ตอนที่ 4
ผู้สูงสง่า กับ ร่างกายที่ไร้ประโยชน์
“ออกมา!”
เสียงใสอันเยือกเย็น แฝงด้วยการเอ่ยเตือน
มู่เกอคว้าเสื้อเปื้อนๆ ขึ้นมาปกปิดผิวกายอัน
เนียนละเอียดราวหยกของตนเองไว้
เธอไม่รู้ว่าตอนนี้เครื่องมือมายาอันนี้ทำให้คน
อื่นเห็นเธอเป็นอย่างไร แต่ตัวเธอก็ไม่อาจยอมเสีย
เปรียบมิใช่หรือ? พอมั่นใจว่าตัวเองไม่ได้เปลือยกายอยู่
มู่เกอก็รีบจัดการกับตัวเอง แล้วหันหน้าเข้าหาที่มา
ของกลิ่นหอมนั่น
พระจันทร์ใกล้จะลาฟ้า พระอาทิตย์กำลังจะขึ้น
มันคือช่วงเวลาที่มืดที่สุด แสงเดียวที่มีคือแสง
ของหิ่งห้อยเหล่านั้นที่บินวนไปมา
แสงประกายสีเขียวโปร่งใส ยามปกติก็ชวนให้
รู้สึกหวาดกลัวมากพออยู่แล้ว แต่ตอนนี้กลับส่องสะท้อน
ใบหน้าที่ล้างจนสะอาดแล้วของมู่เกอให้ดูราวกับภาพ
ฝันที่ไม่มีอยู่จริง
ที่จริงแล้วร่างของมู่เกอถูกปกป้องอย่างถวาย
ชีวิตจากทหารทั้ง 500 นายจึงทำให้ไม่ได้บาดเจ็บอะไร
มาก ตอนที่มู่เกอรู้สึกตัว ความรู้สึกเจ็บปวดรุนแรงราว
กับกระดูกแตกป่นไปทั้งร่างนั้นเป็นเพราะถูกทับถมอยู่
ด้านล่างที่ลึกที่สุดของกองศพต่างหาก
เพราะฉะนั้นสาเหตุที่แท้จริงในการตายของมู่ชิง
เกอ กลับเป็นเพราะว่าถูกปกป้องมากเกินไป ถูกกดทับ
จนขาดอากาศหายใจตาย แต่อย่างไรก็ตาม หากไม่มีคน
พวกนี้คอยปกป้อง มู่ชิงเกอก็ยากที่จะเอาชีวิตรอด การตาย
ก็จะยิ่งน่าอนาถ
เมื่อผ่านการพักฟื้นในระยะสั้นๆ มู่เกอก็รู้สึกว่า
ความเจ็บปวดในร่างกายเริ่มจางหายไปแล้ว เธอมอง
ลึกเข้าไปในดงต้นกกซึ่งเป็นที่มาของกลิ่นหอม แสงสีม่วง
ที่ส่องประกายอยู่กลางฝ่ามือของเธอมีเสียงดัง ‘ซือๆ’
ราวกับเสียงไฟฟ้า
“หึ โลกชั้นล่างแบบนี้กลับปรากฏผู้ที่มีราก
วิญญาณสายฟ้าแบบนี้ด้วย”
ทันใดนั้นเสียงชายหนุ่มที่ฟังดูเรียบเฉย เนิบช้า
แต่กลับไพเราะชวนให้คนฟังรู้สึกใจอ่อนยวบก็ลอยมา
ในน้ำเสียงนั้นเหมือนมีความประหลาดใจ และเหมือน
สงสัยใคร่รู้ มู่เกอสัมผัสได้ถึงน้ำเสียงที่ดูขี้เล่นอยู่หลายส่วน
มู่เกอหรี่ตาทั้งคู่ ใบหน้าแฝงความระแวดระวัง
เธอไม่รู้ว่าคำว่า ‘โลกชั้นล่าง’ ‘รากวิญญาณสาย
ฟ้า’ ที่เขาพูดคืออะไร เธอรู้แค่ว่า สิ่งที่เธอใช้นั้นเป็นพลัง
สายฟ้าที่เธอใช้และติดตัวมาตั้งแต่ชาติที่แล้ว
“ออกมา!” ลมกลางคืนพัดไปมาท่ามกลางต้น
กก มู่เกอขมวดคิ้วเอ่ยปากเตือนอีกครั้ง
เสียดายที่ไม่มีใครสนใจคำเตือนของเธอเลย
แค่เสียง ก็ชวนให้ผู้คนรู้สึกสูงค่าหาใดเปรียบ
เสียงของคนผู้นั้นกล่าวขึ้นอีกครั้งว่า “แต่น่าเสียดาย แม้
ว่าจะมีรากวิญญาณสายฟ้า แต่ร่างกายไร้ประโยชน์
แบบนี้ก็คงจะไม่สามารถฝึกฝนบำเพ็ญได้หรอก”
แม้จะบอกว่าเสียดาย แต่มู่เกอกลับจับอารมณ์
ความเสียดายในน้ำเสียงของเขาไม่ออกเลย สิ่งเดียวที่
สัมผัสได้ ก็คือในตอนนี้ตัวเธอเหมือนเป็นวัตถุชิ้นหนึ่ง ที่
ถูกประเมินค่าและรอให้คนมาประมูลออกไป
กรอด!
