ตอนที่ 978 มีเป้าหมายอื่น
ยามนี้พวกเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวกำลังเดินทางไปยังเหมืองหลวงซีเหลียง เมืองหลวงซีเหลียงใหญ่กว่าแคว้นต้าโจวมาก แต่ซีเหลียงไม่ได้รุ่งเรืองเหมือนแคว้นต้าโจว แผ่นดินซีเหลียงส่วนใหญ่มีพื้นที่มาก ราษฎรน้อย ส่วนใหญ่ล่าสัตว์ แต่โชคดีที่มีเมืองชายทะเลไม่น้อย ราษฎรอาศัยหากินตามท้องทะเลได้
แต่ซีเหลียงสู้แคว้นต้าโจวไม่ได้จริงๆ เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวเดินทางมาถึง ก็พอเข้าใจแล้วว่าเหตุใดซั่งกวนเฮ่อรัชทายาทซีเหลียงจึงคิดยึดครองแคว้นต้าโจว
เพราะซีเหลียงสู้แคว้นต้าโจวไม่ได้ ดังนั้นเขาคิดแย่งชิง
ทุกคนเดินทางมาถึงประตูวังหลวงซีเหลียง
ซั่งกวนม่อกับซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยน คนหนึ่งสิบแปด คนหนึ่งสิบหก ตอนนี้พำนักอยู่ในวัง ยังไม่ได้สร้างจวนตนเองด้านนอก ดังนั้นเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวจึงแยกกันติดตามซั่งกวนม่อและซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยน จะได้ง่ายต่อการปลอมตัวเป็นคนสนิทของทั้งสองคน
เซี่ยอวิ๋นจิ่นมีท่าทางไม่พอใจ ไม่อยากแยกจากลู่เจียว ยามนี้กำลังสีหน้าดำทะมึน
ลู่เจียวปลอบใจเขา “เอาละ อย่างไรก็อยู่ในวังด้วยกัน ท่านไม่มีอันใดก็มาหาข้าได้”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นยังคงไม่วางใจ กำชับว่า “เจ้าดูแลตนเองให้ดี อย่าได้เกิดเรื่องอย่างเด็ดขาด”
ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนรีบยิ้มรับรองว่า “ท่านพ่อบุญธรรมวางใจ ข้าจะไม่ปล่อยให้เกิดเรื่องกับท่านแม่เป็นแน่”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ฟังซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนก็ขมวดคิ้วมองนางกล่าวว่า “องค์หญิงไม่รู้สึกว่าเรียกเช่นนี้ไม่เหมาะสมหรือ”
ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนมองไปยังเซี่ยอวิ๋นจิ่น ยิ้มเอ่ยว่า “มีอันใดไม่เหมาะสม”
กล่าวตามตรงนางเรียกท่านพ่อไม่ออก เพราะท่านพ่อตัวจริงเป็นชายไม่ดี ให้นางเรียกท่านพ่อ นางฝืนเรียกไม่ออก
เซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่พอใจ ส่งสายตาจ้องใส่สาวใช้ทีหนึ่ง ท่านพ่อเรียกยากเพียงนี้หรือ เอาเถอะๆ
“จำไว้ คุ้มครองท่านแม่เจ้าให้ดี”
“ข้าทราบแล้ว”
ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนยื่นมือไปกอดลู่เจียวด้วยสีหน้าอ่อนโยนราวกับดอกไห่ถัง
ลู่เจียวอดลูบใบหน้ารูปไข่ของนางไม่ได้ ภพนี้มีนางอยู่ ย่อมต้องหาคู่ครองที่ดีให้เยี่ยนเอ๋อร์ ไม่ให้นางต้องทนทุกข์ดังภพก่อน
“เอาละ พวกเราเข้าวังกัน”
