ตอนที่ 907 เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียว (1)
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวอยู่ฉางหนิงได้สามวันสองสามีภรรยาก็พาสามสะใภ้เดินทางกลับเมืองหลวง
เซี่ยหลิงหลงกับฉินเจามู่สองคนส่งพวกเขาถึงท่าเรือฉางหนิง เห็นเรือบิดามารดาแล่นออกไป ในใจเซี่ยหลิงหลงเต็มไปด้วยความอาลัยอาวรณ์
ฉินเจามู่ยื่นมือขึ้นโอบกอดนางกระซิบปลอบใจเบาๆ ว่า “อีกสองสามปี ข้าก็ได้กลับเมืองหลวงแล้ว ถึงตอนนั้นเจ้าก็จะได้พบกับท่านพ่อกับท่านแม่เจ้าบ่อยๆ เจ้าอยากไปเยี่ยมพวกเขาเมื่อไรก็ไปได้ตลอดเวลา”
ฉินเจามู่ให้ความเคารพใต้เท้าบิดาภรรยา บิดาภรรยาอบรมคนทีหนึ่งก็อบรมสั่งสอนจนน้ำตาร่วงเช่นนั้นได้ รสชาตินี้เจ็บปวดสะใจจริง
เซี่ยหลิงหลงเองก็รู้ว่าอีกสองสามปี พวกนางก็จะได้กลับเมืองหลวง ดังนั้นความเศร้าในใจก็บรรเทาลงไม่น้อย เดินเคียงข้างฉินเจามู่ขึ้นรถม้ากลับตระกูลฉิน
บนเรือใหญ่ เซี่ยอวิ๋นจิ่นกำลังอารมณ์เสีย ลู่เจียวเห็นเขาไม่พูดไม่จาก็รู้ว่าเขาสงสารบุตรสาวตนเอง
แต่เล็กจนโตเซี่ยหลิงหลงได้รับความรักจากใต้เท้าเซี่ยอย่างมาก คิดไม่ถึงว่าบุตรสาวที่รักเติบโตมากลับถูกผู้อื่นรังแก ใต้เท้าเซี่ยจะทนรับได้หรือ ที่ไม่ได้ระเบิดโทสะที่ตระกูลฉินแล้วลงมือกับฉินเจามู่ ก็เพราะไม่อยากให้บุตรสาวลำบากใจ แต่ในใจเขาย่อมโทสะคุกรุ่นอย่างมาก
ลู่เจียวเดินมาข้างกายเซี่ยอวิ๋นจิ่นยิ้มมองเขา
“โมโหเพียงนี้เชียวหรือ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นแค่นเสียงฮึในลำคอย้อนถามว่า “เจ้าไม่โมโหหรือ บุตรสาวที่รักและทะนุถนอมมาถูกหญิงบ้านนารังแกเอา แต่พวกเราเป็นบิดามารดากลับไม่อาจช่วยนางสั่งสอนครอบครัวนั้นได้”
เพราะบุตรสาวตนเองอยากอยู่ต่อ หากเซี่ยหลิงหลงไม่อยากอยู่ตระกูลฉิน เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็คงจัดการตระกูลฉินไปนานแล้ว
ลู่เจียวยิ้มยื่นมือไปดึงมือเซี่ยอวิ๋นจิ่นมากล่าวว่า “โลกเรานี้ เป็นสะใภ้ไหนเลยจะไม่ต้องทนรองรับอารมณ์ ตอนนั้นข้าแต่งมากับเจ้าโดนรังแกเสียยิ่งกว่าหลิงหลงมากนัก”
พอลู่เจียวกล่าว เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็คิดถึงว่าความทุกข์แต่ละอย่างที่ลู่เจียวต้องเผชิญตอนมาภพนี้ใหม่ ๆ สีหน้าเขาพลันแปรเปลี่ยน เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด เขายื่นมือไปกุมมือลู่เจียว “เจียวเจียว ขอโทษ ล้วนเพราะข้า ทำให้เจ้าต้องทนรับทุกข์”
