Skip to content

พลิกปฐพี 114-2

ตอนที่ 114-2

คนจับผิดมาแล้ว!

“มู่เกอรอข้าด้วย!” เว่ยกว่านกว่านแค่นเสียงใส่สุ่ยหลิงที หนึ่ง แล้วรีบตามไป เว่ยฉีเองก็ตามมาจากข้างหลัง สุ่ยหลิงกำลังจะวิ่งตามไป แต่กลับถูกฟู่เทียนหลงขวาง เอาไว้

“สุ่ยหลิง เหตุใดเจ้าจึงทำตัวสนิทสนมกับเจ้าหน้าขาวนั่น เจ้าอย่าลืมเสียว่าเราทั้งสองมีสัญญาหมั้นหมาย ท่านพ่อและท่านแม่เคยบอกแล้วว่า หลังจากที่เรากลับจากโรงโอสถก็ต้องแต่งงานกันเลย”

สุ่ยหลิงดึงแขนออกอย่างหมดความอดทน พูดกับฟู่เทียนหลงว่า “นั่นเป็นการตัดสินใจของท่านพ่อและท่านแม่ หาใช่ข้า ข้าชอบมู่เกอแล้วอย่างไร”

“สุ่ยหลิงเจ้า! เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าข้าจะฆ่าเขาเสียตอนนี้เลย” ฟู่เทียนหลงพูดอย่างโหดเหี้ยม

สุ่ยหลิงกลับมองเขาอย่างเหยียดหยัน หลังจากที่มองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างพินิจแล้ว จึงพูดพร้อมรอยยิ้มเยาะเย้ย “อย่างเจ้าน่ะหรือ แม้แต่ปลายนิ้วของมู่เกอยังไม่อาจจะแตะต้องได้เลย!”

พูดจบ นางก็ทิ้งฟู่เทียนหลงเอาไว้พลางกระโดดโลดเต้นตามทุกคนไป ท่าทางงดงามร่าเริงราวกับภูตตัวน้อยก็ไม่ปาน

“น่ารังเกียจนัก! เจ้าหน้าขาวสมควรตาย!” ฟู่เทียนหลง ยืนอยู่กับที่ กำมือทั้งสองข้างแน่นและกัดฟันพูด

ฉากนี้ ราวกับจะไม่ทำให้ทุกคนรู่สึกถึง แต่ทว่ากลับอยู่ในสายตาของกลุ่มคนที่อยู่อีกฝั่ง

หลังจากที่สุ่ยหลิงเดินออกไปแล้ว คนผู้นั้นก็จ้องฟู่เทียนหลง ตรงมุมปากเผยรอยยิ้มที่แฝงแผนการบางอย่าง

ฟู่เทียนหลงยืนอยู่กับที่ครู่หนึ่ง จึงตะโกนอย่างไม่พอใจว่า “สุ่ยหลิง เจ้ารอข้าด้วย!” หลังจากนั้นจึงรีบวิ่งตามไป

ไม่นาน เพราะการนำทางของเว่ยฉี ทุกคนจึงได้มาถึงยังโรงเตี้ยมที่มีชื่อว่า ‘มีแขกมา’

ยังไม่ทันได้เปิดประตูก็สัมผัสได้ถึงความคึกคักของโรงเตี้ยมแห่งนี้

มู่ชิงเกอมองแวบหนึ่งแล้วชมว่า “ดูเหมือนว่าอาหารที่นี่จะไม่เลว คนเยอะมากเลย”

เว่ยฉีพยักหน้าและอธิบายว่า “ในร้านนี้อาหารที่ขึ้นชื่อที่สุดคืออาหารเพื่อสุขภาพที่มีสมุนไพรผสมอยู่ ได้ยินมาว่า พ่อครัวของที่นี่เคยอยู่ในโรงโอสถ เพียงแต่ว่า เขารักในการทำอาหาร เพราะฉะนั้นหลังจากที่ออกจากโรงโอสถ ก็ได้เข้ามาอยู่ในโรงเตี๊ยมแห่งนี้ และทำการคิดค้นอาหารเพื่อสุขภาพ”

“ใช่! ตอนเรามาถึงก็ได้ยินคนท้องถิ่นของที่นี่บอกว่า อาหารเพื่อสุขภาพของที่นี่ เมื่อกินแล้วชายจะหล่อขึ้น หญิงสาวจะงดงามมากขึ้น เมื่อทานเป็นประจำจะอายุ ยืน มีสรรพคุณในการรักษาโรค หากไม่มีโรคก็ทำให้ร่างกายแข็งแรง เล่าขานกันมาจนดูเกินจริง” เว่ยกว่านกว่านเสริม

“ถ้าเช่นนั้นก็เข้าไปลองกันเถิด” มู่ชิงเกอพยักหน้าอย่างสนใจ

ทุกคนเดินเข้าไปในโรงเตี๊ยมตามทางเดิน

โรงเตี๊ยมมีแขกมาแห่งนี้มีทั้งหมด 3 ชั้น ชั้นแรกเป็นห้องโถงใหญ่ ในตอนนี้ได้เต็มไปด้วยแขก ส่วนชั้นสองที่เป็นห้องอาหารก็เต็มแล้ว เหลือเพียงแค่ห้องส่วนตัวที่ยังคงว่าง