ฮ่องเต้ซีเหลียงซั่งกวนเฉินกับฮองเฮาหร่วนชิงเยียนสมกันดังกิ่งทองใบหยกมาแต่เล็ก พอโตขึ้น ซั่งกวนเฉินก็แต่งหร่วนชิงเยียนเป็นฮองเฮาอย่างราบรื่น หร่วนชิงเยียนตอนนั้นเป็นสาวงามอันดับหนึ่งของซีเหลียง รูปโฉมงดงามโดดเด่นและยังจิตใจดี เป็นที่เคารพของผู้คนในซีเหลียงมาก
น่าเสียดายนางผู้เป็นที่รักชะตาชีวิตสั้น สตรีที่ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดผู้นี้กลับสิ้นใจหลังคลอดบุตรยาก ซั่งกวนเฉินไม่แต่งตั้งสตรีใดเป็นฮองเฮาอีก และยังแต่งตั้งซั่งกวนเฮ่อที่เพิ่งจะคลอดให้เป็นรัชทายาทซีเหลียง อบรมสั่งสอนเขามาด้วยตนเอง
จากมุมมองนี้ ซั่งกวนเฉินผู้นี้คล้ายเป็นคนรักมั่น แต่คนรักมั่นเช่นนี้ หลังฮองเฮาจากไปกลับรับสตรีเข้าวังมาตลอด ให้กำเนิดองค์ชายองค์หญิงอีกเป็นโขยง
แต่องค์ชายองค์หญิงหลายคนล้วนตายลงเพราะการต่อสู้แย่งชิงในวัง ตอนนี้ที่ยังมีชีวิตอยู่ก็มีเพียง องค์ชายไม่กี่องค์ เช่น รัชทายาทซั่งกวนเฮ่อ องค์ชายห้าซั่งกวนหรง องค์ชายหกซั่งกวนม่อ องค์ชายเจ็ดซั่งกวนเซวียน องค์หญิงที่ยังมีชีวิตอยู่ก็มีองค์หญิงเจ็ดซั่งกวนอวิ๋นเฟิง องค์หญิงแปดซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยน และองค์หญิงเก้าซั่งกวนอวิ๋นเซียง
“องค์หญิงเจ็ดซั่งกวนอวิ๋นเฟิงปีนี้สิบเจ็ด หมั้นหมายกับคุณชายรองจวนเสนาบดีกรมอาญา หากไม่เหนือความคาดหมาย ปลายปีนี้ก็จะแต่งงาน”
“จากข้าลงไปยังมีองค์หญิงเก้า นางเป็นองค์หญิงอายุน้อยสุด ปีนี้อายุเพียงเจ็ดขวบ”
ลู่เจียวมองไปยังซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยน ขมวดคิ้วถามว่า “เจ้ายังไม่ได้หมั้นหมายหรือ”
ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนยิ้มบางพลางกล่าวว่า “ก่อนหน้านี้หมั้นหมายแล้ว ต่อมาคุณชายที่หมั้นหมายจากไป ตอนนี้ข้าจึงยังไม่ได้หมั้นหมาย และซั่งกวนเฮ่อเองก็มิได้ให้ข้ารีบหมั้นหมาย”
ลู่เจียวมองซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนยิ้มกล่าวว่า “ตอนนี้ที่ซีเหลียง ผู้ตัดสินใจทุกเรื่องเป็นหลักก็คือซั่งกวนเฮ่อ องค์ชายองค์หญิงออกเรือนล้วนต้องผ่านความเห็นชอบจากเขา ทุกคนที่ออกเรือนหรือแต่งสตรีใดก็ล้วนต้องมีผลประโยชน์ต่อเขา หากไม่เช่นนั้นเขาก็จะไม่เห็นด้วย น่าเสียดายเขาเลือกสามีให้องค์หญิงแต่ละคนล้วนไม่ดี พวกนางแต่งไปไม่เบิกบานใจ จึงมีชีวิตไม่ยืนยาว”
ลู่เจียวได้ฟังซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนก็เข้าใจได้ว่าซั่งกวนเฮ่อใช้น้องสาวแสวงหาผลประโยชน์ให้ตนเอง หาก ไม่เช่นนั้นเขาใช้อำนาจอันใดคุมแผ่นดินซีเหลียงทั้งที่อายุยังน้อยเช่นนี้
พอลู่เจียวคิดเช่นนี้ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ เยี่ยนเอ๋อร์งามเช่นนี้ ซั่งกวนเฮ่อจะใช้นางแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ใดให้เขากัน
