Skip to content

พลิกปฐพี 101-1

ตอนที่ 101-1

หอสรรพสิ่งผู้ฉลาดแกมโกง

โอสถระดับสูง!

ชั้นยอด!

ณ ขณะนี้ ภายในหอสรรพสิ่งไม่มีเสียงเลยแม้แต่น้อย นอกจากมั่วหยางและสาวใช้ทั้งสองแล้ว คนอื่นที่เหลือต่างก็จ้องเม็ดโอสถที่น่าดึงดูดและส่งกลิ่นหอมกระจายออกมาจากในมือของท่านผู้เฒ่าตาน

“เจ้าหนุ่ม เจ้าได้โอสถนี้มาจากไหน?” ท่านผู้เฒ่าตาน พูดกับมู่ชิงเกออย่างกะทันหัน มู่ชิงเกอกลับกระตุกรอยยิ้ม “ทำไมรึ ที่มาของโอสถเม็ดนี้เกี่ยวข้องกับมูลค่าอย่างนั้นหรือ”

ท่านผู้เฒ่าหน้าเสียและพูดอย่างอึดอัดว่า “ไม่ ไม่เกี่ยว ข้าเพียงสงสัย”

มู่ชิงเกอยิ้มทีหนึ่ง หลังจากนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรอีก

ความหมายนั้นชัดเจนเป็นอย่างมาก นั้นก็คือไม่อยากจะพูดถึงความเป็นมาของโอสถเม็ดนี้

ท่านผู้เฒ่าตานเป็นคนฉลาด เหตุใดจะไม่เข้าใจความหมายของมู่ชิงเกอ จึงไม่ถามต่อ เพียงแต่เงียบลง แล้วใส่โอสถเม็ดนั้นเข้าไปในขวดกระเบื้องเคลือบอย่าง เสียดาย พร้อมปิดฝาลง

ทันทีโอสถที่แสนจะน่าดึงดูดเม็ดนี้หายไป ความหวังที่แฝงอยู่ในสายตาของทุกคนก็อันตรธานหายไปด้วย

ราวกับว่า หากสูดกลิ่นของยานี้เข้าไปอีก จะทำให้เป็นอมตะอย่างนั้น

“โอสถนี้เป็นของดี แต่ชื่อโอสถเก้าชีวิตหวนคืนนี้ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนและไม่สามารถประเมินค่าได้ว่า มันมีคุณสมบัติอย่างที่สหายน้อยพูดหรือไม่” สายตาอันฉายแววชาญฉลาด จ้องอยู่บนตัวของมู่ชิงเกอ คำสรรพนามที่ใช้เรียกนาง ได้เปลี่ยนจากเจ้าหนุ่มเป็นสหายน้อย

ใช่สิ! สรรพคุณของยานี้จะประเมินได้อย่างไร?

หากเป็นยาที่ใช้บ่อย ท่านผู้เฒ่าตานจะสามารถประเมินสรรพคุณจากภายนอก แต่ทว่า ยาระดับสูงเช่นนี้ไม่ได้พบบ่อย ยาเก้าชีวิตหวนคืนก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน จะ ประเมินคุณค่าที่แท้จริงของมันได้อย่างไร เพียงแค่ลมปากคงจะเชื่อถือไม่ได้

เว่ยฉีและเว่ยกว่านกว่านขมวดคิ้วพร้อมกัน เป็นที่แน่นอนว่าพวกเขาต่างก็ยืนอยู่ข้างมู่ชิงเกอ

ในขณะเดียวกันก็เห็นความแสร้งทำของท่านผู้เฒ่าตาน

ข้อมูลของพญาเพลิง แม้จะหายาก แต่ก็ไม่ถือว่าเป็นความลับอะไร การไช้โอสถระดับสูงเม็ดหนึ่งเข้าแลก ถือว่ามากเกินไป ตึกอาชานั้นใจกว้างและคงจะไม่หยิ่งยโสในเรื่องนี้ เห็นได้ชัดว่าตาแก่นี้กำลังแก้แค้นที่มู่ชิงเกอไม่ยอมตอบคำถามก่อนหน้านี้

เมื่อลองพินิจดูครู่หนึ่ง เว่ยฉีจึงออกตัวพูดว่า “หากท่านไม่สามารถประเมินคุณค่าของยาเม็ดนี้ได้ ถ้าเช่นนั้น เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นแทนดีหรือไม่ ท่านลองคิดดูว่า ท่านต้องการอะไร ข้าไม่เชื่อว่าของที่ท่านต้องการเมืองถัวของเราจะไม่มี”