เสียงบดฟันดังขึ้นท่ามกลางความเงียบเช่นนี้จึง
ฟังดูชัดเจนมากเป็นพิเศษ
เห็นได้ชัดว่า ท่าทีหยิ่งยโสไม่เห็นหัวคนอื่นของ
อีกฝ่าย กำลังยั่วโทสะมู่เกอ
ถึงกับทำให้ชั่วขณะหนึ่งเธอคิดไม่ทันว่าคำว่า
‘ร่างที่ไร้ประโยชน์’ นั้นมันมีความหมายว่าอย่างไร
แน่นอน ว่านี้ไม่ใช่ความภาคภูมิใจของมู่เกอแน่
นอน เป็นคนมีหรือไม่มีประโยชน์ เธอไม่ต้องการให้ใคร
มายืนยัน เธอรู้ดีว่าตัวเองไม่ใช่คนไร้ประโยชน์
คนสิบกว่าคนที่เธอฆ่าเมื่อช่วงฟ้ามืดที่ผ่านมา ก็
เป็นการพิสูจน์ที่ชัดเจนที่สุดแล้วไม่ใช่หรือ?
“หึหึ เจ้าตัวเล็กโกรธเสียแล้วรึ?” เสียงกัดฟัน
ลอยไปเข้าหูของคนผู้นั้น แต่ว่าเขากลับรู้สึกเบิกบานเสีย
อย่างนั้น
“เอาแต่หดหัว ” ทันใดนั้น ไฟโทสะของมู่เกอที่
ถูกจุดขึ้นก็พลันสงบลง เธอแค่นเสียงเย็นออกมาคำหนึ่ง
ตอกกลับไปอย่างดูถูกดูแคลน
เสียงเงียบหายไปสักพัก พลันมีเสียงหัวเราะเริง
ร่าดังขึ้น “ข้าอยู่ตรงนี้มาตั้งแต่แรก เจ้าต่างหากที่มองไม่
เห็น ยังจะโทษข้าอีกเหรอ น่าสนใจ น่าสนใจ ช่างน่าสนใจจริงๆ”
อยู่ตรงนี้มาตั้งแต่แรก ?!
มู่เกอตะลึง ดวงตาที่ไร้ความรู้สึกกวาดมองไป
ทั่วอีกครั้ง
แต่ว่า สิ่งที่เห็นนอกจากต้นกกที่ลมพัดไปมา
เบาๆ ราวกับเกลียวคลื่นแล้ว ก็มีแค่ลำธารใต้ร่างเธอเท่า
นั้นอีกทั้งเสียงและกลิ่นที่เกิดขึ้นนั้นก็ลอยมาจากในดง
ต้นกก จนถึงตอนนี้กลิ่นนั้นยังติดจมูกของเธอไม่หาย
ไม่มี! ก็ยังไม่มีอยู่ดี!
มู่เกอตรวจสอบอีกครั้งบริเวณที่เธอสามารถ
มองเห็นได้ นอกจากตัวเองแล้วก็ไม่มีใครอื่นอีก
“เจ้าหนูน้อย อย่ามัวแต่สนใจพื้นสิ” อยู่ๆ เสียง
นั้นก็แสดงความคิดเห็น
ไม่อยู่บนพื้นดิน หรือว่าจะอยู่บนฟ้า?
