักษ์จวนองค์หญิงใหญ่ตบจนบวม ยังไม่ทันยุบก็พาหน้าบวมปูดราวสุกรมาขวางทางลู่เจียว
“นังชั้นต่ำ ล้วนเป็นเพราะเจ้าทำร้ายน้าเหลียงจนตาย ยังทำให้ข้าถูกตบหน้า วันนี้ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไป”
ลู่เจียวมองเนี่ยเยี่ยเจินตรงหน้าด้วยสีหน้าเย็นเยียบ ไม่มีท่าทางหวาดกลัวแม้แต่น้อย นางกล่าวเย็นชาว่า “ข้าว่าหากองค์หญิงใหญ่รู้ว่าเจ้ามาขวางทางข้า เกรงว่าจะไม่ปล่อยเจ้าไป”
เนี่ยเยี่ยเจินนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง ในใจก็แอบนึกกลัว แม้ว่าแต่เล็กเขาไม่เกรงกลัวผู้ใด แต่ก็เกรงกลัวท่านยายผู้นี้ ท่านยายเหมือนไม่ถูกชะตากับเขา
เนี่ยเยี่ยเจินคิดเพียงครู่หนึ่งก็นึกถึงการตายของเหลียงฉินขึ้นมา หากไม่ใช่หญิงผู้นี้ น้าเหลียงจะตายได้อย่างไร นางเลี้ยงดูเขามา เขาไม่อาจปล่อยไปเช่นนี้
เนี่ยเยี่ยเจินครุ่นคิดแล้วก็ตวาดเยียบเย็นขึ้นทันทีว่า “วันนี้ข้าจะให้คนตีเจ้าให้ตาย ดูว่าเจ้าจะยังไปฟ้องท่านยายข้าได้อีกหรือไม่”
ลู่เจียวแค่นเยาะเนี่ยเยี่ยเจินว่า “ข้าเหมือนจำได้ว่าองค์หญิงใหญ่บอกว่าไม่อนุญาตให้เจ้าเรียกนางว่าท่านยายอีก เรียกหนึ่งครั้งก็จะตบปากเจ้าหนึ่งครั้ง”
สีหน้าเนี่ยเยี่ยเจินพลันดำทะมึน กัดฟันกรอดตะโกนดังขึ้นว่า “นังชั้นต่ำ ไปตายซะ”
เขากล่าวจบก็ออกคำสั่งลูกน้องข้างกาย “ไป สังหารนังชั้นต่ำนี่ นังบ้านนอกนี่ถึงกับกล้าเหิมเกริมในเมืองหลวง”
ครั้งนี้เนี่ยเยี่ยเจินเตรียมตัวมาอย่างเห็นได้ชัด ลูกน้องที่พามาล้วนเป็นผู้มีวิชายุทธ์
แต่ครั้งนี้ลู่เจียวก็พาคนรู้วิชายุทธมาเพิ่มอีกสองสามคน มีทั้งหร่วนจู๋ ถงอี้และโจวเส้ากง
เดิมนางคิดพาหร่วนจู๋มาแค่คนเดียว แต่เซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่วางใจ ยืนยันให้นางพาถงอี้กับโจวเส้ากงมาด้วย คิดไม่ถึงว่าได้ใช้งานพวกเขาจริงๆ
พอลูกน้องเนี่ยเยี่ยเจินขยับ พวกหร่วนจู๋ก็พุ่งเข้าใส่
ลู่เจียวด้านหลังออกคำสั่งว่า “อย่าทำพวกเขาตาย เอาแค่สลบก็พอ”
คนเหล่านี้ไว้ให้องค์หญิงใหญ่จัดการดีกว่า
พวกหร่วนจู๋รับคำพุ่งออกไป แม้แต่โจวเส้ากงเองก็พุ่งออกไป สามคนพริบตาก็ไปเผชิญหน้ากับลูกน้องของเนี่ยเยี่ยเจิน
แม้ว่าคนฝ่ายตรงข้ามมีวิชายุทธ์ แต่ไม่อาจทำอันใดได้เมื่อต้องเผชิญกับพวกหร่วนจู๋ ดังนั้นสองฝ่ายปะทะกันได้ไม่นาน ลูกน้องเนี่ยเยี่ยเจินก็ถูกพวกหร่วนจู๋จัดการสลบไป
เนี่ยเยี่ยเจินสีหน้าย่ำแย่อย่างยิ่ง ในยามนั้นเองก็มีเสียงฝีเท้าม้าดังมาจากอีกฟากของถนน วิ่งทะยานมากันหลายตัว
