ตอนที่ 103-4
ผู้อาวุโส ช่างแปลกคนเสียจริง!
โอสถนั้นได้ประมูลในหอสรรพสิ่งไป 2 เม็ดแล้ว หากไอ้หนุ่มมู่ยังมีอีกก็คงจะไม่มากกว่าหลักหน่วยเป็นแน่และท่านผู้เฒ่าเนี่ยผู้นี้ยังคงโลภอยากได้ถึง 10 เม็ด นี่มันหมายความว่าต้องการทั้งหมดชัดๆ
ในตอนนี้ ทุกคนต่างถูกอำนาจของเนี่ยซงบังคับอยู่ ในใจรู้สึกเจ็บปวดเพราะความอยากได้โอสถเก้าชีวิตหวนคืน อีกทั้งพวกเขาต่างก็ไม่รู้ว่าในตัว ขององครักษ์เขี้ยวมังกรแต่ละคนล้วนมีมากกว่า 10 เม็ด และในทุกๆ 3 เดือน มู่ชิงเกอก็จะแจกจ่ายให้พวกเขาอย่างใจกว้าง
ใครใช้ให้โอสถในช่องว่างของนางเป็นบ่อเงินบ่อทองเช่นนี้ล่ะ
รวมทั้งในช่องว่างของมู่ชิงเกอ โอสถเก้าชีวิตหวนคืน นี้ ยังมีอีกนับร้อย
แม้ว่าเนี่ยซงจะแบ่งไป 10 เม็ด ที่ตระกูลอื่นจะได้รับก็คงจะไม่น้อยไปกว่านั้น
แน่นอนว่า ก่อนอื่นพวกเขาจะต้องแย่งโอสถเก้าชีวิตหวนคืนมาจากมือของมู่ชิงเกอให้ได้เสียก่อน
“หืม ขอถามท่านผู้เฒ่าเนี่ยว่า หากเจ้านั้นมีโอสถเก้าชีวิตหวนคืนไม่ถึง 10 เม็ดจะทำอย่างไรเล่า ” มีคนพยายามรวบรวมความกล้าในการถามคำถามที่แสดงความเป็นห่วงต่อทุกคน
“ถ้าเช่นนั้นก็ตกเป็นของตระกูลเนี่ย!” เนี่ยซงพูดราวกับทุกอย่างควรเป็นเช่นนั้น
เฮือก—
ความบ้าอำนาจเช่นนี้ ทำให้ทุกคนล้วนถอนหายใจ พลันรู้สึกโกรธแค้น แต่ไม่กล้าแสดงความรู้สึกออกมา
ใบหน้าที่ประดับไปด้วยความโกรธแค้นแต่ ไม่กล้าพูดออกมานั้น สะท้อนอยู่ในดวงตาของชูเซิงที่ตามมาตลอดทาง ชูเซิงพูดอย่างไม่พอใจว่า “เนี่ยซงนั้นก็ช่างหน้าด้านเสียจริง เหตุใดจึงหน้าไม่อายได้ถึงเพียงนี้”
พูดจบ เขาก็หันมองตานเฉินจื่อที่อยู่ข้างๆ ครู่หนึ่ง พลันหัวเราะด้วยท่าทีประหลาดว่า “ท่านผู้เฒ่าตาน หรือว่าคนเราอายุยิ่งมาก พลังเวทยิ่งมากก็จะยิ่งทำให้หน้าด้านขึ้นอย่างนั้นหรือ”
เขายังไม่ลืมว่า ในขณะที่ตามออกมา ตาแก่นี่ได้แย่งยันต์เทพอำพรางกลิ่นอายพลังจากมือของเขาไปอย่างหน้าไม่อาย
ยันต์นั้น เขามีเพียง 2 ชิ้นและเป็นรางวัลที่เจ้านายมอบให้แก่เขา เพื่อที่จะทำให้เขาสามารถเข้าใกล้และรายงานข่าวให้กับเจ้านายโดยไม่ถูกจับได้
ได้ยินมาว่า ยันต์เทพชนิดนี้ ด้านในมีพลังต้องห้ามที่เก่งกาจ จึงสามารถปกปิดกลิ่นอายพลังเวทได้อย่างแนบเนียน
ท่านผู้เฒ่าตานสามารถเก็บกลิ่นอายพลังเวทของตนเองเองได้ แต่ทว่า กลับยังมาแย่งยันต์จากเขา สำหรับชูเซิงแล้วการกระทำเช่นนี้เป็นการกระทำที่ หน้าไม่อาย
การเยาะเย้ยของชูเซิง ไม่ได้ทำให้ตานเฉินจื่อรู้สึกอับอายเลยแม้แต่น้อย
เขาทำได้เพียงสำยหน้าและพูดว่า “ความโลภทำให้คนหลงทาง!”
