ตอนที่ 627 สองหมื่นตำลึงพร้อมหนังสือให้คำสัญญา
ลู่เจียวเดินนำออกไปก่อน หลินต้ารีบก้าวตามไป เฝิงจือกับหร่วนจู๋ก็รีบตามไปเช่นกัน ทุกคนขึ้นรถม้าตรงไปยังที่ทำการ พอถึงที่ทำการ หลินจือฝู่กำลังสอบปากคำสองมือสังหารอยู่
สองมือสังหารถึงกับยอมรับว่าผู้บงการให้พวกเขาลอบสังหารเซี่ยอวิ๋นจิ่นก็คือคนตระกูลนิ่ง
หลินจือฝู่ได้ฟังคำสารภาพของสองมือสังหารก็มีสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ เหตุใดจึงยอมบอกว่าตระกูลนิ่งบงการ ทั้งสองคนสติไม่ดีหรือ
หลินจือฝู่ไม่รู้ว่าสองมือสังหารถูกเซี่ยอวิ๋นจิ่นวางยา ยามนี้สติสับสนและปวดหัว ดังนั้นจึงยอมบอกออกมาว่าตระกูลนิ่งบงการ
ในห้องโถง เซี่ยอวิ๋นจิ่นกุมแขนที่ได้รับบาดเจ็บ มองหลินจือฝู่ตรงหน้า กล่าวว่า “ใต้เท้าจือฝู่ ตระกูลนิ่งเหิมเกริมเกินไปแล้ว กล้าลงมือโหดเหี้ยมกับขุนนางราชสำนักเช่นนี้ หากไม่ลงโทษให้หนัก เมืองหนิงโจวเราเกรงว่าคงไม่สงบสุข ใต้เท้าจือฝู่รีบส่งทหารไปจับตัวคนตระกูลนิ่งมาจะดีกว่า”
หลินจือฝู่มองเซี่ยอวิ๋นจิ่น ระงับโทสะในใจลงได้แล้วกล่อมด้วยสีหน้าแสดงความหวังดีว่า “อวิ๋นจิ่น ข้าว่าแล้วไปเถอะนะ ตระกูลนิ่งเป็นเจ้าถิ่นที่นี่ ตระกูลพวกเขายังมีเจาอี๋เหนียงเหนียงอยู่ในวัง เหนียงเหนียงเป็นที่โปรดปรานของฝ่าบาทมาก เจ้าดู ฝ่าบาทยังพระราชทานบรรดาศักดิ์ป๋อให้บิดานางเป็นท่านนิ่งป๋อ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นแค่นหัวเราะเยาะดังขึ้นทันที หากฝ่าบาทโปรดปรานเจาอี๋เหนียงเหนียงจริง อย่างไรก็ควรให้เบี้ยพระราชทานบิดานางบ้าง ตำแหน่งบรรดาศักดิ์ที่แม้แต่เบี้ยพระราชทานก็ไม่มี ก็คงแค่เห็นหญิงผู้นั้นเป็นดังสัตว์เลี้ยงไว้เล่นเท่านั้น
เซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่ทันได้พูดอะไร นอกประตูก็มีน้ำเสียงเย็นเยียบดังเข้ามา
“ความหมายใต้เท้าจือฝู่ก็คือตระกูลนิ่งอยู่เมืองหนิงโจวก็คือกฎหมาย แม้แต่ฝ่าบาทก็ไม่อยู่ในสายตาหรือ”
วาจานี้ทำเอาหลินจือฝู่สะดุ้งตกใจ เขามองไปข้างนอกเห็นลู่เจียวเดินเข้ามาด้วยความโมโหดุดัน
หลินจือฝู่รีบกล่าวว่า “ฮูหยินถงจือเจ้าอย่าได้กล่าววาจาเหลวไหล อันใดคือบอกว่าเมืองหนิงโจวแม้แต่ฝ่าบาทก็ไม่เห็นอยู่ในสายตา”
ลู่เจียวแค่นหัวเราะกล่าวว่า “หรือว่าไม่จริง ฝ่าบาททรงพระราชทานตำแหน่งจ้วงหยวนให้ท่านพี่ข้าด้วยพระองค์เอง เข้ารับตำแหน่งถงจือระดับหก เป็นขุนนางราชสำนักแท้จริง ตอนนี้แค่ตระกูลนิ่งตัวน้อยๆ ก็กล้าลงมือโหดเหี้ยมกับเขา ไม่ใช่ว่าไม่เห็นฝ่าบาทอยู่ในสายตาหรือ”
หลินจือฝู่เห็นท่าทางสองสามีภรรยาตระกูลเซี่ย ก็เห็นชัดว่าจงใจมีเรื่องกับตระกูลนิ่ง เขาจะทำเช่นไรได้
หลินจือฝู่คิดแล้วก็รู้สึกเบิกบานใจ ในเมื่อพวกเขารนหาที่ตายก็ให้พวกเขารนหาที่ตายก็แล้วกัน