โดยปกติแล้ว ห้องส่วนตัวจะถูกปิดเอาไว้ เพราะคนที่มาใช้บริการ หากไม่ใช่พวกคนรวยมีฐานะก็จะเป็นผู้มีอำนาจ

หลังจากที่รู้ว่าชั้นสองเต็มแล้ว มู่ชิงเกอจึงควักเงินหนึ่งร้อยตำลึงทองออกมาให้กับเสียวเอ้อร์ในร้าน เพื่อเปิดห้องส่วนตัวบนชั้นสามจำนวนหนึ่งห้องอย่างใจกว้าง

ทันทีที่เข้าสู่ห้องส่วนตัว เสียงรบกวนภายนอกก็ราวกับค่อยๆ ไกลออกไป

“ขอให้ทุกท่านโปรดรอครู่หนึ่ง ข้าน้อยจะรีบเอานํ้าชาและรายการอาหารมาให้” หลังจากที่เสียวเอ้อร์พาทุกคนเข้าไปในห้อง ก็โค้งคำนับแล้วเดินออกไป

หลังจากที่เขาออกไปแล้ว ทุกคนต่างก็วิเคราะห์ห้องส่วนตัวห้องนี้อย่างละเอียด

“จุ๊ๆ ตกแต่งได้ดีเหลือเกิน ไม่แปลกที่จะเลือกคนที่จะเข้ามาใช้!” เว่ยฉีมองไปรอบๆ รู้สึกตะลึง เพียงแค่อุปกรณ์การตกแต่งธรรมดาๆ ชิ้นหนึ่ง ก็ดูหรูหรากว่าที่จวนของเขาแล้ว

เว่ยกว่านกว่านเดินไปอยู่ข้างเตียง ทันทีที่เปิดหน้าต่างออก ก็มีกลิ่นไอของธรรมชาติหลั่งไหลเข้าภายในห้องทันที

“ว๊าว! ช่างงดงามเหลือเกิน!” เว่ยกว่านกว่านมองทิวทัศน์นอกหน้าต่างแล้วอุทาน ในขณะนี้เอง สุ่ยหลิงก็เดินมาอยู่ข้างนาง แล้วมองออกไปนอกหน้าต่างเช่นกัน พลันชมอย่างจริงใจว่า “งดงามจริงๆ!”

นอกหน้าต่างเป็นภาพภูเขาและต้นไม้อันแปลกตา เหนือแม่นํ้าเป็นคลื่นที่ส่องแสงประกาย มีปลาตัวเล็กตัวน้อยแหวกว่ายโดดไปมา และมีดอกไม้ตูมที่กำลังจะเบ่งบาน ทั้งสงบเงียบและสบายตา

“นี่! เหตุใดเจ้าจึงต้องแย่งทุกอย่างกับข้า” เว่ยกว่านกว่านมองลุ่ยหลินอย่างไม่พอใจ

สุ่ยหลิงยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ “ข้าเปล่า! ความชอบในสิ่งที่สวยงามเป็นพื้นฐานของมนุษย์เหตุใดเจ้าชื่นชมได้ แล้วข้าจะชื่นชมบ้างไม่ได้”

“หึ!” เว่ยกว่านกว่านเถียงนางไม่ได้จึงอุทานอย่างเย็นเยียบคำหนึ่ง แล้วเบือนหน้าหนี

มู่ชิงเกอนั่งอยู่ตรงที่ที่ตรงกับหน้าต่างพอดีและเห็นทิวทัศน์ทั้งหมดนอกหน้าต่าง รวมทั้งหญิงสาวทั้งสองที่กำลังถกเถียงกัน

นางหยุดสายตาที่สุ่ยหลิงนานหลายวินาทีราวกับกำลังคิดอะไรอยู่

ในตอนแรกเพียงสงสัยและระแวงที่นางรู้ว่าตนเองปลอมตัว แต่เมื่ออยู่ในสายตาของฟู่เทียนหลงก็กลับกลายเป็นว่านาง ‘คิดไม่ซื่อ’ กับสุ่ยหลิง

ในตอนนี้ประตูห้องส่วนตัวถูกเปิดออกอีกครั้ง เสี่ยวเอ้อร์ที่เดินออกไปได้กลับเข้ามา ในมือมีกานํ้าชา และรายการอาหาร เขาวางรายการอาหารตรงหน้ามู่ชิงเกออย่างมีมารยาท เป็นอันดับแรก จากนั้นก็รินน้ำชาให้กับทุกคน พลางพูดว่า “แขกผู้มีเกียรติรู้จักอาหารในรายการอาหารของเราหรือไม่ อาหารของเราล้วนเป็นอาหารที่ฟื้นฟูร่างกาย ทุกท่านสามารถเลือกอาหารตามความเหมาะสมและความต้องการของตนเอง”

