ตอนที่ 334 ช่างดูมีไมตรีเสียเหลือเกิน
ใบหน้าเล็กๆ ที่ดูอวดดีนั้น แสดงออกให้เห็นถึงความประหลาดใจ เอาอกเอาใจชายหนุ่มที่ดูอารมณไม่ดี
แต่เจียงหลีไม่ระมัดระวัง คาดไม่ถึงว่าจะถูกชายผู้นั้นโจมตีได้สำเร็จ กดนางไว้ใต้ร่างกาย
อึก…
วีรบุรุษแห่งยุค!
เจียงหลีจนปัญญา แต่ไม่อยากยอมแพ้ มือทั้งสองวางที่คอของชายหนุ่ม ยิ้มอย่างยั่วยวน “องค์ จักรพรรดิใยต้องรีบร้อนถึงเพียงนี้”
จักรพรรดิหนุ่มยิ้มเยาะ มาไม้นี้อีกแล้ว
เพียงแต่ ครั้งนี้ เขาก็ไม่ได้เลอะเลือนแบบนั้นแล้ว เซ่าตี้ยื่นมือออกไป นิ้วมือเรียวยาวลูบผ่านที่แก้มของ นางอย่างเบามือ เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ชวนหลงใหล “หลีเอ๋อร์มีระดูแล้วหรือ”
อึก!
สมควรตาย!
เจียงหลีสะดุ้งตกใจในทันใด นางเกือบจะลืมจุดนี้ไป
ครั้งที่แล้วใช้ข้ออ้างนี้ ปั่นหัวชายหนุ่มไปครั้งหนึ่ง เพื่อแก้แค้นเล็กๆ น้อยๆ ได้สำเร็จ หากวันนี้จะใช้มันอีก ชายหนุ่มคงจะไม่เชื่ออย่างแน่นอน
หากเขาควบคุมตัวเองไม่อยู่จริงๆ จะมาพราก…ไม่ นางก็คงทำได้เพียงฝืนใจยอมรับ!
“ทุกครั้งที่ข้ามา หลีเอ๋อร์มีไมตรีเสมอ แสดงออกเป็นนัยๆ ทำให้ข้ารูสึกสำบากใจ หากไม่ลงมือทำอะไร ก็ดูเหมือนกับว่าจะปฏิเสธไมตรีของเจ้า” จักรพรรดิหรี่ตาลง จากนิ้วมือกลายเป็นฝ่ามือสัมผัสไปที่ร่างกายของเจียงหลี
แม้จะมีอาภรณ์ขั้นอยู่ เจียงหลียังคงรู้สึกได้ว่ามือใหญ่ที่สัมผัสลูบไปมานั้นทำให้เนื้อตัวสั่นเทา “ช่วงนี้หลีเอ๋อร์คงกินอิ่ม นอนสบายเป็นแน่”
คำพูดที่ชายหนุ่มจู่ๆ เอ่ยขึ้นมา ทำให้เจียงหลีมึนงงเล็กน้อย เมื่อนางรู้สึกตัวจึงเอ่ยตอบ “นั่นมันแน่นอน!”
ถึงอย่างไรก็ไม่สามารถเอ่ยได้ว่าตนเองคิดถึงเขา เช่นนี้คงขายหน้าเป็นแน่
อืม อย่างนั้นหรือ
เพียงแต่ หลังจากนางตอบไป ประกายตาของชายหนุ่มที่คร่อมอยู่ด้านบนแสดงออกเหมือนหยอกเย้า นางมีอาการตอบสนองทันที ใบหน้าร้อนวูบวาบ สมควรตาย!
ชายคนนี้จะสนใจว่านางจะกินอิ่มนอนสบายที่ไหนกัน เหมือนแสดงออกเป็นนัยๆ ว่าร่างกายของนาง นั้นแตกสาวมากยิ่งขึ้นทุกวัน!
