Skip to content

ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย 979

ตอนที่ 979 อุบายร้าย

ลู่เจียวตามหลังซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนมาเงียบๆ มองประเมินรัชทายาทซีเหลียงด้วยสีหน้าเรียบเฉย

ซั่งกวนเฮ่อรัชทายาทซีเหลียงรูปร่างผอมสูง ใบหน้าแข็งกร้าวเด็ดเดี่ยว สีหน้าเย็นเยียบ กิริยาท่าทางเอาแต่ใจ แต่รัศมีรอบกายให้ความรู้สึกว่ามีระยะห่าง เข้าใกล้ไม่ได้ง่ายๆ

แต่เห็นได้ชัดว่าแววตาที่เขามองซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนแปลกออกไปอยู่บ้าง

ลู่เจียวตกใจคิดขึ้นมาได้เรื่องหนึ่ง รัชทายาทซีเหลียงผู้นี้คล้ายว่ามีความคิดบางอย่างต่อเยี่ยนเอ๋อร์

แม้ว่ายามนี้สีหน้าที่เขามองเยี่ยนเอ๋อร์ไม่ได้แสดงออกแม้แต่น้อย แต่แววตากลับลุกโชนผิดปกติ จับจ้องเยี่ยนเอ๋อร์คล้ายดังจ้องมองเหยื่อของตนเอง

ลู่เจียวเกิดความรู้สึกระแวงขึ้นมา แววตาชายผู้นี้มองเยี่ยนเอ๋อร์ เห็นชัดว่าเป็นแววตาชายมองหญิง แต่เขาเป็นพี่น้องกับเยี่ยนเอ๋อร์นะ

ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนย่อมพบความผิดปกติของซั่งกวนเฮ่อ ในใจนึกรังเกียจอย่างมาก พอมองซั่งกวนเฮ่อ นางก็อดคิดถึงอวี๋เซวียนในภพก่อนขึ้นมาไม่ได้

ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนคิดไปก็เอ่ยไปด้วยท่าทางไม่แข็งกร้าวจนดูเย่อหยิ่งและไม่ถ่อมตัวจนดูต่ำต้อยว่า “ขอเสด็จพี่โปรดอภัยด้วย หม่อมฉันเดินทางติดต่อกันมาหลายวัน รู้สึกเหนื่อยล้า อยากพักผ่อนแล้ว วันนี้ก็คงไม่อาจต้อนรับเสด็จพี่แล้ว ไว้วันหน้าค่อยสนทนากันต่อนะเพคะ”

ซั่งกวนเฮ่อจ้องมองซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนลุ่มลึก เอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “ได้ เจ้าพักผ่อนเถอะ ไว้เสด็จพี่มาเยี่ยมเจ้าใหม่”

กล่าวจบก็หันไปมองทุกคนด้านหลังซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยน สั่งการน้ำเสียงเข้มว่า “ปรนนิบัติองค์หญิงให้ดี หากให้ข้ารู้ว่าพวกเจ้าดูแลองค์หญิงบกพร่อง ข้าจะไม่ละเว้นพวกเจ้า”

“เพคะ/พ่ะย่ะค่ะ รัชทายาท”

คนในวังซีเหลียงทุกคนรู้ว่ารัชทายาทเหี้ยมโหดกว่าฝ่าบาท ผู้ใดจะกล้าทำให้เขาไม่พอใจ ทุกคนรับคำพร้อมเพรียง “พ่ะย่ะค่ะ/เพคะ รัชทายาท”

ซั่งกวนเฮ่อหันกลับไปมองซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนทีหนึ่ง ก่อนจะก้าวนำคนออกไป

ลู่เจียวมองไปยังซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยน พบว่าสีหน้านางพลันซีดเผือด ลู่เจียวเอ่ยอย่างเป็นห่วงว่า “องค์หญิงเป็นอันใดหรือ”

ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนโบกมือให้คนในห้องออกไปก่อน จากนั้นก็นางก็เขยิบเข้าไปกระซิบกับลู่เจียวว่า “ข้ารู้สึกสะอิดสะเอียน มักรู้สึกว่าสายตาซั่งกวนเฮ่อเหมือนกับอวี๋เซวียนในภพก่อน”

ลู่เจียวเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ กล่าวน้ำเสียงเคร่งเครียดว่า “คนผู้นี้คงไม่ใช่อวี๋เซวียนข้ามภพมาเกิดใหม่กระมัง”

ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนได้ยินก็นิ่งอึ้งไปทันที หันไปมองลู่เจียวเป็นนานก่อนจะเอ่ยว่า “คงไม่กระมัง”

