Skip to content

สู่วิถีอสุรา 540

ตอนที่ 540 เหตุใดเป็นเช่นนี้

เวลาค่อยๆ ผ่านไป สิบกว่าลมหายใจต่อมา รอยแยกนั้นมีเพียงพลังอำนาจแก่กล้าเผยออกมา ทว่าไม่มีเสียงตอบรับ นี่จึงทำให้หมัวหลัวอึ้งงัน

“ขอให้ท่านโม่เชวี่ยลงมือด้วย!” หมัวหลัวตัวสั่นเทิ้ม รีบกล่าวขึ้น

ซูหมิงยืนมองหมัวหลัวอยู่ตรงนั้น นอกจากความเย็นชากับจิตสังหารแล้ว คนนอกมองไม่เห็นอารมณ์อื่น

“ลงมือก็บ้าแล้ว!” ผ่านไปพักหนึ่ง ขณะหมัวหลัวกำลังตึงเครียด มีเสียงตะโกนด้วยความโกรธดังมาจากในรอยแยก เสียงตะโกนนั้นดังสนั่นปานสายฟ้ากัมปนาท

“ที่นี่คือที่ปิดด่านนั่งฌานของข้า ไม่อยากเชื่อว่าเจ้าจะกล้ามารบกวนการฝึก หากไม่ใช่เพราะเห็นแก่ที่เจ้านำของมาบูชาหลายครั้ง ข้าคงสังหารเจ้าไปแล้ว!

ถือว่านี่เป็นความผิดแรก ไสหัวไป!” เสียงดังจากรอยแยกนั้นแฝงไว้ด้วยความโกรธกริ้ว ช่วงที่ดังแว่วออกมา หมัวหลัวตะลึงงันอยู่ตรงนั้น เมื่อได้สติกลับมาก็ร้อนรนในทันใด

“ท่านโม่เชวี่ย…เอ่อ…ตอนนี้ข้าถูกบีบบังคับ หวังว่าท่านจะช่วยเหลือ มีเพียงสังหารบุคคลนี้ ข้าถึงจะบูชาท่านต่อได้…”

หมัวหลัวยังกล่าวไม่จบ ก็มีเสียงตะโกนกราดเกรี้ยวดังมาจากในรอยแยกอีกครั้ง

“ไสหัวไป หากยังไม่ไปอีก ข้าจะไม่ให้เจ้าออกไปอีกชั่วชีวิต เจ้าคนสวมเกราะก็ด้วย ข้ากับเจ้าไม่มีความแค้นต่อกัน ข้าจะไม่สังหารเจ้า ทว่าเจ้าต้องออกไปทันที เกาะนี้คือที่นั่งฌานของข้า พวกเจ้าไปสู้กันข้างนอกเสีย แล้วอย่ากลับมาอีก!”

“ท่านโม่เชวี่ย!” หมัวหลัวเกิดความกลัวในใจ เขาไม่นึกเลยว่าช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ โม่เชวี่ยที่ตนเชิญมาและยังถวายของบูชาไปหลายครั้งจะ…เมินเฉยตน

อีกทั้งท่าทียังต่างกับเวลาปกติ โดยทั่วไปจะแค่เย่อหยิ่ง แต่ตอนที่ตนนำของมาบูชาก็จะมีคำกล่าวชม อีกทั้งอีกฝ่ายยังเคยบอกว่ามีตนอยู่ที่นี่จะไม่มีใครทำอันตรายเขาได้

ทว่ายามนี้…

“ท่านโม่เชวี่ย เพียงแค่หนึ่งความคิดของท่านก็สังหารเจ้าคนนี้ได้แล้ว ขอให้ท่านเห็นแก่ที่ผู้เยาว์บูชาท่านมาหลายครั้งด้วย ช่วยข้า ช่วยข้า!” หมัวหลัวแทบจะอ้อนวอน โม่เชวี่ยเป็นแสงสว่างสุดท้ายของชีวิต เป็นความหวังทั้งหมดในความสิ้นหวัง แล้วจะโยนทิ้งไปได้อย่างไร

“ไม่รู้จักชั่วดีเช่นนี้ ข้ากับเขาไม่มีความแค้นต่อกัน จะไปสังหารคนตามอำเภอใจได้อย่างไร ข้าเป็นผู้มีคุณธรรมสูงส่ง ห้าวหาญและสง่างาม จิตใจซื่อตรง ทรงภูมิปัญญาในใต้หล้า ย่อมไม่มีทางสังหารคนที่ไม่มีความแค้นต่อกัน!