“ใช่! ตาแก่ ไหนเจ้าลองบอกมาสิว่านอกจากยาแล้ว เจ้าต้องการอะไร โอสถระดับสูงเม็ดนี้ของพี่มู่เก็บกลับมาก่อนจะดีกว่า” ครั้งนี้ ในที่สุดเว่ยกว่านกว่านก็เข้าข้างพี่ชายและออกโรงช่วย

การแสดงออกของทั้งสองทำให้ดวงตาของมู่ชิงเกอเป็นประกาย การจงใจสร้างความลำบากใจของท่านผู้เฒ่าตาน นางจะไม่รับรู้ได้อย่างไร เพียงแต่ว่านางไม่คิดว่า ในขณะที่นางยังไม่ทันได้ตอบโต้ สองพี่น้องที่ไร้สติปัญญาสองคนนี้จะปกป้องนางเช่นนี้แล้ว

พวกเขาเพิ่งจะรู้จักกันได้ไม่กี่วันเอง

“ที่แท้ทั้งสองก็เป็นคุณหนูและคุณชายจากเมืองถัว ข้าตาไม่มีแววเอง” ท่านผู้เฒ่าตานกระตุกมุมปากและพูดไปตามมารยาท แต่ก็ไม่ได้แสดงความสงสัยหรือเกรง กลัวหลังจากที่ทราบฐานะที่แท้จริงของทั้งสอง

และโชคดีที่ว่าสองพี่น้องนี้ ไม่ใช่ผู้ที่ชอบใช้อำนาจรังแกผู้ที่ตํ่ากว่า การอ้างถึงเมืองถัว เพียงเพื่อที่จะทำให้ฐานะของมู่ชิงเกอสูงขึ้นกว่าเดิม นางจะได้ไม่ถูกเอาเปรียบ

เพราะฉะนั้น ปฏิกิริยาของท่านผู้เฒ่าตาน จึงไม่ได้ทำให้ทั้งสองเกิดโทสะ

“เจ้าลองเสนอมาสิ ข้อมูลของพญาเพลิงนี้ ยังมีอะไรที่สามารถเอามาแลกได้อีก” เว่ยฉีเชิดหน้าถาม ท่าทางไม่รู้ความของเขา ทำให้ท่านผู้เฒ่าตานกระตุกรอยยิ้ม ส่วนความหมายที่แฝงอยู่ในรอยยิ้มนั่น คงจะต้องตีความเอาเอง

ท่านผู้เฒ่าตานยังไม่ทันได้พูดอะไร อยู่ๆ มู่ชิงเกอก็ยกมือขึ้น ห้ามการออกตัวช่วยของเว่ยฉีและน้องสาว นางนั่งอยู่บนเก้าอี้ ด้วยท่าทางอันผ่อนคลาย ราวกับว่าคำ พูดของท่านผู้เฒ่าตานไม่ได้ส่งผลกระทบอันใดต่อนางเลยแม้แต่น้อย

“หากจะทดลองผลลัพธ์ของโอสถนี้ วิธีที่จะได้ผลมากที่สุดก็คือการใช้คนเป็นหนูทดลอง หากหอสรรพสิ่งคิดว่าโอสถนี้ไม่ได้มีสรรพคุณอย่างที่กล่าวไว้ ก็หาคนใกล้ตายมาลองได้ หากโอสถนี้ไม่ได้ผล ข้าจะเป็นคนจากไปและไม่แลกเปลี่ยนอะไรกับหอสรรพสิ่งอีก ทว่าหากโอสถนี้ได้ผล หอสรรพสิ่งให้ข้อมูลที่ข้าต้องการมาก็พอแล้ว” มู่ชิงเกอพูด

“โอสถดีขนาดนี้จะให้พวกเขาได้อย่างไร สิ้นเปลือง” เว่ยกว่านกว่านพูดอย่างไม่จำยอม

เว่ยฉีรับรู้ถึงจุดประสงค์ของมู่ชิงเกอ จึงยื่นมือออกไปดึงแขนเสื้อของน้องสาว ไม่ให้นางพูดอีก

