Skip to content

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย 976

ตอนที่ 976 แสร้งทำอ่อนแอ

ฮูหยินขุนพลหวังข้างกายหวังเมิ่งเหยาคิดไปมาก็หรี่ตามองหวังเมิ่งเหยา กล่าวว่า “คงไม่ใช่เพราะฝ่าบาทกลัวเจ้าสอนรัชทายาทไม่ดี ไม่ยอมให้รัชทายาทมาใกล้ชิดกับเจ้ากระมัง”

หวังเมิ่งเหยาตกใจ สีหน้าพลันซีดเผือด เป็นนานก็กล่าวอันใดไม่ออก

เพราะนางรู้สึกว่าวาจามารดานางอาจเป็นไปได้

ฝ่าบาทกลัวรัชทายาทใกล้ชิดกับนาง ไม่ใกล้ชิดตระกูลเซี่ย ดังนั้นไม่ให้รัชทายาทมาหานาง แต่ไรมารัชทายาทมีความกตัญญู แม้เรียนจนดึกดื่นเพียงใด ก็จะมาถวายพระพรนางที่ตำหนักทุกวัน สองสามวันนี้ถึงกับไม่ได้มาก ผิดปกติมากเช่นนี้ย่อมต้องมีความนัย ฝ่าบาทต้องมีรับสั่งอันใดเป็นแน่

หวังเมิ่งเหยาตกใจอย่างที่สุด

ฮูหยินขุนพลหวังเห็นท่าทางนางก็ทนไม่ไหว ความจริงบุตรสาวผู้นี้ นางเลี้ยงดูทะนุถนอมตามใจมาจนโต เห็นนางเดินมาถึงวันนี้ ในใจนางได้แต่ปวดร้าวเสียใจเช่นกัน

ความจริงฮูหยินขุนพลหวังเข้าใจหวังเมิ่งเหยายิ่งกว่าผู้ใด รู้ว่าเหตุใดนางจึงเปลี่ยนไปเช่นนี้

เพราะได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาททำให้ลำพองใจ คิดต้องการมากยิ่งขึ้น ต้องการให้ทั้งพระทัยของฝ่าบาททุ่มเทเพื่อนางกับลูกของนางเท่านั้น

คิดแย่งชิงกับลู่เจียว ก็เหมือนแม่สามีกับลูกสะใภ้ที่เกิดมาก็เป็นศัตรูกัน

กล่าวตามตรง หากฝ่าบาทปฏิบัติต่อนางเหมือนสนมทั่วไป วันนี้นางคงไม่มีทางกล้าเหิมเกริมจนกล้ากระทำการกำเริบเสิบสานเช่นนี้

ดังนั้นทั้งหมดล้วนเพราะฝ่าบาท

ฮูหยินขุนพลหวังไม่รู้ว่าควรโทษผู้ใด

“เหยาเอ๋อร์ ความสัมพันธ์เจ้ากับฝ่าบาทกลายเป็นเช่นนี้ คิดจะให้คืนดีดังเดิมน่าจะไม่มีทางแล้ว วันหน้าไม่ต้องการให้ฝ่าบาทรักเจ้า แต่ต้องการแค่ให้ทรงดีต่อรัชทายาทก็พอ ส่วนเจ้า ก็ใกล้ชิดบุตรชายตนเองให้มาก แม้ฝ่าบาทไม่ยินดีพบเจ้า แต่เจ้าเฝ้าดีต่อพระองค์ เชื่อว่าแม้ไม่พบหน้ากัน ก็จะดำรงอยู่ด้วยความเกรงใจต่อกัน เช่นนี้ก็จะทำให้รัชทายาทขึ้นสู่ตำแหน่งฮ่องเต้แคว้นต้าโจวได้”

