Skip to content

พลิกปฐพี 169-1

ตอนที่ 169-1

เสี่ยวเฮยแสดงพลัง!

“หัวชางซู่ เจ้าจะหนีไปไหน!”

ด้านนอกหอเก็บโอสถเหล่าศิษย์ที่เหลือที่นำโดยหัวชางซู่ ถูกเซี่ยเทียนอู๋กับเหล่าผู้คุมกฎขวางอยู่ที่ปากประตูทางเข้า

พอได้พบกับเซี่ยเทียนอู่อีกครั้ง หัวชางซู่ก็แววตาหดเล็กลง กล่าวอย่างตกตะลึง “เซี่ยเทียนอู่? เจ้าทำไมถึงอยู่ที่นี่?”

เซี่ยเทียนอู่ยิ้มเย็นขึ้น “แปลกใจมากเลยรึ? ข้าแต่เดิมก็มาตามคำสั่งของท่านหัวหน้า มาที่สาขาย่อยตรวจสอบเรื่องราวของเจ้า คาดไม่ถึงว่าเจ้ากลับทำให้ข้าไม่ต้องเปลืองแรงแม้แต่น้อย ก่อความผิดฐานกบถเช่นนี้ขึ้น ข้าก็สามารถจัดการเจ้าตามกฎได้ในทันที!”

กล้ามเนื้อบนใบหน้าของหัวชางซู่พลันบิดเบี้ยวขึ้น แววตาทอแววอำมหิต

ผู้คุมกฎของสาขาย่อยต่างก็พากันมองไปทางเขาอย่างชิงชัง

หัวชางซู่กวาดตามองไปรอบหนึ่งอย่างเหี้ยมเกรียม มองความรู้สึกบนใบหน้าของกลุ่มคนเอาไว้ทั้งหมด ก่อนที่อยู่ๆ จะหัวเราะบ้าคลั่งขึ้นมา กล่าวไปทางพวกเซี่ยเทียนอู๋ “พวกเจ้าอย่าได้เข้ามา ถ้าหากไม่ปล่อยให้ข้าจากไป ข้าก็จะดึงดูดเพลิงลาวาทำลายหอเก็บโอสถให้ราบ! ”

“เจ้ากล้ารึ!”

เซี่ยเทียนอู๋ตวาดขึ้นเสียงดัง ในแววตาของเหล่าผู้คุมกฎก็พากันทอแววเกรี้ยวกราดออกมา

หัวชางซู่ที่อยู่ๆ กล่าวเช่นนี้กลับทำให้พวกเขาคิดลังเลขึ้นมา เกิดความหวาดเกรงขึ้นมาส่วนหนึ่ง หัวชางซู่ในตอนนี้ก็ยังถือเป็นหัวหน้าของโรงโอสถสาขาย่อย แน่นอนว่ามีความสามารถเพียงพอที่จะใช้ป้ายหัวหน้าสาขาดึงเพลิงลาวาใต้โรงโอสถสาขาย่อยออกมาได้

หัวชางซู่แสยะยิ้มน่าเกลียด กล่าวด้วยท่าทางบ้าคลั่ง “เจ้าก็ลองดูว่าข้ากล้าหรือไม่?”

เซี่ยเทียนอู๋นัยน์ตาหดเล็กลง กลายเป็นนิ่งขรึมขึ้น

ชักนำเพลิงลาวานี่ก็ไม่ได้เป็นเรื่องเล็กๆ หากจัดการไม่ดีพอ ก็อาจจะทำลายทั้งสาขาย่อยได้ กลายเป็นตกตายกันไปหมด

“หัวชางซู่เจ้าอย่าได้ทำอะไรบ้าๆ!” เซี่ยเทียนอู๋กล่าวเตือนขึ้นอีกครั้ง

หัวชางซู่กลับยิ้มชั่วช้าขึ้นมา “ไม่อยากให้ข้าทำอะไรบ้าๆ ก็ปล่อยให้ข้าจากไป ข้าจากไปแล้วโรงโอสถแห่งนี้แน่นอนว่าจะต้องปลอดภัย”

“ผู้อาวุโสเซี่ยอย่าปล่อยให้โจรกบฏผู้นี้จากไปเด็ดขาด!” ผู้คุมกฎของสาขาย่อยกล่าวอย่างเร่งร้อน

“ใช่แล้ว! ผู้อาวุโสเซี่ย โจรกบฏผู้นี้ความทะเยอทะยานมีไม่น้อย ถ้าหากปล่อยเขาจากไป ในอนาคตแน่นอนว่าจะต้องกลายเป็นปัญหายุ่งยากแน่นอน”

“ผู้อาวุโสเซี่ย!”

