ตอนที่ 625 โลหิตเซ่นไหว้
โดยรอบเงียบสงัด มีเพียงหลายร้อยคนแห่งสำนักวิญญาณอสูรลอยอยู่กลางอากาศ มองไปยังหุบเขาพันวารีที่อยู่ไกลออกไป
เทียบกับศิษย์สำนักฝ่ายนอกที่ส่วนใหญ่หน้าซีดขาวและตัวสั่นน้อยๆ แล้ว ศิษย์สำนักฝ่ายในล้วนมีสีหน้าเย็นชา ให้ความรู้สึกถึงความบ้าอำนาจ ทั้งยังมีความตื่นเต้นและกระหายเลือด
พวกเขาเป็นคนสำนักวิญญาณอสูร เป็นศิษย์สำนักอสูร จุดนี้เด่นชัดอย่างยิ่งในตัวศิษย์ฝ่ายในเหล่านี้ ทั้งยังมีหมอกหนาปกคลุมรอบๆ ตัวศิษย์สำนักอสูรเหล่านี้ในค่ำคืนมืดมิด ซูหมิงยืนอยู่ในกลุ่มคน กวาดสายตามองหมอกรอบด้านด้วยสีหน้าเรียบเฉย
หมอกหนาสามารถปกปิดร่างของทุกคนในสำนัก หากมองจากข้างนอกมันจะผสานรวมกับความมืด ยังผลให้มองเห็นไม่ชัด แม้แต่ใช้จิตสัมผัส เว้นแต่จะเหนือกว่าเซินตง มิเช่นนั้นแล้วก็ยากจะมองออก
ในสายตาซูหมิง เขาเห็นหมอกหนาเหล่านี้รวมขึ้นจากวิญญาณร้ายหลายตน วิญญาณร้ายเหล่านี้กรีดร้องไร้เสียง ขณะเสียงวนเวียนไปมาก็สร้างขึ้นเป็นหมอกหนาพิลึกนี้
“เผ่าเซียนต่างคุยโวว่าตนเป็นสำนักคุณธรรม และบอกว่าพวกเราเป็นอธรรมเดินสู่วิถีชั่วร้าย…ในเมื่อพบหน้ากันแล้วเป็นต้องเข่นฆ่า วันนี้…พวกเจ้าสังหารกันได้อย่างเต็มที่!” เสียงเย็นชาเซินตงผู้อาวุโสสูงสุดสำนักวิญญาณอสูรแฝงไว้ด้วยความโหดเหี้ยม
“ทำโลหิตเซ่นไหว้ก่อน คนที่เหลือปิดทางออกที่นี่ ไม่ให้คนสำนักซ่อนมังกรออกไป!”
แทบจะเป็นตอนที่เซินตงกล่าว ศิษย์สำนักฝ่ายในสามสิบกว่าคนพลันมองไปยังศิษย์สำนักฝ่ายนอกสองร้อยกว่าคนบนของวิเศษที่กำลังบินมา
จิตสังหารแผ่กระจายในทันใด พบว่าในศิษย์สำนักฝ่ายนอกสองร้อยกว่าคน นอกจากคนเสื้อคลุมเทาผู้มีสีหน้าเย็นชาโดยตลอดสิบกว่าคนตรงริมขอบของวิเศษแล้ว คนอื่นๆ ล้วนหน้าเปลี่ยนสีกันหมด
คนเสื้อคลุมเทาเหล่านี้ เสื้อผ้าพวกเขาบ่งบอกถึงฐานะอย่างชัดเจน พวกเขาคือผู้โดดเด่นในหมู่เผ่าหมานปรับสายเลือด และก็เป็นผู้อาวุโสสำนักฝ่ายนอกเหมือนจ้าวชง
