Skip to content

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย 648

Talumetimapanpanyakongturay

ตอนที่ 648 แผนซ้อนกล

ลู่เจียวยิ้ม ได้ฟังน้ำเสียงเฝิงจือ เรื่องนี้น่าจะมีแววสำเร็จ

“วันนี้เขาเอ่ยกับข้าเรื่องหนึ่ง เขาอยากสู่ขอเจ้า”

ในรถม้า ยามนี้ยังมีหร่วนจู๋กับหลิ่วอันนั่งอยู่ สองคนหันขวับไปมองเฝิงจือทันที

เฝิงจือคิดว่าตนเองฟังผิดไป เงยหน้ามองไปยังลู่เจียวด้วยสัญชาตญาณทันที

ลู่เจียวเห็นท่าทางนางก็รู้ว่าแต่ไรมานางไม่เคยคิดเรื่องเช่นนี้ ดังนั้นยามนี้จึงตกใจ นางกล่าวย้ำอีกครั้งว่า “ไม่ผิด เขาคิดสู่ขอเจ้า เมื่อครู่เขาเอ่ยกับข้าเรื่องนี้ ข้าอยากลองฟังความคิดเห็นเจ้าก่อน ว่าเจ้ายินยอมแต่งหรือไม่ หรือว่าไม่ยินยอม”

เฝิงจือไม่เคยคิดมาก่อนเลยจริงๆ ว่าหันถงคิดจะแต่งกับนาง นางคิดมาตลอดว่าตนเองเป็นแค่สาวใช้ ผู้ที่พอจะแต่งได้ก็มีเพียงบ่าวชายในจวน หากไม่มีคนแต่งด้วยก็จะขอติดตามฮูหยินตลอดไปก็ดี แต่นางคิดไม่ถึงว่าหันถงจะคิดแต่งกับนาง

เฝิงจือนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่งก็ยังคงส่ายหน้า “ก่อนหน้านี้ข้าได้บอกกับฮูหยินแล้ว หากในจวนมีคน ข้าก็แต่ง หากไม่มี ข้าก็ไม่แต่ง”

“เจ้าไม่แต่งเพราะไม่พึงพอใจหันถง หรือเพราะดูแคลนตนเอง คิดว่าสถานะตนเองไม่คู่ควรกับเขาหรือ”

เฝิงจือพลันนิ่งอึ้งไป จากนั้นก็อดก้มหน้าลูบศีรษะบีบมือตนเองไม่ได้ กล่าวว่า “คุณชายหันเป็นคนดีมาก ข้าไม่คู่ควรกับเขา”

แม้ว่านางหน้าตาดี แต่สถานะก็เห็นกันอยู่ หากนางแต่งกับคุณชายหัน วันหน้าย่อมมีคนมากมายหัวเราะเยาะคุณชายหัน และหัวเราะเยาะนางด้วย

ลู่เจียวยิ้มเอ่ยว่า “กล่าวเช่นนี้ เจ้าก็พึงพอใจหันถง เพียงแต่คิดว่าตนเองไม่คู่ควรกับเขา ความจริงข้ากลับรู้สึกว่าหันถงไม่คู่ควรกับเจ้า เขาแต่งงานมาแล้วครั้งหนึ่ง มีบุตรชายสองคน เจ้ายังเป็นสาวเป็นแส้ แต่งกับเขาถือว่าเขาได้กำไร อีกอย่างตระกูลหันเป็นพ่อค้า ก็มิได้สูงส่งกว่าเจ้าสักเท่าไร เจ้าแต่งกับเขามีตรงไหนไม่คู่ควรกัน”

ลู่เจียวกล่าวจบก็ดึงมือเฝิงจือมากล่าวอย่างจริงจังว่า “เฝิงจือ เจ้าติดตามข้ามาได้ระยะหนึ่งแล้ว ข้าบอกกับเจ้าจากใจ หันถงผู้นี้เป็นคนไม่เลว หากเจ้าพลาดโอกาสนี้ไป วันหน้าคิดหาคนเช่นนี้อีกก็คงยาก เจ้าเองก็อย่าได้คิดลังเลเรื่องสถานะ เรื่องนี้แก้ไขง่ายมาก ข้ารับเจ้าเป็นน้องสาวได้ ตอนนี้เจ้าคิดให้ดีๆ ว่ายินยอมแต่งกับหันถงหรือไม่”