เสียงห้ามดังขึ้นข้างหูของเซี่ยเทียนอู๋ไม่หยุด สีหน้าท่าทางของหัวชางซู่ก็เพราะเสียงหักห้ามพวกนี้กลายเป็นยิ่งมายิ่งดูเหี้ยมเกรียมขึ้น แต่เขาก็ยังคงจ้องมองเซี่ย เทียนอู๋ตาเขม็ง เพราะเขารู้ว่าในคนพวกนี้คนที่จะสามารถตัดสินใจได้ก็มีเพียงเซี่ยเทียนอู๋เท่านั้น

เซี่ยเทียนอู๋ยกมือขึ้น หยุดการห้ามปรามของพวกผู้คุมกฏ

สีหน้าของเขาเคร่งขรึมจ้องมองไปทางหัวชางซู่ กล่าวเสียงขรึม “หัวชางซู่ ส่งป้ายหัวหน้าสาขาย่อยออกมาซะ แล้วข้าจะปล่อยเจ้าจากไป แต่เหล่าศิษย์พวกนี้ห้ามไปกับเจ้า”

“อาจารย์!”

“อาจารย์! อย่าได้ทอดทิ้งพวกข้า!”

“อาจารย์พวกข้าเชื่อฟังท่านมาโดยตลอด อย่าทอดทิ้งพวกเราเลยขอรับ”

คำกล่าวของเซี่ยเทียนอู๋พอจบลง ศิษย์สิบกว่าคนด้านหลังของหัวชางซู่ก็พลันกลายเป็นวุ่นวายขึ้นมา ก่อนตกเข้าสู่ความร้อนรน หัวช่างซูมีวิธีในการรักษาชีวิตแต่พวกเขานั้นไม่มี

การก่อเรื่องก่อราวเช่นนี้ขึ้นมานอกจากความตายแล้วก็ไม่มีเส้นทางอื่นให้สามารถก้าวไปได้อีก

รอยยิ้มของหัวชางซูก็เย็นยะเยือกจนน่ากลัวนัก เขาไม่สนการขอร้องอ้อนวอนของเหล่าศิษย์ด้านหลัง กล่าวกับเซี่ยเทียนอู๋ “เจ้าอยากได้ศิษย์พวกนี้ข้าให้เจ้าได้ แต่ว่าป้ายประจำตัวหัวหน้าสาขา…เจ้าคิดว่าข้าโง่งมหรือไร? ถ้าหากมอบให้เจ้าแล้วข้าจะใช้สิ่งใดรักษาชีวิต?”

พอได้ยินว่าอาจารย์คิดทอดทิ้งพวกเขา เหล่าศิษย์สิบกว่าคนที่ตามติดหัวชางซู่มาโดยตลอดก็พลันกลายเป็นสีหน้าซีดขาว ล้มยวบลงกับพื้นราวกับว่าได้รับการ ความผิดหวังอย่างถึงที่สุด

“หัวชางซู่!” เซี่ยเทียนอู๋ตวาดคำรามขึ้นมา “เจ้าคิดว่าผู้อื่นจะเหมือนเช่นเจ้าเวลากล่าวคำพูดแล้วเชื่อไม่ได้หรือไร? เจ้าไม่เชื่อข้า แล้วข้าจะเชื่อเจ้าได้อย่างไรว่าตอนที่เจ้าจากไปแล้วจะไม่ทำเรื่องที่เป็นผลร้ายต่อโรงโอสถ?”

“ปล่อยข้าจากไป หลังจากรอจนข้ารู้สึกปลอดภัยแล้ว แน่นอนว่าข้าจะส่งมอบป้ายประจำตัวออกไป” หัวชางซู่กัดฟันพูดขึ้น กล่าวข้อกำหนดของตัวเองออกไป

ตอนนี้ป้ายประจำตัวหัวหน้าโรงโอสถสาขาย่อยถือเป็นไพ่ตายปกป้องชีวิตของเขา แล้วจะส่งมันออกไปง่ายๆ ได้อย่างไร?

