ตอนที่ 55
ว่าที่คู่หมั้นภูเขานํ้าแข็งมาตามหา
“เหลียนเหลียน รู้แล้ว” ฉินอี้เหลียนทำท่าทางเชื่อฟัง
กับคำพูดของมู่ชิงเกอ นางเหมือนไม่ต่อต้านเลยแม้แต่น้อย ฉากตรงหน้าทำให้ชิงเอ๋อร์ที่ดูอยู่ถึงกับตาค้าง รู้อยู่แล้วว่าองค์หญิงตัวน้อยผู้นี้ของนางแม้จะน่ารักและเชื่อฟังแค่ไหน แต่ก็มีมุมที่ดื้อรั้นอยู่บ้าง ขนาดคำพูดของเสด็จแม่อย่างพระสนมอวิ๋นเฟยยังไม่ค่อยเชื่อฟังเลย แต่กับชายหนุ่มชุดแดงคนนี้กลับเชื่อฟังได้ถึงเพียงนี้ ชายหนุ่มผู้งดงามสว่างสดใสราวกับดวงอาทิตย์ที่ร้อนแรงผู้นี้ เป็นใครกันแน่?
“กระหม่อมจะไปส่งพระองค์” มู่ชิงเกอพูดจบก็ลุกขึ้นยืน ในขณะเดียวกันก็ยื่นมือไปทางฉินอี้เหลียน
ฉินอี้เหลียนทำปากจู๋ ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจ แต่สุดท้ายก็ยอมวางมือบนมือของมู่ชิงเกอแต่โดยดี
มู่ชิงเกอหันไปทางแม่นํ้าตะโกนใส่เจ้าอ้วนเช่า “เจ้าอ้วน ข้าออกไปสักพักนะ” นางพูดโดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะได้ยินหรือไม่ แล้วพาองค์หญิงตัวน้อยและชิงเอ๋อร์เดินเข้าป่าดอกท้อไป
แน่นอนว่าเจ้าอ้วนเช่าที่ถูกสาวสวยรายล้อมเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด และได้ยินคำพูดที่มู่ชิงเกอพูดทิ้งท้ายเอาไว้ เขายิ้มอย่างมีเลศนัย พร้อมพึมพำว่า “อี่ๆ ลูกพี่ก็ คือลูกพี่จริงๆ พาสาวน้อยที่ไม่รู้ที่มาเข้าป่าไปแล้ว ที่แท้ลูกพี่ไม่ได้ชอบแค่องค์หญิงฉางเล่อที่เป็นสาวงามแห่งภูเขานํ้าแข็งนั้นเท่านั้นสินะ แต่ยังชอบสาวน้อยหน้าตางดงามที่ดูน่ารักเชื่อฟังแบบนี้อีกด้วย!” ความคิดสกปรกของเจ้าอ้วนเช่า มู่ชิงเกอไม่รู้
ตอนนี้นางเดินจูงมือองค์หญิงตัวน้อยเดินไปตามทางในความทรงจำไปตรงบริเวณที่เจอฉินจิ่นเฉินในศาลาหลังคาแปดเหลี่ยม
ความสูงของมู่ชิงเกอ ถือว่าสูงในบรรดาผู้หญิงด้วยกัน บวกกับอายุของนางที่มากกว่าฉินอี้เหลียน ความสูงของฉินอี้เหลียนจึงพอๆ กับหัวไหล่ของนางเท่านั้น ซึ่งเตี้ยกว่าถึงหนึ่งศีรษะ
ชุดลีแดงที่ปลิวอย่างเป็นธรรมชาติ เดินจูงมือหญิงสาวในชุดสีเหลืองอยู่ในสวนดอกท้อ ภาพนั้นช่างงดงามหาใดเปรียบ ขนาดคนที่เดินอยู่ข้างหลังพวกเขาทั้งสองอย่างชิงเอ๋อร์ยังมองจนเหม่อลอย
ศาลาหลังคาแปดเหลี่ยมอยู่แค่เอือมมือแล้ว
เลี้ยวข้างหน้าอีกโค้งและเดินต่อไปอีกนิดก็ถึง
แล้ว
แต่เพราะต้นดอกท้อที่เต็มป่า ทำให้บดบังทัศนวิสัยของแต่ละฝ่าย
มู่ชิงเกอพาองค์หญิงตัวน้อยเดินเลี้ยวออกจากป่า แต่ยังไม่ทันได้เงยหน้าขึ้น ก็เห็นรองเท้าปักลายคู่สวยหลายคู่
เมื่อเงยหน้าขึ้น มู่ชิงเกอก็รู้สึกได้ถึงความสนุกใน
ทันที
วันนี้ทำไมถึงพบแต่คนคุ้นเคยหรือว่าวันนี้จะเป็นวันดีอะไร ที่ทุกคนมายังป่าดอกท้อพร้อมๆ กันขนาดนี้
แต่ว่ามีความคิดหนึ่งแวบเข้ามาในหัวของนาง
ทำไมป๋ายซีเยวี่ยถึงอยู่กับฉินอี้เหยาด้วย
“พี่เหยา ท่านเองก็มาเที่ยวเล่นที่นี่หรือ?”
