Skip to content

พลิกปฐพี 117-1

ตอนที่ 117-1

ปีศาจจากตระกูลไหนกัน

“อ๊าก—อ๊ากๆๆๆ—เพราะเหตุใด เพราะเหตุใด! สุ่ยหลิง เหตุใดเจ้าจึงเปลี่ยนไป!”

ภายในผืนป่า เสียงกู่ร้องดังก้องขึ้น ทำให้ต้นไม้สั่นสะเทือน ใบไม้ร่วงหล่นลงมา ราวกับเกิดฝนพายุห่าใหญ่

ฟู่เทียนหลงยืนอยู่ใต้ต้นไม้ มือทั้งสองข้างกำแน่นแล้วปล่อยหมัดลงบนต้นไม้โดยไม่ใช้พลังเวทปกป้องเลยแม้แต่น้อย จนข้อนิ้วมีโลหิตสีสดซึมออกมาย้อมกิ่งไม้จนกลายเป็นสีแดง

ดวงตาทั้งสองข้างของเขาแดงกํ่า ไม่อาจจะรู้ได้ว่าแดงเพราะความโกรธหรือเพราะความแค้น

เขาในตอนนี้เป็นดั่งวัวที่กำลังคลุ้มคลั่ง อยากจะระบายความโกรธแค้นของตนเองอย่างไม่สนใจสิ่งอื่นใด

“ข้าบอกแล้วว่าเจ้าแซ่มู่นั่นไม่ใช่คนดีอันใด แต่ท่านก็กลับจะไปเป็นพวกเดียวกับมัน” ทันใดนั้นเสียงที่แฝงการเสียดสีก็ดังขึ้นจากด้านหลังของฟู่เทียนหลง

“ใคร” ฟู่เทียนหลงหันหลังในทันที และเห็นฟ่งอวี๋กุยที่ ค่อยๆ ปรากฏขึ้นจากด้านหลังของต้นไม้ต้นหนึ่ง

“เจ้าเองหรือ” ฟู่เทียนหลงหรี่ตาลง พูดอย่างระแวงว่า “เจ้าเองก็ไม่ใช่คนดีอะไร!”

ฟ่งอวี๋กุยกลับหัวเราะอย่างเย็นเยียบ และค่อยๆ เดินเข้า ไปใกล้ฟู่เทียนหลง “ข้าก็ไม่ใช่คนดีจริง ๆ แต่อย่างน้อยข้าก็ไม่มีวันจะไปชอบคนรักของสหาย”

แววตาของฟู่เทียนหลงวาวโรจน์ พูดเสียงตํ่าว่า “ข้า กับคนแซ่มู่ไม่นับว่าเป็นสหายกัน”

ฟ่งอวี๋กุยกระตุกมุมปากทีหนึ่ง “เขารู้อยู่แล้วว่าแม่นางสุ่ยหลิงและท่านเป็นอะไรกัน แต่ก็ยังเข้าไปยุ่ง เรื่องผิดศีลธรรมเช่นนี้ อย่าว่าแต่ท่านรับไม่ได้ ข้าที่เป็นคนนอก ยังรู้สึกโกรธเลย”

ในสายตาของฟู่เทียนหลงฉายความแค้นและถามว่า “เจ้าอยากจะทำอะไร ข้าจะบอกเจ้าให้นะ พวกยาพิษของเจ้าไม่สามารถทำอะไรมันได้ และข้าเองก็ไม่มีทาง ยอมเป็นพวกเดียวกับเจ้าอีกแน่”

“สิ่งที่พี่ฟู่เข้าใจตัวข้าผิด ข้าสามารถเข้าใจได้ ที่ไม่อยากจะยุ่งกับข้าก็เป็นเพราะแม่นางสุ่ยหลิงสินะ แต่ว่าท่านเคยคิดหรือเปล่าว่าแม่นางสุ่ยหลิงนั้นทำไปเพื่อใคร” ฟ่งอวี๋กุยพูดอย่างมีเจตนาชักจูง

ใบหน้าของฟูเทียนหลงเย็นเยียบลง และเงียบไม่ยอมพูดอะไร ฟ่งอวี๋กุยพูดระคนยิ้มว่า “เรื่องที่เกิดขึ้นในป่าวันนี้ ท่านพี่ฟู่และเจ้าแซ่มู่นั้นเกิดปะทะกันเพราะสุ่ยหลิง เรื่องนี้อาจกระจายไปทั่วทั้งโรงโอสถในอีกไม่นาน ท่านพี่ฟู่เคยคิดหรือไม่ว่า ถึงตอนนั้นทุกคนจะคาดเดาเรื่องนี้กันอย่างไร”