·ต่อให้ข้าเพียงใช้ความคิดก็ทำลายทุกสรรพสิ่งได้ แต่บางเรื่องข้าจะไม่ทำ ขอแค่อีกฝ่ายไม่ล่วงเกินข้าก่อน ข้าจะไม่สังหารใคร!” เสียงจากในรอยแยกดูผ่านโลกมาอย่างโชกโชน ขณะเดียวกันยังเน้นหนักไปยังสองคำพูดที่ว่า ไม่มีความแค้นต่อกันกับอีกฝ่ายไม่ล่วงเกินก่อน

“ส่วนเจ้า ในเมื่อดื้อดึงเช่นนี้ เช่นนั้นก็ไม่ต้องไปไหนแล้ว!” เสียงหึเย็นชาดังแว่วมาจากรอยแยก ในเวลาเดียวกันก็ปะทุกลิ่นอายพลังที่แกร่งยิ่งกว่าเดิม ฝ่ามือยักษ์ข้างหนึ่งพุ่งขึ้นมาทันใด ฝ่ามือนั้นอยู่กลางอากาศ แผ่กลิ่นอายพลังสั่นสะเทือนฟ้าดิน อีกทั้งยังสร้างความตื่นกลัวให้กับผู้พบเห็น

ฝ่ามือนั้นใหญ่หลายร้อยจั้ง กดลงมายังหมัวหลัวที่ยามนี้หวาดกลัวและเหลือเชื่อดั่งปกคลุมท้องนภา

ลมพายุพัดโหมขึ้นมา ขณะหมัวหลัวกำลังสิ้นหวังและบ่นด่าในใจอย่างบ้าคลั่ง ชั่ววินาทีที่เขาจะสู้สุดชีวิตนั้น ฝ่ามือพลันหยุดห่างจากตัวเขาหลายสิบจั้ง

มีเสียงถอนหายใจดังแว่วมาจากรอยแยก

“ช่างเถอะ ถึงอย่างไรเจ้าก็บูชาข้า ข้าจะไม่สังหารเจ้า ให้เวลายี่สิบลมหายใจ รีบออกไปจากที่นี่เสีย!”

หมัวหลัวฝืนยิ้มด้วยความปวดร้าว เขาไม่รู้ว่าเหตุใดอีกฝ่ายถึงไม่ลงมือ ภาพอดีตผุดขึ้นในความคิด ความแกร่งของอีกฝ่ายแทบจะทำให้เขาหายใจติดขัด เดิมทีเขาคิดว่ามีหวังใหม่แล้ว ทว่าตอนนี้…ก็ยังสิ้นหวัง

ซูหมิงเดินหน้ามาถึงข้างรอยแยกแล้วมองลงไป รอยแยกนี้ลึกมาก ข้างในมีหมอกลอยโอบล้อม มองไม่เห็นส่วนลึก

แทบจะเป็นวินาทีที่ซูหมิงก้มหน้ามองรอยแยก มีเสียงหึเย็นชาดังแว่วขึ้นมา ในเสียงนั้นมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“ผู้เยาว์ ข้าให้โอกาสเจ้าแล้ว ยังไม่รีบไปอีกรึ! หรือว่าอยากจะให้ข้าลงมือจริงๆ!”

“ช่างเถอะ ข้าเป็นคนมีเมตตามาตลอด คนรุ่นเยาว์อย่างเจ้าเองก็มีขั้นพลังไม่ธรรมดา ข้าเห็นแล้วชอบนัก รีบไปเถอะ พาผู้เยาว์นามหมัวหลัวคนนี้ไปด้วย!”

มุมปากใต้เกราะฝังอสูรเผยรอยยิ้มน้อยๆ

“ข้ายังไม่อยากไป” ซูหมิงกล่าวเนิบๆ

“ช่างหาญกล้านัก ข้าให้โอกาสเจ้าแล้ว ไม่รู้จักชั่วดีเช่นนี้ หรือว่าอยากให้ข้าลงมือสังหารเจ้าจริงๆ!” เสียงแก่ชราในรอยแยกดังกึกก้องด้วยความโกรธ

หมัวหลัวอึ้งงัน จากสิ้นหวังกลับมามีหวังอีกครั้ง ตอนที่มองซูหมิง เขาพลันรู้สึกว่าคนผู้นี้โง่เขลาอยู่เล็กน้อย แต่ก็คาดหวังให้อีกฝ่ายทำเช่นนี้ต่อไป เพราะมันจะยั่วยุให้ท่านโม่เชวี่ยโกรธ จากนั้นอีกฝ่ายต้องตายอย่างแน่นอน!