สำหรับการเซ่นไหว้โลหิตนี้ ศิษย์สำนักฝ่ายในเหล่านั้นย่อมไม่กล้าล่วงเกินพวกเขาง่ายๆ
ส่วนศิษย์สำนักฝ่ายนอกคนอื่นๆ ก็ใช่ว่าจะหวาดกลัวทั้งหมด ในนั้นมีหลายสิบคนบ้างยิ้มเยาะ บ้างหน้าทะมึน บ้างเฉยชา ต่างปลดปล่อยระลอกคลื่นพลังของตน ระลอกคลื่นกระเพื่อมถูกหมอกโดยรอบบดบังไป จึงไม่กระจายสู่ข้างนอก ทว่าคนสำนักฝ่ายนอกส่วนใหญ่ พอได้ยินคำว่าโลหิตเซ่นไหว้แล้วก็ใจสั่นไหว
โลหิตเซ่นไหว้ ซูหมิงเคยได้ยินจากเป่าชิวแล้ว นี่คืออภินิหารในการต่อสู้แขนงหนึ่งของสำนักวิญญาณอสูร ก่อนจะสังหารศัตรูจะต้องกินเลือดเนื้อของสหายร่วมสำนักเพื่อเซ่นไหว้ก่อน มันมีผลให้แข็งแกร่งขึ้นชั่วคราวในเวลาอันสั้น อีกทั้งวิญญาณร้ายของผู้ถูกเซ่นไหว้จะทำให้พวกเขาไร้ความเจ็บปวดและแสดงศักยภาพได้มากขึ้น
ยิ่งเซ่นไหว้คนมากเท่าไร ศักยภาพจะยิ่งแกร่งมากเท่านั้น ขั้นพลังก็จะสูงขึ้นด้วย!
โลหิตเซ่นไหว้แบบนี้ กระทั่งหากฝึกฝนถึงระดับหนึ่ง จะกลืนกินสิ่งมีชีวิตทุกอย่างรอบๆ ขณะเข่นฆ่าได้ เพื่อใช้ยืนหยัดหรือเสริมความแกร่งให้กับตัวเอง เพียงแต่ว่ามันมีข้อเสียเช่นกัน ถึงอย่างไรวิชาทุกแขนงก็ย่อมมีขีดจำกัด ขีดจำกัดของวิชาโลหิตเซ่นไหว้นี้คือ อย่างมากสุดจะเพิ่มได้เพียงหนึ่งขั้นพลังใหญ่และคงอยู่ได้ไม่นาน
วินาทีที่เซินตงเอ่ยคำว่าโลหิตเซ่นไหว้ ศิษย์สำนักฝ่ายในล้วนมองมาอย่างไม่เป็นมิตรแทบจะทันที ศิษย์ฝ่ายนอกเหล่านั้นตึงเครียดและตื่นตระหนก ทันใดนั้นศิษย์สำนักฝ่ายในสามสิบกว่าคนก็บินตรงมายังของวิเศษเหาะเหิน
เสียงร้องโหยหวนดังวนอยู่ข้างหูซูหมิง ทว่าเสียงก็ถูกซ่อนอยู่ในหมอกจึงไม่ดังออกไปข้างนอก เฉียนเฉินตกใจกลัวจนหน้าไร้สีเลือด บางทีอาจเป็นผลจากอำนาจในฝ่ายทั่วไปของเขา ศิษย์สำนักฝ่ายในเหล่านั้นส่วนใหญ่เลยมองข้ามเขาไป และก็ใช่ว่าจะไม่มีคนคิดหนี แต่ม่านแสงบนของวิเศษเหาะเหินกลับเป็นปราการขวางศิษย์สำนักฝ่ายนอกเอาไว้ มันจึงกลายเป็นคุกคุมขัง!