“เจ้าหมายความว่าอย่างไร” ฟู่เทียนหลงเงยสายตาขึ้น ในดวงตานั้นฉายความเย็นเยียบ

ฟ่งอวี๋กุยเอามือไพล่หลังและพูดกับฟู่เทียนหลงว่า “เจ้าแซ่มู่นั้นรูปลักษณ์งดงามผ่าเผยใบหน้าอันงดงาม ไม่รู้ว่าดึงดูดคนไปเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่แล้ว แล้วย้อนกลับ มาดูที่ท่านพี่ฟู่ แม้จะดูสุขุม แต่ก็หยาบกระด้าง แม่นางสุ่ยหลิงยืนข้างใครจะเหมาะสมกว่ากันเรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องพูดก็ดูออกอยู่แล้ว ”

“เจ้าพูดอะไร สุ่ยหลิงเป็นภรรยาในอนาคตของข้า” ฟู่เทียนหลงพูดอย่างโกรธๆ

รอยยิ้มของฟ่งอวี๋กุยชัดเจนมากกว่าเดิม “แต่ว่า คนอื่นๆไม่รู้เรื่องนี้นี่ พวกเขารู้เพียงว่าเจ้าคนแซ่มู่เหมาะสมกับแม่นางสุ่ยหลิงมากกว่า รู้เพียงในการแย่งชิงครั้งนี้ แม่นางสุ่ยหลิงนั้นอยู่ข้างเจ้าคนแซ่มู่ ส่วนท่านพี่ฟู่นั้นกลายเป็นคนที่ไปแย่งคนรักของผูอื่นและอาจเป็นไอ้คนเลวที่คิดจะทำร้ายความรักของพวกเขาก็เท่านั้น”

“เหลวไหล! คนแซ่มู่ต่างหากที่เป็นคนทำลายความรักของผู้อื่น” ฟู่เทียนหลงรีบเถียง

“ใช่ ท่านและข้าล้วนรู้ความจริงทั้งหมด แต่คนนอกไม่รู้” ฟ่งอวี๋กุยยกมือขึ้นโบกอย่างไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร

ฟู่เทียนหลงเม้มริมฝีปาก และขมวดคิ้วมองฟ่งอวี๋กุย

ครู่หนึ่งเขาจึงพูดเสียงเข้มว่า “เจ้าต้องการจะพูดอะไร อย่าได้อ้อมค้อม”

ฟ่งอวี๋กุยกระตุกมุมปากทีหนึ่ง และพูดว่า “สิ่งที่ข้าต้องการนั้นง่ายมาก เพียงแค่ท่านพี่ฟู่ช่วยข้า ข้าก็จะช่วยท่าน ทำให้แม่นางสุ่ยหลิงกลับมาอยู่เคียงข้างท่าน” “เจ้ามีวิธีทำให้สุ่ยหลิงเปลี่ยนใจหรือ” ฟู่เทียนหลงตา เป็นประกาย

“จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็สุดแล้วแต่ท่าน” ฟ่งอวี๋กุยพูดอย่างคลุมเครือ

แต่ว่า ยิ่งเขาทำเช่นนี้ ฟู่เทียนหลงก็ยิ่งคิดว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นเป็นความจริง “เจ้ามีวิธีอย่างไร”

ฟ่งอวี๋กุยหยุดทุกประเด็นลงในตอนนี้ และมองฟู่เทียนหลงด้วยสายตาที่แฝงรอยยิ้ม

ท่ามกลางสายตาของเขา ในที่สุดฟู่เทียนหลงก็ได้สติ แล้วถามด้วยนํ้าเสียงที่แฝงความอึดอัดว่า “เจ้าจะให้ข้าช่วยอะไรกันแน่”

