ตอนที่ 696 ประท้วง
สีหน้าท่านนิ่งป๋อกับฮูหยินนิ่งป๋อไร้สีโลหิต ยามนี้สมองทั้งสองคนเต็มไปด้วยความสับสน ไม่รู้ว่าแท้จริงเกิดปัญหาที่ใด
เหตุใดอยู่ดีๆ ในจวนพวกเขาถูกเปลี่ยนก้อนหิน ทำเอาบุตรชายตนเองถึงแก่ความตาย หรือว่าบุตรชายตนแต่งบทเองเล่นเองจริง เขาเสียสติไปแล้วหรือ ไม่คิดมีชีวิตอยู่ต่อหรือ
ท่านนิ่งป๋อกับฮูหยินนิ่งป๋อแทบจะกลั้นใจตาย
ยามนี้เซี่ยอวิ๋นจิ่นเอ่ยขึ้นอีกว่า “แน่นอนว่าข้ารู้สึกว่าคุณชายใหญ่ไม่มีทางเอาชีวิตตนเองมาใส่ความให้ร้ายข้าอย่างแน่นอน ดังนั้นเป็นไปได้มากว่า เขาถูกผู้อื่นหลอกใช้”
วาจานี้กล่าวออกมา ตระกูลนิ่งและคนโดยรอบต่างส่งเสียงฮือดัง แต่ละคนรู้สึกว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นวิเคราะห์ได้มีเหตุผลอย่างมาก
คุณชายใหญ่นิ่งไม่มีทางเอาความตายตนเองมาให้ร้ายเซี่ยอวิ๋นจิ่น เช่นนั้นความเป็นไปได้มากที่สุดก็คือเขาถูกคนหลอกใช้ ก้อนหินบนพื้นก็ถูกผู้อื่นนำมาเปลี่ยน เขาไม่ทันได้สังเกตเรื่องนี้
“ผู้ใดหลอกใช้คุณชายใหญ่กัน”
“ใช่ คนผู้นี้น่าจะไม่ธรรมดา ไม่เช่นนั้นคุณชายใหญ่นิ่งไม่มีทางเชื่อเขา”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่ได้สนใจผู้อื่น สั่งการโจวเส้ากง “ไป จับตัวเขาไว้”
เขายกมือชี้ไปที่บ่าวรับใช้ประจำตัวนิ่งฮุย
โจวเส้ากงรีบพุ่งเข้าไปถีบใส่บ่าวชายทีหนึ่งก่อนจะจับเขากดไว้
ใบหน้าบ่าวชายซีดขาวดิ้นรนแก้ตัวว่า “พวกเจ้าจับข้าไว้ทำไมกัน ข้าไม่ได้ทำอันใด”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นก้าวเข้าไปตรงหน้าบ่าวชาย มองลงไปกล่าวว่า “ก่อนหน้านี้ข้ากับคุณชายใหญ่นิ่งมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้ง ไม่ได้เข้าใกล้เขา แต่เจ้ากลับยืนยันว่าข้าผลักคุณชายใหญ่ เห็นชัดว่าเจ้าได้รับคำสั่งมา อีกอย่าง ตอนนั้นคุณชายใหญ่นิ่งล้มลง แม้ข้ายังตั้งสติไม่ทันว่าเขาตายแล้ว แต่เจ้าห่างไกลเพียงนั้น กลับตะโกนว่าฆ่าคนตายแล้ว ข้าอยากขอถามเจ้า เจ้าอยู่ไกลเพียงนั้น ไม่ร้อนใจเข้ามาประคองคุณชายเจ้าขึ้นมา แต่เหตุใดกลับตะโกนดังว่าฆ่าคนตายแล้ว เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าตอนนั้นคุณชายเจ้าตายแล้ว”
พอถามออกไป ทุกคนในที่นั้นต่างรู้สึกบ่าวชายผู้นี้มีปัญหา
ท่านนิ่งป๋อพุ่งออกมาตบหน้าบ่าวชายฉาดใหญ่ เขาโมโหมาก หิ้วตัวบ่าวชายขึ้นมาตะคอกว่า “ว่ามา ผู้ใดบงการให้เจ้าทำเช่นนี้ เป็นผู้ใด”
สีหน้าบ่าวชายซีดเผือดยิ่งกว่าเดิม ตื่นตระหนกจนไม่อาจคุมตนเองได้ เขาคิดเงยหน้ามองไปที่หนึ่งด้วยสัญชาตญาณ ปรากฏเขาไม่กล้า ได้แต่พยายามสะกดกลั้นอารมณ์ตนเองเอาไว้
