Skip to content

จันทร์ซ่อนเงา 27

ตอนที่ ๒๗

สอบปากคำ

โสมหลับอยู่ตลอดเวลา จะตื่นเพียงเพราะถูกปลุกให้ลุกขึ้นมากินยาเท่านั้น และทุกครั้งราชันไพรสัณฑ์ก็จะทรงประทับอยู่ข้างๆ คอยป้อนน้ำป้อนยา พาเข้าห้องน้ำ และทำความสะอาดร่างกายของเธอโดยทรงไม่รังเกียจ แรกๆ หญิงสาวยังคงประดักประเดิดและเขินอายที่ถูกพระองค์แตะเนื้อต้องตัวราวกับทรงมีสิทธิ์ในตัวเธอนักหนา แต่เมื่อเวลาผ่านไป

ความรู้สึกเหล่านั้นก็น้อยลงเพราะทรงสุภาพและอ่อนโยนกับเธอมากจนทำใจยอมรับการสัมผัสของพระองค์ได้

แต่เหตุผลสำคัญที่สุดคือนอกจากราชันไพรสัณฑ์แล้ว เธอก็ไม่เห็นหมู หมา กา ไก่ที่ไหนโผล่ศีรษะมาให้เห็นเลยน่ะสิ! ไม่ตัดใจยอมพึ่งพา พระองค์แล้วจะไปพึ่งพาใครได้!

เธอทำเสียงฮึ่มฮั่มในลำคอทันทีที่คิดถึงเหตุผลนี้

“ข้าทำอะไรขัดใจเจ้าอีกล่ะแม่จอมเอาแต่ใจ” รับสั่งพลางทรงพระสรวลเพราะสีหน้าของคนป่วยดูน่าขันเสียจริง

“ไม่มีอะไร” โสมเหลือกตาขึ้น ถามไถ่ฟ้า “ฉันคันหัวท่านสระผมให้หน่อยได้ไหม”

“เจ้าช่างขวัญสูงเทียมฟ้านัก” รับสั่งพลางสรวลหึๆ “ข้ายังต้องปรนนิบัติและรอรับคำสั่งจากเจ้าเชียวนะ”

“ก็ไม่ได้บังคับให้ทำนี่ ส่งใครข้างนอกนั่นมาก็ได้ รับรองจะไม่ว่าอะไรสักแอะ” โสมตอบโต้ด้วยสีหน้าและน้ำเสียงไม่บ่งบอกอารมณ์

“อย่างอนสิ” พระสุรเสียงคล้ายจะงอนง้อ ข้อพระดัชนีลูบไล้แก้มที่บัดนี้รอยช้ำ เริ่มจางหายเบาๆ

“คิดได้ยังไงเนี่ยว่าฉันจะงอนเพราะเรื่องแค่นี้ ฉันดูไร้สาระมากขนาดนั้นเลยหรือ” หญิงสาวเลิกคิ้วถาม “หาคนอื่นมาทำเถอะ ท่านจะได้ไปทำอย่างอื่นบ้าง”

“ถ้าไม่ได้งอนก็แปลว่าเจ้าแกล้งให้ข้าร้อนใจ” คราวนี้ราชันไพรสัณฑ์ทรงโอบเธอขึ้นมากอดเบาๆ “เจ้าเองก็ไม่มีไข้แล้ว ถ้าอยากสระผมข้าก็จะสระให้เพราะฉะนั้น อย่าแกล้งข้าอีกเลยนะโสม”

ยอมง่ายๆ แบบนี้ก็ไม่สนุกน่ะสิ!

โสมแอบทำปากยื่นปากยาวอย่างเซ็งๆ ราชันไพรสัณฑ์ผละไปรับสั่งให้คนด้านนอกไปเอาอุปกรณ์สำหรับสระผมมา ไม่นานนักราชันก็ทรงหอบกะละมังเปล่าและผอบเข้ามาก่อนจะไปเอากะละมังน้ำเข้า

มาแล้วจัดให้หญิงสาวนอนในท่าพร้อมสำหรับการสระผม น้ำเย็นที่ราดจนชุ่มทำให้เธอรู้สึกดี กลิ่นมะกรูดของยาสระผมและแรงนวดคลึงบนศีรษะทำให้เธอต้องครางออกมาด้วยความสุขสบาย