ลู่เจียวกล่าวว่า “จะไม่ได้อย่างไร เจ้าเองก็มิใช่มาอยู่ที่นี่ในตอนนี้แล้วหรือ”

ยามนี้ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนพูดอันใดไม่ออก แต่ไม่นานนางก็ตัดสินใจค่อยๆ เอ่ยขึ้นว่า “หากเขาเป็นอวี๋ เซวียนจริง ครั้งนี้ข้าต้องให้เขาได้ตายไร้ที่ฝัง ภพก่อนเพื่อราษฎรที่กำลังอยู่ในยุคจลาจล ข้าไม่ได้แก้แค้นให้หรงกุย ชาติภพนี้ข้าต้องสังหารเขาแก้แค้นให้หรงกุย”

ประเด็นสำคัญที่สุดก็คือหากคนผู้นี้เป็นอวี๋เซวียนจริง เขาคงไม่ปล่อยนางไปเป็นแน่

ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนครุ่นคิดแล้วก็มองไปยังลู่เจียวกล่าวว่า “ข้ารู้นิสัยอวี๋เซวียนไม่น้อย ต่อจากนี้ข้าจะคอยจับจ้องเขาไว้ ดูว่าเขาใช่อวี๋เซวียนหรือไม่ หากเขาเป็นอวี๋เซวียนจริง พวกเราก็ค่อยหารือรับมือเขากันต่อ”

“ตกลง”

ต่อมาอีกระยะหนึ่ง ซั่งกวนเฮ่อไม่เพียงแต่ส่งของมาตำหนักกวานซุยกงมากมาย ตัวเขาเองก็มาเยี่ยมซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนถึงสองครั้ง แม้เพียงแค่สองครั้ง แต่ก็ทำให้ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนแน่ใจว่าซั่งกวนเฮ่อเป็นอวี๋เซวียนที่มาจากภพก่อนจริง

อวี๋เซวียนเกิดมาก็กระหายในสงคราม ได้พลิกชะตาผันตัวเองขึ้นมาจากสถานการณ์ในโลกจลาจลวุ่นวาย นิสัยคนผู้นี้จึงกระหายสงคราม

และเพราะเรื่องนี้ทำให้เขามีใจคิดครองความเป็นใหญ่ในใต้หล้าแต่เพียงผู้เดียว

คนผู้นี้นอกจากมีใจคิดเป็นใหญ่ ของกินของใช้ก็ต้องอย่างดีที่สุด หากต้องตาต้องใจสิ่งใดมักคิดว่าตนเองควรได้ครอบครอง รวมไปถึงสตรี

นี่คือเหตุที่ภพก่อนเขาเอาแต่ต้องการแต่งกับซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยน เพราะเขาคิดว่าสาวงามเช่นนี้ควรเป็นของเขา ไม่ได้หมายความว่าเขาหลงรักซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนมากมายอันใด หากรักซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนจริง เหตุใดรอบกายมีแต่สตรีมากมายก่ายกอง สาวงามหลากหลายรูปแบบล้วนล้อมรอบกายเขา

ที่เขามาตามเอาใจซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนก็เพราะซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนไม่เหมือนสตรีอื่น ไม่ยอมเอาใจเขา ทำให้เขารู้สึกทำใจยอมรับไม่ได้

ตำหนักกวานซุยกง

เซี่ยอวิ๋นจิ่น ลู่เจียว ซั่งกวนม่อและซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนกำลังหารือเรื่องซั่งกวนเฮ่อผู้นี้อยู่

ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนเล่าสถานะแท้จริงของซั่งกวนเฮ่อจบ ทุกคนในตำหนักก็เงียบกริบไปครู่หนึ่ง

“แม้ว่าอวี๋เซวียนผู้นี้ชื่นชอบอำนาจ ชื่นชอบสาวงาม ชื่นชอบอาหารรสเลิศ รู้จักเสพสุข แต่เขาก็รอบคอบมาก ไม่ยอมให้ผู้ใดเข้าใกล้เขาได้ง่ายๆ อย่าว่าแต่ผู้อื่น แม้แต่สตรีข้างกายเขา ก็ไม่เคยได้อยู่ค้างคืนบนเตียงเขา ฝีมือยุทธ์เขาร้ายกาจมาก รอบกายยังมียอดฝีมือคอยอารักขาไม่น้อย หากคิดประชิดตัวสังหารเขา ย่อมเป็นไปไม่ได้ คนผู้นี้ผ่านประสบการณ์ยุคจลาจลมา เชี่ยวชาญการวางแผน พวกเรามาพบกับเขานับว่ายุ่งยากอยู่สักหน่อย”

เซี่ยอวิ๋นจิ่นเอ่ยขึ้นว่า “พวกเราไม่มีทางสังหารเขาได้ แต่มีคนสังหารเขาได้”

