Skip to content

พลิกปฐพี 175-3

ตอนที่ 175-3

เถียนจี้แข่งม้า ชิงเกอเดินหมาก

“เริ่มได้!”

เสียงแหลมสูงของขันทีลอยแว่วมาจากด้านบน แสดงถึงคำสั่งของจักรพรรดิหยวน

จ้าวหนานซิงดวงตาเป็นประกาย เอ่ยขึ้นอย่างสุขุม “เบี้ยขวากระโดดหนึ่งเดินสอง กิน”

เมื่อเขาพูดจบ องครักษ์เขี้ยวมังกรนายหนึ่งก็ข้ามองครักษ์เขี้ยวมังกรที่อยู่ข้างหน้า กระโดดมาอยู่ตรงหน้าเขา เผชิญหน้ากับหมากของอีกฝ่าย

สายตาของมู่ชิงเกอมีความจริงจัง ตั้งใจมองการเดินหมาก

จากนั้นเป็นการต่อสู้ระหว่างหมากทั้งสองตัว “เปลวเพลิงสะบั้นโจมตี” ราชทูตแคว้นหรงกล่าว

“ตั้งรับด้านข้าง โจมตีซี่โครงข้างซ้าย” จ้าวหนานซิงมีปฏิกิริยาตอบกลับว่องไว

องครักษ์เขี้ยวมังกรที่เขาบังคับการเอียงข้างหลบการต่อสู้ของฝ่ายตรงข้าม ขณะเดียวกันก็ออกหมัดดุดันพุ่งโจมตีใส่ซี่โครงฝั่งซ้ายของฝ่ายตรงข้าม

“หลบหลีก โจมตีหัวด้านหลัง!” เสียงของราชทูตแคว้นหรงก็ตามมาติดๆ

“หมุนตัวเตะข้าง ใช้ทักษะสงคราม” จ้าวหนานซิงเอ่ย

“ใช้ทักษะสงครามต้านรับ”

ทหารกล้าของแคว้นหรงไขว้มืออยู่ข้างหน้า เกิดเป็นแสงสีครามจางๆ ราวกับเกราะป้องกัน

“ทักษะสงครามทำลาย!” จ้าวหนานซิงยกมือขึ้นชี้ไปยังองครักษ์เขี้ยวมังกรด้วยนํ้าเสียงเยือกเย็น ตลอดระยะทางตั้งแต่ออกเดินทางจากแคว้นอันดับสาม มาจนถึงอาณาจักรเซิ่งหยวน เขาได้เห็นการฝึกซ้อมและการต่อสู้ของเหล่าองครักษ์เขี้ยวมังกร พอจะเข้าใจกลยุทธ์ของพวกเขาอยู่บ้าง

ไม่เพียงแค่ตัวเขา ฟ่งอวี๋เฟยเองก็เช่นกัน ดังนั้นมู่ชิงเกอจึงได้วางใจมอบองครักษ์เขี้ยวมังกรให้พวกเขา

เมื่อเขาพูดจบ องครักษ์เขี้ยวมังกรก็กำหมัดพุ่งเข้าใส่ทหารกล้าแคว้นหรง ในสายตาของผู้อื่นเห็นเพียงว่าหมัดขององครักษ์เขี้ยวมังกรเปล่งแสงสีครามอมฟ้าอันเจิดจ้าพุ่งใส่เกราะป้องกันสีคราม

แต่ว่าในสายตาของทหารกล้าแคว้นหรงกลับคล้ายว่าเห็นเงาหมัดนับพันนับหมื่นโจมตีใส่เขา จะหลบก็หลบไม่ได้

“พรวด!”

ทันใดนั้น ทหารกล้าแคว้นหรงก็กระเด็นออกจากกระดาน หล่นลงบนพื้นอย่างแรง บริเวณหน้าอกของเขายุบตัว กระอักเลือดออกมาไม่หยุด ล้มลงไปกองกับพื้นหายใจพะงาบๆ ในขณะที่องครักษ์เขี้ยวมังกรเดินไปแทนที่ตำแหน่งที่ทหารกล้าผู้นั้นเคยยืน ท่าทีเคร่งขรึม

“ขาดอีกเพียงก้าวเดียวก็จะเข้าสู่ระดับพลังชั้นสีนํ้าเงิน นี่ใช่ทหารองครักษ์ที่มาจากแคว้นอันดับสามแน่หรือ? แม้ว่าจะเป็นอาณาจักรเซิ่งหยวนของพวกเราเอง ทหารองครักษ์ที่มีพลังชั้นระดับนี้ก็หาได้น้อยยิ่ง!”