ชูเขิงแสยะปาก “ไอ้พวกหมาแก่หน้าไม่อายกลุ่มนี้ คนก็ยังจับไม่ได้ก็มาแบ่งสมบัติกันเสียแล้ว ข้าไม่คิดว่าคุณชายมู่จะเป็นคนที่สามารถจัดการได้โดยง่ายหรอกนะ”
“แน่นอนว่าไม่สามารถจัดการได้โดยง่าย” ในสายตาชาญฉลาดของตานเฉินจื่อมีความมืดมนปรากฏขึ้น หากเป็นคนธรรมดา จะทำให้เจ้านายเกิดความรู้สึกสนใจได้อย่างไรล่ะ
อีกประการหนึ่ง เขาได้เคยสัมผัสกับมู่ชิงเกอด้วยตนเองแล้วซํ้ายังโดยต้อนจนจนมุมครั้งแล้วครั้งเล่า
เขาคิดเพียงว่า ในครานี้เจ้านายคงได้พบกับคู่ปรับเสียแล้ว!
ทันใดนั้น เขาก็มีความคิดที่อยากจะตามไปดูภาพบรรยากาศที่ทั้งสองพบกันที่เมืองอวี้จื้อด้วยตนเอง มันคงจะต้องเป็นภาพอันน่าตื่นตาตื่นใจเป็นแน่!
ตานเฉินจื่อตาเป็นประกาย มุมปากยกขึ้นในสายตาของชูเซิงแล้วช่างเป็นรอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์เสียจริง
“ท่านผู้เฒ่าเนี่ย หากเป็นเช่นนั้นคงจะไม่เหมาะ ของดียกให้ตระกูลเนี่ยทั้งหมด แล้วเราจะเหลืออะไร” มีคนเอ่ยถามอย่างไม่กลัวตาย
เนี่ยซงขมวดคิ้วทั้งสองข้างเบาๆ สายตาอันโหดเหี้ยมกวาดผ่านผู้คน
คนที่ถูกเขากวาดสายตาผ่าน ต่างก็คิดที่จะหลบหลีก แต่ทว่า ทันทีที่คิดได้ว่า เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของวงศ์ตระกูล จึงได้แต่ฝืนทำหัวแข็ง
เมื่อสัมผัสได้ถึงความไม่พอใจของทุกคน ประมุขตระกูลเนี่ยคนปัจจุบันก็แอบกระซิบข้างหูเนี่ยซง
หลังจากนั้น สีหน้าของเนี่ยซงก็ดูแย่ลงมาก พลันพูดว่า “หึ เห็นแก่ที่ท่านเนี่ยขอความเป็นธรรมให้กับพวกเจ้า ถ้าเช่นนั้น…หากเจ้านั้นมียาอยู่ไม่เกิน 10 เม็ด ตระกูลเนี่ยของเราต้องได้ 1 ใน 3 ของยาทั้งหมด ที่เหลือพวกเจ้าไปแบ่งกันเอง หากเขายังมีสมบัติอื่นๆในตัว ตระกูลเนี่ยของเราก็ไม่แตะต้องเลยแม้แต่ชิ้นเดียว”
ตระกูลเนี่ยต้องการ 1 ใน 3 เซียวหรือ
ทุกคนล้วนคาดการณ์ไนใจ
ถึงแม้ว่า ไอ้หนุ่มตระกูลมู่จะมีโอสถเก้าชีวิตหวนคืนเหลือเพียง 9 เม็ด ก็จะถูกตระกูลเนี่ยครอบครองไปแล้ว 3 เม็ด เหลือเพียง 6 เม็ด แม้ว่าผู้มี อำนาจน้อยใหญ่ที่อยู่ที่นี่ รวมๆ แล้วจะมี 10 กว่า ตระกูล แต่ทว่าโอสถแค่ 6 เม็ดก็ไม่สามารถจะแบ่งให้เท่ากันได้ หากยังมีสมบัติอื่นๆ ก็ยังถือว่าไม่เลว
แต่ว่า
มีคนสัมผัสได้ถึงบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในคำพูด
เนี่ยซงกล่าวเพียงว่า หากมีไม่ถึง 10 เม็ด ตระกูลเนี่ยจะต้องการ 1 ใน 3 แต่หากมีมากกว่า 10 เม็ดล่ะ แม้ว่าจะเป็นไปไม่ค่อยได้ แต่ถ้าหากมีจริงล่ะ
