ตอนที่ 658 อ๋องเยียนถูกพิษ
ฮูหยินหูได้แต่อิจฉา ไหนเลยจะหัวเราะเยาะใต้เท้าเซี่ยที่รักลู่เจียวเช่นนี้ นางมองเห็นได้ด้วยตาตนเอง และเขาไม่มีนางอุ่นเตียงสักคน ผู้ชายรูปงามและยังหนุ่มเลือกใช้ชีวิตกับภรรยาเพียงผู้เดียว ฮูหยินหูรู้สึกว่าในบรรดาผู้ชายใต้หล้านี้ ใต้เท้าเซี่ยนับได้ว่าเป็นชายชาตรีแท้จริง
“ไม่หัวเราะๆ เขารักเจ้า พวกเจ้ากลับกันเถอะ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นประคองลู่เจียวเดินออกไปอย่างระมัดระวัง ท่าทางราวกับนางเป็นตุ๊กตากระเบื้องที่เปราะบางแตกหักได้ง่าย
ลู่เจียวแทบอยากจะร้องไห้ “เจ้าอย่าได้ตื่นเต้นเกินไปเช่นนี้ ข้าไม่ได้เปราะบางเพียงนั้น ขอเพียงปกติใส่ใจมากหน่อย ไม่เคลื่อนไหวเร็วก็พอ ข้าเป็นหมอ รู้ว่าทำอย่างไรจะดีกับตนเอง”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ฟังคำพูดนาง รีบรับคำกล่าวว่า “ตอนนี้เจ้าตั้งครรภ์แล้ว ไม่อาจทำก็อย่าได้ทำ ยาพวกนั้น ก็ไม่ต้องแตะต้อง มันอาจสงผลเสียต่อเจ้า”
ลู่เจียวกลัวเขาแล้วจริงๆ รับคำกล่าวว่า “ได้ ได้ ข้ารู้แล้ว”
ใต้เท้าเซี่ยประคองลู่เจียวขึ้นรถม้าอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็สั่งการโจวเส้ากงขับช้าๆ เห็นชัดว่าโจวเส้ากงก็ขับช้ามากแล้ว แต่เขายังว่าเร็วไป “เจ้าช้าหน่อย อย่าได้กระแทก อย่าส่ายไปมา ต้องนิ่ง ต้องเรียบ”
สุดท้ายคนบนท้องถนนก็เห็นรถม้าตระกูลเซี่ย ขับเคลื่อนไปอย่างช้ามากๆ แต่ละคนพากันซุบซิบ นี่กลัวเหยียบมดตายหรือ
ลู่เจียวเริ่มแรกก็คัดค้าน แต่ต่อมาก็ปล่อยเขา
บางทีเพราะชายผู้นี้เพิ่งจะรู้ว่านางตั้งครรภ์ ดังนั้นจึงได้ระวังเช่นนี้ อีกสองวันก็คงดีขึ้นเอง
ปรากฏสองวันผ่านไป เขาก็ยังคงระมัดระวังดังเดิม ทุกวันก่อนไปที่ทำการ ก็ต้องกำชับนางให้อยู่บ้านพักผ่อนดีๆ อย่าได้วุ่นวายกับยาพวกนั้นของนางอีก และก็ไม่ต้องทำงานบ้านอันใด ยิ่งห้ามนั่งรถม้าออกไป หากจะออกไปก็ต้องรอให้เขาหยุดงานไปเป็นเพื่อนนาง
ลู่เจียวได้ฟังก็ปวดหัวไม่หยุด
ดีที่เจ้าหนูน้อยทั้งสี่กลับมา นางก็โล่งอก
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่รู้ว่าลู่เจียวตั้งครรภ์ ต่างก็ส่งเสียงร้องดีใจวิ่งมาล้อมรอบลู่เจียวมองท้องนาง
“ท่านแม่ ท่านตั้งครรภ์น้องสาวตัวน้อยหรือ”
“เมื่อใดนางจะออกมา”
“น้องสาวย่อมต้องหน้าตาเหมือนท่านแม่ เช่นนั้นก็ไม่ใช่ว่าหน้าตาเหมือนกับข้าหรือ” ซานเป่าคิดถึงเรื่องนี้ก็เบิกบานใจมาก
ซื่อเป่าไม่พอใจ เขารู้สึกว่าน้องสาวหน้าตาอาจเหมือนเขาก็ได้ จึงมองซานเป่าแล้วกล่าวจริงจังว่า “น้องสาวย่อมต้องหน้าตาเหมือนข้า ข้างามน่ามองเช่นนี้ น้องสาวหน้าเหมือนข้า จึงจะงามที่สุด”
ซานเป่าไม่ยอมแพ้ “หรือว่าข้าไม่งาม ข้าเหมือนท่านแม่ ท่านพ่อบอกมาตลอดว่าให้คลอดน้องสาวตัวน้อยที่น่ารักเหมือนท่านแม่”