องครักษ์เขี้ยวมังกรเปิดเผยพลังที่แท้จริงออกมา

ถูกต้องแล้ว องครักษ์เขี้ยวมังกรในปัจจุบันมีหนึ่งในสามส่วนที่เข้าสู่ระดับพลังชั้นสีม่วงชั้นต้น สองในสามส่วนที่เหลืออยู่อยู่ในระดับพลังชั้นสีนํ้าเงินหรือไม่ก็ใกล้จะเข้าสู่ระดับพลังชั้นสีนํ้าเงิน

องครักษ์ห้านายที่ติดตามมู่ชิงเกอมาถือว่าพลังไม่ได้สูงที่สุด แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้คนตกตะลึง

เกรงว่า บรรดาชนชั้นสูงในอาณาจักรเซิ่งหยวนล้วนแต่คาดไม่ถึงว่ามู่ชิงเกอจะมีกลุ่มทหารองครักษ์ที่ล้วนเข้าสู่ระดับพลังชั้นม่วงจนถึงระดับพลังชั้นสูงสุด!

พลังที่แท้จริงขององครักษ์เขี้ยวมังกร ทำให้มู่ชิงเกอยิ่งดูลึกลับเหนือความคาดเดา

การแข่งขันในรอบนี้ยิ่งทวีความน่าดูเพิ่มมากขึ้น

การถกเถียงกันไปมานั้นมู่ชิงเกอไม่ได้เห็นอยู่ในสายตา นางสนใจเพียงกระดานหมากของต่างภพนี้

ทหารกล้าแคว้นหรงถูกคนจากในวังหามลงไปอย่างรวดเร็ว

ราชทูตแคว้นหรงสีหน้าเคร่งขรึมยากที่จะหาใดเปรียบ ขาดเบี้ยไปหนึ่งตัวเขาก็เขยิบเข้าใกล้กับความพ่ายแพ้ไปอีกหนึ่งก้าว

รอบนี้มาถึงตาเขาเดินบ้าง ไม่ว่าอย่างไรจะต้องดึงเกมกลับมาชนะให้จงได้

“เบี้ยสาม กระโดดหนึ่ง กระโดดสอง เข้าหนึ่ง!”

ทหารกล้าแคว้นหรงที่อยู่ในตำแหน่งเบี้ยสามขยับตัวทันที ข้ามเพื่อนร่วมกลุ่มที่อยู่ด้านหน้าสองนาย เข้าไปอยู่ตำแหน่งหน้าสุด เผชิญหน้ากับองครักษ์เขี้ยวมังกร นายหนึ่งที่ยืนเฝ้าระวังอยู่

“อสรพิษ สังหาร!” จ้าวหนานซิงส่งเสียงดูแคลน

องครักษ์เขี้ยวมังกรนายหนึ่งออกกลยุทธ์ทรงพลัง แสงสีทองแผ่ออกมาจากร่างของเขาขึ้นไปในอากาศเป็นร่าง อสรพิษยักษ์คำรามอย่างโหดเหี้ยมพุ่งโจมตีใส่ทหารกล้าแคว้นหรง

“ทักษะสงครามสลายนภา” เหงื่อผุดบนหน้าผากราชทูตแคว้นหรง ส่งเสียงตะโกนคมชัด

เสียงสีทองปะทะเข้ากับแสงสีคราม เกิดเป็นเสียงดังกัมปนาทสนั่นหวั่นไหว กลยุทธ์ที่แคว้นหรงใช้ถูกอสรพิษสีทองโจมตีแตกพ่าย อสรพิษสีทองพุ่งไปทางทหารกล้าแคว้นหรง โอบรัดร่างเขาไว้ขึ้นไปกลางอากาศ

“อ๊ากก!”