“ท่านมือเบามากเลย แล้วก็นวดเก่งมากด้วย” โสมเอ่ยอย่างชื่นชม หลับตาพริ้ม รับสัมผัสด้วยความเต็มอกเต็มใจ

“เจ้าชอบสัมผัสของข้า” ราชันหน้ากากภูตรับสั่งด้วยความพึงพระทัย ปรารถนาจะหยิบยื่นสัมผัสที่สามารถทำให้นางเป็นสุขมากกว่านี้

“ท่านนี่ชอบพูดอะไรสองแง่สองง่ามให้ฉันเข้าใจผิดอยู่เรื่อยเลย”

หญิงสาวทำเสียงจิ๊กจั๊กแล้วก็ครางเมื่อการนวดคลึงย้ายมาอยู่บนขมับทั้งสองข้าง “ตรงนั้น แหละ… แรงอีก… อา… รู้สึกดีจังเลย”

“ว่าแต่ข้า เจ้าเองก็เหมือนกัน” ทรงพึมพำจับใจความไม่ได้ เมื่อนวดคลึงไปมาจนทนสดับรับฟังเสียงของนางอีกไม่ไหวจึงทรงตักน้ำล้างผมให้แล้วเอาผ้ามาซับน้ำบนเส้นผมที่เริ่มยาวจนประบ่าของนางเบาๆ “นั่งเช็ด

ผมไปก่อน เดี๋ยวข้ากลับมา”

โสมมองตามพระวรองค์สูงใหญ่กำยำที่หอบหิ้วของทั้งหมดออกไปจากห้องด้วยความขบขัน แน่นอนว่าหญิงสาวจงใจทำเสียงให้ราชันไพรสัณฑ์ปั่นป่วนเล่นเพราะรู้ว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ราชันจะไม่ทรงหักหาญในขณะที่เธอยังเป็นแบบนี้แน่ เธออารมณ์ดีจากการแก้เผ็ดพระองค์เสียจนผิวปากออกมาเป็นเพลงขณะลงมือขยี้ผมตัวเองให้แห้ง

“นั่นเจ้าทำอะไร” พระสุรเสียงเข้มดังแทบเป็นตวาดทำให้โสมสะดุ้งโหยงตกใจ ราชันไพรสัณฑ์รีบสาวพระบาทมาดึงผ้าออกจากมือของนางครั้น เห็นนางนั่งตัวแข็งและหน้าซีดก็อยากจะเตะตัวเองให้แรงๆ เพราะนางผ่านความเลวร้ายมามากจนขวัญหาย เมื่ออะไรกระทบกระเทือนใจก็จะขวัญหนีดีฝ่อได้ง่าย

“ข้าขอโทษ ข้าเห็นเจ้าเช็ดผมตัวเองแรงนักจึงเป็นห่วงว่าเจ้าจะปวดหัวขึ้น มาอีกเลยเผลอขึ้นเสียงใส่ อภัยให้ข้าเถิดนะ”

โสมผ่อนลมหายใจออกมาแรงๆ หัวใจเต้นกระหนํ่าและขวัญหาย หญิงสาวนึกโมโหราชันไพรสัณฑ์ที่ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่แต่เมื่อทรงยอมรับผิดแล้วเอ่ยขอโทษอย่างจริงใจก็โกรธไม่ลงจึงได้แต่พยักหน้าเนือยๆ เป็นเชิงยอมให้อภัยแล้วนั่งนิ่งให้พระองค์เช็ดผมให้อย่างนุ่มนวล ทั้งที่ในใจแสนจะกดดันตัวเองเพราะระลึกถึงเสียงสอนสั่งของใครบางคน

ซึ่งติดตรึงแน่นอยู่ในใจที่ว่าอย่าแสดงความอ่อนแอของตัวเองให้ใครเห็น

“มีหลายเรื่องที่ฉันคิดไม่ออกและอยากถามท่าน ท่านจะตอบคำถามของฉันไหม” โสมตัดสินใจค้นหาความจริงเกี่ยวกับตัวเองให้มากที่สุดเพื่อกำจัดความไม่รู้อันเป็นเหตุให้เธอกลัวหลายๆ อย่างออกไป

“ถ้าตอบได้ก็จะตอบ”