ซูหมิงยืนอยู่ตรงนั้น เริ่มขมวดคิ้ว เขาเห็นศิษย์สำนักฝ่ายนอกกรีดร้องและตายไปทีละคน ตายในมือศิษย์ร่วมสำนักด้วยกัน เลือดเนื้อฉีกกระจายกลายเป็นวิญญาณร้ายที่ถูกศิษย์ฝ่ายในสูบไป กระทั่งเศษเนื้อเละเหล่านั้นก็ไม่หายไปไหน แต่วนเวียนอยู่รอบตัวศิษย์สำนักฝ่ายใน ก่อนรวมขึ้นเป็นแสงโลหิตสว่างพร่างพราวและมีกลิ่นคาวเลือด
ศิษย์ฝ่ายในทุกคนที่สังหารศิษย์ฝ่ายนอก หลังจากสังหารเสร็จจะมีสีหน้าบิดเบี้ยว ดวงตาแดงฉาน ขั้นพลังในร่างกายแผ่ออกมาทั้งหมด ดูแล้วแก่กล้าเดิมอีกเล็กน้อย ทั้งยังมีพลังชั่วร้ายพลุ่งพล่าน
ขณะเดียวกัน ในกลุ่มศิษย์ฝ่ายใน นอกจากผู้อาวุโสสวมเสื้อคลุมเทาผู้มีสีหน้าปกติและไม่ได้สนใจอะไรมากราวกับชินชาแล้ว ผู้โดดเด่นในสำนักฝ่ายนอกล้วนนัยน์ตาวาววับ ก่อนพุ่งออกไปสู้กับศิษย์สำนักฝ่ายใน
ในเวลาสั้นๆ มีศิษย์สำนักฝ่ายในสองถึงสามคนร้องโหยหวนและตายลง กลายเป็นเป้าหมายโลหิตเซ่นไหว้ของคนอื่น!
พอเห็นภาพเหล่านี้ ซูหมิงก็นึกถึงกฎของสำนักวิญญาณอสูร นั่นคือศิษย์สำนักสังหารกันเองได้ จนถึงตอนนี้เขาเพิ่งจะเข้าใจกฎนี้อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น
“นี่ก็คือสำนักอสูร…” ซูหมิงกล่าวคนเดียวเงียบๆ
โดยเฉพาะตอนที่ซูหมิงมองหุบเขาพันวารีที่อยู่ไกลออกไป เขาพลันรู้สึกถึงการเย้ยเยาะเล็กน้อย ธรรมเนียมก่อนการต่อสู้ของสำนักวิญญาณอสูร ทำให้พวกเขายังไม่เข้าไปบุกสาขาย่อยของสำนักซ่อนมังกรก็มีคนตายไปมากมายแล้ว
ทว่าขณะเดียวกัน การตายของผู้อ่อนแอเหล่านั้นกลับแลกมาซึ่งความแข็งแกร่งที่มากขึ้นของผู้แข็งแกร่ง!
โดยเฉพาะในหมู่ศิษย์สำนักฝ่ายในสามสิบกว่าคนนี้ มีราวเจ็ดถึงแปดคนที่ไม่จบเพียงการสังหารครั้งเดียว แต่สังหารต่อไปเรื่อยๆ แม้กระทั่งศิษย์ฝ่ายในคนหนึ่งที่อยู่ใกล้ซูหมิงที่สุด บุคคลนี้ดูอ่อนแอยิ่งนัก รูปร่างสูงมาก ทว่ากลับมีขั้นพลังที่ไม่ธรรมดาและความกระหายเลือดแผ่กระจายมาจากตัวเขา
ศิษย์สำนักฝ่ายนอกที่ตายในเงื้อมมือเขามีสามคนแล้ว เขาชูศีรษะคนหนึ่งขึ้นสูง โลหิตหยดลงบนใบหน้า จึงทำให้ใบหน้าไม่ต้องแต่งแต้มก็ดูน่าสะพรึงกลัว จากนั้นเขาเบนสายตามามองซูหมิง
คนผู้นี้ก้าวเดินเข้ามายังซูหมิงพร้อมกับรอยยิ้มเหี้ยมเกรียม นัยน์ตามีจิตสังหารวูบผ่าน เมื่อเห็นอีกฝ่ายเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ซูหมิงยังคงมีสีหน้าสงบนิ่ง มองบุคคลนั้นหิ้วศีรษะคนตรงเข้ามา ในเมื่อรนหาที่ตายเอง เช่นนั้นจะมาโทษว่าเขาซูหมิงเหี้ยมโหดไม่ได้
