ตอนที่ 1353 เทียนเสียยิ้มเอ่ยถึงเมี่ยเซิง
“เต๋าของเขาผิด” ซูหมิงพูดขึ้นเรียบๆ
“ชีวิตเสี้ยวหนึ่งของทุกชีวิต…หากมีเสี้ยวชีวิตนั้นจริงๆ…” ซูหมิงไม่ได้พูดต่อ
“ผิดก็ดี ถูกก็ดี เจ้ายอมรับก็ดี ไม่ยอมรับก็ดี หากเจ้าเป็นคนที่ขวางชีวิตเสี้ยวนี้ เช่นนั้น…ไม่ว่าเจ้าเป็นใคร เจ้าคือศัตรูของข้าเลี่ยซานซิว” ดวงตาเลี่ยซานซิวขยับประกายวาว ยามที่เอ่ยเนิบๆ มีพลังแก่กล้าปะทุมาจากในตัวเขา
“ท่านไม่ใช่คู่ต่อสู้ข้า” ซูหมิงมองเลี่ยซานซิว ไม่ว่าพลังจากตัวอีกฝ่ายจะน่าตกใจเพียงใด แต่ในสายตาซูหมิงก็ยังอ่อนแอเหมือนกับแสงเทียนที่แค่ใช้มือก็มอดดับได้
เลี่ยซานซิวหลับตาลง ตอนที่ลืมตาอีกครั้งนัยน์ตาเขาจุดประกายความมุ่งมั่นในการต่อสู้ ก่อนขยับวูบไหวเข้ามาใกล้ในพริบตา ยกมือขวาขึ้นพร้อมกำหมัดชกอากาศไปทางซูหมิง
เมื่อชกไปฟ้ากระจ่างดาวเกิดเสียงดังสนั่น มวลอากาศบิดเบี้ยวประหนึ่งเปลี่ยน ผืนฟ้าเป็นทะเลใหญ่ ม้วนคลื่นทะเลนับไม่ถ้วนตรงไปหาซูหมิงเหมือนจะจมเขาเอา ไว้ข้างใน ซูหมิงไม่ขยับตัว ปล่อยให้อากาศบิดเบี้ยวนั้นตรงเข้ามา แต่ทันทีที่ปะทะ ร่างเขา เหมือนร่างเขาเป็นโปร่งใส ไม่ได้เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย
เลี่ยซานซิวหรี่ตาลง เขาเคลื่อนตัวอีกครั้ง ครั้งนี้มาอยู่ทางขวาซูหมิงในทันใด ก่อนคว้ามือขวาเข้ามาทางซูหมิง แต่ว่า…มือขวาเขาทะลวงผ่านร่างซูหมิงสัมผัสกับความว่างเปล่า เหมือนว่าซูหมิงยืนอยู่ตรงนั้นจริงๆ แต่วิชาของเขากลับว่างเปล่า
“เต๋าของเขา…ช่างเถอะ ในเมื่อท่านยึดมั่นในเต๋าของเขา ยึดมั่นในชีวิตเสี้ยวนั้น…ข้าจะให้ท่านไป ให้ท่านติดตามผู้เฒ่าเมี่ยเซิง แสวงหาเต๋าของเขา
สามร้อยปีจากนี้มาดูกันว่าใครกันแน่ที่ผิด” ซูหมิงหลับตาลง ลืมตาขึ้นพร้อมพูดเบาๆ ด้วยสีหน้าเหนื่อยล้า ก่อนยกมือขวาโบกไป ภายในฟ้ากระจ่างดาวไม่ไกลปรากฏหลุมน้ำวนแห่งหนึ่ง นั่นมุ่งไปสู่โลกฟ้าแหว่งในปีกที่สี่
เขาเหนื่อยแล้ว เหนื่อยใจ เหนื่อยกาย เหนื่อยกับทุกอย่าง เขาเห็นความยึดมั่นของเลี่ยซานซิว เห็นว่าคนคนนี้ไม่ควรเป็นศัตรู แต่ตอนนี้กลับลงมือกับตน