“ท่านอ้างตัวว่าเป็นสามีของฉัน แต่ทำไมที่ผ่านมาท่านไม่พยายามทำให้ฉันจำอดีตได้ล่ะ มันผิดวิสัยที่สามีจะกระทำนะ”

“เพราะอดีตที่ผ่านมาของเจ้ามันโหดร้ายและจะทำให้เจ้าเจ็บปวด การลืมมันไปเสียก็ดีกับตัวเจ้าเองแล้ว” ทรงรับสั่งตอบด้วยพระสุรเสียงราบเรียบ

“ใครทำให้ฉันเจ็บปวด” หญิงสาวขมวดคิ้ว “ท่านมีเมียน้อยหรือ”

“ไม่ใช่” ราชันหนุ่มปฏิเสธร้อนรน “เมื่อมีเจ้าแล้วข้าย่อมไม่สามารถมีผู้หญิงอื่นได้อีกและยิ่งไม่มีทางทำร้ายเจ้าโดยที่ข้าไม่ตายไปเสียก่อนได้”

“ไม่เห็นต้องปฏิเสธเสียงหลงขนาดนั้นเลยนี่นา” โสมพูดทั้งหน้าแดงนิดๆ “ถ้าไม่ใช่ท่านแล้วใครล่ะ”

“ข้ายังไม่รู้แน่ชัดแต่กำลังให้คนสืบอยู่” ราชันไพรสัณฑ์ให้คนตามหาตัวคนที่พบที่กระท่อมนรกนั่นอยู่ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่สามารถสืบหาได้ รู้เพียงแต่ว่ามันเป็นยิ่งกว่าสัตว์นรกเพราะของที่ค้นเจอในที่เกิดเหตุคือชิ้นส่วนของมนุษย์ที่ถูกดองเก็บเอาไว้หลายชิ้น หลายขนาดและหลายประเภท อีกทั้งมียาสมุนไพรและยาพิษหลายขนานซึ่งพระองค์ทรงสั่งให้

บรรดาหมอหลวงร่วมกันศึกษาแยกแยะตัวยาทั้งหมดโดยเร็วเผื่อได้เบาะแสบางอย่างจากของพวกนั้น

“ท่านเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับตัวฉันให้ฟังหน่อยได้ไหม” หญิงสาวถอนหายใจอย่างยอมแพ้ รู้สึกได้ว่าราชันไพรสัณฑ์จะไม่รับสั่งสิ่งที่พระองค์ไม่ต้องการให้รู้ ต่อให้คาดคั้น ก็จะไม่ได้อะไรกลับคืนมาจึงได้แต่ถามอย่างเปิดโอกาสให้พระองค์เลือกตอบได้เพราะอย่างน้อยเธอก็จะได้รู้อะไรบ้าง จะเชื่อหรือไม่เชื่อเธอจะเก็บเอาไปตัดสินใจเอง

“ข้ากำลังยืนมองพระจันทร์อยู่ในตอนที่เจ้าผุดขึ้นมาจากบ่อจันทราและตะเกียกตะกายขึ้นมาจากบ่อ” ราชันหน้ากากภูตหยุดนิ่งไปนิดหนึ่งเพื่อตัดสินพระทัยว่าจะเล่าเพียงแค่สิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อพระองค์และต่อนางเท่านั้น “ความเชื่อของชาวกณวรรธน์นครมีอยู่ว่าเจ้าเมืองต้องร่วมอภิรมย์กับแม่หญิงจันทรวดีที่จะลงมาเยี่ยมพิภพในคืนวันเพ็ญ ดังนั้น สตรีที่มายังพระตำหนักจันทราในคืนวันเพ็ญย่อมหมายถึงแม่หญิงจันทรวดีที่ถูกกล่าวถึง แต่เจ้าหลอกข้าว่าเป็นบุรุษข้าจึงให้เจ้าอยู่ในฐานะราชองครักษ์และปกปิดที่มาของเจ้าเอาไว้เพื่อปกป้องโบราณราชประเพณี”

“อ้อ… หมายความว่าฉันเป็นตัวบ่อนทำลายโบราณราชประเพณีสินะ” โสมหัวเราะเอิ๊กอ๊ากชอบใจ