ท่านนิ่งป๋อเห็นบ่าวชายไม่พูดอันใดก็โมโห ยกมือฟาดบ่าวชายไปอีกหลายที เซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นบ่าวชายจะถูกเขาฟาดตาย ก็รีบห้ามไว้ “หากท่านตีเขาตาย การตายของบุตรชายท่านก็คงไม่มีผู้ใดรู้แล้ว”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเพิ่งกล่าวจบ บ่าวชายก็มีโลหิตไหลซึมออกมา คอตกตายไปทันที
ในหมู่คนโดยรอบ มีคนตะโกนอย่างตกใจว่า “ไม่ได้การแล้ว เขากัดลิ้นฆ่าตัวตายแล้ว”
ฉีเหล่ยรีบเข้าไปตรวจดู สุดท้ายก็แน่ใจว่าเขากัดลิ้นฆ่าตัวตาย
เรื่องมาถึงขั้นนี้ ก็แสดงให้เห็นว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่ได้ผลักคุณชายใหญ่นิ่ง การตายของคุณชายใหญ่นิ่งไม่เกี่ยวข้องกับเขา
เซี่ยอวิ๋นจิ่นหันไปมองหูทงพั่น กล่าวน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ใต้เท้าหู คดีฆ่าคนตายนี้ ท่านต้องสืบให้ดี จะต้องสืบหาตัวผู้บงการออกมาให้ได้”
ใต้เท้าหูรับคำทันที “ได้ ข้าจะสืบคดีนี้ให้กระจ่าง”
ทั้งสองคนเพิ่งกล่าวจบ ก็มีเจ้าหน้าที่ที่ทำการสองคนไม่ไกลนักวิ่งมา เจ้าหน้าที่ที่ทำการมาถึงก็รายงานหลินจือฝู่ว่า“ใต้เท้า ไม่ได้การแล้ว ชาวบ้านปลูกชาละแวกเขาหวาอวิ๋นรวมตัวกันมาประท้วง บอกว่าไม่อยากปลูกชาแล้ว พวกเขาจะไปปลูกสมุนไพรแทน”
“ว่าอันใดนะ”
สีหน้าหลินจือฝู่พลันแปรเปลี่ยน ใบชาจากพื้นที่ปลูกชาเมืองหนิงโจวเป็นใบชาที่มีชื่อเสียงในแคว้นต้าโจว ตอนนี้ชาวบ้านปลูกชาไม่อยากปลูกชา เบื้องบนรู้เข้า ย่อมต้องมาสืบเรื่องนี้ หากสืบความนัยในเรื่องนี้ได้ เกรงว่าเขาก็คงต้องโชคร้ายแน่แล้ว
หลินจือฝู่หน้าดำคร่ำเครียดขึ้นมาทันที หันหลังคิดจะรีบไป เซี่ยอวิ๋นจิ่นด้านหลังมองไปยังหูทงพั่นกล่าวว่า “ท่านอยู่จัดการคดีตระกูลนิ่งที่นี่ก่อน ข้าจะไปกับใต้เท้าจือฝู่ ไปดูว่าชาวบ้านปลูกชาประท้วงอันใด”
หูทงพั่นพยักหน้า เซี่ยอวิ๋นจิ่นหันหลังไปกำชับลู่เจียวอีกสองสามคำ ให้นางพาคนกลับ เขาจะไปจัดการเรื่องชาวบ้านปลูกชากับหลินจือฝู่
ลู่เจียวรู้ว่าเรื่องชาวบ้านปลูกชาเป็นเรื่องเซี่ยอวิ๋นจิ่นกวนขึ้นมา ตอนนี้คนเหล่านี้พากันออกมา ก็เป็นเวลาที่เซี่ยอวิ๋นจิ่นจะจัดการหลินจือฝู่ นางไม่อยากทำให้เขาเสียเวลา
“ได้ เจ้าไปจัดการ ข้าจะกลับเลย”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นพยักหน้าเล็กน้อย ไม่สนใจอันใดอีก ให้ถงอี้อยู่กับหร่วนจู๋ส่งลู่เจียวกลับจวน
เซี่ยอวิ๋นจิ่นสั่งการเสร็จ ก็ก้าวไปตรงไปหาหลินจือฝู่
สมองหลินจือฝู่สับสนไปหมด ไม่ทันได้สนใจเซี่ยอวิ๋นจิ่น พอได้สติก็ตกใจเมื่อรู้ตัวว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นจะตามเขาไป