ทุกอย่างทำให้ซูหมิงเหนื่อยยิ่งนัก เขายังจำความลังเลของเลี่ยซานซิวที่ตนตระหนักได้บนดาวทมิฬในตอนนั้น บนหน้าผาที่เลี่ยซานซิวจากไปได้
ในที่สุดตอนนี้ซูหมิงก็เข้าใจว่าความลังเลนั้นคืออะไร เขาลังเลเต๋าของผู้เฒ่าเมี่ยเซิง และตอนที่เขาเลือกจากไป บางทีส่วนลึกในใจเขาอาจจะเชื่อผู้เฒ่าเมี่ยเซิงแล้ว
เลี่ยซานซิวหยุดลง เขาดึงมือขวากลับช้าๆ มองซูหมิงอย่างซับซ้อน ก่อนหมุนตัวกลับเดินไปทางน้ำวน ในใจเขา ไหนเลยจะอยากลงมือกับซูหมิง แต่เขาเชื่อว่า การเลือกของผู้เฒ่าเมี่ยเซิงถูกต้อง ดังนั้น…จึงต้องลงมือ
พริบตาที่เข้าไปในน้ำวนนั้น เลี่ยซานซิวหยุดชะงัก ไม่ได้หันกลับมา แต่พูดขึ้นเนิบๆ
“เจ้าคือเทพหมานแห่งเผ่าหมานสมกับคำเล่าขานจริงๆ…ได้เห็นเจ้าเติบโตมาจนถึงตอนนี้ ข้ามีความสุขมาก…หากสามร้อยปีจากนี้ข้าผิดจริงๆ…” เลี่ยซานซิวเงียบ ไม่ได้พูดต่อ แต่เดินหายไปในน้ำวน
ที่หายไปพร้อมกันยังมีซูหมิงในฟ้าชั้นแรกนี้
กลางฟ้าชั้นสอง ซูหมิงนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงหน้าคนชุดคลุมดำ ผ้าคลุมของคน ชุดคลุมดำถูกเปิดออกแล้ว เผยเป็นใบหน้าเมตตา ใบหน้านั้นมีความชื่นชม มีความอบอุ่นยามที่ผู้อาวุโสมองผู้เยาว์
รอยยิ้มแบบนี้ ความชื่นชมแบบนี้ ในชีวิตซูหมิงนอกจากท่านปู่แล้วก็มีเพียง เทียนเสียจื่อ
“เติบใหญ่แล้วรึ ไม่ใช่เด็กน้อยคนนั้นที่ข้าพามาจากภูเขาหานอีกแล้ว” เทียนเสียจื่อยิ้มมองซูหมิงพลางพูดอย่างปลงอนิจจัง
ซูหมิงเหม่อมองเทียนเสียจื่อ มองอาจารย์ในความหมายแท้จริงของชีวิตนี้ เป็นชายชราตรงหน้านี้เองที่สอนตนทำจิตใจสงบ เป็นชายชราคนนี้ที่ให้ตนตระหนักจิตใจเปลี่ยน หากไม่มีจิตใจเปลี่ยน ซูหมิงจะไม่สำเร็จอย่างทุกวันนี้
และเป็นชายชราคนนี้ที่ให้ตนได้รู้สึกถึงความอบอุ่นของครอบครัว เขาให้ตนรู้ว่าอะไรคือผู้แข็งแกร่ง พาตนไปเผ่าเชมันแล้วบอกว่าอะไรคือการล่าสังหาร และสุดท้ายหลังตนหายตัวไปในเผ่าเชมัน เขายังไปตามหาในเผ่าเชมันหลายครั้ง จนกระทั่ง… เขาหายตัวไป
