ตอนที่ 541 จากไป
ซูหมิงออกจากเกาะหมัวหลัว กระเรียนขนร่วงตามอยู่ด้านหลังด้วยสีหน้าประจบสอพลอ และยังมีหมัวหลัวใต้กงเล็บมัน มันจับตัวหมัวหลัวที่ยังไม่สิ้นใจทว่าโลกพังทลายมาด้วย การต่อสู้กับซูหมิงทำให้เขาสูญเสียขั้นพลัง และจดจำความแกร่งของซูหมิงฝังใจ
ทว่าแม้จะเป็นเช่นนั้น แม้บอกว่าเขากลัวตายและหวาดกลัว ทว่าหากมีโอกาสมีชีวิตรอด เขาเชื่อว่าด้วยสติปัญญาบวกกับกลอุบายของตน ไม่ช้าก็เร็วก็ต้องกลับมาตั้งต้นใหม่ได้
ทว่า…เพราะกระเรียนตัวนี้เขาจึงเกิดความสงสัยในสติปัญญาของตน โลกเขาพังทลายก็เพราะมัน เขาไม่คิดเลยว่าตนจะถูกกระเรียนขนร่วงสกปรกโสมมหลอกลวง อีกทั้งหลายปีมานี้ตนยังบูชาเอาใจไม่ขาด
มานึกดูตอนนี้ ตอนที่เจอกับกระเรียนขนร่วงไร้ยางอายตัวนี้ การแสดงของอีกฝ่ายและยังมีความเมตตาเหล่านั้นล้วนเป็นของปลอม!
เห็นอยู่ว่าเป็นการแสดง เห็นอยู่ว่าแปลงกาย แต่ตนกลับเชื่อจริงๆ……
ซูหมิงรู้สึกถึงความคิดของหมัวหลัว ทว่าก็ไม่สนใจ เดินอากาศต่อไปเรื่อยๆ เกาะหมัวหลัวด้านหลังเขายามนี้เงียบสงัด มีโลหิตนองเต็มพื้น กลายเป็นเกาะมรณะ!
ก่อนหน้าที่ซูหมิงจะออกจากเกาะก็ได้ฟันยอดเขาแห่งหนึ่ง ตัดมันให้กลายเป็นศิลายักษ์ ตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางเกาะ เป็นจุดที่เด่นชัดที่สุด!
บนศิลานั้นซูหมิงเขียนตัวอักษรเอาไว้แถวหนึ่ง ทุกตัวอักษรล้วนเขียนด้วยเลือด ปล่อยกลิ่นอายชั่วร้ายและจิตอาฆาตมหาศาล เพื่อเขย่าขวัญคนแดนรกร้างบูรพาที่จะมาบนเกาะนี้ในภายภาคหน้า!
‘ผู้บุกรุกแดนอรุณใต้ของข้า ไม่ว่าอยู่ใกลเพียงใดต้องถูกประหาร! ที่นี่คือคำเตือนแดนรกร้างบูรพาครั้งแรกจากแดนอรุณใต้!’
ด้านหลังคำพูดประโยคนั้น ซูหมิงเขียนชื่อตัวเองเอาไว้
‘แดนอรุณใต้ ซูหมิง!’
เขารู้ว่าหลังจากการต่อสู้ครั้งนี้ นามของตนจะโด่งดังอยู่นอกทะเล สิ่งที่เขาต้องการก็เป็นเช่นนี้อยู่แล้ว คือสร้างความตื่นกลัวเพื่อแดนอรุณใต้
หลังจากสร้างศิลาเอาไว้แล้ว ซูหมิงก็สาวเท้ายาวมุ่งหน้าไปยังเกาะบึงใต้
ข้ามผ่านทะเลมรณะระหว่างแดนรกร้างบูรพากับแดนอรุณใต้โดยไม่หยุดพักอีก เขาอยากจะกลับไปยอดเขาลำดับเก้าก่อน อยากไปดูว่าตอนนี้ยอดเขาเป็นอย่างไรบ้าง ที่นั่นจะมีข่าวคราวของหู่จื่อหรือไม่
จากนั้นก็ไปแดนรกร้างบูรพา!
ในถุงเก็บวัตถุมีดาบยาวสีดำอยู่เล่มหนึ่ง บนดาบมีเงาหมอกหนึ่งเส้น ร่างเงานี้ใช้ดาบเป็นร่าง หลังจากซูหมิงเก็บมาแล้ว มันก็ยังสั่นอยู่ในถุงเก็บวัตถุ
ร่างเงาสตรีคนนี้ซูหมิงรู้จัก และก็เป็นเพราะร่างเงานี้ที่ทำให้เขาไม่สังหารหมัวหลัวในทันที แต่พากลับไปยังเกาะบึงใต้!