ยามนี้หลินจือฝู่สีหน้าแปรเปลี่ยน เรื่องชาวบ้านปลูกชา หากมีเรื่องต่อหน้าเซี่ยอวิ๋นจิ่น เกรงว่าเขาน่าจะพบพิรุธ หลินจือฝู่ย่อมไม่อยากให้เซี่ยอวิ๋นจิ่นตามเขาไป เขาชะงักฝีเท้าหันมามองเซี่ยอวิ๋นจิ่น เอ่ยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “คดีตระกูลนิ่งสำคัญมาก เจ้าอยู่ช่วยหูทงพั่นสืบคดีนี้ให้กระจ่างดีกว่า”
หลินจือฝู่ไม่เป็นห่วงว่าคดีนี้จะสาวมาถึงตัวเขา เขาจัดการไว้หมดจดแล้ว
ทว่าเรื่องชาวบ้านปลูกชา เขาไม่กล้าปล่อยให้เซี่ยอวิ๋นจิ่นรับไปจัดการ
น่าเสียดายเซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่สนใจเขา มองหลินจือฝู่ด้วยสีหน้านิ่งเรียบ กล่าวว่า “เรื่องชาวบ้านปลูกชาเป็นเรื่องสำคัญ การค้าใบชาเมืองหนิงโจวไปทั่วแคว้นต้าโจว ไม่เพียงแต่เพิ่มรายได้ภาษีให้แคว้นต้าโจว ยังทำให้ราษฎรมีชีวิตที่ดี ตอนนี้ชาวบ้านปลูกชาอยู่ดีๆ ถึงกับบอกว่าจะไม่ปลูกชาแล้ว นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นหรือ หากเรื่องนี้ไปถึงเบื้องบน ไม่เพียงแต่ใต้เท้าจือฝู่จะถูกสอบสวนความผิด แม้แต่พวกข้าน้อยเองก็คงถูกสอบความผิดไปด้วย ดังนั้นเรื่องนี้จึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวจบก็ไม่รอหลินจือฝู่ตอบรับ ขึ้นรถม้าไปก่อน ออกคำสั่งโจวเส้ากง “ไป กลับที่ทำการ”
รถม้าหายลับไปทันที พวกข่งทุยกวานต่างมีสีหน้าย่ำแย่ แต่ละคนมองหลินจือฝู่ “ใต้เท้าจือฝู่ นี่จะทำเยี่ยงไรดี”
สีหน้าหลินจือฝู่ซีดเผือดสับสน เขารีบขึ้นรถม้าไล่ตามไป
ยามนี้หน้าประตูที่ทำการเต็มไปด้วยชาวบ้านปลูกชามารวมตัวกัน แต่ละคนตะโกนอย่างโมโหเดือดดาล
“พวกเราต้องการพบใต้เท้าจือฝู่ พวกเราต้องการพบใต้เท้าจือฝู่”
เจ้าหน้าที่หน้าประตูที่ทำการห้ามพวกเขาไว้ เอ่ยกล่อมว่า “ตอนนี้ใต้เท้าจือฝู่ไม่อยู่ที่ทำการ เขาออกไปธุระ พวกเราส่งคนไปแจ้งแล้ว อีกสักครู่ก็คงกลับมา”
แต่เจ้าหน้าที่ที่ทำการกล่าวจบ หลายคนด้านในก็ก้าวออกจากประตูมา คนที่นำมาก็คือมือปราบประจำที่ว่าการเมืองหนิงโจว มือปราบผู้นี้เป็นคนของหลินจือฝู่ พอเห็นชาวบ้านปลูกชาพวกนี้ สีหน้าเขาก็ย่ำแย่อย่างที่สุด
เขาพาคนสองสามคนเดินมาตรงหน้าชาวบ้านปลูกชา ตะคอกดุดันว่า “บังอาจมาก กล้ามาประท้วงถึงที่ทำการ รนหาที่ตายหรือ”
เขากล่าวจบก็กุมดาบที่เอว ชาวบ้านปลูกชาพลันตกใจ แต่ละคนผงะถอยหลัง ไม่กล้าเข้ามาใกล้
ในกลุ่มชาวบ้านปลูกชามีคนตะโกนขึ้นว่า “เจ้าอย่ามาข่มขู่พวกเรา พวกเราไม่ปลูกชาแล้ว พวกเรายากจนจะตายแล้ว พวกเราจะไปปลูกสมุนไพรแทน ทางอำเภอชิงเหอปลูกสมุนไพร ทุกคนต่างร่ำรวย มีเพียงพวกเราที่ปลูกชาเท่านั้นที่ยากจนแทบตายเช่นนี้”