“เจ้ามอบป้ายประจำตัวออกมา ข้าก็จะปล่อยเจ้าจากไป คำพูดของข้าก็หนักแน่นดุจขุนเขา แน่นอนว่าไม่มีทางกลับคำ” เซี่ยเทียนอู๋ก็กล่าวอย่างไม่ยิมยอมเช่นกัน

และในขณะที่สองคนพูดยื้อกันไปกันมา ก็มีผู้คุมกฎใจร้อนผู้หนึ่ง พุ่งออกไปทางหัวชางซู่ตรงๆ ยื่นมือคว้าจับไปทางเขา “ส่งป้ายประจำตัวออกมา”

การกระทำอันมุทะลุเช่นนี้ก็ทำเอาเซี่ยเทียนอู๋สีหน้าเปลี่ยนสีในทันใด

เขาก็มีใจจะคิดจะหักห้ามแต่กลับไม่สามารถทำมันได้ทัน

ชั่วพริบตา ผู้คุมกฎผู้นั้นก็พุ่งไปถึงข้างกายของหัวชางซู่ สองคนกลายเป็นประมือกันขึ้นมา เรื่องราวพัฒนาไปจนถึงจุดนี้ เซี่ยเทียนอู๋ก็ทำได้เพียงสั่งให้บุกตีออกไปตรงๆ ทำการแย่งชิงห้ายประจำตัวในมือของหัวชางซู่

เหล่าศิษย์สิบกว่าคนพวกนั้นที่ถูกหัวชางซู่ทอดทิ้งอย่างไร้เยื่อใย ตอนนี้ไหนเลยจะมีความคิดอยากต่อต้านอีก? ไม่จำเป็นต้องให้เหล่าผู้คุมกฎลงมือ พวกเขาต่างก็พากันคุกเข่ายอมแพ้ลงกับพื้น

หัวชางซู่ที่กำลังถูกรุมโจมตี เขาก็รับมือด้วยท่าทางร้อนรนอย่างไม่เป็นท่า ผ่านไปไม่กี่กระบวนก็ถูกซัดฝ่ามือหนึ่งเข้าไปที่ไหล่ เซถลาออกไปหลายก้าว

เขาพลันกล่าวว่าอย่างชิงชัง “ได้! ในเมื่อพวกเจ้าอยากให้ข้าตาย เช่นนั้นก็ตายไปพร้อมกันกับข้าเถอะ!” พอกล่าวจบเขาก็หยิบป้ายประจำตัวของหัวหน้าสาขาย่อยออกมา ก่อนจะส่งพลังจิตเข้าไปด้านใน ร้องคำรามขึ้นเสียงดัง “ข้าขอใช้สถานะของหัวหน้าสาขาย่อยโรงโอสถ สั่งให้ปลดผนึกเพลิงลาวา ”

ในแววตาของเซี่ยเทียนอู๋ทอแววหวาดกลัวขึ้นมาสายหนึ่ง ตะโกนร้องขึ้น “เร็ว! รีบหยุดเขา!”

ไม่ต้องให้เขากล่าวเตือน ผู้คุมกฎคนอื่นๆ ในตอนที่หัวชางซู่หยิบแผ่นปายออกมาพวกเขาก็ได้พากันพุ่งทะยานกันเข้าไปแล้วเพื่อขัดขวางเขา

แต่ว่าหัวชางซู่กลับร้ายกาจมากกว่านั้น ในตอนที่กลุ่มคนพุ่งเข้ามา บนป้ายประจำตัวของเขาก็เปล่งแสงสว่างขึ้นสายหนึ่ง เพลิงลาวาที่ซ่อนอยู่ใต้หอเก็บ โอสถพลันเริ่มขยับเคลื่อนไหวขึ้น

ใต้ดินของโรงโอสถสาขาย่อยก็แอบซ่อนไว้ด้วยอุโมงค์ลาวาสายหนึ่ง

เพลิงลาวานั้นปกติจะถูกปล่อยออกมาจากปากอุโมงค์ที่ปริออกบนผิวดินใช้เป็นเชื้อเพลิงในการหลอมโอสถของเหล่าศิษย์ที่เขตฝึกหลอมโอสถ

