Skip to content

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย 764

ตอนที่ 764 ฟื้นขึ้นมา

รัชทายาทสีหน้าเย็นเยียบ คนของเขาก็ยิ่งออกแรง ในเวลานี้เขาอยากสังหารอ๋องจิ้นทิ้งจริงๆ แต่ในมือเซียวเฉินมีราชโองการเสด็จพ่อ หากเขาสังหารทิ้งตอนนนี้ คนภายนอกก็จะว่าเขาว่าชิงบัลลังก์ แต่ตอนนี้เขาปล่อยมือ ก็จะกลายเป็นนักโทษทันที

ขณะเซียวอวี้กำลังคิดไม่ตก ลู่เจียวข้างแท่นบรรทมก็เอ่ยขึ้นอีกครั้งว่า “แม้ว่าฝ่าบาทไม่อาจรักษาพระชนม์ชีพไว้ได้แล้ว แต่ข้าสามารถทำให้ฝ่าบาททรงฟื้นขึ้นมาได้”

พอเอ่ยวาจานี้ออกมา รัชทายาทหันหน้าไปมองลู่เจียวราวกับเห็นดวงดาวช่วยชีวิต ขอบตาแดงก่ำกล่าวว่า “เราสั่งให้เจ้ารีบทำให้เสด็จพ่อทรงฟื้นขึ้นมา”

อ๋องจิ้นและพวกอ๋องจิ้นต่างสีหน้าแปรเปลี่ยน

หากฝ่าบาทตื่นบรรทม เรื่องอ๋องจิ้นก็จะถูกเปิดโปง

อ๋องจิ้นไม่ทันได้พูดอะไร พระสนมเอกลี่กุ้ยเฟยที่อยู่มุมหนึ่งของห้องบรรทมก็พลันเสียสติขึ้นมา ลุกขึ้นควักมีดสั้นในแขนเสื้อแทงใส่ลู่เจียวทันที

ในตำหนักบรรทมทุกคนคิดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องไม่คาดคิดเช่นนี้ โชคดีที่ลู่เจียวปฏิกิริยารวดเร็ว ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวด้านหลังก็รีบหลบทันที เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้สติพุ่งเข้าหาลู่เจียว เขายื่นมือออกไปคว้ามือพระสนมเอกลี่กุ้ยเฟยจนนางไม่อาจขยับได้

พระสนมเอกลี่กุ้ยเฟยดิ้นรนส่งเสียงร้องดังว่า “นังชั้นต่ำ เจ้ามันนังชั้นต่ำ เจ้าทำร้ายฝ่าบาท เจ้าทำให้ฝ่าบาทเป็นเช่นนี้”

ลู่เจียวไม่สนใจนาง นางใช้เข็มเงินชุบน้ำพุจิตวิญญาณปักลงไปบนพระวรกายฮ่องเต้ที่บรรทมอยู่บนเตียง ทุกจุดที่ปักลงไปล้วนเป็นจุดตาย

ในตำหนักบรรทมทุกคนต่างกำลังตั้งใจรอคอย พวกอ๋องจิ้นกังวลว่าฝ่าบาทจะตื่นขึ้นมาเปิดโปงพฤติกรรมชั่วร้ายของอ๋องจิ้น

พวกรัชทายาทก็เฝ้ารอให้ฝ่าบาทตื่นขึ้นมา ขอเพียงฝ่าบาทตื่นขึ้นมา พฤติกรรมชั่วร้ายของอ๋องจิ้นก็จะถูกเปิดโปง

บนแท่นบรรทมมังกรในตำหนักบรรทม ฝ่าบาทถูกลู่เจียวฝังเข็มไปสองสามเล่มก็ค่อยๆ หายใจคล่องขึ้น สุดท้ายทรงลืมพระเนตรขึ้นมาจริงๆ

ตอนลืมพระเนตรขึ้นมาก็ยังคงเลื่อนลอย แต่ก็ค่อยๆ คิดได้ ทรงเงยพระพักตร์ทอดพระเนตรอ๋องจิ้นที่ถูกรัชทายาทบีบลำคอไว้ด้วยสายพระเนตรดุดัน ดุจหมาป่าที่หิวโหยบนทุ่งหญ้า

อ๋องจิ้นเห็นเสด็จพ่อตนเองเช่นนี้ก็ตกใจไม่กล้าสบพระเนตร

ฝ่าบาทตรัสอย่างอ่อนแรงว่า “เซียวเฉิน เจ้าช่างกำเริบนัก วางยาพิษเรา ยังบีบให้เราร่างราชโองการ เราคิดว่าเจ้าได้ราชโองการแล้วจะปล่อยเรา คิดไม่ถึงว่าเจ้ายังคงต้องการให้เราตาย จิตใจเจ้าช่างชั่วร้ายต่ำช้าเสียจริง”