เสียงร้องโหยหวนของทหารกล้าแคว้นหรงดังขึ้นกลางอากาศ ยังไม่ทันที่เสียงจะหายไปเขาก็ร่วงลงบนพื้น กระอักเลือดและหมดสติไป

หลังจากรบชนะคู่ต่อสู้ อสรพิษสีทองก็สลายไป องครักษ์เขี้ยวมังกรเก็บคืนลักษณะท่าทาง ยืนเอามือไพล่หลังเฝ้าระวังพื้นที่ของตนด้วยความนิ่งขรึม

มู่ชิงเกอมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยความสงบนิ่งราว กับว่าทุกอย่างอยู่ในความคาดการณ์ของนาง

หลังจากที่พลังขององครักษ์เขี้ยวมังกรก้าวหน้าไปอีกหนึ่งขั้น มู่ชิงเกอก็นำทักษะสงครามมากมายจากหอตำรายุทธ์กับหอศาสตราในช่องว่างออกมาให้พวกเขาได้

เลือกทักษะสงครามที่เหมาะกับตนเอง

ดังนั้น กำลังการต่อสู้ขององครักษ์เขี้ยวมังกรถึงได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างพลิกฟ้าสะเทือนดิน

“เบี้ยสอง ข้ามสามกระโดดหนึ่ง โจมตีเบี้ยหลัก!” จ้าวหนานซิงได้ทีรุกไล่ประชิด ไม่คิดที่จะค่อยๆกลืนกินแต่ลงมือกับหัวใจหลักของคู่ต่อสู้

องครักษ์เขี้ยวมังกรที่ยืนอยู่ตำแหน่งเบี้ยสองหายไปจากตำแหน่งไปปรากฏตัวอยู่ตรงตำแหน่งราชาของฝ่ายคู่ต่อสู้

การปรากฏตัวของเขา ทำให้ใบหน้าของราชทูตแคว้นหรงถอดสี ดวงตาทั้งสองเบิกกว้าง

ส่วนทหารกล้าแคว้นหรงยังไม่ทันได้ตั้งรับก็ถูกพลังขององครักษ์เขี้ยวมังกรเปิดฉากพัดกระพือออกไปจาก ตำแหน่งที่รักษาอยู่

“ราชาตาย การแข่งขันในด่านแรก แคว้นอันดับสามชนะ แคว้นหรงแพ้!”

ราชทูตแคว้นหรงยังไม่ทันได้มีปฏิกิริยาใดใด ขันทีที่ดูแลการประลองของอาณาจักรเซิ่งหยวนก็ยกธงในมือขึ้น ประกาศผลออกมาเสียงดัง

“อะไรกัน!”

“แคว้นหรงแพ้แล้ว?!”

“เจ้าก็ไม่ดูพลังหมากเหล่านั้นของคู่ต่อสู้บ้างเลย การที่แคว้นหรงแพ้ก็สมควรแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นผู้เดินหมากคือ จ้าวหนานซิงยอดฝีมือแห่งการเดินหมาก ลงมือเด็ดขาด ฉับไว ไม่เหลือพื้นที่ออมมือให้คู่ต่อสู้ แม้ว่าสุดท้ายเขาจะไม่เดินหมากราชา ข้าก็ดูว่าอย่างไรก็เป็นแคว้นหรงที่เป็นฝ่ายพ่ายแพ้!”

เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังเซ็งแซ่ แคว้นหรงพ่ายแพ้ แพ้อย่างยับเยิน ราชทูตแคว้นหรงสีหน้าเคร่งเครียดดำทะมึนดั่งเหล็ก

การแข่งขันนี้เป็นเขาที่เสนอขึ้นมา เขาลงสนามด่านแรก ด้วยคิดจะสั่งสอนแคว้นอันดับสาม ข่มให้มู่ชิงเกอยำเกรง ไฉนเลยจะคิดว่าฝ่ายที่ถูกสั่งสอนจะเป็นตนเองเสียได้

ที่สำคัญก็คือ เมื่อใดกันที่องครักษ์ของแคว้นอันดับสาม ร้ายกาจกว่าแคว้นอันดับสอง?

การลงมือของคนที่สาม แม้แต่ตัวเขาเองยังมองพลังของอีกฝ่ายไม่ชัด!

จ้าวหนานซิงกำหมัดคำนับผู้คนก่อนจะแยกย้ายกลับไปประจำที่

ยืนอยู่หน้ามู่ชิงเกอ เขายิ้มอ่อนๆ พลางเอ่ยขึ้นว่า “เสร็จสิ้นภารกิจ!”