มู่เกอเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าโดยไม่รู้ตัว แต่ว่าก็
ยังไม่พบอะไรอยู่ดี
มู่เกอที่รู้สึกเหมือนตัวเองโดนกลั่นแกล้ง ดวงตา
ใสกระจ่างพลันมีโทสะสายหนึ่งวาบผ่าน เธอละสายตาที่
มองขึ้นไปกลับมา แค่นเสียงเย็น “ตลกแหกตา”
“หึ หึ………” เสียงที่ลอยมา ราวกับดังมา
จากรอบด้าน สะท้อนไปมารอบๆ
มู่เกอลอบเตรียมพร้อม แสงสายฟ้าสีม่วงที่กลาง
ฝ่ามือสาดประกายกว่าเดิม
ทันใดนั้น มู่เกอก็รู้สึกว่าขาทั้งคู่ที่เหยียบอยู่ในน้ำ
ของเธอมีบางอย่างผิดปกติ น้ำในลำธารเริ่มไหลย้อน
กลับ ตอนที่ไหลผ่านน่องของเธอ ทำให้เธอรู้สึกจักจี้
มู่เกอตกใจ ปรากฏการณ์ผิดธรรมชาติแบบนี้ทำ
ให้เธอรีบถอยขึ้นมาอยู่ข้างลำธาร เบิกตากว้างมองน้ำที่
ไหลย้อนกลับ
ลำธารสายนี้กว้างไม่ถึงครึ่งจั้งลึกไม่เกินสองฉือ
ตอนนี้กลับไหลย้อนกลับอย่างแปลกประหลาด
เข้าไปรวมตัวกันอยู่ที่กลางลำธาร
ซู่———-!
ทันใดนั้นน้ำในลำธารพลันไหลพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า
รวมตัวกันเป็นเสาน้ำนับไม่ถ้วน เกี่ยวรัดรวมตัวกันราว
อสรพิษอยู่กลางอากาศ
มู่เกอเบิกตากว้างอย่างตกตะลึง ปากอ้าค้างเล็ก
น้อย ร่างกายเหมือนถูกสะกด จ้องมองฉากตรงหน้า
เธอเคยเห็นผู้ที่มีพลังน้ำ แต่ผู้ที่มีพลังน้ำส่วน
มากจะมีไว้เพื่อเยียวยา แม้จะมีพลังในการโจมตี แต่ก็มี
แค่ธนูน้ำ หรือโล่น้ำที่เอาไว้ป้องกันเท่านั้น
ฉากตรงหน้า ทำให้เธอนึกถึงผู้มีพลังน้ำที่
เก่งกล้า แต่ว่าในใจกลับมีเสียงหนึ่งบอกเธอว่า เรื่องราว
ทั้งหมดอาจจะไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น
ทันใดนั้นน้ำที่ราวกับมีชีวิตนั่นก็ถูกสูบขึ้นมาจน
แห้ง น้ำที่ไหลวนอยู่ตรงหน้าเธอในตอนแรก กลายเป็น
พื้นที่แห้งสนิท
น้ำในลำธารที่ถูกสูบขึ้นไปบนฟ้า ค่อยๆ ปรากฏ
เป็นเก้าอี้ขึ้นมาตัวหนึ่ง
เก้าอีที่ทำจากน้ำเนี่ยนะ ?
มู่เกอราวกับว่ายังเห็นน้ำในตัวเก้าอี้ที่ไหลไปมา
โปร่งใสแวววาว เป็นประกายไร้ที่ติ สวยงามประณีตจน
ไม่อาจเทียบได้ แรงกดดันที่มองไม่เห็นแผ่ซ่านอกมาจาก
ตัวเก้าอี้ลงบนร่างของมู่เกอ กดทับจนกระดูกของเธอส่ง
เสียงดัง ‘กึก กึก’
ความรู้สึกไร้ที่มาบอกเธอว่า ความกดดันที่แผ่
ออกมานี่ถือว่าออมมือมากแล้ว
ยอดฝีมือ!
