Skip to content

พลิกปฐพี 169-2

ตอนที่ 169-2

เสี่ยวเฮยแสดงพลัง!

มู่ชิงเกอนัยน์ตาหดเล็กลง สั่งการขึ้นเสียงดัง “องครักษ์เขี้ยวมังกรฟังคำสั่ง!”

องครักษ์เขี้ยวมังกรทั้งห้าสิบนายพลันปรากฏตัวขึ้นข้างกายนาง ชันเข่าลงไปกับพื้นข้างหนึ่ง กล่าวเสียงพร้อมเพรียงกัน “คุณชาย!”

“พวกเจ้าเร่งคุ้มกันศิษย์อาจารย์ของโรงโอสถจากไป อย่าให้เกิดความผิดพลาดเป็นอันขาด!” มู่ชิงเกอเร่งรีบสั่งการ

พร้อมกับที่เสียงสั่งการของนางจบลง ก็ตามมาด้วยเสียงระเบิดอันรุนแรงที่ดังสะท้อนขึ้นมา สั่นสะเทือนจนพื้นดินสั่นไหว ฝูงชนพากันนิ่งกุมหัวลงกับพื้นอย่างตกใจกลัว หลังจากเสียงระเบิดจบลง ฝูงชนต่างก็พากันมองไปยังทิศที่เสียงสะท้อนมา ก่อนจะเห็นเปลวเพลิงอันร้อนแรงสายหนึ่งที่กำลังเข้าปกคลุมผืนฟ้าด้านบนของโรงโอสถ

มู่ชิงเกอนัยน์ตาก็พลันหดเล็กลง กล่าวกับโหลวชวนป่าย “ข้าจะไปตรวจดู!”

พอกล่าวจบ ร่างของนางก็หายลับไป

องครักษ์เขี้ยวมังกรก็ดำเนินการตามคำสั่งของนาง คุ้มกันพวกศิษย์อาจารย์ของโรงโอสถถอยออกไป รอบนอกอย่างรวดเร็ว

“จื่อจ้ง เจ้าจะไปไหน?” โหลวชวนป่ายรั้งดึงเหมยจื่อจ้งที่กำลังจะวิ่งไปคนละทาง ถามว่าอย่างร้อนรน

ขณะนั้นเอง เสียงระเบิดสั่นไหวก็ดังมาไม่หยุด อาคารสิ่งปลูกสร้างของโรงโอสถสาขาย่อยก็ถูกพังทำลายลงอย่างต่อเนื่อง เปลวเพลิงขนาดมหึมากำลังแผดเผาออกไปรอบด้านอย่างรวดเร็ว

เหมยจื่อจ้งมองไปทางแขนเสื้อของตนที่ถูกอาจารย์รั้งดึงเอาไว้แน่นสายตาหนึ่ง ก่อนจะกล่าวว่าสีหน้าร้อนใจ

“ข้าจะไปหาชิงเกอ” เขาก็ไม่วางใจที่จะปล่อยให้นางรั้งอยู่ในโรงโอสถสาขาย่อยที่เต็มไปด้วยความอันตรายเช่นนี้

แต่ว่า โหลวชวนป่ายกลับส่ายหน้ากล่าวห้ามขึ้น แรงที่ใช้ตรงฝ่ามือก็เพิ่มมากขึ้นอีกหลายส่วน “เขาไม่มีทางเกิดเรื่อง เจ้าที่ตามเข้าไปก็ทำได้เพียงแค่ทำให้เขาต้องแบ่งสมาธิมาดูแลเจ้าเพียงเท่านั้น เร็ว ออกไปพร้อมกับพวกเราก่อน”

“อาจารย์แต่ว่าเขา…” เหมยจื่อจ้งกล่าวอย่างลำบากใจ

“รีบไป!” ทันใดนั้นเององครักษ์เขี้ยวมังกรนายหนึ่งก็มาช่วยดึงเขาอีกแรงหนึ่ง ศิษย์ของโรงโอสถจำนวนไม่น้อย ที่อยู่ด้านหลังก็กำลังกรูเข้ามาทางทิศนี้พอดี ขัดขวางทางไปของเขา