“ลำบากศิษย์พี่จ้าวแล้ว” มู่ชิงเกอก้มหน้าเอ่ยขึ้นพลางหัวเราะ

จ้าวหนานซิงยิ้มอย่างถ่อมตนไม่ได้มีทีท่าหยิ่งยโสหลังจากที่ได้รับชัยชนะ “ข้าเพียงแค่ขยับริมฝีปาก ไม่ได้ออกแรงอะไร จะนับว่าลำบากได้อย่างไร? ผู้ที่ลำบากเป็นเหล่าองครักษ์เขี้ยวมังกร พวกเขาเป็นผู้ออกแรง”

พูดจบเขาก็เดินกลับไปนั่งที่ของตนเอง หันไปมองฟงอวี๋เฟยที่อยู่ด้านข้างแล้วเอ่ยขึ้นยิ้มๆ “ด่านต่อไป ต้องฝากเจ้าแล้ว”

ฟ่งอวี๋เฟยพยักหน้ารับอย่างตั้งใจ ลุกขึ้นยืนจากที่นั่งของตน

“ด่านที่สอง ผู้ที่ลงแข่งของฝั่งข้าคือรัชทายาทหญิงฟ่ง” มู่ชิงเกอยิ้มแย้มเอ่ยขึ้น

ฟ่งอวี๋เฟยมียศศักดิ์ในแควันลี่มานานแล้ว ได้รับการเลี้ยงดูในฐานะผู้สืบทอดตำแหน่งจากกษัตริย์แคว้นลี่มาตั้งแต่เล็ก ดังนั้นการปรากฏตัวต่อหน้าฝูงชนนางยังคงอยู่ในความสงบนิ่ง หลังจากที่กลับเข้าไปในพระราชวังแคว้นลี่ใหม่อีกครั้ง กลิ่นอายสตรีบนร่างนางก็ค่อยๆ เก็บคืน เผยท่าทีองอาจผ่าเผยเยี่ยงบุรุษอีกทั้งเด็ดเดี่ยวทะนงตน นางยืนอยู่ตรงนั้นแม้จะไม่ได้เอ่ยวาจา แต่กลับยังดูสูงส่ง

สะกดสายตาเช่นเคย

การแข่งขันในด่านนี้ประสบความสำเร็จในการให้จ้าวหนานซิงและฟ่งอวี๋เฟยแสดงพรสวรรค์อันโดดเด่นออกมา ให้ตระกูลใหญ่และบรรดาผู้มีอำนาจของแคว้นอันดับหนึ่งและแคว้นอันดับสองประจักษ์ถึงองค์ชายและรัชทายาทหญิงของแคว้นอันดับสาม

สำหรับพวกเขาแล้วแคว้นอันดับสามเป็นการมีอยู่ของพวกความแร้นแค้นล้าหลัง ต่อให้คนที่นั่นโดดเด่นเพียงใดก็ไม่อาจเทียบเคียงพรสวรรค์ของพวกเขาได้

แต่ครั้งนี้ มู่ชิงเกอกลับใช้ความเป็นจริงมาอธิบายเรื่องๆ หนึ่ง

นั่นก็คือ แคว้นอันดับสามไม่ได้เป็นดังที่พวกเขาจินตนาการมาตั้งนานแล้ว งานชุมนุมใหญ่หลินชวนครั้งนี้แคว้นอันดับสามจะได้เจิดจรัสส่องแสง!

ฟ่งอวี๋เฟยยืนขึ้นมา

แต่ว่าอีกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นไท่สื่อเกาหรือจิ่งเทียนต่างก็นิ่งเงียบไม่เอ่ยวาจา

ผู้ที่พวกเขาต้องการจะประลองด้วยคือมู่ชิงเกอไม่ใช่ผู้อื่น แต่ว่าการจะได้ประลองกับมู่ชิงเกอนั้นจำเป็นต้องเอาชนะผู้อื่นให้ได้เสียก่อน นี่เป็นกติกาของการละเล่น วิธีการเล่นเช่นนี้ทำให้พวกเขารู้สึกว่าตนเองตํ่าด้อยต่อหน้ามู่ชิงเกอ ในใจรู้สึกไม่ยินดีนัก แต่ว่าคำท้าเป็นพวกเขาที่เสนอออกมา หากปฏิเสธตอนนี้เกรงว่าจะทำให้ผู้คนคิดว่าพวกเขากลัวฟ่งอวี๋เฟยจึงได้เจตนาถอนตัว

กลับกันทางมู่ชิงเกอที่เป็นผู้ถูกท้าประลอง กลับแสดงออกถึงความใจกว้างและเป็นฝ่ายเริ่มการประลองทุกครั้ง

อาศัยเพียงแค่ท่าทางนี้ก็ชนะแล้ว!