ร่างเงานั้นก็คือหนึ่งในวิญญาณเชมันเก้าอรุณสามร้อยทาสในกำไลที่ศิษย์พี่ใหญ่มอบให้เขาในตอนนั้น!
“สิ่งนี้ต้องไปถามจงเจ๋อว่าตอนนั้นศิษย์พี่ใหญ่เอามันไปหรือไม่ หากเป็นเช่นนั้น เหตุใดสิ่งนี้ถึงอยู่ในมือหมัวหลัว!
บางทีนี่อาจเป็นเบาะแสของศิษย์พี่ใหญ่!” ซูหมิงพึมพำเบาๆ พลางพานกกระเรียนขนร่วงด้านหลังที่ไม่กล้าหนี และยังคงกลัวกับเหตุการณ์ที่ผ่านมาเป็นสายรุ้งยาวไกลออกไป
ช่วงยามโพล้เพล้ ซูหมิงกลับมาถึงเกาะบึงใต้ ยามนี้ม่านแสงคุ้มกันนอกเกาะเข้มข้นขึ้นมาก อีกทั้งอาคมของเกาะยังถูกซ่อมแซมอย่างรวดเร็ว หมายมั่นว่าเมื่ออาคมสมบูรณ์อีกครั้ง เกาะจะได้ดำดิ่งสู่ก้นทะเลเพื่อหลีกภัยพิบัติ
การกลับมาของซูหมิงไม่ได้ดึงดูดความสนใจของคนมากนัก เมื่อมาถึงเกาะแล้วก็ตรงไปหาจงเจ๋อทันที วินาทีที่จงเจ๋อเห็นซูหมิง เขารู้สึกถึงกลิ่นคาวเลือดเข้มข้นโชยกระทบใบหน้า ทั้งยังเห็นหมัวหลัวที่ถูกผนึกเอาไว้!
เขามีภาพจำต่อหมัวหลัวอย่างลึกซึ้ง ถึงอย่างไรตอนนั้นตนก็เคยพ่ายให้อีกฝ่าย ยามนี้เห็นอีกฝ่ายแล้วพลันเกิดคลื่นลูกใหญ่ในใจ
เขาไม่คิดเลยว่าซูหมิงจะกลับมาเร็วเช่นนี้ และไม่คิดด้วยว่าซูหมิงจะทำลายเกาะหมัวหลัวจริงๆ ขณะในใจตื่นตะลึง ยามมองซูหมิงในใจเขาเกิดความซับซ้อนมากยิ่งกว่าเดิม
หลังจากซูหมิงถามถึงวิญญาณเชมันสามร้อยรวมถึงกำไลที่เผ่าทะเลใบไม้ร่วงบังคับเอาไป จงเจ๋อก็บอกไปตามความจริงขณะในใจยังสับสน
“พรุ่งนี้ข้าจะไป ผู้อาวุโสจงเจ๋ออยู่ที่นี่หวังว่าจะช่วยดูแลชางหลันกับจื่อเยียนด้วย เรื่องนี้แซ่ซูขอขอบคุณ” ก่อนหน้าที่ซูหมิงจะออกจากถ้ำของจงเจ๋อ เขาพลันหยุดชะงักแล้วหมุนตัวกลับประสานมือคารวะจงเจ๋อ
จงเจ๋อพยักหน้า มองร่างเงาซูหมิงออกไป ก่อนถอนหายใจด้วยความสับสน แล้วขยับวูบหายไปในถ้ำและกลับออกมาเมื่อยามรุ่งสางของวันต่อมา
เขาห้อเหยียดตลอดทางไปยังเกาะหมัวหลัว จนได้เห็นโลหิตบนเกาะและยังมีศิลาตั้งตระหง่าน ภาพนี้กลายเป็นแรงกระแทกอย่างรุนแรง ชั่วขณะกำลังตื่นตะลึงอยู่นั้นเขาก็รู้สึกว่าต้องให้ความสำคัญกับเรื่องที่ซูหมิงให้ดูแลชางหลันกับจื่อเยียนมากขึ้น
อายุไขเขาเหลือไม่มากแล้วเลยไม่กลัวว่าจะตายก่อนเวลาอันควร ทว่าเพราะเรื่องนี้เลยเกิดความเคารพต่อซูหมิง และเป็นความเคารพนี้เองที่เป็นสาเหตุที่เขาจริงจังกับคำพูดของซูหมิง
ยามรุ่งอรุณก่อนจงเจ๋อจะกลับมา ซูหมิงได้ออกจากเกาะบึงใต้ไปแล้ว เขายืมใช้วิชาของชางหลันเพื่อมองความทรงจำของหมัวหลัว และหาสาเหตุว่ากำไรข้อมือที่ศิษย์พี่ใหญ่เอาไป เหตุใดถึงไปอยู่ในมือคนอื่นได้