คนเหล่านี้มาถึงก็ตวาดถามว่า “ทำอะไรกัน หยุด”
พวกหร่วนจู๋รีบหยุดมือกระโดดถอยหลัง
บนรถม้า ลู่เจียวเลิกม่านรถม้ามองมาเห็นม่อเป่ยนั่งอยู่บนหลังม้า
ม่อเป่ยเห็นลู่เจียวก็รู้สึกคาดไม่ถึงอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้แสร้งทำไม่รู้จัก เขาพยักหน้าให้ลู่เจียวเล็กน้อย ทักทายว่า “ลู่เหนียงจื่อมาเมืองหลวงแล้วหรือ”
ความจริงม่อเป่ยรู้ก่อนหน้านี้แล้วว่าลู่เจียวกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นมาเมืองหลวง ก่อนหน้านี้ท่านอ๋องส่งข้อมูลเหล่านั้นไปบ้านตระกูลเซี่ย เขาให้คนนำไปส่งเอง
แต่ต่อหน้าคนนอก ม่อเป่ยไม่ได้แสดงออกมาก สีหน้ายังคงนิ่งเรียบอย่างยิ่ง
ลู่เจียวพยักหน้าเล็กน้อย
คนขี่ม้าอยู่ข้างม่อเป่ยยิ้มถามม่อเป่ยว่า “คนรู้จักเจ้าหรือ”
“นางเป็นหมอที่เคยช่วยข้า”
วาจานี้ทำเอาคนผู้นั้นสีหน้าอ่อนโยนลงมาก เขาหันไปมองลู่เจียวถามอย่างสุภาพว่า “ที่นี่เกิดเหตุอันใดขึ้น”
เนี่ยเยี่ยเจินไม่รอให้ลู่เจียวเอ่ยก็ตวาดใส่คนบนหลังม้าอย่างไม่พอใจ “หญิงผู้นี้สมควรโดนลงมือ ดังนั้นข้าจึงพาคนมาสั่งสอนนางสักหน่อย”
เขาไม่พูดยังไม่มีคนสังเกต พอเขาพูด ม่อเป่ยกับคนข้างกายเขาก็สังเกตเห็นเขา ทั้งสองคนจ้องมองเขาอยู่นานจึงจำได้
“คุณชายรองเนี่ยจวนอู่กั๋วกง?”
เนี่ยเยี่ยเจินแค่นเสียงฮึเยียบเย็น
ม่อเป่ยกับคนข้างกายเขาถามว่า “หน้าเจ้าไปโดนอะไรมาหรือ”
เนี่ยเยี่ยเจินไม่ทันได้พูดอะไร ลู่เจียวรีบกล่าวว่า “ใบหน้าเขาถูกองค์หญิงใหญ่ตบจนบวม เพราะเขานับถือโจรเป็นมารดา เห็นอยู่ว่าอนุผู้นั้นทำร้ายน้องสาวและมารดาเขา เขากลับยังขอร้องแทนหญิงผู้นั้น ดังนั้นองค์หญิงใหญ่โมโหมาก จึงได้ตบหน้าเขา องค์หญิงใหญ่ยังว่า……”
เนี่ยเยี่ยเจินเห็นลู่เจียวพูดเล่าฉอดๆ ไม่หยุด สีหน้าก็ดำทะมึนยากบรรยาย เขาไม่อยากให้คนรู้ว่าเขาถูกองค์หญิงใหญ่ทอดทิ้ง หลายคนในเมืองหลวงต่างให้เกียรติองค์หญิงใหญ่ ที่ผ่านมาเขาเองก็ได้รับเกียรติตามไปด้วยไม่น้อย
ดังนั้นตอนนี้มาเห็นลู่เจียวเล่าถึงวาจาองค์หญิงใหญ่ เนี่ยเยี่ยเจินก็โมโหตวาดว่า “เจ้าหุบปาก”
ลู่เจียวรีบหยุดเล่าทันที เนี่ยเยี่ยเจินก็โล่งอก
น่าเสียดายเขาเพิ่งโล่งอก ลู่เจียวก็เอ่ยเล่าขึ้นอีกครั้งว่า “องค์หญิงใหญ่บอกว่าไม่มีหลานชายเช่นเขา วันหน้าหากเขากล้าเรียกนางว่าท่านยายอีก ได้ยินหนึ่งครั้งก็จะตบหนึ่งครั้ง ตบจนเขาเรียกไม่ออกจึงหยุด”