ซื่อเป่ายู่ปากค้าน “ท่านพ่อ เหมือนข้าไม่ได้หรือ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกระตุกมุมปากอย่างแรง เหมือนเจ้าสิยิ่งไม่ได้การ
เขามองเจ้าหนูน้อยทั้งสี่กล่าวว่า “ไม่ว่าน้องสาวเหมือนผู้ใด นางก็เป็นน้องสาวพวกเจ้า ดังนั้นต้องรักนาง”
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ดีใจรับคำ “ท่านพ่อวางใจ พวกเราจะรักน้องสาวอย่างดี”
ลู่เจียวเห็นพ่อลูกหารือกันครึกครื้นเรื่องลูกในท้องนางก็ไร้วาจาจะกล่าว ใครบอกพวกเขาหรือว่าเด็กในท้องนางเป็นผู้หญิง หากไม่ใช่เล่า
“ผู้ใดบอกพวกเจ้าว่าในท้องข้าเป็นเด็กผู้หญิง อาจเป็นเด็กผู้ชายก็ได้ไหม”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับเจ้าหนูน้อยทั้งสี่หันขวับไปมองลู่เจียว พ่อลูกมีสีหน้าไม่อยากยอมรับเรื่องนี้
ลู่เจียวกล่าวต่อว่า “ข้ารู้สึกว่าเขาอาจเป็นเด็กผู้ชาย”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะคิดถึงว่านี่เป็นลูกที่ลู่เจียวคลอดให้เขา จึงเผยรอยยิ้มออกมา “แม้เป็นเด็กผู้ชาย ข้าก็ชอบ”
แต่รอยยิ้มนั้นมองอย่างไรก็ดูเฝื่อน เจ้าหนูน้อยทั้งสี่เองก็พยักหน้ากล่าวว่า “พวกเราเองก็ชอบน้องชาย”
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่สีหน้าสลด ลู่เจียวอดถามไม่ได้ว่า “พวกเจ้าต้องการน้องสาวมากเลยหรือ
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับเจ้าหนูน้อยทั้งสี่รีบรับคำเสียงดังพร้อมกัน “ใช่”
ผู้ใหญ่หนึ่ง เด็กสี่ รวมห้าคนจ้องมองนางด้วยแววตาเป็นประกาย ลู่เจียวกระตุกมุมปาก มองนางเช่นนี้ทำไมกัน เป็นชายหรือเป็นหญิง ไม่ใช่เรื่องที่นางจะตัดสินใจได้สักหน่อย
นางกำลังคิดเอ่ย นอกประตูก็มีคนเดินเข้ามาอย่างรีบร้อน เป็นเฝิงจือ
เฝิงจือหรี่เสียงให้เบาลงกระซิบว่า “องครักษ์ม่อเป่ยมาเจ้าค่ะ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวสบตากันทันที ม่อเป่ยเป็นองครักษ์อ๋องเยียน เหตุใดมาเมืองหนิงโจว หรือว่าอ๋องเยียนมีรับสั่งต่อพวกเขา
เซี่ยอวิ๋นจิ่นรีบโบกมือบอกให้เฝิงจือไปเชิญม่อเป่ยเข้ามา
เฝิงจือรับคำออกไป ลู่เจียวเอ่ยปากว่า “ม่อเป่ยมา น่าจะเพราะเบื้องบนมีเรื่องสั่งการ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นพยักหน้าเล็กน้อย ก้มหน้ามองไปยังเจ้าหนูน้อยทั้งสี่กล่าวว่า “พ่อกับท่านแม่ต้องต้อนรับแขก พวกเจ้ากลับไปเล่นที่ลานเล็ก”
“ขอรับ ท่านพ่อ ท่านแม่ พวกเรากลับไปก่อน”
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่รับคำออกไปอย่างรู้มารยาท หันหลังเดินกลับไปเรือนตะวันตกของตนเอง
เด็กทั้งสี่เพิ่งจะออกไป เฝิงจือก็นำม่อเป่ยเข้ามา
ม่อเป่ยดูอิดโรยมา ฝุ่นตามตัวแสดงให้เห็นว่าตะบึงม้าเร็วมาระยะทางไม่น้อย
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นเขาเช่นนี้ก็คาดเดาว่าอ๋องเยียนมีรับสั่งเร่งด่วน ดังนั้นเขารีบกล่าวว่า “ท่านอ๋องมีรับสั่งอันใดหรือ”