นอกจากนั้นแล้ว ภายในโรงโอสถสาขาย่อย ขอเพียงแค่เป็นสถานที่ที่ใช้ในการหลอมโอสถก็จะมีปากทางออกของเพลิงลาวาทั้งหมด สามารถกล่าวได้ว่าเพลิงลาวาที่อยู่ใต้ดินของโรงโอสถสาขาย่อยก็ครอบคลุมไปทั่วทั้งตัวสำนัก เกิดเป็นโครงข่ายที่เชื่อมโยงกันไปมา

หลังจากการออกคำสั่งของหัวชางซู่ เพลิงลาวาที่ซ่อนอยู่ใต้ดินก็เหมือนกับจะได้ยินถึงเสียงเรียกอัญเชิญก็ไม่ปาน สูญเสียความอบอุ่นที่มีในคราวก่อน กลายเป็นลุกโชนขึ้นอย่างบ้าคลั่ง พากันพุ่งทะยานออกมาจากปากทางออกอย่างดุดัน

ใต้ดินของโรงโอสถสาขาย่อยก็พากันเริ่มสั่นไหวขึ้น อุณหภูมิค่อยๆ กลายเป็นเริ่มสูงขึ้น “เกิดเรื่องอันใดขึ้น?”

เหล่าศิษย์โรงโอสถสาขาย่อยที่ไม่รู้เรื่องว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะว่าพื้นดินที่สั่นไหว แม้แต่ยืนก็ยังทรงตัวไม่อยู่ ร่างกายเซถลาไปมาชนเข้าหากัน สีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก

“ทำไมอยู่ๆ ถึงกลายเป็นเช่นนี้ได้? แผ่นดินไหวรึ?”

“ที่นี่ก็ไม่เคยเกิดแผ่นดินไหวมาก่อน ทำไมอยู่ๆ พื้นดินกลับสั่นไหวอย่างรุนแรงเช่นนี้ได้!”

“แผ่นดินไหว? พวกเราจะทำยังไงดี?”

“ร้อนยิ่งนัก! พวกเจ้าไม่รู้สึกรึว่าอยู่ๆ ก็ร้อนขึ้นมารึ!”

“ร้อนขึ้นจริงๆ ด้วย เหมือนกับกำลังถูกไฟเผาอย่างไรอย่างนั้น”

“อา! รองเท้าของข้าถูกความร้อนซึมผ่านเข้ามาแล้ว!”

เสียงร้องต่างๆ นานา พากันลอยเข้ามา ตัวของพวกมู่ชิงเกอก็สั่นไหวไปตามการสั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่องของแผ่นดิน ความผิดปกติที่มาอย่างกะทันหันนี้ก็ชวนให้นางต้องขมวดคิ้วขึ้น ในใจเกิดลางสังหรณ์ที่ไม่ดีขึ้นมา

“แย่แล้ว! เป็นหัวชางซู่ที่ปลดปล่อยเพลิงลาวา!” ทันใดนั้นเองโหลวชวนป่ายก็พลันคิดถึงบางสิ่งได้ กล่าวเสียงตระหนก

มู่ชิงเกอมองไปทางเขา “เพลิงลาวา?”

โหลวชวนป๋ายเร่งรีบพยักหน้า กล่าวนํ้าเสียงร้อนรน “ใต้ดินของโรงโอสถสาขาย่อยซ่อนอุโมงค์ลาวาสายหนึ่งไว้ เชื้อเพลิงที่เหล่าศิษย์และผู้อาวุโสใช้หลอมโอสถล้วนแต่เป็นมันที่มอบให้ อุโมงค์ลาวาสายนี้มีเพียงป้ายประจำตัวหัวหน้าสาขาย่อยเท่านั้นถึงจะสั่งการมันได้ หนึ่งเพื่อใช้ควบคุมมัน สองก็เพื่อเอาไว้ใช้เวลาที่เจอศัตรูแข็งแกร่งบุกเข้ามาแล้วไม่สามารถต่อกรกับเขาได้ใช้ไพ่ตายนี้ให้ทั้งสองฝ่ายตกตายไปพร้อมกัน” พอกล่าวจบลงอย่างรวดเร็ว โหลวชวนป่ายก็กล่าวขึ้นด้วยสีหน้าไม่น่าดู “คิดไม่ถึงว่าหัวชางซู่จะบ้าคลั่งถึงขนาดนี้ ถึงกับคิดจะให้อาจารย์ศิษย์รวมถึงทุกสิ่งทุกอย่างของสาขาย่อยตายตกไปด้วยกันกับเขาด้วย!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version