มู่เกอหรี่ตา ลอบคิดในใจ
ในขณะที่น้ำหยดสุดท้ายไหลรวมกันเป็นเก้าอี้
สิงสาราสัตว์บนเก้าอี้คำรามก้อง ชวนให้ตกตะลึง เก้าอี้ที่
สาดประกายสีเงินยวง กลายเป็นแสงสว่างเดียว ณ ที่แห่งนี้
มู่เกอตกใจจนต้องถอยหลังไปก้าวหนึ่ง มอง
เก้าอี้กลางอากาศอย่างไม่อยากจะเชื่อ
เก้าอี้ตัวนี้มีที่พิงเป็นหัวมังกร มีสัตว์ที่เธอไม่รู้จักชื่อ
หน้าตาน่ากลัวเป็นที่เท้าแขน บรรดาสรรพสัตว์หมอบ
คลานอยู่ แสดงท่าทางจงรักภักดี
“ยิ่งใหญ่จริงๆ”
มู่เกอพึมพำ ดวงตาเป็นประกาย
‘บางที การเกิดใหม่ในโลกประหลาดที่ไม่รู้จักใบ
นี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าเบื่อเสียทีเดียว’ หลังจากที่เกิดใหม่
เป็นครั้งแรกที่มู่เกอรู้สึกว่าตนเองมีจุดมุ่งหมายขึ้นมา
‘ฉันจะแข็งแกร่งขึ้นจะต้องมีสักวันหนึ่ง ที่ฉันจะ
สร้างเก้าอี้แบบนี้ได้สักตัว!’
อยู่ๆ ก็เกิดลมพัดกระโชกแรงขึ้นรอบๆ พัดไป
ทางเก้าอี้ตัวนั้น มู่เกอเอามือบังตาไว้ เพื่อป้องกันเศษฝุ่น
แต่ตาที่หรี่เล็กคู่นั้นยังคงมองไปที่ตัวเก้าอี้
หัวใจ พลันเต้นรัวเร็ว
สายลม หยุดลงแล้ว
มู่เกอเบิกตาโต สิ่งที่เธอเห็นคืออะไร ลม สายลม
ที่มองไม่เห็นและจับต้องไม่ได้ กลับปรากฏขึ้นเป็นตัว
เป็นตนอย่างชัดเจนอยู่ตรงหน้าเธอในตอนนี้
บนเก้าอี้ตัวนั้นมีแสงสีฟ้าอ่อนไหลวนไปมาไม่หยุด
แทรกมาด้วยดอกไม้ที่ลอยมาจากทุกทิศ
กลิ่นหอมเข้มข้นมากขึ้นกว่าเดิม ไม่ได้ทำให้คน
รู้สึกรังเกียจ กลับชวนให้รู้สึกสดชื่นเบาสบาย
มู่เกอไม่ทันได้ตะลึง ลมม้วนหอบนั้นก็สลายไป
ในขณะที่สายลมกระจายหายไป กลับมีเงาร่าง
สูงสง่าร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้นบนเก้าอี้แทน
อาภรณ์ขาวดั่งหิมะสะอาดหมดจด ชายเสื้อและ
ปลายแขนเสื้อสีม่วงเดินด้วยด้ายสีทองลวดลายซับซ้อน
ดูสูงส่งลึกลับ ผมยาวเงาดำปลิวไสวไปมาแม้ไร้ซึ่งสาย
ลม จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของท้องฟ้ามืดมิด
ร่างสูงโปร่ง แค่นั่งสบายๆ อยู่บนเก้าอี้ก็ทำให้
รู้สึกได้ถึงความสูงส่งของเขา
เขาที่ปรากฏตัวตรงหน้ามู่เกอ ราวกับดวงดารา
อันเจิดจ้า แสงที่มาจากตัวเขา ส่องประกายระยิบระยับ
ราวกับเพชรน้ำงาม หาร่องรอยตำหนิไม่เจอแม้เส้นขน
คิ้วกระบี่เรียวยาว ตาเรียวตวัดขึ้นเล็กน้อย จมูก
สูงโด่ง ปากบางยังคงมีรอยยิ้มประดับอยู่ ริมฝีปากแดง
เรื่อดึงดูดใจคน
‘ คุณชายงดงามดั่งหยก ใต้หล้าไร้ผู้ใดเทียม ’
อยู่ๆ คำกลอนที่เธอรู้จักเมื่อชาติที่แล้วก็โผล่ขึ้น
มาในหัว ทำให้เธอพยักหน้าเห็นด้วยอย่างไม่รู้ตัว
คนตรงหน้า ทำให้เธอสูญเสียความสามารถใน
การมองผู้คน วินาทีที่แล้ว เธอยังรู้สึกพึงพอใจกับรูป
ลักษณ์ของมู่ชิงเกออยู่เลย แต่ตอนนี้กลับถูกชายตรง
หน้ากลบจนไม่เหลืออะไรเลย
มู่ชิงเกอขี้เหร่หรือ?