นี่คือบุตรชายที่เขารักที่สุดหรือ เขาเคยคิดว่าอาจมีผู้ใดอยากเป็นฮ่องเต้จนถึงขั้นสังหารเขาทิ้ง แต่ไม่เคยคิดว่าจะเป็นเซียวเฉิน แม้ว่าต่อมาเขาเล่นอุบายลับหลังหลายครั้ง เขาก็แค่ตำหนิสั่งสอนไปเท่านั้น แต่เขาทำไปก็เพื่อปกป้องเซียวเฉิน

หากเขาไม่ออกมาตำหนิ รัชทายาทก็จะจดจำความแค้นนี้ไว้ วันหน้าขึ้นครองราชย์ก็จะวางอุบายเขา เขาผู้เป็นบิดาอบรมสั่งสอนเขาหลายครั้งเพื่อคลายความไม่พอใจของรัชทายาท เมื่อเขาตายไป ไม่แน่ว่ารัชทายาทอาจจะปล่อยเขา

เพื่อบุตรชายผู้นี้ เดิมทีเขาเคยคิดยกเลิกระบบบรรดาศักดิ์อ๋องครองพื้นที่ ก็ไม่ดำเนินการยกเลิกแล้ว เพราะเขาคิดว่าหลังเขาจากไป จะให้บุตรชายผู้นี้ไปครองพื้นที่บรรดาศักดิ์ วันหน้าบุตรชายผู้นี้ก็จะได้มีพื้นที่บรรดาศักดิ์อ๋องของตนเอง หากยกเลิกระบบบรรดาศักดิ์อ๋องครองพื้นที่ บุตรชายผู้นี้ก็จะไร้พื้นที่ของตนเอง

เขาทุ่มเทเพื่อบุตรชายผู้นี้เช่นนี้ แต่บุตรชายกลับต้องการเอาชีวิตเขา

ฮ่องเต้ครุ่นคิดแล้วก็อดหลั่งพระอัสสุชลไม่ได้

ตอนนี้เขารู้ว่าเลยขีดจำกัดของตนเองแล้ว ดังนั้นจึงไม่มองอ๋องจิ้นอีก แต่หันไปมองรัชทายาทกับเหล่าขุนนางด้านหลังเขา

“เมื่อเราจากไปแล้ว ก็ให้รัชทายาทขึ้นครองราชย์ ส่วนเซียวเฉินกับพระสนมเอกลี่กุ้ยเฟยก็ให้ไปเฝ้าสุสานหลวง ไม่อาจออกจาก ออกจาก…”

การตัดสินประหารพวกเขาเป็นเรื่องที่ง่ายเกินไป ให้พวกเขาไปเฝ้าสุสานหลวง ไม่อาจจากไปได้ตลอดชีวิต

ฮ่องเต้เอ่ยไม่จบ ก็หลับตาลง

ลู่เจียวรีบเข้าไปตรวจพระวรกาย จากนั้นก็กล่าวว่า “ฝ่าบาทสิ้นพระชนม์แล้ว”

ขันทีข้างพระวรกายฝ่าบาทเสียใจส่งเสียงร้องตะโกนดังขึ้น “ฝ่าบาทสิ้นพระชนม์แล้ว ฝ่าบาทสิ้นพระชนม์แล้ว”

รัชทายาทรีบสั่งให้คนนำตัวอ๋องจิ้นกับพระสนมเอกลี่กุ้ยเฟยออกไปคุมขังไว้ ไม่นานเสียงระฆังในวังก็ตีดังขึ้น

ทั้งเมืองหลวงได้ยินเสียงระฆังก็รู้แล้วว่าฝ่าบาทในวังสิ้นพระชนม์แล้ว

พริบตาทุกคนก็ปลดเครื่องประดับแพรสีสันในบ้านตนลง เปลี่ยนเป็นสีขาว ฮูหยินขุนนางเตรียมตัวเข้าวังมาเฝ้าพระศพ

รัชทายาทเซียวอวี้เดิมก็เป็นรัชทายาท ยังมีรับสั่งจากฝ่าบาทโดยตรง จึงขึ้นครองราชย์รวดเร็ว เรื่องแรกที่ดำเนินการก็คือประกาศไว้ทุกข์ ให้ฮูหยินขุนนางตำแหน่งสูงเข้าวังมาร่ำไห้หน้าพระศพตามพิธีธรรมเนียม

แม้ว่าลู่เจียวเป็นฮูหยินขุนนางเช่นกัน แต่เพราะเซี่ยอวิ๋นจิ่นตำแหน่งเล็กมาก จึงไม่ได้มีคุณสมบัติเข้าวังมาเฝ้าพระศพ ทำให้นางหมดเรื่องยุ่งวุ่นวายไปเรื่องหนึ่ง