ข้อเสนอนี้ ทำให้ท่านผู้เฒ่าตานหรี่ตาลง สายตาแฝงความเฉียบแหลม เขาพูดพร้อมรอยยิ้มว่า “นี่ถือเป็นวิธีที่ไม่เลว แต่ทว่าไม่ทราบว่าสหายน้อยยังมีโอสถ ประเภทเดียวกันนี้อีกหรือไม่”

มู่ชิงเกอโกหกหน้าตายว่า “หอสรรพสิ่งประเมินค่าข้าสูงเกินไปแล้ว โอสถที่ลํ้าค่าถึงเพียงนี้ มีเม็ดเดียวก็ถือเป็นบุญแล้ว”

ท่านผู้เฒ่าตานขมวดคิ้ว พลางคิดวิเคราะห์ โอสถนี้มีเพียงเม็ดเดียว หากใช้มันเป็นตัวทดลอง หากไม่ได้ผลก็ช่างเถอะ แต่ถ้าหากว่าได้ผล ก็เสียไปโดยเปล่า ประโยชน์มิใช่หรือ อีกประการหนึ่งโอสถระดับสูงก็คงจะกลายเป็นเพียงยาเสริมกำลังเท่านั้น

ก่อนหน้าที่เขาจะคิดกลั่นแกล้งมู่ชิงเกอ เขาเองไม่เคยคิดเลยว่า ตนเองจะตกหลุมพรางทีตนเองขุดไว้ เมื่อเห็นว่าท่านผู้เฒ่าตานขมวดคิ้ว จึงทำให้มู่ชิงเกอผุด รอยยิ้มสมใจขึ้นมา คิดจะเล่นกับนาง ตาแก่นี่ยังอ่อนเกินไป

เว่ยกว่านกว่านกะพริบตาหลายทีและกระจ่างแผนการทั้งหมดในทันที พลันพูดอย่างร่าเริงว่า “ใช่! อย่างไรเสีย โอสถนี้ก็เป็นของพวกเรา หากพวกเจ้าไม่เชื่อ ก็ลองเลยและโอสถนี้มีเพียงเม็ดเดียว กลัวก็แต่ว่าหลังจากที่เจ้าลองโอสถนี้ไปและพบว่ามันใช้ใด้ผลจริง เจ้าก็ไม่ได้อะไรเป็นการตอบแทนเลย หากหอสรรพสิ่งจะยกเลิกการแลกเปลี่ยนเพราะเหตุผลนี้ ก็คงจะเสียชื่อเพียงเพราะโอสถเม็ดเดียวก็ไม่สามารถประเมินค่าได้ ยังจะกล้าบอกว่า ไม่มีอะไรที่ไม่รู้”

คำพูดนี้ ทำให้รอยยิ้มของมู่ชิงเกอชัดเจนกว่าเดิม แอบชื่นชมไหวพริบของเว่ยกว่านกว่าน คำพูดของนางถือว่าเป็นการต้อนตาแก่นี้ให้จนมุม

สายตาอันเย็นเยียบ กวาดผ่านชูเซิงและเหลียนเอ๋อร์ ทำให้ทั้งสองเหงื่อตกและรีบหลบตา จนในที่สุดมู่ชิงเกอก็หยุดสายตาที่ท่านผู้เฒ่าตาน

ตาแก่ผู้นี้ คาดไม่ถึงว่าตนเองจะตกหลุมพรางได้ลึกมากถึงเพียงนี้ ในตอนนี้โอสถในมือกลายเป็นของร้อนเขา จึงตัวแข็งและเงียบลงในทันที

พอรู้สึกว่าแกล้งจนพอใจแล้ว มู่ชิงเกอจึงค่อยๆ พูดขึ้นว่า “ความจริงแล้ว ด้วยมูลค่าของโอสถระดับสูงแล้ว หากแลกกับข้อมูลเพียงฉบับเดียวก็ถือว่ามากพอแล้ว หอสรรพสิ่งจะลังเลอะไร”

ข้อมูลของพญาเพลิงก็ไม่ใช่ว่าจะหมดไปเมื่อขายให้กับนาง หากคนอื่นๆ ต้องการ เพียงแค่มีอำนาจในการจ่าย ก็สามารถซื้อได้เช่นกัน ตาแก่นี้เพียงแค่โกรธแค้นที่นางไม่บอกที่มาของโอสถเม็ดนี้จึงคิดกลั่นแกล้งก็เท่านั้น

