Skip to content

สู่วิถีอสุรา 560

ตอนที่ 560 เด็กสาว

เพราะฟ้าถูกทำลาย เวลานี้ความมืดจึงเข้ามาครอบครอง ความมืดนี้ไร้ที่สิ้นสุด ไม่รู้ว่ายืดยาวไปถึงที่ใด และก็ไม่รู้ด้วยว่ากว้างใหญ่เพียงใด มันเหมือนกับปากใหญ่น่าสยดสยองพร้อมจะกินทุกสิ่ง

ณ ชั้นแปดของฝ่ายนภา มันกำลังกลืนกินที่นี่ให้กลายเป็นสีดำทึบ บางทีอาจเร็วมากหรือเป็นได้ทุกเมื่อ…

ตอนนี้ความมืดมิดด้านบนพลันบิดเบี้ยว มีรอยเปิดยักษ์เผยขึ้นจากในความมืด เสียงคำรามดังแว่วออกมา อีกทั้งในรอยแยกนั้น ซูหมิงยังเห็นไป๋ซู่!

ตัวไป๋ซู่อาบด้วยโลหิตสด ตรงหน้านางมีศพนับไม่ถ้วน ยามนี้มีคนยักษ์สองตนกำลังคำรามด้วยความเหี้ยมโหดพร้อมกับตรงเข้ามาใกล้ บนใบหน้างดงามของนางมีรอยยิ้มขมขื่น โลหิตสดเปื้อนรอยแผลเป็นบนใบหน้าจึงยิ่งทำให้ดูชัดขึ้น

ด้านหลังเป็นชายชราใบหน้าขาวซีด เวลานี้ลืมตามองแผ่นหลังไป๋ซู่ นัยน์ตาเขาฉายแววเศร้าเสียใจ

เห็นคนยักษ์สองตนสาวเท้ายาวเข้ามา ห่างไม่ถึงหลายจั้งแล้ว ไป๋ซู่ก็ยังคงมีสีหน้าสงบนิ่ง เทียบกับความสิ้นหวังในแววตาที่ชัดเจนแล้ว นางเหมือนเหม่อลอยอยู่เล็กน้อย ไม่รู้ว่าก่อนตายนึกถึงอะไร ใบหน้าเผยรอยยิ้มแล้วหลับตาลง

ตรงรอยแยกบนท้องฟ้า เพราะมีเสียงดังแว่วมา จึงทำให้รอยแยกนี้เหมือนกับเส้นทางหนึ่งที่ข้ามไปได้!

นี่คือกลอุบายของซือหม่าซิ่น เขาเปิดทางเส้นนี้ให้ซูหมิงเห็นว่าไป๋ซู่อยู่ในอันตราย ขอแค่ซูหมิงไปช่วย เขาก็จะมีโอกาสพักหายใจ หากซูหมิงไม่ช่วย…

เขาเชื่อว่าซูหมิงต้องช่วยอย่างแน่นอน!

ซูหมิงเงียบสงบ ชกหมัดใส่ซือหม่าซิ่น หลังจากทำลายร่างซือหม่าซิ่นอีกครั้งแล้วก็ลอบถอนหายใจ จากนั้นเก็บร่างซู่มิ่งที่เหลืออยู่ไม่กี่ลมหายใจก่อนเดินขึ้นฟ้าไป

วินาทีที่ก้าวเดิน ตัวเขากลับมาเป็นร่างเดิม มุ่งหน้าเข้าไปในรอยแยกของผืนฟ้า มาปรากฏตัวอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วยศพสีเทา

ชั่ววินาทีที่เขาปรากฏตัว ไป๋ซู่กำลังหลับตาอยู่ ยักษ์สองตนคำรามพร้อมกับชกหมัดเข้ามา ทันใดนั้นนัยน์ตาซูหมิงเผยจิตสังหาร ร่างพลันหายวับไป

ไป๋ซู่หลับตา นางไม่คิดถึงเรื่องเป็นตายอีก ไม่คิดถึงคนอื่นอีก แต่นึกถึงความสุขบนยอดเขาลำดับเก้าในความทรงจำ นางเหนื่อยล้ามากนัก ยี่สิบปีมานี้นางนึกเสียใจมาตลอด เสียใจว่าตนในตอนนั้นเหตุใดถึงไม่รักษาโอกาสนั้นเอาไว้