ปุ่มที่ 4 ใน 4 ตอนถัดไป

ปุ่มที่ 3 ใน 4 ตอนก่อนหน้า

ปุ่มที่ 2 ใน 4 ความคิดเห็น

ปุ่มที่ 1 ใน 4 สารบัญ

1

“เหยาเอ๋อร์ ความสัมพันธ์เจ้ากับฝ่าบาทกลายเป็นเช่นนี้ คิดจะให้คืนดีดังเดิมน่าจะไม่มีทางแล้ว วันหน้าไม่ต้องการให้ฝ่าบาทรักเจ้า แต่ต้องการแค่ให้ทรงดีต่อรัชทายาทก็พอ ส่วนเจ้า ก็ใกล้ชิดบุตรชายตนเองให้มาก แม้ฝ่าบาทไม่ยินดีพบเจ้า แต่เจ้าเฝ้าดีต่อพระองค์ เชื่อว่าแม้ไม่พบหน้ากัน ก็จะดำรงอยู่ด้วยความเกรงใจต่อกัน เช่นนี้ก็จะทำให้รัชทายาทขึ้นสู่ตำแหน่งฮ่องเต้แคว้นต้าโจวได้”

“หากเจ้าทำตัวเหมือนเมื่อก่อน ทำให้ฝ่าบาทไม่พอพระทัย แน่นอนว่าต้องส่งผลกระทบต่อรัชทายาท เจ้าในฐานะเสด็จแม่ ไม่รู้จักทำเพื่อเขาหรือ หรือว่าจะเป็นตัวถ่วงเขาให้ได้”

ฮูหยินขุนพลหวังพูดจนสุดท้ายคับแค้นใจยิ่ง “ไม่ใช่ท่านแม่ว่าเจ้า แต่เรื่องนี้เจ้าทำได้ไม่เท่าฮูหยินโจวกั๋วจริงๆ นางเป็นเพียงมารดาเลี้ยง นางทุ่มเทปกป้องฝ่าบาททั้งกายใจ ถึงกับเสียสละแม้แต่ชีวิตตนเอง เจ้าว่าฝ่าบาทจะไม่ดีต่อนางได้หรือ โลกนี้ผู้ใดไม่อยากได้รับความรักจากบิดามารดา แม้ทรงเป็นฮ่องเต้ก็ไม่ได้แตกต่าง”

“หันมาดูเจ้า เจ้าทำอันใดให้รัชทายาทบ้าง หากเจ้ายังเป็นเช่นนี้ต่อไป แม้รัชทายาทเป็นโอรสเจ้า แต่วันหน้าก็จะห่างเหินจากเจ้า”

หวังเมิ่งเหยาได้ฟังฮูหยินขุนพลหวัง เหลือบตาขึ้นมองฮูหยินขุนพลหวังด้วยสายตาหม่นหมองเล็กน้อยเป็นนานจึงได้เอ่ยว่า “ท่านแม่ ข้าทราบแล้ว วันหน้าข้าจะไม่หาเรื่องกับฝ่าบาทอีก ข้าจะเอาพระทัยฝ่าบาทให้ดี”

เมื่อก่อนคิดว่าฝ่าบาทจะทรงยอมตามที่นางต้องการมาตลอด ตอนนี้นับว่านางได้รู้แล้วว่าบนโลกนี้ไม่มีผู้ใดที่จะยอมตามใจนางไปเสียทุกอย่าง

ฮูหยินขุนพลหวังได้ฟังก็รู้ว่านางฟังเข้าใจแล้ว ก็พลันโล่งอก

“วันหน้าหากไม่มีอันใดก็อย่าได้มีเรื่องกับฝ่าบาทอีก เจ้าอยู่กับฝ่าบาทมาหลายปี ย่อมรู้สิ่งที่ฝ่าบาททรงชอบและไม่ชอบ สิ่งที่ฝ่าบาททรงชอบ เจ้าก็ต้องชอบ สิ่งที่ฝ่าบาทไม่ชอบ เจ้าก็ต้องไม่ทำ แม้ว่าเจ้าเป็นฮองเฮา แต่ฝ่าบาทเป็นผู้แต่งตั้งฮองเฮา”

“ท่านแม่ ข้าทราบแล้ว”