มู่ชิงเกอกลับเป็นดั่งกระจกบานหนึ่ง ที่เห็นทุกอย่างอย่างกระจ่าง ในตอนนี้นางได้จ่ายตาแก่ในราคาที่สูงมาก แต่ก็ต้องดูว่าเขาจะรู้จักรักษาโอกาสเอาไว้ได้หรือไม่

ท่านผู้เฒ่าตานหนังตากระตุกหนหนึ่งและดิ้นรนสักพัก ก่อนจะกัดฟันและพูดว่า “ช่างเถิด! วันนี้ข้าจะยอมเชื่อเจ้า หอสรรพสิ่งของเราจะยอมรับการแลกเปลี่ยน ครั้นพูดจบ เขาก็เก็บขวดที่มีโอสถบรรจุอยู่เข้าไปในแขนเสื้อ และหันไปสั่งชูเซิงว่า “ชูเซิง ไปเอาของที่ลูกค้าต้องการมา”

ชูเซิงถอยออกไปตามคำสั่ง

มู่ชิงเกอและคนอื่นๆ ยืนรออยู่กับที่

เมื่อการแลกเปลี่ยนสำเร็จ สายตาที่ท่านผู้เฒ่าตานมองมู่ชิงเกอก็แปรเปลี่ยนไป เขาพูดด้วยสายตาอันคลุมเครือว่า “สหายน้อย ข้ายังไม่รู้เลยว่าเจ้านามว่าอะไร”

“มู่เกอ” มู่ชิงเกอผุดรอยยิ้มจางๆ

“ที่แท้ก็ชื่อสหายน้อยมู่นี่เอง” ตานเฉินจื่อพยักหน้า ในขณะที่ทวนชื่อของนาง ก็ได้ยื่นเทียบเชิญใบหนึ่งให้กับมู่ชิงเกอ

มู่ชิงเกอยื่นมือออกไปรับ เว่ยกว่านกว่านกลับตะโกนขึ้นมาอย่างกะทันหันว่า “เทียบเชิญงานประมูลของหอสรรพสิ่ง!” ความตื่นเต้นที่แฝงอยู่ในคำพูด ทำให้มู่ชิงเกอกระจ่างในทันทีว่า เทียบเชิญที่อยู่ในมือนางนั้นไม่ใช่ทุกคนที่จะได้

“นังหนูตระกูลเว่ยช่างรอบรู้จริง” ตานเฉินจื่อลูบหนวดของตนเองอย่างได้ใจ

เว่ยกว่านกว่านกลอกตาใส่เขาทีหนึ่ง ก่อนจะเดินเข้าไปหามู่ชิงเกอและกระซิบข้างหูนางว่า “งานประมูลของหอสรรพสิ่งนั้นไม่ได้จัดขึ้นตามเวลา ได้ข่าวว่าการเปิด ประมูลในทุกๆ ครั้ง ผู้ที่ได้รับการรับเชิญล้วนเป็นผู้ที่มีฐานะสูงส่ง ท่านพ่อของข้าเคยได้รับคำเชิญเพียง 2 ครั้ง” ในนํ้าเสียงฉายแววความรู้สึกอิจฉาแต่กลับไม่ ริษยา

แววตาของมู่ชิงเกอแฝงความกระจ่าง ในมือถือเทียบเชิญ พร้อมกล่าวคำขอบคุณตานเฉินจื่อ

ตานเฉินจื่อเองก็พูดพร้อมใบหน้าเปื้อนยิ้มว่า “สหาย อย การประมูลจัดขึ้นวันพรุ่งนี้ งานประมูลในครั้งนี้มีของดีจำนวนไม่น้อย เจ้าอย่าพลาดเชียวล่ะ”

“ได้รับคำเชิญจากผู้อาวุโสตานเช่นนี้ มู่เกอต้องมาแน่ๆ” มู่ชิงเกอยื่นเทียบเชิญให้มั่วหยางและสั่งให้เขาเก็บไว้ดีๆ ชูเซิงเองก็ทำงานไวมาก ไม่นานเขาก็ได้หอบตำราม้วนที่ห่ออยู่ในผ้าไหมออกมาและยื่นให้กับมู่ชิงเกอ

มั่วหยางรีบเดินเข้ามารับ

จากนั้น ทุกคนจึงออกจากหอสรรพสิ่ง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!