หลินจือฝู่รีบสั่งการให้คนในที่ทำการ ไปเชิญท่านนิ่งป๋อแห่งตระกูลนิ่งมา
ท่านนิ่งป๋อมาถึงอย่างรวดเร็ว พอมาถึงจึงได้รู้ว่าบุตรชายตนส่งคนไปลอบสังหารเซี่ยอวิ๋นจิ่น
ท่านนิ่งป๋อสีหน้าไม่ดีอย่างมาก ลอบสังหารขุนนางราชสำนักเป็นความผิดโทษมหันต์ บุตรชายช่างเหลวไหลเลอะเลือนจริง
แต่เรื่องก็เกิดขึ้นแล้ว ท่านนิ่งป๋อไม่ได้แสดงท่าทีหวาดกลัวแม้แต่น้อย รู้ว่าแพ้แต่ก็ยังคงวางท่าไม่ยอมแพ้ ไม่ว่าอย่างไร ตระกูลพวกเขาก็มีเจาอี๋เหนียงเหนียง ฝ่าบาทโปรดปรานเหนียงเหนียงอยู่มาก
ท่านนิ่งป๋อครุ่นคิดแล้วก็มองเซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวว่า “เซี่ยถงจือถือสิทธิ์อันใดแน่ใจว่าเป็นมือสังหารจากตระกูลนิ่ง หรือเจ้าคิดอาศัยแค่สองมือสังหารนี่ หากข้าบอกว่าพวกเขาเป็นคนที่เจ้าส่งมาเพื่อดูหมิ่นตระกูลนิ่งข้าเล่า”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นแค่นยิ้มกล่าวว่า “ในเมื่อท่านป๋อกล่าวเช่นนี้ เช่นนั้นก็ให้คนไปสืบดู ข้าก็อยากดูว่าทั้งสองใช่คนตระกูลนิ่งหรือไม่”
ท่านนิ่งป๋อเบื้อใบ้ขึ้นมาทันที เขาก้มหน้ามองไปยังสองมือสังหาร พบว่าพวกเขาก็คือผู้คุ้มกันประจำตัวของบุตรชายตน ทั้งสองคนหน้าตาคุ้นมาก หากให้คนไปสืบ ย่อมต้องสืบได้ว่าบุตรชายเขาบงการ
เช่นนั้นบุตรชายเขาก็ย่อมยุ่งยากแน่ ท่านนิ่งป๋อครุ่นคิดแล้วก็มองไปยังสองมือสังหาร กล่าวว่า “ทั้งสองคนนี้เป็นคนข้างกายบุตรชายข้าจริง บุตรชายข้าตอนนี้บาดเจ็บสาหัส ไม่มีทางมีแรงจะบงการพวกเขาไปสังหารเซี่ยถงจือ หากไม่เหนือความคาดหมาย พวกเขาเห็นบุตรชายข้าบาดเจ็บสาหัส จึงได้คิดไปทำเรื่องนี้เอง”
ก่อนหน้านี้สองมือสังหารบนพื้นสติเลือนราง ยามนี้กลับกระจ่าง พอคิดถึงคำพูดตนเองก่อนหน้านี้ก็ตกใจหลั่งเหงื่อเย็นออกมา ครอบครัวพวกเขาล้วนอยู่จวนนิ่ง
สองมือสังหารรีบรับคำ กล่าวว่า “ข้าน้อยคิดทำเรื่องนี้โดยพลการเอง”
ท่านนิ่งป๋อได้ใจ “ดู นี่เป็นเรื่องที่พวกเขาคิดทำเองโดยพลการ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองท่านนิ่งป๋อด้วยสายตาเยาะ “ท่านล่อลวงให้เขาเอ่ยว่าคิดทำเรื่องนี้โดยพลการเอง ถือเป็นการล่อลวงให้เปลี่ยนคำสารภาพ ก่อนหน้านี้หลินจือฝู่สอบปากคำ พวกเขาก็เล่าความจริงว่าตระกูลนิ่งบงการให้พวกเขาลอบสังหารข้า ตอนนี้ท่านป๋อมา สองมือสังหารก็กลับคำให้การ เห็นชัดว่าท่านป๋อแอบส่งสัญญาณให้พวกเขา ล่อลวงให้กลับคำให้การต่อหน้าศาลเช่นนี้ ถือว่ามีความผิดร่วมกัน”