เมื่อรู้ทุกอย่างแล้วซูหมิงก็สีหน้าทะมึนทึบแล้วออกจากเกาะไป ก่อนจะเดินทางจื่อเยียนมาหาซูหมิง มาถามที่อยู่ของจื่อเชอ ทว่าสุดท้ายก็ต้องกลับไปอย่างเศร้าหมอง
ซูหมิงไปแล้ว พานกกระเรียนขนร่วงที่ไม่กล้าหนีกลายเป็นสายรุ้งยาวหายไปกลางเวหา บนเกาะบึงใต้ด้านหลังมีร่างเงายืนอยู่ผู้หนึ่ง ฝ้ามองอย่างเงียบๆ จนกระทั่งซูหมิงห่างไปไกลและลับหายไป ก็กลายเป็นเสียงถอนหายใจเบาด้วยความขมขื่น……
ขณะซูหมิงกำลังบินมุ่งหน้าไปยังยอดเขาลำดับเก้า ณ แดนอรุณใต้ เขาคาดเดาได้ว่าการสังหารของตนบนเกาะหมัวหลัวจะต้องสร้างความตื่นกลัวอย่างแน่นอน แต่ไม่คิดเลยว่ามันจะเร็วขนาดนี้ กลายเป็นพายุคลั่งถาโถมใส่ทั้งนอกทะเลแดนรกร้างบูรพา!
ณ เกาะหมัวหลัว วันที่สามหลังจากซูหมิงออกมา มีสายรุ้งหกสายบินเข้ามาไกลๆ สายรุ้งทั้งหกนั้นมีบุรุษและสตรี ระหว่างทางมีเสียงพูดคุยหัวเราะตลอดจนเข้ามาใกล้เกาะ
“ที่นั่นคือเกาะหมัวหลัว งานในครั้งนี้จัดขึ้นที่นี่ ข้ารู้จักกับผู้อาวุโสหมัวหลัวดี ถึงตอนนั้น……” ขณะชายร่างกำยำหนึ่งในหกคนกำลังยิ้มกล่าวด้วยสีหน้าลำพองใจก็เข้าไปใกล้เกาะพร้อมกับทุกคน ทว่าวินาทีที่เข้าใกล้คำพูดกลับขาดหายไป
กลิ่นคาวเลือดเข้มข้นโชยมากระทบใบหน้า ทั้งเกาะเงียบสงัด หกคนนั้นล้วนมีสีหน้าตื่นตะลึง เมื่อพวกเขาเหยียบขึ้นเกาะ มีโลหิตเหนียวหนืดยังไม่แห้งอยู่เต็มพื้น ทำให้พวกเขาหายใจกระชั้น ใบหน้าซีดขาว
โลหิตนอง ซากปรักหักพัง ทั้งยังมีศพเกลื่อน ทำให้ที่นี่กลายเป็นขุมนรกในทันใด กลิ่นอายความตายโอบล้อม หกคนนี้หน้าซีดขาวและตัวสั่นงันงก พวกเขาเบิกตากว้างและเห็นศิลาใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่กลางเกาะ!
ครั้นเห็นศิลาแล้ว ทั้งหกคนจึงรีบออกจากเกาะหมัวหลัวโดยเร็ว ในใจแต่ละคนเกิดคลื่นลูกใหญ่ ในความคิดลอยขึ้นมาเป็นตัวอักษรโลหิตบนศิลารวมถึงนามของซูหมิง!
หลายวันต่อมา ก็มีคนอีกกลุ่มหนึ่งมาร่วมงานหมัวหลัว ทว่าครู่ต่อมาล้วนหน้าเปลี่ยนสี หน้าซีดขาวด้วยความกลัว ก่อนจากไปอย่างรวดเร็ว
ไม่นานเริ่มมีคนรู้เรื่องเกาะหมัวหลัวมากยิ่งขึ้น และรู้จักซูหมิงแห่งแดนอรุณใต้มากยิ่งขึ้น!
หมู่เกาะมรณะที่มีกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งแห่งนี้ จากนี้ไปกลายเป็นการสั่งสอน ให้ผู้ฝึกณานนอกทะเลแดนรกร้างบูรพาทั้งหมดต้องหวาดกลัว!