ทว่าทุกอย่างคืออดีต นางเปลี่ยนไม่ได้

นางเคยนึกฝันหลายครั้งว่าหากสวรรค์มอบโอกาสให้กลับไปอีกครั้ง นางจะต้องรักษามันเอาไว้แน่นอน จะต้องทำอย่างนั้นแน่นอน…

ความตายยังไม่มาเยือนก็ได้ยินเสียงร้องโหยหวนดังก้อง ขัดไป๋ซู่ที่ตกอยู่ในห้วงความทรงจำ นางจึงลืมตาขึ้น ครั้งนี้…ไม่อาจหลับตาต่อได้อีก

นางเห็นเแผ่นหลังที่คุ้นเคย เป็นร่างเงาปานสลักอยู่ในกระดูก เวลานี้ยืนอยู่ตรงหน้า คนยักษ์สองตนร่างระเบิดกระจุยเป็นเศษไปท่ามกลางเสียงร้องโหยหวน

ตัวนางมีแสงม่วงโอบล้อมกลายเป็นแรงปะทะลักษณะวงกว้างกระจายออกโดยรอบ จุดที่เคลื่อนผ่านศพสีเทาทั้งหมดล้วนตัวสั่นสะท้านก่อนพากันดับสูญไป

“ซู…หมิง…” ไป๋ซู่อึ้งงันอยู่ตรงนั้น นางแทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง จนกระทั่งซูหมิงหมุนตัวกลับมามอง ไป๋ซู่น้ำตาไหล ความคิดขาวโพลน ยามนี้ราวกับโลกทั้งใบหายไป เหลือเพียงร่างเงาตรงหน้า

คนที่เห็นซูหมิงยังมีชายชราคนนั้น เขาเหม่อมองซูหมิงด้วยแววตาเหลือเชื่อ เขารู้จักซูหมิง เขาจะไม่รู้จักศิษย์ยอดเขาลำดับเก้าที่ทำให้บุตรสาวตนต้องเจ็บปวดในตอนนั้นได้อย่างไร

กระทั่งเขาเคยคิดจะสังหารอีกฝ่าย ทว่าซูหมิงที่ถอนหายใจเพราะไป๋ซู่คนนี้ ตอนนี้สร้างความตื่นตะลึงให้กับเขาไม่ด้อยไปกว่ายามซือหม่าซิ่นกลับมาเลย

“ซูหมิง!” วินาทีที่ซูหมิงหันกลับมามอง ไป๋ซู่ร้องไห้โฮ ตรงเข้ามากอดเขาเอาไว้ ราวกับกลัวว่าอีกฝ่ายจะหายไป

ซูหมิงตัวแข็งค้าง แล้วค่อยๆ ผ่อนคลายลง เขามองไป๋ซู่ร้องไห้ในอ้อมกอด ภาพในอดีตลอยขึ้นมาเป็นฉากๆ ทว่าสุดท้ายก็หยุดอยู่ในแดนหิมะ ภาพจิตใจเปลี่ยน กลายเป็นหนึ่งเสียงถอนหายใจที่ไม่รู้ว่าเป็นของผู้ใดในห้วงกาลเวลา

ทว่าที่นี่ตอนนี้ ไม่มีเวลาให้ซูหมิงตรึกตรองมากนัก เขากอดไป๋ซู่เอาไว้ มองชายชราที่มองตนด้วยสีหน้าซับซ้อน ก่อนสะบัดแขนเสื้อม้วนเขาและพาไป๋ซู่ลงไปยังรอยแยกที่ตนเข้ามา

เวลานี้รอยแยกหดเล็กลงอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่ซูหมิงมาจนจะกลับไปเกิดขึ้นเร็วมาก แต่ต่อให้เป็นอย่างนั้น รอยแยกนี้ก็เหลือไม่ถึงครึ่งแล้ว

เห็นได้ชัดว่าซือหม่าซิ่นไม่ยอมให้ซูหมิงออกมา!

บนผืนดินมีเสียงคำรามดังแว่วเข้ามา จะเห็นได้ว่าบนผืนดินไกลๆ มีคนยักษ์แบบนี้เกือบร้อยตนกำลังก้าวเท้ามาหา ซูหมิงสังเกตเห็นพวกมันก่อนหน้านี้แล้วว่าเหมือนกับคนยักษ์ทะเลมรณะมาก!