หนึ่งก้าว สองก้าว สามก้าว…วินาทีที่ศิษย์สำนักฝ่ายในผู้นี้เข้ามาใกล้ซูหมิง ก็พลันมีเสียงเย็นชาของเซินตงดังก้องโดยรอบ
“เซ่นไหว้โลหิตจบแล้ว! ผู้ที่เซ่นไหว้โลหิตสำเร็จตามข้าไปบุกสำนักซ่อนมังกร!” เซินตงกล่าวเสียงดังกังวาน ศิษย์สำนักฝ่ายในที่เข้ามาใกล้ซูหมิงพลันหยุดชะงัก แล้วยิ้มเย็นยะเยือกให้ ก่อนหมุนตัวทะยานตามเซินตงไป
ศิษย์สำนักฝ่ายในสามสิบกว่าคน และยังมีศิษย์สำนักฝ่ายนอกหลายคนที่เซ่นไหว้โลหิตศิษย์สำนักฝ่ายใน ต่างพากันกลายเป็นสายรุ้งยาวบินไป ภายใต้การนำของเซินตง ผู้แข็งแกร่งแห่งสำนักวิญญาณอสูรอีกแปดคนก็เข้ามาเสริมอีก รวมเป็นสายรุ้งยาวสี่สิบกว่าสายบินตรงไปยังหุบเขาพันวารี
พายุฝนกลิ่นคาวโลหิตจะเริ่มขึ้นแล้ว!
ขณะเดียวกัน บนของวิเศษเหาะเหิน คนสวมเสื้อคลุมเทาเหล่านั้นล้วนเดินออกมาหนึ่งก้าวด้วยสีหน้าเย็นชา สองมือทำสัญลักษณ์แล้วประทับลงบนของวิเศษเหาะเหิน ของวิเศษขนาดเท่าลานจัตุรัสแห่งนี้พลันลอยขึ้นฟ้าและตรงไปยังหุบเขาพันวารี ลอยอยู่บนน่านฟ้าของสาขาย่อยสำนักซ่อนมังกร ก่อนเปล่งแสงหม่นสว่างจ้าแสบตา
แสงหม่นเปล่งมาจากของวิเศษเหาะเหิน พลันเข้าปกคลุมด้านล่างในระยะหลายร้อยลี้ ทำให้ที่นี่กลายเป็นทางตันประดุจถูกผนึก!
จากนั้นคนเสื้อคลุมเทาเหล่านี้มีอยู่เจ็ดคนนั่งขัดสมาธิบนของวิเศษ ส่วนคนที่เหลือก้าวออกมาแล้วตรงไปยังสำนักซ่อนมังกรด้านล่าง
ทุกคนที่นี่ในยามนี้ ต่อให้เป็นเฉียนเฉินก็ตาม ผ่านไปพักหนึ่งแล้วถึงเพิ่งรู้ตัวว่าซูหมิงที่ยืนอยู่ข้างตนหายไปตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้
ยามนี้เอง มีเสียงระเบิดครึกโครมดังกึกก้อง เสียงนั้นมาจากบนแผ่นดินใหญ่ มาจากอาคมตรงซุ้มประตูสาขาย่อยของสำนักซ่อนมังกรในหุบเขาพันวารี
อาคมนี้จะไม่ปรากฏในเวลาปกติ แต่เวลานี้มันปรากฏขึ้นท่ามกลางเสียงดังสนั่น มันมีลักษณะเป็นน้ำตกยักษ์สายหนึ่งโอบล้อมเป็นวงกลม หุ้มหุบเขาพันวารีเอาไว้ข้างใน เสียงน้ำไหลดังระงม และยังมีเสียงเกรี้ยวกราดแว่วมาจากหุบเขาในน้ำตก
“เซินตง! เจ้ากล้าฝ่าฝืนกฎแห่งเซียนอสูร วันนี้เจ้าปิดล้อมสาขาย่อยสำนักซ่อนมังกร ภายภาคหน้าสำนักซ่อนมังกรจะทำลายล้างสำนักวิญญาณอสูรของเจ้าให้สิ้นซาก!”