ไม่มีเขา ยอดเขาลำดับเก้าก็ไม่สมบูรณ์ ไม่มีเขา ในใจศิษย์พี่ศิษย์น้องพวกซูหมิงมักจะเจ็บปวด…
ซูหมิงมองเขา นึกถึงเส้นทางการตามหาเทียนเสียจื่อในทะเลดาราต้นกำเนิดจิต…จนกระทั่งตอนทะเลลำดับห้า ตอนช่วงท้ายสุด ซูหมิงถึงได้เข้าใจว่าที่แท้ เทียนเสียจื่อก็อยู่ที่นี่ แต่เขาไม่รู้
“อาจารย์…” ดวงตาวูหมิงชื้นเล็กน้อยพลางพูดพึมพำ
“โทษข้าที่ไม่ได้ตามหาพวกเจ้าเถอะ ข้ารู้ ศิษย์พี่ใหญ่ของเจ้ารับผิดชอบหน้าที่สำคัญได้ด้วยตัวคนเดียว ศิษย์พี่รองของเจ้ายังต้องฝึกฝนมากกว่านี้ ส่วนหู่จื่อ… เขายังเด็ก แต่ศักยภาพในตัวเขาเหนือกว่าศิษย์พี่ใหญ่และศิษย์พี่รองของเจ้า ทว่าหากไม่เปลี่ยนนิสัยดื้อรั้นของเขา ชีวิตนี้ยากจะมีความรู้ความสามารถ
มีเพียงเจ้า…อาจารย์คาดไม่ถึงกับความสำเร็จของเจ้าเลย ตอนที่ข้ารู้จาก ผู้เฒ่าเมี่ยเซิง เจ้าเป็นคนที่แกร่งที่สุดในยุคนี้แล้ว อาจารย์ดีใจมาก
ข้ายังจำตอนนั้นที่เถียงเป็นการส่วนตัวกับเลี่ยซานซิวได้ว่าเจ้าเป็นของเผ่าหมานหรือของยอดเขาลำดับเก้าข้ากันแน่ ข้ามองออกว่าเขาก็ดีใจมากเช่นกัน เขาดีใจที่ปรากฏผู้แข็งแกร่งแบบนี้ขึ้น” เทียนเสียจื่อยิ้มพูดขึ้นด้วยสีหน้าเมตตา มีความชื่นชมที่ไม่มีการเสแสร้ง
ซูหมิงเติบใหญ่แล้ว ถึงขั้นสติปัญญาของเขาเป็นดั่งปีศาจ มีจิตใจที่กว้างใหญ่กว่าผืนฟ้า มีเงามืดที่ฟ้ายามค่ำคืนยังปกคลุมไม่มิด แต่มีเพียงต่อหน้าท่านปู่กับ เทียนเสียจื่อที่เขาจะเหมือนย้อนไปในอดีต ยังเป็นเด็กของภูเขาทมิฬ ยังเป็นศิษย์ น้องเล็กสุดของยอดเขาลำดับเก้า
“เต๋าของผู้เฒ่าเมี่ยเซิง…ก็ไม่ได้ถูกต้องอย่างที่เลี่ยซานซิวบอก เลี่ยซานซิวเองก็ไม่ได้มั่นใจมากนักว่าเต๋าของผู้เฒ่าเมี่ยซิงจะสำเร็จ” ยามที่เทียนเสียจื่อพูดขึ้นเบาๆ ซูหมิงไม่ได้มีสีหน้าประหลาดใจ เทียนเสียจื่อรู้สึกได้ถึงคำพูดของเลี่ยซานซิว ก่อนหน้านี้ตอนที่ซูหมิงมองเทียนเสียจื่อก็เข้าใจแล้ว
เทียนเสียจื่อต่างกับเลี่ยซานซิว พลังในตัวเขาไม่ได้รุนแรง แต่ความรู้สึกใกล้เคียงกับคำว่าประหลาดนั้น แม้แต่ซูหมิงก็ยังต้องมองหลายที
ถึงอย่างไร…เทียนเสียจื่อก็เป็นคนสร้างวิชาจิตใจเปลี่ยน!