ลู่เจียวกล่าวจบ ม่อเป่ยกับผู้ชายข้างกายเขาก็มองเนี่ยเยี่ยเจินด้วยสีหน้าคาดไม่ถึง
เนี่ยเยี่ยเจินถลึงตาใส่ลู่เจียวอย่างเดือดดาล ตวาดคำรามใส่ว่า “นังชั้นต่ำ ข้าจะสู้กับเจ้าให้ตายไปข้าง”
เขาพุ่งเข้าใส่ลู่เจียว หร่วนจู๋กำลังคิดจะออกมารับมือเนี่ยเยี่ยเจิน ม่อเป่ยบนหลังม้าก็ยกมือสะบัดทีหนึ่ง ส่งแรงกระแทกเนี่ยเยี่ยเจินลอยหวือออกไปทันที
แต่เขาไม่ได้ใช้กำลังมากมายเท่าไร ดังนั้นเนี่ยเยี่ยเจินเพียงแค่ถูกกระแทกกระเด็นตัวลอยออกไปเท่านั้น
เนี่ยเยี่ยเจินหันไปมองม่อเป่ยทันที ม่อเป่ยไม่รอให้เขาเอ่ยอันใดก็เอ่ยขึ้นว่า “ลู่เหนียงจื่อผู้นี้เคยช่วยข้าไว้ ดังนั้นข้าไม่อาจมองดูนางโดนทำร้ายได้”
เขากล่าวจบไม่สนใจอีกเนี่ยเยี่ยเจิน หันไปมองลู่เจียว ชี้ไปที่ผู้ชายข้างกายกล่าวว่า “ท่านนี้ก็คือรองผู้บัญชาการถังซวินประจำสำนักรักษาความสงบเมืองหลวง มีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยภายในเมืองหลวง วันหน้าหากเจ้าอยู่เมืองหลวงเจอกับเรื่องยุ่งยากใดก็ให้คนไปหาเขา เขาต้องช่วยเจ้าจัดการให้เรียบร้อย”
ม่อเป่ยกล่าวจบ ถังซวินรีบพยักหน้าแสดงท่าทีกล่าวว่า “ใช่ ลู่เหนียงจื่อหากเจอเรื่องอันใดก็ให้คนไปตามข้า ข้าต้องส่งคนมาช่วยเจ้าจัดการให้เรียบร้อย”
ถังซวินกล่าวจบก็มองลู่เจียวแล้วก็มองม่อเป่ย ในใจก็รู้สึกเสียดายไม่น้อย ลู่เหนียงจื่อผู้นี้หน้าตาไม่เลว หากยังไม่แต่งงาน ไม่แน่สหายรักตนก็คงแต่งกับนาง เขากับม่อเป่ยคบหาสนิทกัน รู้นิสัยเขาดีว่าเย็นชาและตาสูง สตรีทั่วไปย่อมไม่เข้าตาเขา
ตอนนี้เขาแนะนำลู่เจียวด้วยท่าทีให้ความเคารพเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าหญิงผู้นี้มีสถานะไม่ธรรมดาในใจสหายรักเขา
ลู่เจียวพยักหน้ายิ้มขอบคุณ จากนั้นก็กล่าวว่า “พวกเราควรไปได้แล้ว ท่านหญิงเหวินอันเซี่ยนจู่กำลังรอพวกเราอยู่”
“เชิญ”
ถังซวินไม่ได้รั้งพวกนางไว้ ปล่อยพวกนางจากไป
เนี่ยเยี่ยเจินด้านหลังโมโหตะโกนขึ้นทันที “ถังซวิน นางทำร้ายคนของข้า เจ้ารีบจับนางไปเข้าคุกจองตรวน”
ถังซวินไม่ค่อยพอใจ ไม่คิดจะสนใจเนี่ยเยี่ยเจิน กล่าวน้ำเสียงเย็นชาว่า “เจ้ามาหาเรื่องคนอื่นเขาเอง หากจะจับก็จับพวกเจ้าไปเข้าคุก เอาละ รีบไปซะ”
เขากล่าวจบก็หันหลังขี่ม้าจากไปพร้อมกับพวกม่อเป่ย ไม่สนใจพวกเนี่ยเยี่ยเจิน
คนสมองเลอะเลือนที่ไม่รู้แม้กระทั่งว่ามารดาตนเองคือผู้ใด หากไม่มีท่านยายเจ้า ผู้ใดจะให้เกียรติเจ้า