หลังจากถอดหน้ากากออก ก็ปรากฏให้เห็นธาตุแท้ของชายหนุ่มใช่ไหม เจียงหลีพูดอย่างโกรธเคืองในใจ
หญิงสาวที่อยู่ด้านล่างได้แต่กัดฟันโกรธ ทำให้เซ่าตี้ที่ตอนแรกไม่ได้แสดงออกอะไรทางสีหน้า กลับมี รอยยิ้มเล็กน้อยปรากฏอยู่บนใบหน้า
“ท่านเป็นอะไร” เจียงหลีที่จับตามองเขาอยู่ จู่ๆ ดวงตาของเขาปรากฏให้เห็นถึงความเหนื่อยล้าที่ซ่อน อยู่ภายใน
เซ่าตี้พลิกตัวออกทันใด นอนอยู่ข้างกายนาง แล้วดึงนางมากอดไว้ที่อก และเอ่ยเสียงเบา “ไม่มีอะไร นอนเถิด”
เรี่ยวแรงนั้น ทำให้นางเริ่มไม่อยู่นิ่ง เจียงหลีนึกว่าเขาหลับจริงๆ แล้วเป็นเพียงแรงที่กดไม่ให้บิดตัวไปมา
“ไม่มีอะไรจริงๆ หรือ” เจียงหลีถามอย่างไม่วางใจ
“ไม่มี” เซ่าตี้ตอบกลับอย่างง่ายๆ
เจียงหลีเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างละเอียด บนใบหน้าที่งดงาม ดูนิ่งสงบมาก ดูไม่เห็นความผิดปกติ แม้แต่น้อย และก็ไม่ได้มีความรู้สึกใดบนใบหน้า
ราวกับว่า ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นจริงๆ
เมื่อคลายความกังวลในใจ เจียงหลีซบไปที่แผงอกนั้นอีกรอบ แล้วเล่าเรื่องคณะทูตจากเป่ยโหรว
เมื่อเล่าจบ นางเอ่ยถาม “ท่านว่าฮ่องเต้เป่ยโหรวตัดสินใจจะกระทำการใดกันแน่ เรื่องนี้ หรงจิ่งอยู่ เบื้องหลังใช่หรือไม่”
“เจ้าจัดการได้” ใครจะรู้ เซ่าตี้จะตอบกลับง่ายๆ เพียงประโยคเดียว
เจียงหลีเบ้ปาก ได้แต่ตำหนิในใจ จริงๆ เลย ไม่แม้จะให้โอกาสนางที่จะแอบอู้ได้เลย
หลังจากปล่อยวางเรื่องที่จะรีดเค้นใช้ปัญญาของชายหนุ่มไป เจียงหลีเอ่ยถามขึ้นอีก “ข้าตัดสินใจที่จะ ปลอมตัวไปที่เป่ยโหรว มีสิ่งใดที่จะทำให้ง่ายต่อการปลอมตัวไหม”
ไม่ช่วยกันคิด ช่วยมอบของดีๆ ให้ก็น่าจะไม่เลว
ครั้งนี้ เซ่าตี้ไม่ได้ตอบปฏิเสธอะไร ยกมือขึ้น ในมือของเขามีแสงสีเขียวปรากฏ หลังจากแสงสว่างหายไป วัตถุโปร่งใสครึ่งหนึ่งดั่งใช้น้ำหลอมขึ้นมาปรากฏอยู่บนมือของเขา “สิ่งนี้คือเชียนเหยียน วางไปบนใบหน้า มันหลอมรวมไปกับใบหน้า จะทำตามคำสั่งของนาย แปลงได้เป็นพันหน้า ไม่เพียงแต่ เปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ภายนอกได้เท่านั้น แต่ยังเปลี่ยนไปถึงลมปราณอีกด้วย”
เจียงหลีตื่นเต้นจนลุกขึ้นมานั่ง ยื่นมือไปรับเชียนเหยียน ทำตามสิ่งที่เซ่าตี้บอก นำมันวางทาบไว้บน หน้าเบาๆ
เชียนเหยียนถูกวางทาบอยู่บนใบหน้านาง ให้ความรูสึกที่เย็นสบาย เพียงชั่วครู่ก็หลอมรวมเข้าไปอยู่ บนใบหน้าของนาง
“เกิดความเปลี่ยนแปลงหรือไม่” เจียงหลีลูบไปที่ใบหน้าของตัวเอง แล้วถามชายที่อยู่ข้างกาย
ชายหนุ่มไม่เอ่ยสิ่งใด แล้วนำกระจกออกมา ส่องไปที่ใบหน้าของนาง คนในกระจก ยังคงสะท้อนเป็น ใบหน้าของนาง ไม่มีความเปลี่ยนแปลงแม้แต่เล็กน้อย
แต่ทว่า หลังจากใจนางคิดถึงใบหน้ามากมาย นางมองเห็นความเปลี่ยนแปลงของตนเองในกระจก
ใบหน้านับไม่ถ้วนเปลี่ยนแปลงอยู่ในกระจก มีทั้งงามและไม่งาม มีแก่เฒ่าและมีอ่อนเยาว์ แต่ทั้งหมด ล้วนเป็นผู้หญิง ไม่มีใบหน้าของชายหนุ่ม
“ทำไมถึงมีแต่ของผู้หญิง”
หลังจากแปลงกลับมาเป็นตนเอง เจียงหลีถามอย่างสงสัย
เซ่าตี้เก็บกระจก แล้วอธิบายเพียงประโยคเดียว “เชียนเหยียนจะเปลี่ยนแปลงตามเพศของผู้ใช้งาน”
“อืม” เจียงหลีเบ้ปาก
สิ่งนี้นับเป็นสิ่งของวิเศษ ถือว่าฝ่าฝืนกฎของสวรรค์มากแล้ว
หลังจากหายตื่นเต้นจากที่ได้รับเชียนเหยียนแล้ว เจียงหลีก็โผเข้าอ้อมกอดเขาใหม่ หยอกเย้าชายหนุ่ม อีกไม่กี่ประโยค ก็หลับไป
………….