ใต้เท้าเซี่ยกล่าวจบยื่นมือไปดึงลู่เจียวมานั่งบนตัก ยื่นมือขึ้นนวดลำคอให้ลู่เจียว ลู่เจียวอยู่เมืองหนิงโจวรักษาอาการป่วยให้ผู้คนไม่น้อย ตอนนี้เริ่มปวดคออยู่บ้าง เซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่มีอันใดก็จะนวดให้นาง
“เป็นอย่างไรบ้าง เบาไปหรือหนักไปหรือไม่”
ใต้เท้าเซี่ยขยันขันแข็งอย่างมาก คิดอยากให้ภรรยาลืมเรื่องไม่ดีในอดีต ยามนี้ลืมเรื่องเซี่ยหลิงหลงโดนรังแกไปเสียสนิท
ลู่เจียวเองก็ไม่เปิดโปงเขา ยิ้มตาหยีหลับตาลง “ฝีมือเจ้านับวันจะยิ่งเชี่ยวชาญ ไม่เลว พยายามต่อไป ย่อมดีเอง”
“เช่นนั้นก็ย่อมต้องพยายามทำให้เจียวเจียวนับวันยิ่งรู้สึกสบายยิ่งขึ้น”
“อืม สบาย เจ้าเบาหน่อยๆ”
สองสามีภรรยาอยู่ในห้องพูดจา แต่นอกประตูสามสะใภ้กำลังหน้าแดงก่ำ เข้าไปก็ไม่ได้ถอยออกมาก็ไม่ได้
กลางวันแสกๆ ท่านพ่อกับท่านแม่คงไม่ขนาดนั้นกระมัง เหตุใดยังรักใคร่กันยิ่งกว่าพวกนางที่เป็นหนุ่มสาวเสียอีก โอ๊ย ไม่ไหวแล้ว รีบไปดีกว่า
สามสะใภ้กำลังจะไป นอกประตู ติงเซียงเดินเข้ามาเห็นก็อดเอ่ยทักไม่ได้ “ฮูหยินน้อยทั้งสาม พวกท่านไม่เข้าไปหรือ”
ติงเซียงเอ่ยปาก หูหลิงเสวี่ยกับซือหว่านอิ๋ง พร้อมกับหลู่หนิงก็พลันหน้าแดง
เสียงลู่เจียวด้านในดังขึ้นพอดี “พวกเจ้าสามคนเขามาสิ”
หูหลิงเสวี่ยกับซือหว่านอิ๋ง พร้อมทั้งหลู่หนิงพอได้ฟังก็รู้ว่าอาจเป็นตนเองที่คิดไปเอง หากไม่เช่นนั้นแม่สามีก็คงไม่ให้พวกนางเข้าไป
ทั้งสามคนรีบผลักประตูเข้าไป
ในห้องรับรองบิดาสามีกำลังนวดให้มารดาสามี สามคนก็พากันโล่งอก ที่แท้พวกนางคิดมากไปเอง
ลู่เจียวไม่รู้ความคิดลูกสะใภ้ เห็นพวกนางหน้าแดงก็ถามอย่างห่วงใยว่า “เหตุใดพวกเจ้าหน้าแดงกันเช่นนี้ ป่วยหรือไม่”
พวกหูหลิงเสวี่ยไหนเลยกล้าเอ่ยอันใดว่าก่อนหน้านี้พวกนางคิดอย่างไร
สามคนพากันส่ายหน้า “เปล่าเจ้าค่ะ ก็แค่เดินมาร้อนเจ้าค่ะ พวกเรามาดูว่าท่านพ่อกับท่านแม่ต้องการน้ำแข็งหรือไม่ หากต้องการก็มาแบ่งจากพวกเราไปได้เจ้าค่ะ”
ลู่เจียวส่ายหน้า “พวกเราไม่เป็นไร พวกเจ้าเก็บไว้ใช้เถอะ แต่ตอนนี้เพิ่งเข้าฤดูใบไม้ร่วง อากาศเย็นจะป่วยได้ง่าย พวกเจ้าใช้น้ำแข็งน้อยหน่อยดีกว่า”
ตั้งแต่ลู่เจียวคิดวิธีทำน้ำแข็งได้ จึงไม่ขาดแคลนน้ำแข็งใช้งาน วิธีการทำน้ำแข็งก็ง่ายมาก มีบางตระกูลใหญ่หาทางทำน้ำแข็งได้ ราคาน้ำแข็งก็ลดลงแล้วลดลงอีก ลู่เจียวบอกกับจ้าวหลิงเฟิงว่าเผยแพร่วิธีทำน้ำแข็งออกไปให้คนได้สะดวกใช้กันดีกว่า
เช่นนึ้จึงทำให้จวนร่ำรวยไม่น้อยต่างทำน้ำแข็งได้
ทั้งสามคนพอได้ฟังคำพูดลู่เจียว ก็รับคำเสียงหนึ่งพร้อมกัน แต่เห็นว่าบิดาสามีไม่สะดวกพูดคุยยาม สามสะใภ้อยู่ด้วย กำลังคิดจะเอ่ยขอตัว เซี่ยอวิ๋นจิ่นกลับเอ่ยขึ้นก่อนว่า “ข้าออกไปชมทิวทัศน์สักหน่อย”