“ข้ารู้อยู่แล้วว่าการก่อกวนคือสิ่งที่เจ้าชอบที่สุด” ทรงพระสรวลดังๆ “เจ้าก่อกวนพระราชวังของข้าจนปั่นป่วนไปหมดทั้ง ยังก่อกวนข้าเสียจนทำอย่างอื่นไม่ได้นอกจากดึงเจ้ามาไว้ใกล้ตัว”

“ก็เลยให้ฉันขึ้น ไปนอนด้วย” หญิงสาวพยักหน้าเหมือนเริ่มจะเข้าใจเรื่องราว “เพราะว่าฉันปลอมตัวเป็นชายมันก็อาจเกิดข่าวลือแปลกๆออกมา นั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมพวกหมอผู้เฒ่าถึงได้ทำหน้าเหมือนถ่ายไม่ออกมาเป็นปีตอนตอบคำถามของฉันสินะ”

“เจ้ามีความสามารถมาก ข้าจึงให้เจ้าเป็นครูของทหารภูตซึ่งเป็นทหารหน่วยที่ทำงานให้ข้าโดยตรง และยังให้เจ้าไปสืบเรื่องผู้ต้องสงสัยว่าจะร่วมการก่อกบฏ แต่เจ้าก็เข้าไปพัวพันกับเป้าหมายเสียก่อน ข้าจึงให้เจ้าไปเป็นคนกลางเจรจากับฝ่ายนั้น จนกระทั่งเจ้าหายตัวไปโดยไม่มีใครรู้ว่าไปไหน พบอีกครั้ง เจ้าก็เป็นเช่นนี้”

“ถ้าอย่างนั้น เป็นไปได้ไหมว่าเป้าหมายคนนั้น มีส่วนเกี่ยวข้องกับการที่ฉันต้องเจ็บปางตายแบบนี้” เธอถามเหมือนถามเรื่องลมฟ้าอากาศ

“ก็เป็นไปได้ แต่ทางฝ่ายนั้น ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆเลย ข้าจึงยังไม่แน่ใจ อีกอย่างหนึ่งคือทหารภูตมีศัตรูมากมายหลายด้าน คนที่ทำกับเจ้าอาจเป็นศัตรูฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งก็ได้”

“แล้วท่านไปพบฉันได้ยังไงล่ะ”

“คืนนั้น มีคนส่งโหงพรายมาทำร้ายข้า แต่พวกมันไม่อาจทำอะไรข้าได้ ข้าจึงปล่อยให้กลับไปหาเจ้านาย ข้าจึงได้พบเจ้า” ทรงลูบเส้นผมที่เริ่มแห่งของนาง “ข้าจับตัวมันไม่ได้เพราะมันหนีไปอย่างรวดเร็วมากราวกับฝึกฝนการหนีในสถานการณ์ถูกประชิดตัวมาหลายครั้ง”

“แล้วไม่มีหลักฐานอะไรที่บ่งชีตั้วได้เลยหรือ”

“เจ้านอนอยู่ในกระท่อมที่มีแต่ไหดองอวัยวะมนุษย์มากมายจนน่าสะอิดสะเอียน มียาสมุนไพรและยาพิษจำนวนหนึ่งตั้งอยู่ใกล้ๆ ตัวเจ้า

คาดว่าน่าจะเป็นตัวยาที่มันใช้กับเจ้า” ทรงผินพระพักตร์มองหน้านางด้วยความเวทนา “ไม่ต้องกังวลมาก ข้าให้พวกหมอไปคัดแยกตัวยาพวกนั้นแล้วจะทำยาแก้พิษ หากหนึ่งในยาพิษนั้น คือพิษที่ยังคงไหลเวียนอยู่ในร่างเจ้า ข้าก็จะมียาแก้พิษให้เจ้าแน่นอน”

“ขอบคุณ” เธอพูดด้วยความซาบซึ้งใจ แต่ก็ขัดเขินเกินไปที่จะแสดงออกมาตรงๆ จึงแสร้งกระแอมทำหน้าตาเฉยขณะพูดต่อ “แล้วคนที่เป็นผู้ต้องสงสัยมากที่สุดว่าจะทำร้ายฉันมีลักษณะยังไงหรือ ท่านทันเห็นเขาก่อนที่เขาจะหนีไปไหม”