ม่อเป่ยส่ายหน้า เอ่ยขึ้นอย่างร้อนใจว่า “ไม่ใช่ท่านอ๋องมีรับสั่ง แต่ท่านอ๋องถูกวางยาพิษ ตอนนี้หมอในเมืองหลวงและหมอหลวงในวังตรวจไม่พบว่าพิษที่ท่านอ๋องโดนคือพิษใด ดังนั้นข้าเร่งมาเมืองหนิงโจว ก็เพื่อเชิญฮูหยินเซี่ยไปตรวจสักหน่อย”
ม่อเป่ยกล่าวจบ สีหน้าเซี่ยอวิ๋นจิ่นก็แปรเปลี่ยน เขารีบกล่าวว่า “ไม่ได้ เจียวเจียวไปไม่ได้”
สีหน้าม่อเป่ยอึ้งไปทันทีอย่างคาดไม่ถึง หันหน้าไปมองเซี่ยอวิ๋นจิ่น “ตอนนี้ท่านอ๋องถูกพิษสลบไม่ได้สติ พวกเราตั้งความหวังไว้ที่ฮูหยินเซี่ย เจ้าไม่ให้นางไปได้อย่างไร”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเอ่ยน้ำเสียงเข้มว่า “นางตั้งครรภ์แล้ว ตอนนี้เพิ่งเดือนกว่า หากตามเจ้ากลับเมืองหลวง ไม่แน่อาจจะ…”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นคิดถึงลูกในครรภ์ลู่เจียว ก็พูดไม่ออก
เช่นนั้นลูกของพวกเขาจะไม่เกิดเหตุหรือ
ในนาทีนี้เซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่สนใจอีกแล้วว่าในท้องลู่เจียวจะเป็นชายหรือหญิง ขอเพียงเป็นลูกของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง เขาก็รัก
ม่อเป่ยได้ฟังเซี่ยอวิ๋นจิ่น ก็ก้มหน้าลงมองท้องของลู่เจียวทันที ในใจเขาปวดแปลบและอิจฉา แต่มากไปกว่านั้นก็คือใจที่เป็นห่วงท่านอ๋อง
“ใต้เท้าเซี่ย ชีวิตท่านอ๋องอยู่บนเส้นด้าย หากฮูหยินเซี่ยไม่ไป เกรงว่าท่านอ๋องก็คงไม่รอด”
คิดถึงว่าท่านอ๋องจะไม่รอด ม่อเป่ยก็สีหน้าหมดแรง ท่านอ๋องก็คือพลังในการดำรงชีวิตของเขา และเป็นความหวังของเขาตลอดหลายปีมานี้ หากไม่มีท่านอ๋อง ความพยายามทั้งหมดของเขาก็สูญเปล่า
ม่อเป่ยครุ่นคิด หันหน้าไปมองลู่เจียว “ฮูหยินเซี่ย หากเจ้าไม่ไป ท่านอ๋องย่อมต้องตาย ท่านอ๋องตายไป อ๋องจิ้นขึ้นสู่ตำแหน่ง เขาไม่ปล่อยเจ้ากับเซี่ยอวิ๋นจิ่นและแฝดสี่ไปแน่ ยังมีลูกในครรภ์เจ้าด้วย ก็ย่อมไม่อาจมีบทสรุปที่ดีได้”
ลู่เจียวขมวดคิ้วแน่น อ๋องเยียนถึงกับเจอเคราะห์หนักเช่นนี้ ภพก่อนตอนนางยังไม่มา เขาก้าวขึ้นสู่บัลลังก์ได้อย่างไร
ลู่เจียวครุ่นคิดแล้วก็พลันคิดถึงเรื่องเหนือความคาดหมายเรื่องหนึ่ง ภพก่อนหลินหรูเยว่ได้แต่งงานใหม่กับเซี่ยอวิ๋นจิ่น ดังนั้นนางย่อมยืนข้างเซี่ยอวิ๋นจิ่น แต่ภพนี้หลินหรูเยว่แต่งกับอ๋องฉินเซียวถิง เซียวถิงเป็นคนอ๋องจิ้น หลินหรูเยว่แต่งกับเซียวถิง ไม่แน่นางอาจบอกเรื่องอ๋องเยียนภพก่อนก้าวขึ้นตำแหน่งให้เขารู้ พออ๋องจิ้นรู้เรื่องนี้ ก็ย่อมลงมือสังหารอ๋องเยียน
ดังนั้นพูดไปพูดมาล้วนเป็นเพราะนางปรากฏตัว จึงเปลี่ยนเส้นทางอ๋องเยียน หากอ๋องเยียนตายลงจริง ครอบครัวพวกนางก็จะโดนลงโทษไปด้วย น่าจะไม่อาจมีจุดจบที่ดีได้ นี่ก็คือแรงสะท้อนกลับจากนิยายกระมัง
ลู่เจียวครุ่นคิด เงยหน้ามองม่อเป่ยกล่าวว่า “ข้าจะตามเจ้าเข้าเมืองหลวง”