แผ่นดินสั่นสะเทือน เกิดรอยร้าวยักษ์ เหมือนการมาของซูหมิงดึงดูดความสนใจของสิ่งมีชีวิตแก่กล้าจำนวนมาก แทบเป็นวินาทีที่ซูหมิงพาไป๋ซู่กับบิดานางเข้าไปใกล้รอยแยกที่ใกล้จะปิดลง

มีเสียงคำรามแว่วมาจากพื้นดิน พอซูหมิงได้ยินก็ใจสั่นสะท้านอย่างรุนแรง เขามองในแวบแรกก็เห็นว่ามีสัตว์ตัวหนึ่งมุดขึ้นมาจากรอยแยกยักษ์…

มันคือมังกรสีเหลือง!

ถึงบอกว่ามันเป็นมังกร ทว่าต่างจากมังกรแดงฉาน มันเผยร่างยาวราวพันจั้งจากผืนดิน ไม่มีเครามังกร แต่ตรงแก้มทั้งสองข้างมีครีบปลาคมกริบยาวราวๆ หลายร้อยจั้ง ทั้งตัวมันเป็นสีดินเหลือง มีเกล็ดจำนวนมาก

ยามนี้มังกรเงยหน้าคำรามขึ้นฟ้า เสียงมันสะเทือนนภา ร่างดูสมจริงอย่างยิ่ง แน่นอนว่าไม่ใช่ภาพมายา แต่มันเป็นมังกรจริงๆ!

มังกรตัวนี้ยื่นกรงเล็บมากดบนผืนดิน ขณะแผ่นดินสั่นสะเทือนก็เงยหน้าขึ้นสูดดมหลายที เหมือนกับได้กลิ่นพลังอะไรบางอย่างที่ทำให้มันคลุ้มคลั่ง มันพลันมองมายังซูหมิง ก่อนคำรามเสียงดังสนั่น พร้อมกับพุ่งเข้าไปเขาอย่างคลุ้มคลั่ง

แรงกดดันแกร่งกล้าจากมังกรตัวนี้ทำให้ซูหมิงเกิดความรู้สึกเหมือนเจอกับจู๋จิ่วอินในตอนที่ตนยังอ่อนแอ อีกทั้งช่วงที่แรงกดดันจากมังกรตัวนี้ถาโถมเข้ามา มังกรแดงฉานที่หลับใหลอยู่บนแขนซูหมิงพลันลืมตาขึ้น

ทันใดนั้น มันบินออกมาจากแขนซูหมิง กลายเป็นมังกรแดงพันจั้งบนท้องฟ้า มันหลับใหลมาจนถึงตอนนี้ เดิมทียังไม่ควรตื่นขึ้น ทว่าถูกกลิ่นอายพลังที่คล้ายกันกระตุ้น จึงร้องคำรามใส่มังกรสีเหลือง

“ให้เขาไปเถอะ” ขณะมังกรสองตัวคำรามใส่กัน รอยแยกตรงหน้าซูหมิงเล็กลงอย่างรวดเร็ว แต่วินาทีที่แรงกดดันจากมังกรเหลืองซึ่งเหนือกว่าขั้นพลังเขามากถาโถมเข้ามาจนขยับตัวไม่ได้ ก็มีเสียงสตรีผู้หนึ่งดังแว่วมาจากผืนดิน

ทันทีที่เสียงนี้ดังแว่วมา มังกรเหลืองไม่คำรามอีก แต่จ้องซูหมิงเขม็ง ในเวลาเดียวกับที่เสียงคำรามหายไป แรงกดดันก็หายไปด้วย

เขาก้มหน้ามองแผ่นดินแวบหนึ่ง ก่อนพาไป๋ซู่กับบิดาที่ยามนี้หน้าซีดขาวเข้าไปในรอยแยกอย่างไม่ลังเล ส่วนมังกรแดงฉานก็กลายเป็นแสงสีแดงบินตามซูหมิงไป

หลังจากซูหมิงไปแล้ว รอยแยกนั้นปิดผนึกดังเดิมแล้วค่อยๆ หายไป

ในรอยแยกบนผืนดิน ยามนี้สตรีคนหนึ่งค่อยๆ ลอยออกมา นางอายุราวยี่สิบปี ทว่านัยน์ตากลับผ่านโลกมาอย่างโชกโชน ใบหน้างดงามหยาดเยิ้ม เพียงพอจะทำให้ฟ้าดินถอดสี ทำให้สิ่งมีชีวิตทุกอย่างมอดดับไปตรงหน้านาง