“ง่ายมาก เพียงแค่ท่านกลับไปอยู่กับพวกเขาและทำให้พวกเขาเชื่อใจท่านอีกหน แล้วรอคำสั่งจากข้า หากข้าจัดการกับเจ้าตระกูลมู่สำเร็จแล้ว สุ่ยหลิงของท่านก็จะ ไม่อาลัยอาวรณ์เจ้าไร้ค่านั่นอีก ถึงตอนนั้นข้าจะบอกท่านว่าต้องทำอย่างไรให้แม่นางสุ่ยหลิงกลับมาหาท่าน” ฟ่งอวี๋กุยพูดหว่านล้อม

ฟู่เทียนหลงพยายามมองฟ่งอวี๋กุยอย่างพินิจครู่ใหญ่ จึงกัดฟันพูดว่า “ได้”

“มู่เกอ ท่านดูสิว่าในมือของข้าต้นนี้ใช่ยาสมุนไพรหิมะหรือไม่” เว่ยกว่านกว่านวิ่งเข้าไปถามมู่ชิงเกอโดยที่ในมือถือยาสมุนไพรที่รูปร่างเหมือนเกสรสีขาวชนิดหนึ่ง

มู่ชิงเกอกวาดสายตามองแวบหนึ่งแล้วพยักหน้า

เว่ยกว่านกว่านดีใจรีบเก็บยาสมุนไพรหิมะเข้าไปในถุงผ้าที่ติดตัวนางมาอย่างระมัดระวัง “ชนิดสุดท้ายก็พบแล้ว”

 

ตบถุงผ้าของตนเองอย่างดีใจ เว่ยกว่านกว่านมองมู่ชิงเกอแล้วถามว่า “มู่เกอ สมุนไพรของข้าได้มาครบแล้ว ตอนนี้เราจะเข้าไปยังประตูโรงโอสถได้หรือยัง”

“ได้” มู่ชิงเกอพยักหน้า

ทั้งสี่เดินมุ่งหน้าไปยังประตูทางเข้าโรงโอสถ แต่ว่าสุ่ยหลิงกลับจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

เว่ยฉีหันมองนางแวบหนึ่ง แล้วเดินไปอยู่ข้างๆ มู่ชิงเกอ พูดระคนยิ้มกับนางว่า “ถือว่าเราโชคดี ที่ต่างก็พบยาสมุนไพรทั้งห้าชนิดจนครบแล้ว คราวนี้การผ่านบททดสอบแรกของโรงโอสถก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรแล้ว”

พูดจบ เขาก็ทำเสียงตํ่าและถามว่า “มู่เกอ ท่านบอกข้ามาตามความจริงนะ ว่าท่านชอบสุ่ยหลิงหรือเปล่า”

มู่ชิงเกอกระตุกมุมปาก และมองเขาด้วยสายตาที่แฝงความแปลกใจ “ข้าทำอะไรให้พวกเจ้าเข้าใจผิดหรือ” รู้กันอยู่ว่าเรื่องวุ่นวายนี้สุ่ยหลิงเป็นคนทำให้เกิด นางเป็นผู้ถูกกระทำนะ

เว่ยฉีทั้งสะบัดมือและส่ายหน้า แล้วอธิบายว่า “ข้าเองก็รู้สึกว่าท่านไม่มีทางชอบเด็กน้อยนางนี้ แต่ว่า หากท่านไม่ชอบก็รีบบอกให้นางรู้ จะได้ไม่ทำให้ฟู่เทียนหลงเข้าใจผิด”

มู่ชิงเกอไม่รู้จะยิ้มหรือหัวเราะดี

ให้นางอธิบายอะไร เพศของนางสุ่ยหลิงก็รู้ดี นางเป็นหญิงจะไปชอบผู้หญิงด้วยกันได้อย่างไร

มู่ชิงเกอไม่รู้ว่าควรตอบว่าอะไร เว่ยฉีกลับพูดต่ออย่างเจ็บใจว่า ะ “เฮ้อ เสียดายที่ท่านเป็นชาย หากเป็นหญิง ข้าจะต้องแต่งงานกับท่านให้ได้ไม่ว่าด้วยวิธีใด”