“ท่านโม่เชวี่ย เจ้าคนนี้ไม่รู้จักชั่วดี ขอให้ท่านสังหารมันด้วย!” หมัวหลัวรีบกล่าว

“เจ้าหุบปาก ข้ามีเมตตามาตลอด จะไปใช้ความคิดสังหารคนเพราะคำพูดเดียวได้อย่างไร ผู้เยาว์ ข้าจะให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง หากยังดื้อดึง เช่นนั้น…ข้าจะลงมือจริงๆ!”

ซูหมิงไม่กล่าวอะไร ยังคงมองในรอยแยก รอยยิ้มมุมปากใต้เกราะฝังอสูรเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

เวลาผ่านไปไม่นานก็สิบลมหายใจ ในรอยแยกเงียบไปไม่นานก็มีเสียงถอนหายใจดังก้อง

“เดิมทีข้าเป็นคนเมตตา ทุกอย่างเป็นเพราะตัวเจ้าเอง” เมื่อสิ้นสุดเสียง แสงหลากสีเปล่งมาจากในรอยแยกทันที ขณะเดียวกันก็มีนกยูงเจ็ดสีบินขึ้นมาจากในรอยแยกอย่างเนิบช้า จนกระทั่งมันยืนอยู่กลางอากาศ เปล่งแสงสว่างจ้าตา นกยูงเจ็ดสีนี้ดูแข็งแกร่งอย่างยิ่ง กลิ่นอายพลังจากตัวมันมากกว่าขั้นวิญญาณหมาน ผู้มองจะเหมือนลมหายใจติดขัด

นัยน์ตามันฉายแววผ่านโลกมาอย่างโชกโชน ราวกับผ่านความเป็นตายมานับครั้งไม่ถ้วน และเข้าใจทุกอย่างผ่านการมองอย่างทะลุปรุโปร่ง

“ข้าจะให้โอกาสเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย…”

หมัวหลัวข้างๆ มีสีหน้าตื่นเต้น นกยูงเจ็ดสีตรงหน้านี้คือร่างที่เขาเจอในตอนนั้น เขาไม่มีวันลืมไปชั่วชีวิตถึงอภินิหารน่าตื่นตะลึงที่อีกฝ่ายใช้ด้วยร่างจริงนี้

เขาจำอภินิหารครั้งนั้นได้อย่างแม่นยำ นามมันคือพลิกทะเล! นั่นเป็นอภินิหารที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน ทว่ากลับมีอานุภาพข่มขวัญจิตใจจนแทบสลาย!

และเขายังไม่มีวันลืมในวันนั้น อีกฝ่ายอยู่กลางเวหา เหมือนไม่พอใจมหาสมุทร จึงคิดจะพลิกผืนน้ำขึ้นมา รวมถึงคำพูดพึมพำนั้น เขายังคงไม่มีวันลืม

‘ข้าไม่ชอบสีทะเลผืนนี้ ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ข้าจะพลิกมันเสีย’ ในความทรงจำหมัวหลัว หลังจากอีกฝ่ายกล่าวประโยคนี้แล้ว ทั้งผืนฟ้ากลายเป็นเจ็ดสี ก่อเป็นสองฝ่ามือยักษ์ล้วงลึกไปยังก้นทะเลปานจะพลิกผืนน้ำ!

‘สิ่งมีชีวิตเยอะเช่นนี้เชียวหรือ…ช่างเถอะ จะทำตามใจตัวเองแต่เบียดเบียนสิ่งมีชีวิตอื่นๆ มากขนาดนี้ไม่ได้’ หมัวหลัวเห็นกับตาว่าขณะอีกฝ่ายส่ายศีรษะก็สลายอภินิหารทั้งหมดไป แล้วมองมายังตน

ภาพนั้นสร้างความตื่นตะลึงให้กับหมัวหลัวยิ่งนัก เดิมทีเขาผ่านทางมาโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่จากนั้นก็เริ่มเคารพเอาใจมาตลอด

ยามนี้เขาเห็นท่านโม่เชวี่ยเผยร่างอีกครั้ง ภายใต้ความฮึกเหิม เขารู้สึกว่าตนมีความหวังอีกครั้ง…

ซูหมิงมองนกยูงเจ็ดสีบนท้องฟ้า ยังคงยืนอยู่ตรงนั้น แสงม่วงขยับวูบวาบบนตัว เกราะม่วงกลายเป็นเส้นสีม่วงไหลเข้าสู่ร่างกาย ก่อนเผยใบหน้าให้เห็น

“เข้ามา!” ซูหมิงมองนกยูงเจ็ดสีแวบหนึ่งด้วยสีหน้าเย็นชา แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก ความรู้สึกจากคำพูดไม่เหมือนเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่ง แต่เป็นการสั่งสอนเสียมากกว่า