ก็ไม่!
แม้ว่ามู่ชิงเกอจะอายุยังน้อย แต่ดูจากเค้าโครง
ใบหน้าก็ดูออกได้ไม่ยากถึงรูปโฉมในวันหน้า แต่เรื่องนั้น
ก็ยังอีกหลายปี จะไปเทียบกับความหล่อเหลาบาดตา
ของคนตรงหน้าได้อย่างไร
มู่เกอรู้สึกว่าตนไม่ใช่คนที่ให้ความสำคัญกับรูป
ลักษณ์ภายนอก แต่หลังจากเห็นหน้าตาของผู้ชายตรง
หน้า ก็ยังอดถอนใจด้วยความน้อยใจไม่ได้
ไม่เปรียบเทียบก็ไม่เจ็บ
“เจ้าหนูน้อย คราวนี้ เจ้าคงเห็นข้าแล้วนะ” ริม
ฝีปากของชายหนุ่มเผยอน้อยๆ รอยยิ้มบนใบหน้าไม่ได้
ลดน้อยลงเลยแม้แต่น้อย เขาไม่รู้สึกว่าพิเศษอะไร แต่
กลับทำให้องครักษ์สองคนที่คอยอารักขาอยู่ลับๆ ตกใจ
ไม่น้อย
ท่านประมุขของพวกเขา รู้สึกสนใจในตัวเด็กคน
หนึ่งของโลกชั้นล่างมากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน ไม่ต้อง
พูดถึงว่านี้เป็นโลกชั้นล่าง แม้จะเป็นโลกชั้นสูงขึ้นไป ก็
ไม่มีผู้ใดเข้าตาท่านประมุขเลยสักคน
ทั้งสองแลกเปลี่ยนสายตาคิดเหมือนกันว่า
‘อากาศของโลกชั้นล่างแย่จริง ทำให้ท่านประมุขป่วยเสียแล้ว’
‘อืม ป่วยไม่น้อยเลยจริงๆ ’
“เครื่องมือมายาที่ไม่สมควรจะมีอยู่ในหลินชวน
ร่างอันไร้ค่าที่ครอบครองรากวิญญาณสายฟ้า หนูน้อย
เจ้าช่างน่าสนใจจริงๆ!”
มู่เกอตระหนกวูบ ดวงตาใสกระจ่างพลันปรากฏ
กลิ่นอายฆ่าฟันเย็นเยียบ แค่คำพูดไม่กี่คำของชายผู้นี้ก็
มองเธอได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ?!
“กลับมีไอสังหารได้ขนาดนี้ หึหึ ข้าจะเฝ้ารอว่า
เจ้าจะมีอะไรมาทำให้ข้าแปลกใจได้อีก ” ไอสังหารอัน
รุนแรงนั้นทำให้องครักษ์ทั้งสองนายที่กำลังกระซิบ
กระซาบกันนั้นเตรียมพร้อมระวังภัยในทันที แต่ตัวต้น
เรื่องกลับทำราวกับว่าได้เจอของเล่นชิ้นใหม่อย่างไร
อย่างนั้น
ในพริบตา ไอสังหารในตัวของมู่เกอก็สลายหาย
ไป เธอมองเขานิ่งๆ แวบหนึ่ง หันกายและพูดทิ้งท้ายว่า
“มีธุระ ก็พูด ไม่มี ก็ไสหัวไป!”
*คุณชายงดงามดั่งหยก ใต้หล้าไร้ผู้ใดเทียม มา
จากคำกลอนของกวีที่เขียนขึ้นหลังจากที่เจอชายผู้งด
งามจน ไม่มีผู้ใดใต้หล้านี้เทียบได้