“ไม่ทราบเพศ แต่มีรูปร่างผอมสูง สวมเสื้อ ผ้าดำสนิทมิดชิดตลอดตั้งแต่หัวจรดเท้า ช่องดวงตามีผ้าดำโปร่งแสงปิดเอาไว้ให้มองเห็นทางได้ มันเหมือนเปรตจากนรกที่ไม่ยอมโดนแสงใดเลย”

โสมหัวใจกระตุกเมื่อได้รับข้อมูลเหล่านี้ในหัวของเธอผุดภาพร่างสูงในชุดดำมิดชิดตลอดตัวถือเทียนไขเล่มหนึ่งมาหาเพื่อมอบความเจ็บปวดแสนสาหัสให้ หญิงสาวสะดุ้งโหยง ตัวแข็งทื่อ เลือดในกายเย็นเยียบ เม็ดเหงื่อผุดพราย ดวงตาเบิกโพลงจดจ่ออยู่แต่ภาพในความทรงจำ เขาด่าทอเธอแล้วบังคับให้เธอกินบางอย่างที่ทำให้เธอดิ้นทุรนทุราย

เจ็บปวดแสนสาหัสจนต้องอ้าปากอาเจียนเอาลิ่มเลือดออกมา

“โสม!” ราชันไพรสัณฑ์ทอดพระเนตรอาการนิ่งขึงอย่างกะทันหันของหญิงสาวก็ตกพระทัยจึงทรงเขย่าร่างนางเบาๆ ด้วยความวิตก นางสะดุ้งก่อนที่ร่างกายจะสั่นเทาจนพระองค์ต้องรวบนางเข้ามาโอบกอดด้วยความร้อนใจ “ข้าไม่อนุญาตให้เจ้ากลัวตอนที่ข้าอยู่ด้วย หากเจ้ากล้ากลัวอีกข้าจะถือว่าเจ้าดูหมิ่นข้า!”

โสมได้ยินรับสั่งของราชันหนุ่มก็รู้สึกมึนงงก่อนจะเปลี่ยนเป็นขบขันที่แม้ในเวลาปลอบโยนก็ยังรับสั่งชวนให้คนฟังใจเสียยิ่งกว่าเดิม ไม่ทราบไปเรียนวิธีปลอบใจสตรีมาจากสถาบันไหน

“ท่านเล่าข้ามไปเรื่องหนึ่ง” โสมซุกตัวเข้าหาการปกป้องแล้วตัดสินใจเปลี่ยนเรื่องพูด “ท่านยังไม่ได้พูดถึงว่าท่านรักฉันตอนไหน แล้วเป็นยังไงมายังไงฉันถึงได้เป็นเมียของท่านได้”

“ข้ารักเจ้าทั้ง ที่คิดว่าเจ้าเป็นบุรุษ” ราชันไพรสัณฑ์คิดไว้แล้วว่าสักวันหนึ่งนางต้องถามเช่นนี้จึงเตรียมคำตอบเอาไว้ล่วงหน้า “อย่างที่เคยบอกว่าเจ้ามันตัวก่อกวน ทำให้ข้าสับสนจนกระทั่งรักเจ้าในสภาพนั้นไปได้ ข้าต้องการพิสูจน์ความรู้สึกนี้จึงลงมือเอาเปรียบเจ้า”

“ท่านหมายความว่าปล้ำฉันตั้ง แต่ตอนที่คิดว่าฉันเป็นผู้ชายน่ะหรือ” โสมดิ้นออกจากพระอุระอุ่นของพระองค์เพื่อเบิกตาโตมองอย่างไม่อยากเชื่อแล้วก็ถูกรวบเข้าไปกอดอีกครั้ง ทั้งยังกดหน้าเธอลงแนบพระอุระราวกลับกลัวว่าเธอจะผละออกมาอีก

“ข้าไม่มีทางเลือก เจ้าทำให้ข้าช่วยเหลือตัวเองไม่ได้”

“เริ่มมีกลิ่นน้ำเน่าแล้ว!” โสมทำเสียงขลุกขลัก

“ข้าไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากรักเจ้า”

“โอย… พ่อแก้วแม่แก้วช่วยลูกด้วย” หญิงสาวครางอ๋อยอยากสลบไปให้สิ้นเรื่อง อีตาราชันผีทะเลนี่รับสั่งเรื่องแบบนั้นออกมาอย่างคล่องแคล่วได้ยังไงกัน

“มีอะไรหรือ” ราชันหนุ่มรับสั่งถามเมื่อสังเกตได้ว่านางมีอาการแปลกประหลาด ครั้นจะดันตัวนางออกเพื่อดูหน้า นางกลับเป็นฝ่ายกอดพระองค์เอาไว้แน่นเสียเอง

ก็จะให้เห็นได้ยังไงว่าหน้าแดงขนาดไหน ถึงจะเป็นอย่างนี้ก็อายเป็นนะ!

