ตอนที่ 898 ผิดหวัง
ในห้องเรือพลันเงียบกริบ เซี่ยหลิงหลงไม่เอ่ยอันใด เพียงแต่นิ่งมองฉินเจามู่เฉยเมย นางรู้ว่าคำพูดตนเอง ขัดกับการอบรมที่ฉินเจามู่เคยได้รับมา เกรงว่าเขากำลังตกใจ
ฉินเจามู่ตั้งสติคิดเป็นนานกว่าจะทำความเข้าใจได้ เงยหน้ามองเซี่ยหลิงหลง เอ่ยว่า “หลิงหลง ตอนข้ามาตามเจ้า ได้บอกกับท่านพ่อท่านแม่ข้าแล้วว่า วันหน้าตระกูลฉินให้เจ้าดูแลทุกอย่างในจวน พวกเขาจะไม่ให้เจ้าต้องกล้ำกลืนฝืนทนอีก ดังนั้นเจ้าอย่ากลับเมืองหลวงได้หรือไม่”
หากให้ฝ่าบาทรู้ว่าหลิงหลงโดนรังแก เกรงว่าคงไม่ให้หลิงหลงอยู่กับเขาอีก
ฉินเจามู่ครุ่นคิดแล้วก็ก้าวเข้าไปอีกก้าวด้วยสัญชาตญาณ คิดทำเหมือนเดิมที่เข้าไปกุมมือเซี่ยหลิงหลง เซี่ยหลิงหลงกลับเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “ฉินเจามู่ เจ้าคิดว่าข้าจากมาเพียงเพราะทะเลาะกับเจ้าหรือ ถูกเจ้ากล่อมสองคำก็กลับไปหรือ”
หากเป็นเช่นนั้น วันหน้าชายผู้นี้ทำผิดอีก ก็กล่อมนางสองสามคำก็จบเรื่องหรือ
ฉินเจามู่พลันแข็งทื่อไปทันที ไม่กล้าก้าวเข้าไปอีก เขามองท่าทีเซี่ยหลิงหลง ก่อนจะเอ่ยถามอย่างจริงใจว่า “หลิงหลง เจ้าต้องการเยี่ยงไร”
เซี่ยหลิงหลงไม่ได้เอ่ยอันใด นางบรรจงชงชา หลังควันลอยกรุ่น นางคล้ายกับภาพวาดที่เคลื่อนไหวได้ ท่วงท่ากิริยาสง่างามไม่อาจบรรยาย ทำให้คนที่ได้เห็นต่างลุ่มหลงไม่อาจระงับใจ เขาถูกภาพนี้ของนางดึงดูดใจ
จากท่วงท่ากิริยาของนางก็มองออกว่านางเคยได้รับการอบรมมาอย่างดี แม้ได้รับการตามใจ แต่นางไม่ได้กลายเป็นคนเอาแต่ใจไร้เหตุผล ทำให้คนที่เห็นต่างรู้สึกว่านี่คือบุตรีที่สวรรค์ทรงโปรดปราน ไม่เพียงแต่ได้รับการอบรมมาอย่างดี ยังเป็นที่รักของคนในบ้านอย่างที่สุด
กล่าวตามตรง แม้ว่าฉินเจามู่รูปงามเรียบร้อยสุขุม มีความรู้สูง มีความมั่นใจเต็มเปี่ยม แต่ชาติกำเนิดต่ำต้อย แต่เล็กเติบโตมาจากบ้านฐานะยากจน เคยพบเห็นแต่สตรีที่ไม่รู้หนังสือ วาจาหยาบกระด้าง ไร้มารยาท เขาย่อมไม่ต้องตาต้องใจหญิงเหล่านั้น
เซี่ยหลิงหลงคือภรรยาในอุดมคติที่เขาปรารถนาอย่างที่สุด เขาชอบนาง แม้เพียงแค่มองดูเงียบๆ ก็รู้สึกเป็นความงดงามในชีวิต ราวกับความทุกข์ยากในอดีตพลันมลายสิ้นไป
คิดถึงว่านางเป็นภรรยาที่ได้ดังใจปรารถนาของเขาเช่นนี้ หากต้องมาหย่ากับนาง ฉินเจามู่รู้สึกว่าในใจราวกับถูกของหนักกดทับไว้แน่น
“หลิงหลง?”