“เจ้าเป็นคนมีความสามารถ แต่งกับเขาถือเป็นแรงหนุนที่ยิ่งใหญ่ เขามีแต่ดีใจ ไม่มีทางไม่พอใจ ประเด็นหลักตอนนี้คือเจ้าคิดเช่นไร”

เฝิงจือได้ฟังคำพูดลู่เจียว ขอบตาก็แดงระเรื่อ กุมมือลู่เจียวพลางกล่าวอย่างเป็นห่วงว่า “หากข้าแต่งไปแล้วข้างกายฮูหยินไม่มีผู้ใด จะทำเช่นไร”

ลู่เจียวเข้าใจความคิดนางทันที ยกมือตบหลังมือนาง กล่าวว่า “เรื่องนี้เจ้าวางใจ แม้ข้าตกลงให้เจ้าแต่งกับเขา แต่ก็ต้องให้เขารออีกสองสามเดือน เจ้าต้องสอนคนให้ข้าสองคนก่อน”

เฝิงจือคิดแล้วก็กล่าวว่า “ข้ากลัวว่าจะนำภัยไปสู่เขา”

ลู่เจียวมองเฝิงจือที่ตอนนี้งดงามกว่าเดิม แต่หากติดตามหันถง นางไม่ต้องเป็นห่วง

“เจ้าอย่าได้เป็นห่วง หันถงเป็นคนมีความสามารถ เขาเป็นสหายสนิทใต้เท้า หากมีคนมารังแกเขา ใต้เท้าย่อมไม่นิ่งดูดาย”

หันถงโตกว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นหนึ่งปี ปีนี้ยี่สิบห้า มากกว่าเฝิงจือสี่ปี ทั้งสองคนอายุใกล้เคียงกัน ลู่เจียวคิดแล้วก็รู้สึกว่างานแต่งนี้ไม่เลว เพียงแต่หันถงยังมีบุตรชายอีกสองคน

“แต่เรื่องแต่งกับเขา เจ้ายังไม่ต้องร้อนใจตอบข้า ไปคิดให้ดีๆ ก่อน อย่างไรเขาก็มีบุตรชายสองคน หากแต่งไปจริง ก็ต้องเลี้ยงดูบุตรชายเขาสองคนดังบุตรชายแท้ๆ ของตนเอง ไม่อาจดูแลพวกเขาบกพร่อง แม้ว่าวันหน้ามีบุตรของตนเองก็ต้องดูแลเขาสองพี่น้องให้ดี”

หากไม่มีความคิดจะทำเช่นนี้ได้ก็อย่าได้แต่ง อย่าได้แต่งไปแล้วทำลายจิตใจฝ่ายชาย จะเป็นเรื่องให้วุ่นวายไป

เฝิงจือเงียบ ลู่เจียวเองก็ไม่กล่าวเรื่องนี้อีก นางเงยหน้ามองหร่วนจู๋กับหลิ่วอันในรถม้า ยิ้มกล่าวว่า “วันหน้าพวกเจ้าสองคนเจอคนที่ชอบก็ให้มาบอกข้า”

หร่วนจู๋กับหลิ่วอันหน้าแดงทันที หร่วนจู๋เองก็สิบแปดแล้ว ลู่เจียวคิดถึงว่านางกับถงอี้อายุใกล้เคียงกัน ประเด็นคือทั้งสองมักชอบต่อปากต่อคำกัน ไม่แน่สุดท้ายอาจอยู่ด้วยกันได้ เช่นนี้ถือว่าไม่เลว

รถม้าตรงกลับตระกูลเซี่ย

ตกค่ำ เซี่ยอวิ๋นจิ่นกลับมายังไม่นับว่าค่ำมาก ลู่เจียวเพิ่งจะกินอาหารเสร็จ กำลังนั่งย่อยอาหารอยู่ในลานบ้าน เห็นเขากลับมาก็เข้าไปรับ ถามอย่างห่วงใยว่า “กินอาหารเย็นมาหรือยัง”

เซี่ยอวิ๋นจิ่นดึงมือนางมากล่าวว่า “ยังไม่ได้กินเลย”

ลู่เจียวรีบสั่งการเฝิงจือด้านหลัง “ให้คนครัวทำบะหมี่กระดูกหมูมาชามหนึ่ง เอากับแกล้มมาอีกสองสามอย่าง”

“เจ้าค่ะ เหนียงจื่อ”