หวังเมิ่งเหยาฝืนสร้างกำลังใจตนเองขึ้นมาก่อนเดินออกไปส่งฮูหยินขุนพลหวังออกจากวังหลวง

พอฮูหยินขุนพลหวังออกจากวังหลวงไปแล้ว ฮองเฮาสร้างกำลังใจตนเองขึ้นมาได้ก็สั่งให้คนเตรียมอาหาร จากนั้นก็ให้ขันทีไปทูลเชิญฝ่าบาทมาเสวย

นางเตรียมจะรับผิดต่อฝ่าบาท แต่ขันทีทูลเชิญฝ่าบาทมาไม่ได้ มีเพียงรับสั่งฝ่าบาทว่า “ราชกิจยุ่ง ไม่มีเวลา”

หวังเมิ่งเหยาสีหน้าพลันย่ำแย่ แต่ครั้งนี้ไม่ได้โมโห นางรู้แล้วว่าตนเองโมโหไปก็ทำอันใดไม่ได้ ฝ่าบาทไม่มีทางหันมามองนางเพราะนางโมโห

ดังนั้นนางยังคงต้องหาหนทางต่อ

หวังเมิ่งเหยาครุ่นคิดจริงจัง นางข้าหลวงหลี่ก็ช่วยออกหัวคิดว่า “ฮองเฮา หรือทรงแกล้งประชวร เชื่อว่าฝ่าบาทต้องเสด็จมาเยี่ยมฮองเฮา”

หวังเมิ่งเหยาคิดแล้วก็รู้สึกว่าวิธีนี้ไม่เลว คืนหนึ่งผ่านไป นางล้มป่วยจริง สั่งคนให้ไปตามหมอหลวง

หมอหลวงย่อมทูลรายงานต่อฝ่าบาท น่าเสียดายเซียวเหวินอวี๋ยังคงไม่มา เพียงสั่งการหมอหลวงให้รักษาฮองเฮาให้ดี

หวังเมิ่งเหยารอนานถึงสามวันก็ไม่เห็นฮ่องเต้เสด็จมา ในเวลานี้นางรู้กระจ่างแล้วว่าความสัมพันธ์ระหว่างนางกับฮ่องเต้เลวร้ายลงอย่างมากแล้ว

หากยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าคงส่งผลกระทบต่อตำแหน่งรัชทายาท

ไม่ได้ นางต้องคิดหาทางรั้งพระทัยฝ่าบาทกลับคืนมา แต่นางแสร้งล้มป่วยก็ไร้ประโยชน์ ฝ่าบาทไม่เสด็จมาเยี่ยมนาง เขาไม่ใช่ผู้ชายที่จะรีบมาปลอบใจเอาใจนางอีกแล้ว

ในตำหนักบรรทมนางข้าหลวงหลี่มองหวังเมิ่งเหยาอย่างลังเล สีหน้าเหมือนอยากจะเอ่ยอันใด หวังเมิ่งเหยาถามอย่างอ่อนแรงว่า “มีอันใดหรือ”

“ฮองเฮา ในวังหลายท่านเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว หากฝ่าบาทต้องพระทัยพวกนาง เกรงว่าฮองเฮาจะรั้งพระทัยฝ่าบาทกลับมาก็คงยิ่งยากแล้ว”

หวังเมิ่งเหยาขมวดคิ้ว สีหน้าไม่ดีอย่างที่สุด เอ่ยอย่างอ่อนแรงว่า “น่าเสียดายข้าแสร้งป่วย ฝ่าบาทยังคงไม่เสด็จมาเยี่ยมข้า จะให้ข้าทำอย่างไรได้”

นางข้าหลวงหลี่ครุ่นคิดแล้วก็กล่าวว่า “ฝ่าบาทยังคงรักองค์ชายและองค์หญิงมาก”

กล่าวจบ นางก็เงียบลง

แต่วาจานี้คล้ายส่งสัญญาณบอกความคิดหนึ่งแก่หวังเมิ่งเหยา

คืนนั้น องค์หญิงรองทั้งถ่ายท้องและอาเจียนทรมานยิ่ง หมอหลวงถูกตามตัวมาตำหนักเฉาหยางกงรักษาอาการให้องค์หญิงรองยามดึก