คำพูดนี้ ทำให้มู่ชิงเกอหัวเสียอีกหน แต่ว่า เขายังไม่จบเพียงเท่านี้และพูดต่ออีกว่า “การมีอยู่ของท่าน ช่างทำให้ผู้ชายดีๆ อย่างเรารู้สึกกดดันเหลือเกิน หญิงสาวที่หมายปอง ล้วนไปชอบท่านกันหมด ข้ารู้สึกว่าด้วยอุปนิสัยของท่าน ควรจะไปตามหาหญิงสาวที่งดงามเย็นชาและสูงศักดิ์ดั่งภูเขานํ้าแข็งและสยบนางซะ เพราะดอกบัวหิมะบนเขานํ้าแข็งเหล่านั้นไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะเด็ดลงมาได้ ศิษย์พี่หญิงที่เราพบที่ทะเลสาบชุ่ยเมื่อคราวก่อนก็ไม่เลว หากท่านได้เคียงคู่กับนาง สุ่ยหลิงเองก็จะได้ไม่ต้องคิดฟุ้งซ่านอีก”

“…” มู่ชิงเกอมีความรู้สึกอยากจะเอายาสมุนไพรในมืออุดรูในสมองที่คิดไม่เข้าท่าของเว่ยฉีซะ

“ไอ้เว่ยฉีเจ้าพูดอะไรของเจ้า! มู่เกอไม่มีทางชอบคนเย็นชาเช่นนั้นหรอก!” เว่ยกว่านกว่านที่คอยสังเกตการสนทนาของทั้งสองเมื่อได้ยินเช่นนี้จึงรีบกระโดดออกมา และไล่ตีเว่ยฉี

เว่ยฉีรีบหลบพัลวันเอามือกุมหัวเอาไว้แล้วพูดอย่างไม่กลัวตายว่า “เจ้าจะร้อนใจไปทำไม หากมู่เกอจะชอบเจ้าก็คงชอบไปตั้งนานแล้ว มู่เกอไม่ได้คิดเช่นนั้นกับเจ้า เจ้าอย่าได้เพ้อฝันอีกเลย!”

“เจ้าตัวตลกคู่นี้!” มู่ชิงเกอถอนหายใจอย่างจำยอม หลังจากที่ทั้งสองเดินออกไปไกล มู่ชิงเกอจึงหยุดสายตาที่สุ่ยหลิง

คิดทบทวนครู่หนึ่ง นางจึงเดินเข้าไปและถามว่า “เพราะอะไร?”

สุ่ยหลิงอึ้ง พลันเงยสายตาขึ้นมองนาง ราวกับไม่เข้าใจคำถามของนาง

เมื่อสบกับดวงตาอันสดใสนั้น สุ่ยหลิงรู้สึกราวกับว่านี่ต่างหากที่เป็นตาทิพย์ที่แท้จริง ที่สัมผัสทุกความคิดของตัวนางได้

ครู่หนึ่ง นางจึงพูดว่า “ข้ากับฟู่เทียนหลงได้ถูกจัดให้เป็นคู่หมายโดยผู้ใหญ่ในตระกูลตั้งแต่ยังเด็ก และด้วยเวลาที่ผ่านมาเรื่อย ๆ งานแต่งของเรานับวันก็ยิ่งใกล้เข้ามา แต่ว่า ข้ากลับไม่หวังให้เขาแต่งงานกับข้าเพียงเพราะการหมั้นหมาย”

“เจ้าคิดว่าเขาไม่ชอบเจ้าหรือ” มู่ชิงเกอถาม

สุ่ยหลิงส่ายหน้า และยิ้มอย่างขมขื่น “ความคิดของเจ้าซื่อบื้อนั้นชัดเจนมาก สิ่งที่คิดเอาไว้แล้วไม่เคยกลับหลัง บางทีแม้กระทั่งตัวเขาเองก็ยังไม่แน่ใจว่าให้ความ สำคัญกับข้าเพราะเป็นคู่หมายหรือเพราะชอบข้ากันแน่”

“เพราะฉะนั้น เจ้าจึงคิดจะใช้ข้าเป็นเครื่องมือในการกระตุ้นความรู้สึกของเขา ให้เขารู้ใจตนเอง และทำให้เจ้าได้เห็นใช่ไหม” คำพูดของมู่ชิงเกอเปิดเผยเรื่องราว ทุกอย่างในทันที

สุ่ยหลิงพยักหน้าอย่างอึดอัด ขณะเดียวกันก็พูดอย่างปากแข็งว่า “หากเขาจะแต่งงานกับข้าเพียงเพราะข้าเป็นคู่หมาย ข้าจะไม่ยอมแต่ง”

“แล้วตอนนี้ได้ผลลัพธ์หรือยัง” มู่ชิงเกอพูดและหลุดยิ้ม

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version