ท่านนิ่งป๋อได้ฟังเซี่ยอวิ๋นจิ่นก็โมโหตวาดว่า “เซี่ยถงจือ เจ้าจะเอาอย่างไร อย่าลืมว่าตระกูลนิ่งข้าไม่กลัวเจ้า”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวเยาะว่า “ตระกูลนิ่งเจ้าไม่กลัวข้า ตระกูลเจ้ามีเจาอี๋เหนียงเหนียงในวัง ดังนั้นไม่กลัวผู้ใดทั้งนั้นใช่หรือไม่”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวจบ ลู่เจียวก็กล่าวต่อ “ตระกูลเจ้ามีเจาอี๋เหนียงเหนียงในวัง หากข้าบอกว่า ข้ามีองค์หญิงใหญ่สนับสนุนเล่า ข้าอยากขอถามว่าองค์หญิงใหญ่กับเจาอี๋เหนียงเหนียง ผู้ใดเหนือกว่า”
ท่านนิ่งป๋อได้ฟังคำพูดลู่เจียว ก็มีสีหน้าแปลกใจ มองลู่เจียวกล่าวว่า “เจ้าหมายความเช่นใด”
ลู่เจียวแค่นหัวเราะใส่ กล่าวว่า “ข้ารักษาท่านหญิงเหวินอันเซี่ยนจู่ บุตรีองค์หญิงใหญ่หายจากอาการป่วย หากข้าไปขอให้องค์หญิงใหญ่ออกหน้ามาจัดการเรื่องนี้ เจ้าว่าฝ่าบาทจะไม่สนใจกฎหมายบ้านเมืองเพราะเจาอี๋เหนียงเหนียงหรือ”
ลู่เจียวกล่าวจบ ท่านนิ่งป๋อสีหน้าแปรเปลี่ยน ห้องโถงกลาง สีหน้าหลินจือฝู่ก็ย่ำแย่เช่นกัน
องค์หญิงใหญ่เป็นพระภคินีร่วมอุทรกับฝ่าบาท ฝ่าบาทให้ความเคารพอย่างมาก หากนางออกหน้า เจาอี๋เหนียงเหนียงย่อมต้องโดนผลกระทบไปด้วย
ท่านนิ่งป๋อสีหน้าแปรเปลี่ยน แววตาหลินจือฝู่เองก็คล้ายกำลังครุ่นคิด คิดไม่ถึงว่าฮูหยินถงจือถึงกับรักษาบุตรีองค์หญิงใหญ่หาย นางมีสายสัมพันธ์กับองค์หญิงใหญ่ เช่นนั้นพวกเขายังควรต้องดึงเป็นพรรคพวกไว้ดีกว่า
ท่านนิ่งป๋อร้อนใจมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวว่า “เจ้าคิดเอาอย่างไรกันแน่”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองท่านนิ่งป๋อ ค่อยๆ กล่าวว่า “ก็ต้องดูว่าท่านนิ่งป๋อคิดเช่นไร หากคิดว่าไปตามความยุติธรรม ก็ให้มอบผู้บงการเบื้องหลังออกมา จัดการลงโทษไปตามกฎหมาย หากคิดตามความส่วนตัว ก็ชดใช้มาสองหมื่นตำลึง เขียนหนังสือให้คำสัญญา มอบให้ข้า หากบ้านข้ามีคนบาดเจ็บ ก็เป็นฝีมือจวนนิ่ง ท่านนิ่งป๋อต้องมอบคนออกมา ไม่อาจต่อรอง”
ลู่เจียวด้านหลังสำทับว่า “หากพวกท่านไม่เห็นด้วย พวกเราก็จะไม่เป็นถงจือระดับหกนี่แล้ว จะเข้าเมืองหลวงไปทูลเรื่องนี้ต่อฝ่าบาท”
คำพูดลู่เจียวทำเอาหลินจือฝู่สีหน้าแปรเปลี่ยน ครั้งนี้ไม่เพียงแต่เกี่ยวโยงไปถึงตระกูลนิ่ง แต่ยังจะเกี่ยวโยงมาถึงหัวเขาด้วยแล้ว
หากเซี่ยอวิ๋นจิ่นเข้าเมืองหลวงไปทูลเรื่องนี้ต่อฝ่าบาท ฝ่าบาทย่อมต้องไต่สวน เหตุใดเขาเป็นจือฝู่เมืองหนิงโจว แต่กลับไม่ทำงานตามหลักยุติธรรม เช่นนั้นตำแหนงขุนนางเขาก็คงสุดทางแล้ว
หลินจือฝู่รีบมองไปยังท่านนิ่งป๋อกล่าวว่า “ท่านป๋อ จบแบบส่วนตัวดีกว่า ยอมความกันดีกว่า เรื่องใหญ่เกินไป ไม่เป็นผลดีต่อตระกูลนิ่งของท่าน เซี่ยถงจือเป็นถงจือขุนนางราชสำนักระดับหก ตระกูลพวกท่านลงมือต่อขุนนางราชสำนัก เรื่องนี้แพร่ออกไป จะยุ่งยากใหญ่หลวง ไม่แน่ตระกูลท่านอาจถูกมองว่าไร้ขื่อไร้แป มิเห็นฝ่าบาทในสายตา เรื่องนี้แพร่ไปถึงเมืองหลวงย่อมส่งผลกระทบต่อเจาอี๋เหนียงเหนียงได้”