เหมยจื่อจ้งที่ตกอยู่ภายใต้การเบียดดันก็ถูกผลักให้จากไป

เขาก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองหาเงาร่างของมู่ชิงเกอเป็นระยะๆ แต่ก็มองไม่เห็นอะไร

เขาก็รู้ว่านางนั้นแข็งแกร่งมาก แข็งแกร่งจนไม่ต้องการให้ตัวเองไปปกป้อง แต่เขาก็ยังหวังอยู่ว่าจะสามารถอยู่เคียงข้างนาง ทำเรื่องบางส่วนที่เขาสามารถช่วยเหลือได้ แต่ว่าแม้แต่โอกาสเช่นนี้ก็ยังไม่อาจมอบให้เขาได้เลยรึ?

“หัวชางซู่เจ้าเสียสติไปแล้วรึ!” เซี่ยเทียนอู๋กล่าวเสียงดัง

ตรงหน้า โรงโอสถสาขาย่อยก็ได้กลายเป็นทะเลเพลิงไปแล้ว หัวชางชู่ยืนหัวเราะอย่างบ้าคลั่งอยู่ด้านหน้าประตูหอเก็บโอสถ

หอเก็บโอสถด้านหลังของเขาก็ได้มีเปลวเพลิงแผ่ขยายเข้ามาถึงแล้ว ใช้เวลาอีกไม่นานก็คงจะลุกโหมมาถึงที่นี่

“ฮ่าๆๆๆๆๆ…ตายกันไปให้หมดเถอะ! ข้าตายไปแล้วก็ยังมีพวกเจ้าตายตามไปด้วย เท่านี้ข้าก็นับว่าได้กำไรแล้ว!” หัวชางซู่กล่าวอย่างเสียสติ

เส้นผมของเขายุ่งเหยิง บนเสื้อผ้ามีรอยเลือดเปรอะเปื้อนอยู่จำนวนหนึ่ง ทั้งยังมีรอยขาดหลุดรุ่ย เหล่านี้ก็เป็นสิ่งที่หลงเหลือมาจากกระปะทะก่อนหน้า ในมือของ เขากำป้ายประจำตัวของหัวหน้าโรงโอสถเอาไว้แน่น ยินยอมให้แผ่นป้ายป้ายนั้นร้อนลวกมือแต่ไม่ยินยอมปล่อยให้มันหลุดมือไป

ทันใดนั้นเองข้างกายของเซี่ยเทียนอู๋ก็ปรากฏคนผู้หนึ่งขึ้น ดึงดูดสายตาของฝูงชน หัวชางซู่พอมองเห็นมู่ชิงเกอที่อยู่ๆก็โผล่ขึ้นมา ดวงตาทั้งสองข้างก็พลันหรี่เล็กลงพร้อมกับกล่าวอย่างชิงชัง “เป็นเจ้า?”

เซี่ยเทียนอู๋พอมองเห็นมู่ชิงเกอ ในแววตาก็ทอแววยินดีขึ้นมา เขาพลันอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับมู่ชิงเกออย่างรวดเร็วหลังจากนั้นก็หันไปมองหัวชางซู่ สีหน้าขึงขัง ท่าทีของเซี่ยเทียนอู๋ที่มีต่อมู่ชิงเกอก็ทำให้หัวชางซู่รู้สึกประหลาดใจขึ้นมา นี่ไม่คล้ายกับท่าทีของผู้อาวุโสผู้หนึ่งที่มีให้เหล่าศิษย์แต่กลับกัน กลับทำให้เขารู้สึกว่า เซี่ยเทียนอู๋กำลังให้เกียรติมู่ชิงเกอ

เรื่องที่มู่ชิงเกอถูกโรงโอสถสาขาหลักแต่งตั้งเป็นผู้อาวุโส แต่เดิมก็มอบให้เซี่ยเทียนอู๋มาประกาศพร้อมกันด้วยในครั้งนี้ พวกเหมยจื่อจ้งที่รู้เรื่องด้วยไม่กี่คนก็ล้วนแต่ไม่ใช่พวกปากมาก แน่นอนว่าไม่มีทางกล่าวถึงมันไปทั่ว

