บทที่ 186 มิอาจแยกร่าง
โจมตีตระกูลเยี่ยสามทิศทางพร้อมกัน ตระกูลเยี่ยมิอาจแยกร่างได้
“ทางราชสำนักส่งข่าวมา เข้าครอบครองพื้นที่ทิศเหนือของตระกูลเยี่ยสำเร็จ พื้นที่สำคัญของตระกูลเยี่ยใช้กลุ่มจิ้งจอกราตรี พวกเขาไม่อาจตีได้ แต่ก็ยังบีบให้ตระกูลเยี่ยถอยห่างออกไประยะหนึ่ง” หลานเฟิงพูดกับหลานเยี่ย แต่หลานเยี่ยกลับหาวอ้าปากกว้าง
หลานเฟิงเห็นดวงตาของหลานเยี่ยเริ่มมีเส้นเลือดฝอย พาลคิดถึงท่าเดินไร้เรี่ยวแรงเมื่อครู่ของหลานเยี่ย ก็เข้าใจทันทีว่าพวกเขาสองคนมีความต้องการมากเกินไป หลานเฟิงไม่รู้สึกอะไร กลับเป็นหลานเยี่ยที่แลดูอ่อนล้า
สิ่งแรที่กหลานเฟิงนึกถึงคือการบำรุงหลานเยี่ย ไม่ใช่การที่จะลดจำนวนเรื่องพายุฝนนี้ลงไป
“ทางราชสำนักนั้นอยู่ในการคาดการณ์อยู่แล้ว จิ่วหลิวเองก็คาดการณ์ไว้อยู่แล้ว กลุ่มจิ้งจอกราตรีนั้นไม่ง่าย ตอนนี้มีเพียงแข็งข้อโจมตีเส้นทางนี้ ตอนนี้ตระกูลเยี่ยแตกกระจัดกระจาย ทิศเหนือมีคนของราชสำนัก ทิศใต้มีคนของพวกเรา ทิศตะวันออกมีทหารพลังของจิ่วหลิว ที่เหลือมีเพียงทิศตะวันตกแล้ว
วันนี้หลังจากพักผ่อนพอแล้ว ก็ไปทำให้เหวินเย่ว์กลายเป็นของตระกูลหลานโดยสมบูรณ์ ประชาชนก็รดี ทหารพลังที่พิการก็ดี”
“ตอนนี้ตระกูลเยี่ยมิอาจแยกร่างได้ จะต้องรีบจัดการพวกเขาก่อนที่ตระกูลเยี่ยจะฟื้นฟูกลับมา”
“คราวนี้โชคดีที่มีเทียนซี ถ้าไม่ใช่เพราะเขาให้ยาพิษกับพวกเรา พวกเราเองก็คงจะไม่แผนซ้อนแผนจนได้รับชัยชนะ”
“พวกเราลืมเรื่องอะไรไปหรือไม่” จู่ๆ หลานเยี่ยก็ถามหลานเฟิงขึ้นมา
“อะไรหรือ” หลานเฟิงเองก็มึนงง ไม่เข้าใจว่าหลานเยี่ยกำลังคิดอะไร หรือคิดถึงเรื่องไหนขึ้นมา
“รู้สึกอยู่ตลอดว่าลืมเรื่องสำคัญอะไรบางอย่างไป เจ้ารู้สึกเช่นนี้หรือไม่”
“ในใจของข้ามีเพียงเจ้าเท่านั้น”
“พูดจากะล่อนปลิ้นปล้อน” หลานเยี่ยกลอกตามองเขาทีหนึ่ง
เจียงหลิงพาคนไปจัดการเรื่องเหวินเย่ว์ ทหารพลังบางส่วนที่แตกกระจายอยู่ภายในเหวินเย่ว์ถูกพวกเจียงหลิงจัดการ จากนั้นก็เดินไปต่อจนถึงพื้นที่รุ่งเรือง ที่นี่คือสถานที่พักอาศัยของประชาชนธรรมดาของเหวินเย่ว์
สำหรับคนเหล่านี้แล้ว ไม่ว่าใครจะมาเป็นผู้นำพวกเขา ขอแค่พวกเขามีชีวิตอย่างสุขสบาย ไม่ว่าเบื้องบนจะเป็นใคร พวกเขาก็ไม่สนใจ
เจียงหลิงนำคนไปสอบถามว่ายังมีทหารพลังตกหล่นอีกหรือไม่ แต่กลับหลงเข้าไปในสถานที่แห่งหนึ่งโดยไม่ได้ตั้งใจ
ด้านนอกที่แห่งนั้นเป็นป่าไผ่แห่งหนึ่ง แต่เมื่อเดินตรงไปข้างหน้าผ่านป่าไผ่ไปจะกลายเป็นพื้นหญ้ากว้างใหญ่ แม้นี่จะเป็นเรื่องปกติ แต่เจียงหลิงถือเป็นคนที่มีพลังวิญญาณ เขาสามารถสัมผัสได้ถึงเขตม่านพลังของที่นี่โดยทันที อีกทั้งคนที่ตั้งเขตท่านพลังยังมีตบะบำเพ็ญไม่เลว อาจถึงขั้นที่ทัดเทียมกับหลานเยี่ยได้เลยด้วยซ้ำไป
เจียงหลิงยกมือขึ้น คิดจะหาทางเข้าของพลังวิญญาณ แต่หลังจากลองไปแล้วหลายครั้ง กลับต้องพบว่าหาเบาะแสไม่เจอแม้แต่น้อย คิดจะทำลายเขตม่านพลัง ก็ยังหาที่ลงมือทำลายไม่ได้ด้วยซ้ำไป
เจียงหลิงยอมแพ้ ที่นี่ไม่ใช่เขตม่านพลังที่คนระดับเขาสามารถจัดการได้ ดังนั้นเจียงหลิงจึงรีบกลับไปหาหลานเยี่ยและหลานเฟิง
“หลานเฟิง วันนี้เจ้าเย็นชาจังเลยย” หลานเยี่ยหยอกเย้าหลานเฟิง แต่หลานเฟิงไม่มีปฏิกิริยาแม้แต่น้อย
“เจ้ารู้ตัวหรือไม่ว่าวันนี้ฝีเท้าของตนดูเบาโหวง อีกทั้งยังง่วงงุนอย่างมาก” หลานเฟิงเอ่ยปาก หลานเยี่ยคิดอยู่ครู่หนึ่ง เหมือนจะเป็นเช่นนั้นจริงด้วย
“เล็กน้อย ทำไมหรือ” หลานเยี่ยมองหลานเฟิงอย่างไม่เข้าใจ หลานเฟิงมองเขาอยู่ครู่หนึ่ง ก็พูดออกมา
“ความต้องการมากเกินเหตุ”
เจียงหลิงที่เร่งเดินทางมาเห็นฉากหลานเยี่ยนอนอยู่บนขาหลานเฟิงพอดี ทั้งสองคนอยู่บนต้นไม้ต้นหนึ่ง อีกทั้งยังได้ยินคำพูดสุดท้ายนั่นพอดี
เจียงหลิงกระแอมไอด้วยความอึดอัดทีหนึ่ง หลานเฟิงไม่ได้เงยหน้ามามอง เขารู้นานแล้วว่าเจียงหลิงมา
“ท่านประมุข พวกเราค้นพบเขตม่านพลังแห่งหนึ่งที่เหวินเย่ว์ ความสามารถของข้าไม่อาจเปิดออกได้ ฉะนั้นขอเชิญท่านไปดูเถิดขอรับ”