“ได้ เจ้าไปเถอะ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเดินออกไป ในห้องสามสะใภ้พากันโล่งอก ลู่เจียวเห็นแล้วก็อดขำไม่ได้ เอ่ยสัพยอกสามสะใภ้ “ท่านพ่อเจ้าน่ากลัวเพียงนั้นเลยหรือ ดูสิ ทำเอาพวกเจ้าตกใจเช่นนี้”
หูหลิงเสวี่ยเป็นสะใภ้ใหญ่และรู้นิสัยลู่เจียว พอได้ยินนางก็อดยิ้มไม่ได้กล่าวว่า “รัศมีรอบกายท่านพ่อน่ากลัวจริงๆ”
หูหลิงเสวี่ยกลัวเซี่ยอวิ๋นจิ่นจริงๆ เพราะนางรู้ว่าเริ่มแรกบิดาสามีไม่ได้ถูกใจสะใภ้เช่นนาง ยามมองนางแววตาก็มีความจับผิดอยู่มาก จนถึงตอนนี้มองนางดีขึ้นหน่อย แต่หูหลิงเสวี่ยก็ยังยากเผชิญหน้ากับเขา มักรู้สึกว่าบิดาสามีไม่พอใจตนเอง
ซือหว่านอิ๋งกับหลู่หนิงพากันพยักหน้าเช่นกัน
“ใช่ ท่านพ่อเข้าใกล้ยากมาก”
“ท่าทีท่านพ่อกับคนนอกต่างกับท่าทีต่อท่านแม่”
สะใภ้เล็กหลู่หนิงถือโอกาสเอ่ยชม ลู่เจียวยิ้มกล่าวว่า “เจ้าปากหวานจริง”
ในฐานะสะใภ้เล็กตระกูลเซี่ย หลู่หนิงออดอ้อนเก่งมาก นางคล้ายกับจ้าวอวี้หลัว แต่นางออดอ้อนต่างกับจ้าวอวี้หลัว นางไม่ได้กล้าออกหน้าออกตาเช่นจ้าวอวี้หลัวเช่นนั้น
“พวกเจ้าสามคนนั่งลงคุยกันเถิด เหตุใดจึงได้มาพร้อมกันได้”
หูหลิงเสวี่ยเอ่ยว่า “มาถามท่านพ่อกับท่านแม่ว่าจะอยู่เมืองหลวงนานเท่าไร จะไม่รอให้พ้นฤดูร้อนค่อยกลับไปหรือ”
ลู่เจียวได้ฟังหูหลิงเสวี่ยก็หัวเราะขึ้น “เจ้าอยากให้หนิวไหน่กับกั่วต้งอยู่นานอีกหน่อยกระมัง”
หนิวไหน่กับกั่วต้งเป็นแฝดชายหญิงของหูหลิงเสวี่ย ติดตามพวกนางไปจากเมืองหลวง ไปอยู่เมืองหนิงโจวได้สองปีแล้ว ในฐานะมารดา หูหลิงเสวี่ยคิดถึงบุตรฝาแฝดมาก
ลู่เจียวเห็นหูหลิงเสวี่ยคิดถึงบุตรฝาแฝดก็วางแผนว่าจะให้แฝดชายหญิงอยู่ต่อ
“หรือว่าครั้งนี้ให้สองแฝดอยู่กับเจ้าต่อดี”
หูหลิงเสวี่ยจะกล่าว แต่ซือหว่านอิ๋งชิงเอ่ยขึ้นว่า “ท่านแม่ หนิวไหน่กับกั่วต้งอยู่ต่อ ท่านแม่พาเพียนเพียนไปดีกว่า”
เพียนเพียนเป็นบุตรสาวของซือหว่านอิ๋ง ปีนี้ห้าขวบ ชื่อเล่นว่า เพียนเพียน ชื่อจริงว่า เซี่ยหลิง
เด็กน้อยฉลาดเฉลียวอย่างมาก ทำเอาซือหว่านอิ๋งผู้เป็นมารดาปวดหัว บุตรสาวมักเอาแต่ยั่วโมโหนาง ก่อนหน้านี้ท่านพ่อกับท่านแม่พาแฝดชายหญิงและคนอื่นๆ กลับเมืองหลวง นางเห็นแฝดชายหญิงและปู้ติงของพี่สะใภ้รองได้รับการอบรมจากท่านพ่อกับท่านแม่จนมีกิริยามารยาทดีงามและรู้ความอย่างมาก เด็กน้อยทั้งสี่ไม่เพียงแต่กิริยางดงาม แม้แต่การพูดการจาก็มีหลักมีการ เขียนอักษรก็สวยงาม และมองเห็นความฉลาดจากภายในสู่ภายนอกได้ชัดเจน
นางเห็นแล้วก็หวั่นไหว อยากส่งบุตรสาวมาให้บิดามารดาสามีอบรมบ้าง