ทุกคนมองไปยังเซี่ยอวิ๋นจิ่น เซี่ยอวิ๋นจิ่นเอ่ยต่อว่า “ฮ่องเต้ซีเหลียง ตอนนี้ซั่งกวนเฮ่อเป็นเพียงรัชทายาทเท่านั้น หากฮ่องเต้ซีเหลียงคิดสังหาร ย่อมสังหารเขาได้”

“ตอนนี้พวกเราแบ่งออกเป็นสามขั้นตอน ขั้นแรก ทำให้ฮ่องเต้ซีเหลียงแตกกับซั่งกวนเฮ่อ ขั้นสอง ทำลายชื่อเสียงซั่งกวนเฮ่อ ให้ขุนนางในราชสำนักและราษฎรซีเหลียงรังเกียจเขา ขั้นสาม ส่งสารลับไปด่านหลงไห่ ให้แม่ทัพด่านหลงไห่บุกตีซีเหลียง หากด่านชายแดนซีเหลียงถูกตีพ่าย ฮ่องเต้กับขุนนางในราชสำนักต้องไม่พอใจที่ซั่งกวนเฮ่อยกทัพบุกแคว้นต้าโจว จากนั้นพวกเราค่อยวางแผนว่าจะสังหารซั่งกวนเฮ่ออย่างไร”

เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวจบ ซั่งกวนม่อกับซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนต่างก็เห็นด้วย

ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนเอ่ยขึ้นว่า “ฮ่องเต้ซีเหลียงชอบสาวงาม ซั่งกวนเฮ่อก็ชอบสาวงาม พวกเราใช้ประโยชน์ในเรื่องนี้ได้ รอให้ซั่งกวนเฮ่อแตะต้องผู้หญิงของฮ่องเต้ ข้าค่อยหาทางเปิดโปงซั่งกวนเฮ่อ เชื่อว่าฮ่องเต้ต้องทรงกริ้วมากเป็นแน่”

“ขั้นตอนที่สองให้ข้าดำเนินการเอง ข้ารับหน้าที่ทำลายชื่อเสียงซั่งกวนเฮ่อ ทำให้ขุนนางในราชสำนักและราษฎรเมืองหลวงต่างรังเกียจซั่งกวนเฮ่อ”

เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวว่า “ข้าเขียนสารลับให้ม้าเร็วนำไปส่งด่านหลงไห่”

ทุกคนตกลงกันเรียบร้อยก็เริ่มแยกย้ายกันไปปฏิบัติการ

แคว้นต้าโจว

เพราะซีเป่ยสงคราม เซียวเหวินอวี๋ไม่ได้เสด็จวังหลังหลายวัน ย่อมไม่มีเวลาไปเยี่ยมองค์หญิงรอง

ฮองเฮาส่งคนมาตามหลายครั้งก็คว้าน้ำเหลว เซียวเหวินอวี๋ปฏิเสธอย่างไม่ไว้หน้านาง ส่งน้ำแกงมา เขาก็ไม่แตะต้อง ให้คนเอาไปเททิ้ง

ตอนนี้เขาต้องการเพียงแค่รักษาระยะห่างกับฮองเฮา ดำรงความปรองดองเอาไว้ นับว่าเป็นการรักษาหน้าตาของรัชทายาทกับบุตรที่เหลือ ไม่มีเรื่องอื่นเกี่ยวข้องกันอีกแล้ว

แต่องค์หญิงรองล้มป่วยอีกแล้ว และแม่นมที่ปรนนิบัตินางก็มารายงานว่าองค์หญิงรองล้มป่วยเอาแต่คิดถึงฮ่องเต้

แม้เซียวเหวินอวี๋การงานรัดตัว แต่ก็ยังหาเวลาไปเยี่ยมองค์หญิงรอง

พอเห็นฮองเฮาผ่ายผอมลงไปเป็นกอง สีหน้าอิดโรยมองดูก็รู้ว่านางกังวลมากเกินไป เซียวเหวินอวี๋อดเอ่ยขึ้นไม่ได้ว่า “เจ้าเป็นอันใดไปหรือ อิดโรยเช่นนี้”

หวังเมิ่งเหยาลุกขึ้นคิดถวายบังคมเซียวเหวินอวี๋ ปรากฏพอลุกขึ้นก็โงนเงนเกือบล้มลงกับพื้น

เซียวเหวินอวี๋รีบยื่นมือเข้ามาประคองนางไว้ สีหน้าเขาไม่ดีนัก หันไปมองข้าหลวงหลี่ด้านหลังฮองเฮาตำหนิว่า “พวกเจ้าดูแลฮองเฮาอย่างไรกัน”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!