“แต่เขาไม่มีทางเลือก เขาได้แต่เชื่อ เพราะหากเขาไม่เชื่อ ความเชื่อมั่นของเขาจะพังลง ไม่ได้หลุดพ้นก่อนตายอย่างทุกคน บางทีอาจไม่ใช่เพื่อชีวิตตัวเอง แต่เขาต้องทำเพื่อสิ่งที่ล้ำค่าที่สุดในสายตาเขา เขาจึงเดิมพันไม่ได้
เหมือนกับยอดเขาลำดับเก้าที่ล้ำค่าที่สุดสำหรับเจ้า แล้วก็ชนเผ่าในอดีตของเจ้า แต่สำหรับเลี่ยซานซิวแล้ว สิ่งที่ล้ำค่าที่สุดคือเผ่าหมาน สายเลือดเผ่าหมานจะต้องไม่ขาดหายไป
ดังนั้นผู้เฒ่าเมี่ยเซิงถึงหาตัวเขา ให้เขาเข้าใจทุกอย่างแล้วก็พูดถึงชีวิตเสี้ยวนั้น เขาจึงเลือกปฏิบัติตาม เลี่ยซานซิวฉลาดมาก เจ้าคือเส้นทางหนึ่งของเผ่าหมาน เขาคืออีกเส้นทาง เขาไม่สนหรอกว่าใครถูกใครผิด เขาสนแต่ว่าสุดท้ายจะต้องมีคนหนึ่ง… ที่ถูก” เทียนเสียจื่อมองซูหมิงพลางพูดขึ้นช้าๆ ด้วยสีหน้าลุ่มลึก
“แต่ข้า…ตอนที่จิตใจเปลี่ยนเก้าครั้ง ผู้เฒ่าเมี่ยเซิงมาหาข้า ทำให้ความคิดแห่งจิตใจเปลี่ยนมากมายของข้าไม่เสถียรภาพ ปลูกความคิดที่ไม่อาจละลายลงไป ดังนั้นข้าต้องดูว่าเขาถูกต้องหรือไม่ หากเขาถูกต้อง ความคิดข้าจะได้ตระหนักรู้ สำเร็จมหาเต๋า หากเขาไม่ถูก ความคิดข้าจะได้ตระหนัก ได้สำเร็จมหาเต๋าเช่นกัน
สิ่งที่ผู้ฝึกฌานฝึกฝนคืออะไร…ในมุมมองข้าคือฝึกความคิดเท่านั้น การสังหารในฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนด้วยหน้าตาเจ้านั้น เลี่ยซานซิวสังหารจนในใจ ไร้ร่องรอย ไม่ได้อ่อนข้อ และไม่กล้าอ่อนข้อ นี่เกี่ยวกับนิสัยเขา ในเมื่อเขาต้องเดิมพันก็ต้องเดิมพันให้ถึงที่สุด
ข้าไม่ชอบลู่ยาคนนี้ เป็นคนมืดทะมึนเกินไป ความมืดในใจยังไม่เท่าไร แต่กลิ่นอายพลังเย็นชามันน่าสะอิดสะเอียน เขาสังหารอย่างชินชาแล้ว ซ้ำยังตรงกับความคิดเขา ถึงอย่างไรก่อนหน้าเจ้า…เขาต่างหากที่ถูกขนานนามว่าเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดในยุคนี้!” เทียนเสียจื่อยิ้มมองซูหมิง ไม่ต้องให้ซูหมิงถาม แต่เล่าทุกอย่างเอง
“ควรทำอย่างไรก็ทำอย่างนั้น เส้นทางอยู่ใต้เท้าเจ้า ใครก็รบกวนไม่ได้ ใครรบกวน…เจ้าก็สังหารเสีย” เทียนเสียจื่อยืนขึ้นช้าๆ มองซูหมิงอีกครั้ง