ทางด้านคณะทูตจากเป่ยโหรว ไม่ได้หยุดพักที่อาณาจักรจยาเซียนนาน
หลังจากที่เจียงหลีตอบตกลงให้ลู่เสวียนไปยังเป่ยโหรว จงเจิ้งเหยี่ยก็ใช้โอกาสนี้พูดถึงเรื่องที่จะกลับอาณาจักรตนเอง สำหรับเรื่องนี้ แน่นอนว่าเจียงหลีไม่ได้ขัดขวาง ยังจัดงานเลี้ยงส่งใหญ่โตให้กับพวกเขาอีก
แต่ทว่า ไป๋เซี่ยงไท่นั้นไม่รู้ว่าเขารู้สึกขายหน้าหรือไม่ แม้แต่งานเลี้ยงส่งยังไม่มาปรากฏตัว
คณะทูตจากเป่ยโหรวเดินทางกลับไปแล้ว ภายในกลุ่มคณะยังมีหยวนหวังลู่เสวียน องครักษ์และบ่าว รับใช้ติดสอยห้อยตามไปด้วย ทั้งคณะร่วมพันคน เมื่อรวมกันคงประมาณสองพันคน ขบวนคนที่ ยิ่งใหญ่มุ่งหน้าไปทางเมืองหลวงของเป่ยโหรว ออกเดินทางไปยังชิ่งตู เจียงหลีใช้ประโยชน์ของเซียนเหยียนเปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอกและลมปราณ กลายเป็นผู้หญิงที่มี หน้าตาธรรมดา ถูกทิ้งให้อยู่ในกลุ่มของสาวรับใช้ที่ไม่ได้มีความโดดเด่น เมื่อแฝงกายเข้าไปอยู่ในหมู่คณะ ทำให้ดูธรรมดามาก
จากเมืองซั่งตูของราชวงศ์จยาเซียน ถึงเมืองชิ่งตูของเป่ยโหรว เป็นเส้นทางตรง ใช้เวลาเดินทาง ประมาณ 3 เดือน
ในเวลา 3 เดือนนี้ เป็นเวลาแห่งการพักผ่อนที่เจียงหลีพบเจอได้ยากนัก และใช้ช่วงเวลานี้ แอบ บำเพ็ญเสี่ยวหมีเจี้ยจื่อ
หลัง 3 เดือนที่วุ่นวายกับการเดินทาง ประตูเมืองชิ่งตูของเป่ยโหรว ในที่สุดก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าของ พวกเจียงหลี
เพียงแต่ว่า เมื่อพวกเขามาถึงประตูเมือง กลุ่มคนที่ยืนเรียงรายอยู่สองฟากถนนให้การต้อนรับและสร้าง ความประหลาดใจหมู่คณะเป็นอย่างมาก
“คนเป่ยโหรวนี้แลดูเป็นมิตรมาก” ลู่เสวียนตกตะลึงจนตาค้างและพูดเสียงเบา
‘ปรนนิบัติ’ เจียงหลีที่อยู่ข้างกายเขาก็พยักหน้าเห็นด้วย “อือ เมื่อเปรียบกับพิธีต้อนรับที่เป่ยโหรว อาณาจักรจยาเซียนของพวกเราดูใจแคบไปเลยจริงๆ”
ตอนคณะทูตจากเป่ยโหรวมาถึง ตัวเขารายงานอยู่ที่หอส่งสาร หลังจากนั้นเจียงหลีส่งเสนาบดีสองคน ไปรับเขามาที่เรือนรับรอง
แต่เมื่อลู่เสวียนมาถึงที่นี่ ภายในและประตูเมือง เหล่าราษฎรของเมืองเป่ยโหรวต่างมายืนออกัน ในมือ ถือดอกไม้สด ส่งรอยยิ้มที่ดูงดงามและเป็นกันเอง บนพื้นของประตูเมืองยังปูผ้าไหมสีแดงไว้ ประตูเมือง ยังมีนางกำนัลที่คอยรับใช้ในมือถืออ่างทองแดง ราวกับให้ลู่เสวียนใช้ล้างสิ่งสกปรกออก
อีกด้านหนึ่ง ยังมีนักดนตรีบรรเลงเพลง มีสาวงามถือไหสุราชั้นยอด ผลไม้สดคอยบริการอยู่ “พวกเขาดูเป็นกันเองมาก ทำข้ากลัวเล็กน้อย! หากไม่รู้ คงคิดว่าข้าเป็นคนในราชวงศ์เป่ยโหรว ไม่ใช่ราชวงศ์จยาเซียน” ลู่เสวียนเอ่ยเสียงเบากับเจียงเหลี
เจียงหลีดวงตาเป็นประกาย คล้ายกับยิ้มแต่ไม่ชัดเจน “พวกเขาใช้ความยิ่งใหญ่เพื่อสร้างสัมพันธ์กับเจ้า”
“สร้างความสัมพันธ์หรือ” ลู่เสวียนสงสัย “ว่าแต่เพราะเหตุใดกัน”