ไท่สื่อเกาและจิ่งเทียนต่างไม่มีใครคิดจะออกมาประลองก่อน ต่างก็หวังว่าผู้ที่ออกมาแข่งขันจะสามารถเอาชนะฟ่งอวี๋เฟยได้ เช่นนี้พวกเขาถึงจะมีโอกาสประลองกับมู่ชิงเกอ

ความนิ่งเงียบแผ่คลุมไปทั่วแท่นที่นั่งชั้นสอง

ผ่านไปครู่หนึ่ง จักรพรรดิหยวนก็ทรงตรัสขึ้นว่า “เป็นอะไรไป? ไม่คิดที่จะแข่งต่อแล้วหรือ?”

ไม่แข่ง? ได้อย่างไรกัน?

ราชทูตแคว้นหรงที่พ่ายแพ้ไปเกิดอาการร้อนใจ ถึงเขาจะพ่ายแพ้แต่ก็ยังมีสำนักหมื่นอสูรและตระกูลจิ่ง ประลองกับอิสตรีพวกเขาน่าจะเอาชนะได้ถึงจะถูก ขอเพียงแค่ฟ่งอวี๋เฟยพ่ายแพ้ ด่านต่อไปมู่ชิงเกอก็จะต้องลงสนาม เมื่อถึงตอนนั้นก็สามารถสั่งสอนมันให้หลาบจำ! แม้ว่าตัวเขาจะไม่ได้ลงมือเองก็ตาม!

ราชทูตแคว้นหรงเบนสายตากลับไป เอ่ยทูลหวงฝู่เฮ่าเทียน “จักพรรดิหยวน นายน้อยไท่สื่อกับคุณชายจิ่งเทียนทั้งคู่ต่างถ่อมตัวถอยให้แก่กัน ไม่สู้จักรพรรดิหยวน เลือกขึ้นมาผู้หนึ่งเป็นอย่างไร?”

คำพูดของเขาทำเอาไท่สื่อเกาและจิ่งเทียนหันไปมองจักรพรรดิหยวน

จักรพรรดิหยวนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง พยักหน้ารับ “ก็ดีเหมือนกัน เช่นนั้นด่านที่สองนี้ให้สำนักหมื่นอสูรลงแข่งแล้วกัน” ในเมื่อตามใจเขา เช่นนั้นเขาก็จะเรียกชื่อตามลำดับผู้ที่ออกตัวท้าประลองก็แล้วกัน ผู้ที่ถูกเรียกชื่ออย่างไท่สื่อเกามีสีหน้าที่ไม่ค่อยน่าดู ในความคิดของเขาให้ประลองกับฟ่งอวี๋เฟยเป็นการเสีย เกียรติอย่างหนึ่ง

รู้สึกเหมือนตนเองถูกส่งออกไปเป็นทัพหน้า แต่ว่าจะไม่ให้เกียรติจักรพรรดิหยวนก็ไม่ได้ ตอนนี้ธนูขึ้น สายง้างแล้วไม่ยิงไม่ได้ เขาทำได้เพียงทำหน้านิ่งๆ เดินลงมาจากที่นั่ง พาศิษย์สำนักเดียวกับตนเองลงไปแทนที่ ตำแหน่งของทหารกล้าแคว้นหรง

ฟ่งอวี๋เฟยก็เดินลงมาเช่นกัน ยืนอยู่บนตำแหน่งที่จ้าวหนานซิงเคยยืน

องครักษ์เขี้ยวมังกรบนกระดานเดินหมากไม่ได้เปลี่ยนแปลง ยังคงเป็นพวกเขาห้านายเหมือนเดิม

เริ่มกระดานใหม่ องครักษ์เขี้ยวมังกรกลับไปยืนในตำแหน่งเริ่มต้นเดิม ประจันหน้ากับคนจากสำนักหมื่นอสูร

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version