หากไอ้หนุ่มตระกูลมู่มีโอสถเก้าชีวิตหวนคืน ในครอบครอง 11 เม็ดพอดี ถ้าเช่นนั้น ตระกูลเนี่ยจะทำอย่างที่เคยกล่าวเอาไว้ก่อนหน้านี้ ว่าต้องการ 10 เม็ด แล้วที่เหลืออีก 1 เม็ดให้พวกเขาแบ่งกันอย่างนั้นหรือ
แต่ว่า ตระกูลเนี่ยได้ถอยออกมาก้าวหนึ่งแล้ว หากยังจะต่อล้อต่อเถียง เกรงว่าจะทำให้เนี่ยซงเกิดโทสะ
เมื่อไม่สามารถทำอะไรได้ ทุกคนจึงทำได้เพียงเก็บความไม่พอใจเอาไว้ และตอบตกลง หากจับกุมตัวมู่ชิงเกอและรู้อย่างกระจ่างชัดว่ามีโอสถเหลืออยู่อีกกี่เม็ด แล้วค่อยคิดหาแผนการ
ในที่สุดทุกคนก็ตกลงกันได้และเตรียมเข้าไปตามล่าในผืนป่า
ในตอนนี้ กลับมีคนเดินออกมา
“ข้าไม่ได้ต้องการโอสถนั่น แต่ว่าข้าต้องการเงินที่ไอ้หนุ่มตระกูลมู่โกงข้าไป! และคนของเขาก็ต้องเป็นของข้า!” จูลี่ก้าวออกมา พร้อมพูดอย่างเย่อหยิง
สำหรับโอสถ เขามี 1 เม็ดแล้ว จึงไม่ได้สนใจ หากได้ตำลึงทองทั้ง 30 ล้านและแก่นสมองของสัตว์ทั้ง 100 แก่นกลับคืนมา โอสถนั่นก็ถือว่าได้มา ฟรีๆ แล้วมิใช่หรือ
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เขาสามารถทำให้ไอ้เจ้านั่นได้รับบทเรียนอย่างสาสม!
ระดับพลังเวทของจูลี่เมื่ออยู่ท่ามกลางคนเหล่านี้แล้วไม่ถือว่าสูงมากนัก แต่ว่าเขามีพี่สาวผู้ที่เป็นที่โปรดปรานมากที่สุดในแคว้นลี่ แม้ว่าเนี่ยซงจะเย่อหยิ่งและผยองมากเพียงใด ก็ไม่อาจจะไปล่วงเกินเชื้อพระวงศ์ได้
เพราะฉะนั้นหลังจากที่จูลี่พูดจบ เนี่ยซงเพียงหันไปมองอย่างสงบนิ่งแวบหนึ่งและไม่ได้ ฏิเสธแต่อย่างใด
แม้แต่เนี่ยซงยังไม่ปฏิเสธ แล้วคนอื่นๆ ยังจะกล้าพูดอะไรอีก
ขบวนของคนจำนวนนับ 1,000 ในที่สุดก็ทำข้อตกลงกันจนเสร็จสิ้น และมุ่งหน้าเข้าไปยังผืนป่า
คนกลุ่มนี้ ได้ถกเถียงกันนอกผืนป่าเป็นเวลาเนิ่นนาน ในขณะนี้ มู่ชิงเกอได้พากองทหารเขี้ยวมังกรและสาวใช้ทั้งสองอย่างโย่วเหอและฮวาเยี่ยวมารอจนแทบจะหมดความอดทนแล้ว
ผืนป่าแห่งนี้ คือสนามล่าของพวกเขา
หลังจากที่ก้าวเข้ามาในผืนป่าแห่งนี้ พวกเขาพลันเดินเข้าป่า พลางวางกับดักเอาไว้อย่างชาญฉลาด
ความสามารถเหล่านี้ได้รับการสืบทอดโดยตรงจากมู่ชิงเกอผู้ที่ทะลุมิติมา ยังจำสายตาอันตกตะลึงอย่างหาที่สุดมิได้ เมื่อครั้งที่กองทหารเขี้ยวมังกรเห็นกับดักเหล่านี้เป็นครั้งแรกได้
ผืนป่ากว้างใหญ่มาก สามารถวางกับดักได้มากมาย
หลังจากที่ได้วางแผนการทั้งหมดเสร็จสิ้นแล้ว องครักษ์เขี้ยวมังกรได้อำพรางตัวอยู่ในที่ลับ เพื่อรอโอกาสลงมือ