แต่ว่า เซี่ยเทียนอู๋ก็ยังไม่ทันได้ป่าวประกาศอันใด สาขาย่อยก็มาเกิดเรื่องราวเช่นนี้ก่อน ส่งผลให้หัวชางซู่รวมถึงคนอื่นๆ ในโรงโอสถสาขาย่อย ล้วนแต่ไม่ทราบถึงฐานะในปัจจุบันของมู่ชิงเกอ

“ทำเช่นไรถึงจะทำให้เพลิงลาวาสงบลงได้” มู่ชิงเกอพลันถาม สีหน้าสงสัย

ทันใดนั้นเองยังไม่ทันรอให้เซี่ยเทียนอู๋กล่าววาจา ฝูงชนก็ได้ยินเสียงแตกละเอียดเสียงหนึ่งดังเข้ามา พอเงยหน้าจ้องมองไป ก็มองเห็นเข้ากับฉากภาพที่ป้ายประจำตัวในมือของหัวชางซู่แตกละเอียดลงต่อหน้าต่อตา

เซี่ยเทียนอู๋สีหน้าเปลี่ยนสี “หัวชางซู่เจ้าคนเสียสติ!”

เขาเคร่งเครียดจนนํ้าเสียงเปลี่ยนไป

ไม่ต้องให้เขาอธิบายอีก มู่ชิงเกอก็สามารถคาดเดาได้ว่า หากอยากจะส่งเพลิงลาวากลับไปก็ต้องมีความเกี่ยวข้องกับแผ่นป้ายของหัวหน้าสาขาแผ่นป้ายนั้น ตอนนี้ แผ่นป้ายถูกทำลายแล้ว เกรงว่าเพลิงลาวาก็คงจะสูญเสียการควบคุมมากขึ้นไปอีก

ราวกับว่าต้องการจะยืนยันความคิดของมู่ชิงเกอ แผ่นป้ายของหัวหน้าสาขาหลังจากถูกทำลายแล้ว ด้านในโรงโอสถสาขาย่อยก็ดังสะท้อนมาด้วยเสียงระเบิดที่รุนแรงขึ้นอีกหลายเสียง บนพื้นดินเริ่มปรากฏรอยแยก รอยแยกพวกนั้นค่อยๆ ขยายกว้างขึ้น ก่อนจะมีเพลิงลาวาลุกโชนขึ้นมา เปลวเพลิงจำนวนไม่น้อยกลืนกินต้นไม้ใบหญ้าที่อยู่บนพื้นดิน

บ้านต้นไม้ของโรงโอสถที่ทำให้มู่ชิงเกอรู้สึกตื่นตาตื่นใจในครั้งแรก ตอนนี้ก็ถูกเปลวเพลิงรุมล้อมไปทั้งหมด สวนสมุนไพรที่มองออกไปไม่เห็นขอบก็เปลี่ยนแปรเป็นทะเลเพลิง สมุนไพรจำนวนนับไม่ถ้วนถูกเผาไหม้จนกลายเป็นเถ้าถ่าน

ตอนนี้ที่ยังตั้งตรงอยู่ได้ก็มีเพียงหอของโรงโอสถทั้งสามแห่งเพียงเท่านั้น แต่บนตัวหอก็เริ่มมีร่องรอยแตกหักให้เห็นขึ้นบ้างแล้ว

“ผู้อาวุโสมู่ ตอนนี้พวกเราควรจะทำอย่างไร?” เซี่ยเทียนอู๋มองไปทางมู่ชิงเกออย่างกังวลใจ

“เจ้าเรียกเขาว่าอะไร?!” แต่ว่าคำเรียกที่เขามีต่อมู่ชิงเกอกลับให้หัวชางซู่ตื่นตัวขึ้นมา

เขาก็ไม่กล้าเชื่อหูของตัวเอง จ้องเขม็งไปทางมู่ชิงเกอ ก่อนจะหันไปถามกับเซี่ยเทียนอู๋