“อาจารย์ต้องไปแล้ว ต้องกลับไปหาผู้เฒ่าเมี่ยเซิง ในเมื่อเขาไม่ได้อยากจะร่วมจิตใจครั้งที่เก้ากับข้า เช่นนั้นไม่ข้าก็เขาที่ต้องตาย นี่คือเรื่องของข้าเจ้าห้ามมายุ่งเกี่ยว และก็ไม่จำเป็นต้องยุ่งเกี่ยว สามร้อยกว่าปีจากนี้…หากข้าล้มเหลว เจ้ามาแก้แค้นให้กับข้าก็พอ” เทียนเสียจื่อยิ้มอย่างหลุดพ้น ก่อนสะบัดแขนเสื้อหมุนตัวเดิน อากาศไป
“บอกศิษย์พี่ใหญ่เจ้าด้วยว่าศีรษะไม่ใช่สัญลักษณ์ที่ต้องจำขึ้นใจ ที่ไม่เติบใหญ่ถึงแก่นแท้เป็นเพราะตัวเองผ่านกับตัวเองไม่ได้ ไม่มีศีรษะแล้วจะมีนิสัยที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะมากอย่างนั้นรึ? แล้วก็ศิษย์พี่รองของเจ้า คำว่ารัก เขาผ่านจิตใจเปลี่ยนไป นานแล้ว ด้วยร่างภูตผี แม้จะผิดต่อภัยความรักง่ายที่สุดก็ตาม แต่เขาจะไม่เป็น แบบนี้หรอก จิตใจเขาจะบาดเจ็บแค่ชั่วคราวเท่านั้น อย่าให้เขาสำออยโอดครวญ บ่อยนัก บางครั้งอาจารย์ยังเห็นว่าเขาเหมือนจะไร้ความก้าวหน้าด้วยซ้ำ
แล้วก็หู่จื่อ ให้เขานอนเยอะๆ การเข้าฝันคือมหาเต๋าของเขา ควรดื่มสุราก็ดื่ม ควรนอนก็นอน ควรถ้ำมองก็ไปถ้ำมอง ไม่ใช่ไม่ฝึกฝนแต่กลับชอบสังหาร ฆ่าไปฆ่ามาโลหิตก็ชโลมทั่วร่าง คิดว่ามีเสน่ห์นักรึ?” เสียงเทียนเสียจื่อดังแว่วมาก้องข้างหูซูหมิง ทำให้ซูหมิงยิ้มทีละน้อย เขามองร่างเงาอาจารย์หายไป ข้างหูยังมีเสียงดังก้องอยู่ เลยทำให้รอยยิ้มเขากว้างกว่าเดิม
นี่ต่างหากคือ เทียนเสียจื่อ คืออาจารย์ของศิษย์พี่ศิษย์น้องพวกเขา คำพูดไม่คำนึงถึง ความรู้สึกถูกสั่งสอนทำให้เหมือนย้อนไปในยอดเขาลำดับเก้าในอดีต…
“อ้อ อาจารย์ไม่ชอบลู่ยาคนนี้ หากเจ้าสะดวกสังหารเขา จะช่วยลดภาระให้อาจารย์ไม่ต้องลงมือเองได้” ทันใดนั้นเทียนเสียจื่อโผล่หัวมาจากในมวลอากาศ พูดจบก็หายไปอีกครั้ง…
ซูหมิงอึ้งไป รอยยิ้มมีความสุขกว่าเดิม เขามองตรงจุดที่เทียนเสียจื่อหายไป ภายในรอยยิ้มเผยความรักของศิษย์ที่มีต่ออาจารย์เข้มข้นขึ้นทีละน้อย
“อาจารย์วางใจ ลู่ยาต้องตายแน่”