เฝิงจือพาหร่วนจู๋ไปห้องครัว เซี่ยอวิ๋นจิ่นด้านหลังดึงลู่เจียวเดินไปกินข้าวที่เรือนด้านข้าง ทั้งสองคนเดินไปคุยไป

“เจ้ากินแล้วหรือ”

“อืม กินแล้ว วันนี้เจ้านำคนไปสืบความมาเป็นอย่างไรบ้าง มีคนเป็นพยานว่าหวางหมิงเหรินทำผิดหรือไม่”

“มี ความจริงก่อนหน้านี้ตอนเจ้าทุกข์ยังไม่มาแจ้งความ ข้าไปหาคนพวกนั้นไว้ก่อนแล้ว พวกเขายินดีออกมาเป็นพยาน ข้าเพียงทำทีว่าพาคนไปสืบเท่านั้น”

ลู่เจียวรู้ว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นทำงาน มักเตรียมการไว้ล่วงหน้า เตรียมการแล้วค่อยลงมือ ไม่มีพลาดเป้าอย่างแน่นอน

“บุตรชายหวางหมิงเหรินต้องโดนโทษคดีฆ่าคนตายอย่างแน่นอน”

“พรุ่งนี้เช้าจะลงโทษความผิด จากนั้นก็ไปกวาดล้างตระกูลหวาง หากไม่เหนือความคาดหมาย ตระกูลหวางน่าจะมีของดีไม่น้อย”

ลู่เจียวพยักหน้าเล็กน้อย พลันคิดถึงว่าหลินจือฝู่ขึ้นมา นางเงยหน้ามองเซี่ยอวิ๋นจิ่นทันที “หวางทงพั่นปกติสนิทกับหลินจือฝู่ไม่น้อย ร่วมกันกระทำชั่วมากมาย หากไม่เหนือความคาดหมาย หวางทงพั่นยังรอให้หลินจือฝู่ไปช่วยเขากับบุตรชาย หากหลินจือฝู่ไม่ลงมือช่วยพวกเขาสองพ่อลูก เกรงว่าหวางทงพั่นก็คงหันมาแว้งกัดหลินจือฝู่ เช่นนี้ หลินจือฝู่น่าจะต้องลงมือกับหวางทงพั่น”

ลู่เจียวกล่าวจบ เซี่ยอวิ๋นจิ่นรีบพยักหน้า “ไม่ผิด ดังนั้นคืนนี้ข้าไม่ได้ไปที่ทำการลงโทษความผิดหวางหมิงเหริน แต่เลือกเป็นพรุ่งนี้เช้าจึงจะลงโทษความผิดหวางหมิงเหริน ก็เพื่อเปิดโอกาสให้หลินจือฝู่ลงมือ”

“คืนนี้หลินจือฝู่ต้องสั่งให้คนไปฆ่าหวางทงพั่น ดังนั้นข้าวางแผนซ้อนกลเขา”

“หวางทงพั่นเป็นขุนนางราชสำนักระดับหก แม้ว่าเขาบุตรชายทำความผิดฆ่าคนตาย แต่ตามกฎ เขาจะแค่ถูกเนรเทศ แต่เขาเป็นขุนนาง ตัดสินคดีเขาต้องคุมตัวเขาไปเมืองหลวงมอบให้กรมอาญาดำเนินการลงโทษ ระหว่างนั้นใช้เวลานานมาก เกิดเหตุไม่คาดฝันได้ง่าย ดังนั้นให้หลินจือฝู่สังหารเขาทิ้งไปเสียเลยดีกว่า และข้าก็แอบจัดคนเฝ้าที่คุกไว้แล้ว หากมีคนสังหารหวางทงพั่น ก็ให้เข้าจับกุม หากสาวไปถึงหลินจือฝู่ได้ ก็จะได้ถือโอกาสกำจัดเขาทิ้งไปด้วยเสียทีเดียว”

เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวจบ ก็ถอนหายใจยาว “แม้กำจัดหลินจือฝู่ไม่ได้ แต่ก็ตัดแขนเขาไปได้ วันหน้าเขาทำการใดก็จะยากลำบากมากขึ้น เขามาเมืองหนิงโจวเพื่อกอบโกยให้อ๋องจิ้น หากขยับตัวไม่ได้ อ๋องจิ้นย่อมร้อนใจ ดังนั้นเขาย่อมลงมือ พอลงมือก็จะทำให้พวกเราพบจุดอ่อน”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!