เซี่ยหลิงหลงค่อยๆ รินน้ำชาถ้วยหนึ่ง เงยหน้ามองไปยังฉินเจามู่เอ่ยว่า “ฉินเจามู่ ข้าบอกเล่าชีวิตข้าให้เจ้าฟัง ตอนข้าเพิ่งจะเกิด ท่านพ่อข้าก็เป็นถงจือเมืองหนิงโจว ต่อมาก็เป็นจือฝู่ ต่อมาเข้าเมืองหลวงมาเป็นขุนนาง เหนือข้าขึ้นไปมีพี่ชายอีกห้าคน ท่านพ่อกับท่านแม่และบรรดาพี่ชายต่างเอาใจข้ามาก พวกเขาต้องการจากข้าเพียงเรื่องเดียว ก็คือให้ข้ามีชีวิตที่มีความสุขเบิกบานใจ”
“ในฐานะบุตรีตระกูลเซี่ย ข้าได้รับความรักอย่างที่สุด ไม่ต้องทำอันใดเพื่อพวกเขา เพียงแค่มีชีวิตที่เบิกบานใจก็ทำให้พวกเขาเบิกบานใจไปด้วย หากให้พวกเขารู้ว่าข้าโดนรังแก มีชีวิตที่ไม่เบิกบานใจ พวกเขาจะต้องทุกข์ใจเพียงใดกัน”
“หากเจ้าไม่อาจเข้าใจความรู้สึกนี้ ก็ลองนึกภาพดูว่าหากเจ้ามีบุตรีสักคนที่รักมาก เจ้าอยากให้บุตรีเจ้าต้องทนกล้ำกลืนเช่นนี้หรือ”
คิ้วรูปกระบี่ของฉินเจามู่พลันขมวดขึ้ง หากมีคนกล้ารังแกบุตรสาวที่เขารักดังดวงใจ เขาก็จะรีบไปถึงที่ลากคนผู้นั้นออกมาคิดบัญชี
ในนาทีนี้เขาพลันเข้าใจความรู้สึกของเซี่ยหลิงหลงแล้ว พร้อมกับรู้ว่าแม้เซี่ยหลิงหลงได้รับการเลี้ยงดูเอาใจจากคนในบ้าน แต่นางกลับไม่ได้เป็นคนเห็นแก่ตัว
นางแต่งกับเขาไม่ใช่เพราะรักเขา แต่เพื่อตระกูลนาง เพราะตระกูลเซี่ยเรืองอำนาจมากเกินไป หากนางแต่งกับชนชั้นสูงศักดิ์ตระกูลใหญ่ในเมืองหลวงอีก ตระกูลเซี่ยก็จะยิ่งรุ่งเรืองดังราดน้ำมันลงบนกองไฟ ดังนั้นนางจึงยอมลดตนเองแต่งกับเขาเพื่อไม่ให้ตระกูลเซี่ยรุ่งเรืองมากจนเกินไป นางทำเพื่อวงศ์ตระกูล จึงได้แต่งกับเขา ส่วนเขาเก็บของล้ำค่าได้ แต่กลับไม่เห็นค่า
ฉินเจามู่คิดได้แล้ว รอบกายก็พลันรู้สึกหนาวสะท้านถึงหัวใจ เขามองไปยังเซี่ยหลิงหลงกล่าวอย่างจริงใจว่า “หลิงหลง ข้าสำนึกผิดแล้วจริงๆ วันหน้าจะไม่ให้เจ้าต้องอดทนกล้ำกลืนอีกแล้ว เจ้าให้โอกาสข้าสักครั้งเถอะนะ”
เซี่ยหลิงหลงยิ้มกล่าวว่า “ความอดทนกล้ำกลืนของข้าเพียงแค่คำว่าขอโทษคำเดียวก็หายได้หรือ เจ้าคิดว่าคำขอโทษของเจ้ามีค่าเพียงนี้หรือ ก่อนหน้านี้ข้าเคยให้โอกาสเจ้าหลายครั้งแล้ว ข้าอยากดูว่าแท้จริงเจ้าจะให้ข้าอดทนไปถึงเมื่อใด สุดท้ายถึงกับเกิดเรื่องรับอนุขึ้น วันนี้ข้าอาจยอมรับน้องสาวเจ้าได้ แต่วันหน้าก็คงต้องยอมรับคนอื่นอีกกระมัง”
ฉินเจามู่สีหน้าพลันแปรเปลี่ยน รีบอธิบายทันทีว่า “ไม่ใช่ ข้าก็แค่เลอะเลือนไปชั่วครู่ ท่านแม่ข้าบอกว่าน้องซวงเอ๋อร์น่าสงสาร ให้ข้าให้ทางรอดนางสักครั้ง ดังนั้นข้าจึงได้คิดผิดพลาดไป”
เซี่ยหลิงหลงแค่นยิ้มกล่าวว่า “ใต้เท้าฉินช่างรู้จักทะนุถนอมหยกงามเสียจริง เหตุใดไม่เห็นเจ้าทะนุถนอมหยกงามเช่นภรรยาเจ้าบ้างเล่า”
นางกล่าวจบ ก็โมโหขึ้นมาจริงๆ คิดถึงความกล้ำกลืนที่ได้รับมาตอนอยู่บ้านสามี ก็ไม่คิดมองฉินเจามู่อีก