“ซูหมิง เจ้าช่างหาญกล้านัก ถึงเสียมารยาทกับท่านโม่เชวี่ยเช่นนี้ ขอให้…” นัยน์ตาหมัวหลัวเป็นประกาย เขาในยามนี้ไม่ทันขบคิดว่าเหตุใดซูหมิงถึงกล่าวเช่นนี้ แต่รีบเอ่ยขึ้นเพื่อให้ท่านโม่เชวี่ยผู้แข็งแกร่งในความคิดตนลงมือ

ทว่ายังกล่าวไม่จบก็พลันหยุดชะงัก เบิกตากว้างเหม่อมองภาพตรงหน้า

หลังจากนกยูงเจ็ดสีเห็นหน้าตาซูหมิง อีกทั้งยังได้ยินคำพูดเย็นชา มันพลันตัวสั่น สีหน้าดูตระหนกและตื่นกลัว ทั้งยังคิดต่อสู้ดิ้นรน

แต่ความคิดนี้หายไปในทันทีที่ปรากฏ มันยืดศีรษะขึ้น เปลี่ยนสีหน้าเป็นเอาใจ ตบปีกตัวเองเหมือนกับ…นกใหญ่ตัวหนึ่ง ก่อนรีบบินมาอยู่ข้างซูหมิง “คนเราเกิดมาไหนเลยจะไม่พานพบกัน เอ่อ…เมื่อครู่นี้ข้าสายตาไม่ดี มองเห็นไม่ชัด…”

นกยูงเจ็ดสีมีสีหน้าเอาอกเอาใจ มาอยู่ข้างซูหมิงแล้วรีบกล่าว

“คืนร่างเดิมของเจ้า” ซูหมิงถูกแสงจากนกยูงเจ็ดสีส่องตา จึงขมวดคิ้วขึ้น

นกยูงเจ็ดสีเห็นซูหมิงขมวดคิ้ว ใจพลันเต้นตึกๆ เขาเคยเห็นความแกร่งของอีกฝ่ายมาก่อน นั่นคือคนที่ถูกนกยูงห้าสีไล่ตามเชียว อีกทั้งตอนนั้นยังทำให้มันหวาดกลัวจนหนีไปอีก

ที่สำคัญที่สุดคือเขาอยู่ในส่วนลึกของผืนดิน ทว่าก็เห็นเหตุการณ์ต่างๆ กับตา หากไม่ใช่เพราะไม่กล้าหนีด้วยเกรงว่าอีกฝ่ายจะตรวจพบ เขาคงหนีไปนานแล้ว

ฉะนั้นจึงเฝ้าภาวนาอยู่ใต้ดินไม่หยุด หวังว่าอีกฝ่ายจะไม่พบตน ทว่าหมัวหลัวกลับบีบให้เขาออกมา พูดได้ว่าความแค้นต่อหมัวหลัวในใจมันท้วมท้นยิ่งนัก

ตอนนี้ขณะกำลังเอาใจ ตัวเขาสั่นไหว แสงเจ็ดสีพลันหายไป สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าหมัวหลัวกับซูหมิงคือกระเรียนดำที่ขนหลุดร่วงไปมากกว่าครึ่งตัว…

จากลักษณะและสีหน้า ชวนให้รู้สึกสกปรกโสมมอย่างอดมิได้ เทียบกับความองอาจและสง่างามก่อนหน้านี้แล้ว มันต่างกันราวกับพลิกฟ้าดิน เขายังคิดเอาใจซูหมิง หันมองมองหมัวหลัวด้วยความดุร้ายแวบหนึ่ง

หมัวหลัวอึ้งมองกระเรียนดำ มองสีหน้าเอาใจซูหมิง มองอีกฝ่ายเอ่ยประจบสอพลอ มองนกกระเรียนขนร่วงที่คืนร่างจากนกยูงเจ็ดสี ในความคิดเขาขาวโพลน โลกพังทลายลงเพราะกระเรียนตัวเดียว

“เหตุใดเป็นเช่นนี้…”

เดิมทีเขาไม่น่าจะถูกหลอกได้ แต่ความสามารถด้านนี้ของกระเรียนดำไม่ใช่ย่อยจริงๆ ฉะนั้นด้วยความที่หมัวหลัวไม่เคยเห็นมาก่อน จึงถูกหลอกอย่างง่ายดาย…

“นกกระเรียน….นกยูง…” หมัวหลัวกระอักเลือด มองนกกระเรียนตัวนั้น….เขาพลันรู้สึกอยากด่าทอขึ้นมา…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!