“ซั่งกวนเฮ่อคงไม่เอาเจ้าไปแลกเปลี่ยนผลประโยชน์เพื่อเขากระมัง”
ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนคิดแล้วก็กล่าวว่า “ตอนนี้เขายังไม่คิดการใด ประการแรก เพราะก่อนหน้านี้ข้าล้มป่วยมา”
นางจึงถือโอกาสอ้างเหตุป่วยออกจากเมืองหลวง
“ประการที่สอง ซั่งกวนเฮ่อคุมซีเหลียงได้แล้ว น่าจะไม่ต้องการใช้ประโยชน์จากการแต่งงานอันใดอีกแล้ว”
ลู่เจียวได้ฟังกำชับซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยน “เจ้าระวังคนผู้นี้หน่อย”
“ข้าทราบแล้ว ท่านแม่วางใจได้”
ทั้งสองคนนั่งเกี้ยวตรงไปตำหนักกวานซุยกงของซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยน
ที่แท้ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนเดิมอาศัยกับพระสนมเหวินผินมารดานางในตำหนักฉู่ซิ่วกง ต่อมาพอตู้เยี่ยนข้ามภพมาไม่นาน รัชทายาทก็มีราชโองการให้ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนไปอยู่ตำหนักกวานซุยกง
ตู้เยี่ยนกลัวว่าพระสนมเหวินผินจะรู้ว่าตนเองไม่ใช่บุตรสาวนาง จึงรีบย้ายไปตำหนักกวานซุยกงทันที
นิสัยเจ้าของร่างเดิมต่างจากนางมาก หากนางอยู่กับพระสนมเหวินผินต่อไป เกรงว่าคงเกิดพิรุธได้ง่าย
เดิมตู้เยี่ยนคิดว่ารัชทายาทจัดสรรตำหนักให้นาง อาจเพราะคิดให้นางแต่งราชบุตรเขย ให้นางแต่งออกไปอย่างสมเกียรติ ผู้ใดจะรู้ว่าพอนางย้ายมา รัชทายาทก็ไม่ได้มีราชโองการใดอีก
ต่อมาซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนรู้ที่อยู่ของลู่เจียว จึงวางแผนกับซั่งกวนม่อออกจากวังหลวงไป
ตำหนักกวานซุยกง
ขันทีกับนางกำนัลเห็นซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนกลับมา ก็รีบเข้ามารอรับอย่างนอบน้อม “บ่าวคารวะองค์หญิง”
เดิมองค์หญิงแปดนิสัยขี้ขลาดเอาแต่หลบอยู่ในตำหนักฉู่ซิ่วกงมาตลอด ต่อมาย้ายมาตำหนักกวานซุยกง ทุกคนจึงได้รู้ว่าในวังมีองค์หญิงแปดงดงามราวบุปผา เป็นดังหญิงงามล่มเมืองในตำนาน
คนในวังตั้งแต่ฮ่องเต้ไปจนถึงพระสนมนางในได้ยินต่างพากันอยากชมว่าองค์หญิงแปดแท้จริงงามเพียงใด ปรากฏเพราะองค์หญิงแปดล้มป่วย หลายคนจึงไม่ได้เห็นนาง แต่ฮ่องเต้กับรัชทายาทย่อมเคยเห็นองค์หญิงแปด
ฮ่องเต้ซั่งกวนเฉินตกใจมาก คิดไม่ถึงว่าบุตรสาวตนถึงกับเป็นสาวงามเช่นนี้ ต้องเลือกคู่ครองให้นางอย่างดีที่สุด
ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนขี้เกียจจะสนใจเรื่องพวกนี้ นางไม่คิดออกเรือน หากไม่ใช่เพื่อช่วยซั่งกวนม่ออีกแรง ครั้งนี้นางก็คงไม่กลับมาซีเหลียงแล้ว
ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนมองไปยังคนที่คุกเข่าอยู่ที่พื้น ล้วนเป็นขันทีกับนางกำนัลในตำหนักกวานซุยกง
“ลุกขึ้นได้”
ทุกคนลุกขึ้น ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนยกมือชี้ไปทางลู่เจียว
ยามนี้ลู่เจียวแปลงโฉมเป็นนางข้าหลวงใหญ่หลีเซียงรับใช้ข้างกายองค์หญิง
“ครั้งนี้ข้าออกจากวังหลวง หลีเซียงดูแลข้ามาตลอด วันหน้านางกำนัลในตำหนักกวานซุยกงทุกคนต้องฟังคำสั่งนาง หากมีผู้ใดกล้าฝืนคำสั่ง อย่าโทษที่ข้าลงโทษพวกเจ้า”
ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนเอ่ยน้ำเสียงนิ่งเรียบ เห็นอยู่ว่าน้ำเสียงไม่ได้ดุดัน แต่กลับยังคงทำให้คนที่ได้ยินต่างรู้สึกยะเยือกในใจ
ขันทีกับนางกำนัลรับคำพร้อมเพรียง “เพคะ/พ่ะย่ะค่ะ องค์หญิง”
“ลุกขึ้นได้ ข้าเหนื่อยแล้ว ไปพักผ่อนก่อน”
นางกล่าวจบก็กำลังคิดจะพาลู่เจียวเข้าไปพักผ่อน ไม่คิดว่าขันทีด้านนอกรายงานดังเข้ามาว่า
“รัชทายาทเสด็จ”
ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนหันไปมองลู่เจียว เหตุใดคนผู้นี้มาเร็วเพียงนี้
ลู่เจียวขมวดคิ้ว แต่พอหันหน้าไป ก็ปรับสีหน้าเป็นปกติ นางอยากดูรัชทายาทซีเหลียงในตำนานว่าเป็นคนเช่นไร
แม้ว่าซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนไม่พอใจซั่งกวนเฮ่อ แต่ยังคงธำรงธรรมเนียม พาพวกลู่เจียวออกไปต้อนรับ นอกประตูมีเงาร่างสูงใหญ่เดินเข้ามา ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนคำนับก่อน “อวิ๋นเยี่ยนถวายบังคมเสด็จพี่รัชทายาท”
ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนเพิ่งจะถวายบังคม ร่างสูงใหญ่ก็รีบเข้ามายื่นมือไปประคองนางไว้ “น้องแปด อย่าได้มากพิธี”
ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนมองมือใหญ่ที่ประคองตนเองเอาไว้ด้วยแววตาประหลาดใจ ซั่งกวนเฮ่อสนิทกับนางเช่นนี้หรือ อีกอย่างในฐานะพี่น้อง ควรรักษาระยะห่างกันสักหน่อยจะดีกว่าไหม
ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนพลันคิดถึงชายสองคนในภพก่อน นางก็เกร็งแขนทื่อพลางมีสีหน้าแทบไม่อยากจะเชื่อ
เป็นไปไม่ได้ ไม่น่ากระมัง
ซั่งกวนเฮ่อเป็นพี่น้องกับนาง พี่ชายไม่ควรคิดอันใดต่อน้องสาว พวกเขาไม่ควรมีอันใดที่ไม่อาจเปิดเผยกระมัง
แต่พอคิดถึงตอนนางลืมตาขึ้นในตำหนักฉู่ซิ่วกงของตนเอง อยู่ดีๆ คนผู้นี้พลันมีราชโองการให้นางย้ายมาตำหนักกวานซุยกง เดิมนางเองไม่ได้คิดมาก แต่ตอนนี้รู้สึกได้ว่าผิดปกติมาก ซั่งกวนเฮ่อไม่น่าใช่คนที่ทะนุถนอมหยกงามเช่นนั้น กับน้องสาวตนเองก็ไม่น่ามีความรักผูกพันระหว่างสายโลหิตอันใดกระมัง
ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนครุ่นคิดแล้วก็ค่อยๆ ผลักมือซั่งกวนเฮ่อออก ยิ้มเอ่ยว่า “ขอบพระทัยเสด็จพี่”