นางเป็นถึงบุตรีตระกูลเซี่ย แต่งเป็นสะใภ้ตระกูลฉิน ปรากฏดูแลจวนได้หนึ่งปีก็ถูกแม่สามีแย่งอำนาจดูแลคืนกลับไป และมาหาเรื่องนางครั้งแล้วครั้งเล่า ยังให้นางหางานให้น้องชายสามี หาคนดีๆ ให้น้องสาวสามี ก็ไม่ดูเสียบ้างว่าบุตรชายบุตรสาวตนเองเป็นเช่นไร ก่อนหน้านี้ถึงกับให้นางยอมให้น้องสาวลูกพี่ลูกน้องสามีนางที่เป็นหม้ายมาเป็นอนุสามีนางอีก
“ตระกูลฉินช่างมองตนเองสูงส่งเกินไปจริงๆ เจ้าไปเถอะ ตอนนี้ข้าไม่อยากเห็นเจ้า พวกเราหย่ากันเป็นเรื่องนี้แน่นอนแล้ว เจ้ากลับไปเถอะ”
ฉินเจามู่มองออกถึงความคับแค้นที่เปล่งประกายออกจากรอบกายเซี่ยหลิงหลง ในเวลานี้นางไม่ได้มีท่าทีอ่อนโยนดังเช่นเมื่อก่อน แต่กลับเปล่งรัศมีเย็นเยียบราวกับกระบี่เหมันต์ออกจากฝัก
ยามนี้ฉินเจามู่ได้เห็นความแข็งกร้าวของนางในฐานะบุตรีตระกูลเซี่ย
ฉินเจามู่รู้ว่าตอนนี้นางโมโหแล้ว เขานึกเสียใจภายหลังอย่างที่สุด แต่กลับไม่กล้าแข็งกร้าวใส่นาง ได้แต่ถอยก่อนเพื่อรอโอกาสหน้า
“หลิงหลง ความผิดทั้งหมดล้วนข้าผิดเอง เจ้าอย่าได้โมโห โมโหจะทำลายสุขภาพ เจ้าแต่งงานกับข้ามาสองปีแล้ว ไม่เคยกลับเมืองหลวง ครั้งนี้ข้ากลับเมืองหลวงกับเจ้า แต่เจ้าอย่าเอ่ยเรื่องหย่าได้หรือไม่”
เซี่ยหลิงหลงกล่าวอย่างรำคาญใจว่า “เจ้าว่าอย่าเอ่ยก็อย่าเอ่ยหรือ ข้าบอกว่าหย่านั้นล้อเล่นหรือ ข้าพูดกับเจ้ามามากมายเช่นนี้ เพียงแค่คิดอยากขอหย่าอย่างสันติ ไม่เช่นนั้นข้าก็จะเข้าวังไปทูลขอราชโองการหย่าจากเสด็จพี่”
คำว่า ราชโองการหย่า ทำให้ฉินเจามู่หนาวยะเยือกจับใจ สีหน้าซีดเผือดอย่างไม่อาจบรรยาย
“หลิงหลง”
“เจ้าไปเถอะ”
กล่าวจบเซี่ยหลิงหลงก็เดินออกไปสั่งการว่า “พวกเจ้า มาเชิญใต้เท้าฉินออกไป”
นอกประตูมีคนสองคนเข้ามาทันที เหวินจู๋กับเสวี่ยจู๋สองคนล้วนเป็นวิทยายุทธ์ และฝีมือไม่ธรรมดา
ฉินเจามู่รู้ดี หากเซี่ยหลิงหลงเอ่ยปาก เขาก็ไม่อาจรั้งไว้ได้อีก
ฉินเจามู่รู้สึกเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง มองเซี่ยหลิงหลง เอ่ยยืนยันว่า “ข้าไปได้ แต่ข้าไม่ยินยอมหย่า”
เขากล่าวจบก็หันหลังก้าวออกไป พลางครุ่นคิดว่าจะรั้งใจเซี่ยหลิงหลงกลับมาได้อย่างไร อย่างไรเขาก็ไม่มีทางหย่ากับเซี่ยหลิงหลงอย่าแน่นอน
ฉินเจามู่เพิ่งจะเดินถึงหน้าประตูท้องเรือ เซี่ยหลิงหลงด้านหลังก็เอ่ยขึ้นว่า “ฉินเจามู่ เจ้ารู้ไหมว่าเหตุใดข้าไม่ตั้งครรภ์”
ฉินเจามู่หันกลับมามองนาง เซี่ยหลิงหลงยิ้มบางพลางกล่าวว่า “เจ้าคิดจริงหรือว่าข้าไม่อาจตั้งครรภ์ได้ ข้าเพียงแต่อยากดูว่าเจ้าคู่ควรกับการที่ข้าจะมีบุตรให้เจ้าหรือไม่ ข้าต้องรับผิดชอบเขา หากเจ้าคู่ควรที่ข้าจะฝากชีวิตไว้ ข้าย่อมให้กำเนิดบุตรของพวกเรา น่าเสียดายเจ้าทำให้ข้าผิดหวัง”