แต่บ้านพวกเขาก็ต้องปลดข้าวของเครื่องประดับสีสันออกให้หมด

ทางสำนักศึกษา นักเรียนทุกคนก็หยุดเรียน

ทั้งเมืองหลวงเงียบเหงาอย่างมาก

จวนตระกูลเซี่ย เซี่ยเหวินเหยากับเซี่ยเหวินอวี และแฝดชายหญิงต่างอยู่จวน

เด็กๆ วิ่งไปคุยกับลู่เจียว

แม้ว่าอู่เป่าน้อยเก้าขวบแล้ว แต่ยังคงติดมารดาเหมือนเมื่อสองปีก่อน

เซี่ยหลิงหลงกลับไม่ได้เกรงกลัวมารดาเหมือนเมื่อก่อนแล้ว เพราะลู่เจียวไม่ได้เข้มงวดกับนางเหมือนเมื่อก่อน ผ่อนปรนกับนางไม่น้อย หากมีเวลาก็ยังคุยความในใจกับนาง สองแม่ลูกไม่เหมือนแม่ลูก แต่เหมือนสหายสนิท

เซี่ยหลิงหลงนับวันยิ่งอยากคุยความในใจกับลู่เจียว ลู่เจียวถือโอกาสอบรมสั่งสอนนางถึงหลักการดำรงตน และเรื่องการเป็นสตรีในโลกนี้แสนลำบาก ดังนั้นนางจะต้องเรียนรู้ให้ตนเองมีความสามารถ

หลังจากซื่อเป่า ก็มีเซี่ยหลิงหลงที่คิดทำการค้า นางมีเวลาก็จะไปเกาะติดกับซื่อเป่า ขอความรู้ในการทำการค้าจากเขา

พอรู้ว่าพี่สี่ขอร้านจากมารดามาทำการค้าก่อนหน้านี้แล้ว เซี่ยหลิงหลงก็ขอร้านจากมารดาบ้าง แม้ว่านางอายุยังน้อย แต่ก็ทำการค้าได้ดีมีหลักการ ทำของเล่นเด็กหลากหลายแบบ ทั้งตุ๊กตามีขนนิ่มๆ ตัวต่อ ลูกบอล ของเหล่านี้ล้วนเป็นของที่นางเคยเล่นตอนเด็ก จากนั้นนางยังคิดลูกเล่นเพิ่มเติมเข้าในของเล่นพวกนี้ไม่น้อย

กิจการร้านของเล่นถึงกับดีมาก เซี่ยหลิงหลงเองก็ดีใจมาก

คุณชายซื่อเป่าอายุสิบห้า หน้าตาดีมีเสน่ห์ เรียวตาดอกท้อก็กระจ่างสดใส ทั้งดำขลับและลุ่มลึกราวกับน้ำในทะเลสาบ ยามมองผู้ใดก็มักอ่อนโยนนุ่มนวล ทำให้หญิงสาวไม่น้อยพอเห็นเขาก็จะเดินไม่ตรงทาง

โชคดีที่คุณชายซื่อเป่ายังจดจำคำพูดมารดาได้ ไม่อาจเจ้าชู้เสเพล คนตระกูลเซี่ยแต่งภรรยาได้คนเดียว ดังนั้นภรรยาเขาต้องเลือกให้ดี

“ท่านแม่ ก่อนหน้านี้ท่านให้ข้าเรียนหนังสือสองปี แล้วก็จะไม่บังคับข้าอีก ตอนนี้ข้าเรียนมาสองปีแล้ว ออกไปทำการค้าของข้าได้หรือไม่”

สองปีมานี้ ซื่อเป่าทุ่มเทไปกับการเรียนหนังสือไม่น้อย ไม่รู้เหตุใด เขามักรู้สึกว่าอาจารย์ใหญ่สำนักศึกษาไป่ลู่คล้ายสนใจแต่เขา คอยหาเวลาว่างมาจับเจาไปเล่าเรื่องประวัติศาสตร์ หรือไม่ก็หลักการดำรงตนอะไรพวกนี้

เรื่องนี้ทำให้เขาไม่มีเวลาไปบุกเบิกการค้า แม้แต่ร้านเครื่องประดับและเครื่องแต่งกายเดิมที่ออกสินค้าใหม่เดือนละครั้งก็กลายเป็นสามเดือนครั้ง

หากเป็นเช่นนี้ต่อไปเขาคงไม่ได้ออกไปทำการค้าเป็นแน่

ลู่เจียวได้ฟังซื่อเป่า คิดแล้วก็ตัดสินใจบอกชาติกำเนิดกับซื่อเป่า

เขาสิบห้าแล้ว ควรรู้ชาติกำเนิดตนเองได้แล้ว

ลู่เจียวมองไปยังต้าเป่า บอกให้เขาพาน้องฝาแฝดชายหญิงออกไป นางมีเรื่องคุยกับซื่อเป่า

ต้าเป่าลุกขึ้นอุ้มอู่เป่ากับเซี่ยหลิงหลงออกไป

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!