มู่ชิงเกอเปิดรายการอาหาร ที่เต็มไปด้วยชื่อของอาหารชนิดต่างๆ

และในอาหารทุกชนิด ล้วนมีตัวหนังสือเล็กๆ บอกยาที่ผสมอยู่ รวมทั้งสรรพคุณของยาชนิดนั้น

จึงเป็นที่สะดวกต่อลูกค้าที่ต้องการจะสั่งอาหาร และเพื่อไม่ให้เสี่ยวเอ้อร์ต้องคอยอธิบาย

มู่ชิงเกอสั่งอาหารที่ให้ความอบอุ่นและชูกำลังสองรายการ พร้อมหันไปมองซือมั่ว เมื่อเห็นว่าเขาไม่มีท่าทีที่จะสั่งอาหารจึงยื่นรายการอาหารในมือให้กับเว่ยฉี

จากนั้น ทุกคนต่างก็สั่งอาหารหนึ่งถึงสองรายการ สุดท้ายรายการอาหารจึงวนกลับไปอยู่ในมือของเสี่ยวเอ้อร์อีกครั้ง

“ทุกท่านโปรดรออาหารสักครู่” เสี่ยวเอ้อร์จากไปไม่นาน ครู่หนึ่งก็มาส่งของว่างที่ตกแต่งอย่างประณีตให้ แล้วจึงเดินจากไปอีกหน

อาจจะเพราะว่าลูกค้าเยอะ ทุกคนแทบจะรับประทานของว่างในจานหมดแล้ว แต่ก็ยังไม่มีใครนำอาหารเข้ามา

ฟู่เทียนหลงรอจนหมดความอดทนจึงยืนขึ้นมา พูดกับทุกคนยกเว้นมู่ชิงเกอว่า “เจ้าเสี่ยวเอ้อร์นี่ชักช้ามาก ข้าจะออกไปดูเสียหน่อย” พูดจบ ก็ลุกขึ้นแล้วเดินตรงไปยังประตู พลันผลักประตู ออกเตรียมจะเดินออกไป แต่ทว่า เขากลับหยุดฝีเท้าอย่างกะทันหัน แล้วหันกลับมามองสุ่ยหลิง “สุ่ยหลิง เจ้าไปกับข้า”

“ข้าไม่ไป” สุ่ยหลิงปฏิเสธอย่างไม่ลังเล

ฟู่เทียนหลงขมวดคิ้ว มองมู่ชิงเกออย่างไม่พอใจ ท้ายที่สุดก็อุทานอย่างเย็นเยียบทีหนึ่ง ก่อนจะเดินสะบัดออกจากประตูไป

ท่าทางของเขาแสดงออกอย่างชัดเจน แม้กระทั่งซือมั่วที่นั่งดั่งรูปปั้นยังขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วจึงมองชายชุดสีแดงที่อยู่ข้างๆ

ภายในห้องส่วนตัวเงียบลงในทันที

มู่ชิงเกอมองสุ่ยหลิงที่ก้มหน้าลงพลางเอามือม้วนปลายผม แล้วพูดขึ้นว่า “ไม่ทราบว่าแม่นางสุ่ยหลิงเป็นอะไรกับฟู่เทียนหลง ข้าเห็นว่าฟู่เทียนหลงใส่ใจแม่นางเป็นอย่างมาก”

“ข้ากับเขามิได้เป็นอะไรกัน เพียงแค่คนจากถิ่นเดียวกันก็เท่านั้น” สุ่ยหลิงรีบอธิบาย แต่ทว่า นํ้าเสียงไม่หนักแน่นมากพอ

“จะไม่เป็นอะไรกันได้อย่างไร” เว่ยกว่านกว่านขมวดคิ้ว พลันมองสุ่ยหลิงอย่างไม่เข้าใจและพูดว่า “ฟู่เทียนหลง เคยบอกไอ้เว่ยฉีว่า พวกเจ้ามีสัญญาการหมั้นหมายต่อกัน”

ดวงตาของสุ่ยหลิงแดงกํ่าขึ้นมา พูดกับเว่ยกว่านกว่านด้วยความโกรธว่า “เขาเป็นคนพูดเอง ข้าไม่มีวันยอมรับ!”

“เหตุใดเจ้าจึงไม่ยอมรับ ข้าว่าฟู่เทียนหลงก็ดูเป็นคนดี!” เว่ยกว่านกว่านยิ้มเยาะอย่างใจร้าย สุ่ยหลิงทั้งโกรธทั้งอาย จึงพูดอย่างไม่ชอบใจว่า “หากเจ้าชอบ เจ้าก็แต่งกับเขาเสียสิ!” พูดจบ นางก็หันไป มองมู่ชิงเกอ ราวกับว่านางเป็นฟางช่วยชีวิตเส้นสุดท้าย “ข้า ข้าชอบมู่เกอ ข้าจะแต่งให้มู่เกอ!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version