เรื่องนี้ย่อมต้องทำให้เซียวเหวินอวี๋ตกใจ

แม้ว่าเขาไม่อยากพบฮองเฮา แต่องค์หญิงรองป่วย เขายังคงห่วงใย

ดังนั้นพอได้ยินรายงานโจวโย่วจิ่น เขารีบเดินนำโจวโย่วจิ่นไปตำหนักเฉาหยางกงเยี่ยมองค์หญิงรอง

องค์หญิงรองปีนี้ห้าขวบ ชื่อว่าเซียวซิง ชื่อเล่นซิงซิง

องค์หญิงน้อยซิงซิงทั้งถ่ายท้องทั้งอาเจียนแล้วก็สีหน้าซีดขาวราวกับลูกแมวน้อย ซุกอยู่ในอ้อมกอดฮองเฮาไม่ยอมพูดจา พอเห็นเซียวเหวินอวี๋มา นางก็ยื่นมือออกไปหาเซียวเหวินอวี๋ราวกับแมวป่วย

“เสด็จพ่อ อุ้ม”

หวังเมิ่งเหยาอุ้มองค์หญิงรองลุกขึ้นคำนับเซียวเหวินอวี๋ นางแลดูอิดโรยอย่างที่สุด

เซียวเหวินอวี๋มองนางทีหนึ่งด้วยแววตาที่ไม่ได้เย็นเยียบเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว แม้ว่าแววตายังคงนิ่งเฉย แต่ก็ไม่ได้เย็นเยียบเหมือนเมื่อก่อน

เซียวเหวินอวี๋ยื่นมือไปคิดอุ้มองค์หญิงรอง หวังเมิ่งเหยารีบกล่าวว่า “ฝ่าบาท ให้หม่อมฉันอุ้มดีกว่า เพคะ”

องค์หญิงรองดิ้นรนร้องว่า “ไม่เอาๆ จะให้เสด็จพ่ออุ้ม ให้เสด็จพ่ออุ้ม”

เด็กน้อยราวกับแมวป่วย พูดจาออกมาก็ราวกับเสียงแมวร้องแผ่วอ่อนแรง

เซียวเหวินอวี๋เห็นนางเช่นนี้ก็สงสาร ยื่นมือไปอุ้มนางมา

เทียบกับองค์หญิงใหญ่และรัชทายาทแล้ว เขาไม่ได้ผูกพันกับองค์หญิงรองและองค์ชายรองที่เกิดทีหลังสักเท่าใดนัก

เนื่องจากองค์หญิงใหญ่เป็นบุตรสาวคนโต เพราะมีเสด็จแม่เช่นนั้น เขาจึงให้ความรักนางมาก

รัชทายาทเป็นบุตรชายคนโตของเขา เขาก็ย่อมทุ่มเทใจลงไปมาก แต่องค์หญิงรองกับองค์ชายรองที่เกิดทีหลัง เขากลับไม่ได้ผูกพันดังบิดารักบุตรมากมายเช่นนั้น

แต่ยามนี้ได้เห็นท่าทางน่าสงสารที่องค์หญิงรองมองเขา เขาก็คล้ายกับสะอึกในใจ ยื่นมือไปอุ้มองค์หญิงรองไว้

“ซิงซิงรู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง ยังทรมานไหม”

ซิงซิงพยักหน้าเต็มแรง “ถ่ายท้อง อาเจียน เจ็บคอเพคะ เสด็จพ่อ ข้าเจ็บ”

เซียวเหวินอวี๋รีบให้คนไปตามหมอหลวงฉีเหล่ยหัวหน้าสำนักหมอหลวงมาตรวจอาการให้องค์หญิงรอง