“ไม่มี๊ไม่มี” เธอรีบบอก ยิ่งทรงดันร่างเธอออกก็ยิ่งกอดเอาไว้แน่นจนในที่สุดก็ทรงเลิกพยายาม ทำให้เธอถอนใจด้วยความโล่งอก ไม่รู้ตัวสักนิดว่าตกเป็นเหยื่อคนแผนสูงกว่าที่ลอบแย้มพระโอษฐ์ยิ้มหวานภายใต้หน้ากากภูตด้วยความสมพระทัย “แต่ฉันรู้สึกว่าฉันไม่น่าจะยอมท่านง่ายๆ นี่นา คนอย่างฉันต้องต่อสู้สิ”

“ข้าก็ไม่ได้บอกว่าเจ้าไม่ต่อสู้” ทรงโอบกอดร่างที่ซุกอยู่กับพระอุระอย่างเป็นสุข “เจ้ายังพยายามพูดจาโน้มน้าวไม่ให้ข้าจุมพิตเจ้าอย่างน่าขันเสียด้วย”

“แล้วท่านก็ไม่ฟังฉันสินะ” คนถามเสียงฮึดฮัดขัดใจไม่น้อย

“เนื้อเข้าปากเสือแล้ว ไฉนจะยอมปล่อยไปง่ายๆ”

“ก็เลยรวบหัวรวบหาง?!”

แต่ยังไม่ได้กินกลางตลอดตัว! ทรงบอกตัวเองในพระทัย

โสมอดใจไม่ไหว ลงมือทุบพระองค์ไปสามสี่ครั้งเท่าที่จะมีแรงทำไหว ราชันไพรสัณฑ์แสร้งร้องด้วยความเจ็บปวดแล้วขยับตัวกอดรัดอย่างออดอ้อน ยิ่งทำให้หญิงสาวหมั่นไส้จึงทั้ง ทุบทั้ง ถองไปอีกหลายทีโดยที่ราชันหนุ่มยังคงปล่อยให้นางทำเพียงเพื่อจะได้กอดรัดสนิทสนมแนบกับนางมากขึ้น อีกอย่างคือเรี่ยวแรงของนางในตอนนี้ยังไม่มากไปกว่าลูกแมว

แรกคลอดเลยด้วยซ้ำ!

“เจ็บไปหมดแล้ว อย่าตีอีกเลยนะคนดี” รับสั่งออดอ้อน ซุกไซ้บนกระหม่อมของนางอย่างออเซาะ “เรื่องก็ดำเนินมาถึงขั้น นี้แล้วอย่าลงโทษผัวอีกเลยนะ”

“พูดอะไรแบบนั้น” โสมดิ้น รนไม่พ้นอ้อมพระพาหา หญิงสาวทั้งฉุน ทั้งขัน ราชันไพรสัณฑ์แต่งตัวและสวมหน้ากากน่ากลัวถึงเพียงนั้น กลับรับสั่งขัดกับภาพพจน์เหลือเกิน อย่างนี้จะโกรธเคืองพระองค์ต่อไปอย่างไรไหว “แล้วเรื่องผัวเมียเนี่ยฉันยังไม่ยอมรับ รอให้หายก่อนแล้วจะหาทางพิสูจน์”

ราชันไพรสัณฑ์ทรงแย้มพระสรวลเสียงดัง ปากของโสมก็บอกว่าไม่ยอมรับ แต่ที่ผ่านมาก็ปล่อยให้พระองค์แตะต้องทั้งเนื้อ ทั้งตัว แล้วยังออกปากว่าพอหายดีแล้วจะพิสูจน์ความเป็นผัวเมียอีก สตรีคนนี้ช่าง… ไม่ทราบจะหาคำใดมาจำกัดความดี

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!