ความงามแบบนี้พบเห็นได้ยากในโลกใบนี้ บางทีอาจกล่าวได้ว่าไม่ควรจะมีอยู่

ร่างระหงลอยขึ้นมายืนอยู่บนหลังมังกรอย่างช้าๆ ดวงตาปราดเปรียวมองท้องฟ้า ก่อนค่อยๆ ขมวดคิ้ว

“ในตัวเขาเหตุใดถึงมีกลิ่นอายพลังของเผ่ายมโลกจากโลกแท้จริงกษัตริย์ยมโลกได้…”

เด็กสาวนึกอยู่พักหนึ่งก็หัวเราะ เสียงหัวเราะของนางทำให้ฟ้าดินสูญเสียสีสันไปจนหมดสิ้น

“น่าสนใจ รอยแยกมิติของโลกแท้จริงดาราสัจธรรมมุ่งหน้าไปสู่แดนมรณะหยิน ในเมื่อจะออกจากบ้านมันยากนัก เสี่ยวหวง พวกเราไปดูกันที่แดนมรณะหยินกันดีกว่า” เด็กสาวเอามือไพล่หลัง ขณะยิ้มก็มีกลิ่นอายพลังสูงส่งเผยออกมา

มังกรนามเสี่ยวหวงกะพริบตาปริบๆ คำรามไปทางเด็กสาวหลายที

“หืม? เจ้าว่าในตัวเขามีกลิ่นอายพลังที่เจ้ารังเกียจอยู่หรือ? เช่นนั้นก็ยิ่งต้องไปดู”

เด็กสาวย่อตัวลง ลูบศีรษะมังกรเหลือง มันมีสีหน้าสุขสบาย ก่อนเคลื่อนตัวพานางบินขึ้นฟ้าไป ชั่วพริบตาเดียวก็หายเข้าไปในมวลอากาศ

“เผ่ายมโลก…ไม่ได้อยู่แค่ในโลกแท้จริงกษัตริย์ยมโลกของพวกเรา และก็เป็นเผ่าที่ลึกลับอย่างยิ่ง ตำนานควรหายไปแล้วถึงจะถูก…” เด็กสาวพึมพำเบาๆ นัยน์ตาฉายแววสนใจ มังกรเหลืองเองก็บินมุ่งหน้าไปยังแดนมรณะหยิน

ในชั้นแปดของฝ่ายนภา ซูหมิงเดินออกมาจากอากาศที่ถูกความมืดกลืนกิน ทันใดนั้นเอง ชั้นแปดฝ่ายนภาพลันแตกเป็นเสี่ยงๆ จนหมด นัยน์ตาซูหมิงขยับวูบไหว พาไป๋ซู่กับบิดาลงไปยังชั้นเจ็ดอย่างไม่ลังเล

ที่นี่ไม่มีซือหม่าซิ่น ทว่าซูหมิงเชื่อว่าซือหม่าซิ่นยังไม่ยอมจากไปแน่ เพราะอีกฝ่ายคิดจะสังหารตนเหมือนกับที่ตนคิดเช่นกัน!

หลังจากชั้นแปดพังทลายลง มิติชำรุดของฝ่ายนภาทั้งหมดสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ทางออกที่ถูกผนึกไว้ก็สั่นไหวแล้วคลายออก

ซูหมิงห้อเหยียดไปตลอดทาง ข้ามผ่านชั้นเจ็ด ชั้นหก…ด้านหลังเขามีเงามืดกลืนกินไม่หยุดหย่อน ทำลายทุกสิ่งอย่าง ดูจากท่าทางแล้วเหมือนจะเขมือบมิติชำรุดของฝ่ายนภาแห่งนี้ทั้งหมด

ด้านหลังซูหมิงมีสายรุ้งยาวหลายเส้น สายรุ้งเหล่านี้คือคนที่เหลืออยู่ในฝ่ายนภา ยามนี้ต้องตามซูหมิงไปเท่านั้นถึงจะมีชีวิตรอด โดยเฉพาะตอนนี้ ทางออกเปิดออกจากแรงสั่นสะเทือน จึงทำให้มีโอกาสออกไปจากที่นี่!

จนกระทั่งซูหมิงเข้ามายังชั้นหนึ่ง เขามองวงแหวนอาคมที่เปิดอยู่แวบหนึ่ง ก่อนม้วนร่างชายชราเสื้อคลุมขาวที่ช่วยเขาเอาไว้ก่อนหน้านี้มุ่งหน้าไปยังทางออก

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!