ฉีเหล่ยมาถึงอย่างรวดเร็ว พอตรวจอาการให้องค์หญิงรองแล้ว ก็แน่ใจว่าองค์หญิงรองกินถูกของไม่สะอาดเข้าไป ทำให้กระเพาะย่อยไม่ดี ดังนั้นจึงทั้งอาเจียนและเวียนศีรษะ

เขาสั่งจ่ายยาให้คนไปจัดมาต้มทันที

“องค์หญิงรองรับประทานของไม่สะอาด ดังนั้นจึงได้ทั้งถ่ายทั้งอาเจียน เดิมสุขภาพนางก็อ่อนแอ ปกติอาหารที่ย่อยยากก็อย่าได้ให้นางกิน กินแล้วไม่ย่อย ก็จะทำให้ระบบการย่อยไม่ดี”

เซียวเหวินอวี๋มองไปยังหวังเมิ่งเหยา หวังเมิ่งเหยารีบเอ่ยขึ้นอย่างอ่อนแรงว่า “ระยะนี้หม่อมฉันไม่ค่อยมีกะจิตกะใจทำอันใด จึงได้ไม่ทันได้สังเกตดูแลองค์หญิงรอง วันหน้าจะไม่เป็นเช่นนี้แล้วเพคะ”

เซียวเหวินอวี๋คิดถึงความสัมพันธ์ระยะนี้ของตนเองกับหวังเมิ่งเหยา ก็นึกตำหนิตนเอง รีบเอ่ยขึ้นว่า “วันหน้าดูแลลูกให้ดี พวกเขาล้วนเป็นบุตรที่เจ้าให้กำเนิด”

ฮองเฮารีบเอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “หม่อมฉันทราบแล้วเพคะฝ่าบาท”

เซียวเหวินอวี๋เห็นนางไม่ได้เอ่ยวาจาเสียดสีดังเช่นเมื่อก่อนแล้ว ตอนนี้นางนุ่มนวลอ่อนโยนขึ้นมาก

นางเช่นนี้ทำให้เขาหวนคิดถึงอดีต สีหน้าก็เริ่มอ่อนลง มองหวังเมิ่งเหยาเอ่ยขึ้นว่า “เรากลับละ เจ้าก็ไปพักผ่อนเถอะ”

“เพคะ ฝ่าบาท”

ฮองเฮายื่นมือไปรับองค์หญิงรอง เซียวเหวินอวี๋ส่งองค์หญิงรองให้นาง แต่คิดไม่ถึงว่าองค์หญิงรองกลับคว้าแขนเสื้อเซียวเหวินอวี๋ไว้แน่น ไม่ยอมปล่อย

เซียวเหวินอวี๋ได้แต่ปลอบนาง “พรุ่งนี้เสด็จพ่อจะมาเยี่ยมเจ้าอีก”

หวังเมิ่งเหยาได้ฟัง มุมปากก็ยกยิ้มเล็กน้อย จากนั้นก็ยื่นมือไปอุ้มองค์หญิงรอง ผู้ใดก็ไม่ทันสังเกตสีหน้าแข็งขืนขององค์หญิงรอง

หวังเมิ่งเหยาอุ้มองค์หญิงรองจะเดินออกไปส่งเซียวเหวินอวี๋ เซียวเหวินอวี๋กล่าวน้ำเสียงนิ่งเรียบว่า “เจ้าไม่ต้องออกไป องค์หญิงรองจะได้ไม่ตื่นตกใจจนอาเจียนอีก”

หวังเมิ่งเหยามองตามเซียวเหวินอวี๋จากไป พอเซียวเหวินอวี๋จะเดินถึงประตู นางก็เอ่ยว่า “ฝ่าบาท ก่อนหน้านี้หม่อมฉันไม่รู้ความ ทรงให้อภัยหม่อมฉันสักครั้งนะเพคะ”

เซียวเหวินอวี๋ชะงักเล็กน้อยก่อนจะก้าวออกไป หวังเมิ่งเหยากลับค่อยๆ ยิ้มยื่นมือไปลูบศีรษะบุตรสาว ทว่าองค์หญิงรองกลับมองนางด้วยสายตาหวาดกลัว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!