เซี่ยเทียนอู๋ตอนนี้ก็เหมือนกับว่าจงใจจะยั่วโมโหหัวชางซู่ แยกเขี้ยวยิ้มเย็นขึ้น กล่าวด้วยใบหน้าเย้ยหยัน “ดูท่า เจ้ายังคงไม่รู้ว่าหลังจากที่ผู้อาวุโสมู่ไปที่สาขาหลักมาแล้ว ก็ได้สอบผ่านการเป็นผู้อาวุโสของสาขาหลักด้วย กลายเป็นผู้อาวุโสที่มีอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของโรงโอสถ ได้รับความไว้วางใจจากท่านหัวหน้ายิ่งนัก”

“อะไรนะ! เขาเป็นผู้อาวุโส? ไม่! นี่เป็นไปไม่ได้!” ใบหน้าของหัวชางซู่เพราะความชิงชังกลายเป็นบิดเบี้ยวขึ้น สายตาที่มองไปทางมู่ชิงเกอก็เหมือนกับจะฆ่าคนได้ แต่ว่ามู่ชิงเกอก็เหมือนกับไม่ได้ยินว่าเขากำลังพูดอะไรก็ไม่ปาน ในสมองไหลแล่นด้วยความรวดเร็วเพื่อที่จะเสาะหาวิธีแก้ไขปัญหาหายนะในครั้งนี้……………………………………………………………………… ทำอย่างไรดี? วิธีที่พึ่งพาได้มากที่สุดก็ถูกหัวชางซู่ทำลายลงไปแล้ว

นางจะแก้ปัญหานี้อย่างไรดี?

ปล่อยหยวนหยวนออกมา? ใช้พญาเพลิงปีศาจไป๋กู่ จัดการกับเพลิงลาวา? พญาเพลิงปีศาจไป๋กู่มีศักดิ์เป็น พญาเพลิง การจะจัดการกับเพลิงลาวาก็ไม่ใช่ปัญหา แต่ปัญหาก็คือพญาเพลิงไป๋กู่ก็เป็นไฟเช่นเดียวกัน และอุณหภูมิของมันก็ยังตํ่ามาก ถ้าหากปล่อยออกมา คนของโรงโอสถแน่นอนว่าจะต้องรับไม่ไหว โรงโอสถสาขาย่อยก็เหมือนกันคงจะถูกทำลายลง

หยวนหยวนใช้การไม่ได้ เช่นนั้นจะสามารถใช้อะไรได้?

ในสมองของมู่ชิงเกอครุ่นคิดไปมาอย่างรวดเร็ว

สถานการณ์ยิ่งวุ่นวาย ยิ่งร้อนรน ก็ยิ่งทำให้นางกลาย เป็นนิ่งสงบขึ้น

ทันใดนั้นเองนางก็สัมผัสได้ว่าหม้อผลาญสวรรค์ไนช่องว่างจะเกิดความผิดปกติขึ้นมา เหมือนกับว่ามันกำลังอยากจะปรากฏตัวออกมา

มู่ชิงเกอขมวดคิ้วขึ้น คำกล่าวของหัวหน้าโรงโอสถสาขาหลักอยู่ๆ ก็ดังก้องขึ้นในหัวของนาง—–

‘หม้อผลาญสวรรค์ไม่เพียงแต่สามารถหลอมโอสถได้ มันยังมีความสามารถสำคัญอื่นๆ อีก’

แต่ ความสามารถอื่นๆ ของหม้อผลาญสวรรค์ เจ้าสำนักของโรงโอสถก็ไม่ได้กล่าวอธิบายเอาไว้หรือว่าบางทีเขาอาจจะไม่รู้ถึงมันก็เป็นไปได้ แต่ไหนแต่ไรมาหม้อผลาญสวรรค์ก็นิ่งเงียบมาโดยตลอด อยู่ๆมาเกิดความผิดปกติ เช่นนี้หรือว่าบางทีมันอาจจะจัดการกับหายนะของโรงโอสถสาขาย่อยครั้งนี้ได้?

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version