สิ่งที่ตอบกลับเสียงเกรี้ยวกราดนั้นคือเสียงหัวเราะเย็นชา เซินตงยกมือขวาคว้าไปยังน้ำตก ทันใดนั้นนอกน้ำตกก็มีกรงเล็บภูตผียักษ์ยื่นมาจากมวลอากาศ แล้วคว้าน้ำตกเอาไว้ก่อนพลิกขึ้นด้านบน
เกิดเสียงอึกทึกดังสนั่นฟ้าดิน น้ำของน้ำตกถูกกรงเล็บภูตผีพลิกกลับด้าน ม้วนตลบขึ้นฟ้าไป ส่งผลให้น้ำตกสั่นสะเทือน มีสายน้ำตกลงมาไม่ขาดสายและเกิดรอยแยกยักษ์ขึ้น!
“ที่นี่ไม่ใช่สำนักแรกที่ข้าแซ่เซินจะทำลาย และก็ไม่ใช่สำนักสุดท้ายเช่นกัน…บุกเข้าไปสังหารให้เรียบ เห็นคนช่วงชิงวิญญาณ เห็นศพเอาเม็ดยามา หากมีวิญญาณแรกก็ให้กินไปเลย!
ให้ที่นี่ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆ อีก!” เซินตงกล่าวด้วยเสียงเย็นชาพลางก้าวเข้าไปในรอยแยกของน้ำตก ศิษย์สำนักวิญญาณอสูรทั้งหมดด้านหลังรวมถึงเป่าชิวพากันห้อเหยียดเข้าไปตามรอยแยกนั้น มุ่งหน้าสู่ในสาขาย่อยสำนักซ่อนมังกร!
ช่วงที่เป่าชิวเข้าไปในรอยแยก นางเงยหน้าขึ้นมองของวิเศษเหาะเหินแวบหนึ่ง นางไม่รู้ว่าซูหมิงอยู่ที่ใด แล้วจะลงมือเมื่อไร ทว่าหากยามนี้ยังไม่ลงมือมันก็จะสายไปแล้ว
ร่างซูหมิงตอนนี้อยู่บนสะพานแขวนในหุบเขาพันวารีด้วยสีหน้าสงบนิ่ง กำลังก้าวเดินไปข้างหน้าในจังหวะก้าวไม่เร็วนัก ทว่าร่างกลับเหมือนวิญญาณ คนอื่นมองเห็นไม่ชัด หนึ่งลมหายใจก่อนยังอยู่บนสะพานแขวน หนึ่งลมหายใจต่อมากลับมาอยู่นอกวิหารใหญ่ทางซ้ายของหุบเขาแล้ว
และเป็นยามนี้เองที่มีเสียงระเบิดดังสนั่นจากรอบๆ ก่อนมวลอากาศตรงหน้าจะเกิดช่องโหว่ยักษ์ถูกฉีกออก เซินตงก้าวเดินออกมาพร้อมกับคนสำนักวิญญาณอสูรด้านหลัง
การเข่นฆ่าเริ่มต้นขึ้น ท่ามกลางเสียงร้องด้วยความโกรธ ในสำนักซ่อนมังกรมีสายรุ้งยาวหลายสิบเส้นบินออกมาแล้วตรงไปหาคนสำนักวิญญาณอสูรบนฟ้า จากนั้นตามด้วยเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ฝนโลหิตจากการเข่นฆ่าก็กระหน่ำลงมายังพื้นดิน