เจอกับคนตั้งมากมาย แต่คนแรกที่พูดขึ้นก่อน คือฉินอี้เหลียนผู้ไร้เดียงสา
สายตาอันเยือกเย็นเหมือนนํ้าแข็งของฉินอี้เหยา มองมือของมู่ชิงเกอและฉินอี้เหลียนที่จับกันแวบหนึ่ง และตอบอย่างเย็นชาว่า “อืม”
“คุณชาย!”
เมื่อเห็นชุดแดงสดที่คุ้นตา โย่วเหอและฮวาเยวี่ยที่อยู่ข้างหลังฉินอี้เหยาและป๋ายซีเยวี่ยก็เต็มไปด้วยความดีใจ เดินไปอยู่ข้างหลังของมู่ชิงเกอทันที
มู่ชิงเกอมองพวกนางแล้วพยักหน้าเบาๆ
โย่วเหอเข้าไปใกล้มู่ชิงเกอและกระซิบข้างหูนางว่า “คุณชาย ท่านออกจากตำหนักไม่นาน องค์หญิงฉางเล่อก็มาหาท่าน พอรู้ว่าท่านมาที่สวนดอกท้อ ก็ตัดสินใจให้สั่งพวกบ่าวทั้งหลายนำทางมาหาท่าน บ่าวเห็นว่าท่าทางองค์หญิงดูรีบร้อน ก็คิดว่าอาจจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น จึงไม่ได้ปฏิเสธ ตอนออกจากจวนก็พบกับแม่นางป๋ายเข้าพอดีนางจึงร่วมเดินทางมาด้วยเจ้าค่ะ” คำง่ายๆ เพียงไม่กี่คำ ทำให้มู่ชิงเกอรู้เหตุผลที่คนพวกนี้มาที่นี่
ที่แท้ก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญอะไร แต่คนพวกนี้ตั้งใจ
มาหานาง
“พี่มู่ องค์หญิงฉางเล่อเหมือนมีธุระจึงมาหาท่าน ซีเยวี่ยคิดว่าเผื่อมีอะไรให้ช่วยจึงตามออกมาโดยพลการ ท่านคงไม่ถือโทษโกรธซีเยวี่ยใช่มั้ย” ป๋ายซีเยวี่ยทำท่าทางไร้เดียงสา มองมู่ชิงเกออย่างขลาดๆ
ช่วงนี้ยากที่นางจะได้พบกับมู่ชิงเกอ วันนี้ในป่าดอกท้อแห่งนี้ เขาเหมือนจะงดงามมากขึ้นกว่าเดิม รูปโฉมอันงดงามนั้นขนาดนางที่ เป็นหญิงก็ยังอดไม่ได้ที่จะตื่นตะลึงในความงามนั้น แต่น่าเสียดาย เขาเป็นแค่คนไร้พลัง ไม่อย่างนั้น หากมอบกายให้กับเขา และเป็นนายหญิงแห่งจวนหย่งหนิงกงได้จึงจะดีที่สุด
ป๋ายซีเยวี่ยหลุบตาลงปิดบังความรู้สึกภายในใจเอาไว้
มู่ชิงเกอยิ้มพร้อมพูดอย่างไม่ใส่ใจ “ไม่แน่นอน” พูดจบ ก็มองฉินอี้เหยาและถามในทันทีว่า “องค์หญิงฉางเล่อมาหากระหม่อมมีเรื่องอันใดหรือ?”
แต่ฉินอี้เหยาไม่ตอบ แต่จ้องฉินอี้เหลียนแล้วถามว่า : “หย่งฮวนเหตุใดเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่ได้?”
องค์หญิงตัวน้อยกะพริบตาปริบๆ แอบหลบหลังมู่ชิงเกอเหมือนต้องการที่พึ่งพา ฉากนี้อยู่ในสายตาของฉินอี้เหยาและป๋ายซีเยวี่ย ในใจพวกนางต่างก็คาดเดาแตกต่างกันไป
ฉินอี้เหยาเห็นความสนิทสนมของทั้งสองแล้วก็รู้สึกไม่ค่อยสบายใจนัก
แต่ป๋ายซีเยวี่ยกำลังคาดเดาฐานะที่แท้จริงขององค์หญิงตัวน้อยอยู่
ฉินอี้เหลียนเหมือนกลัวฉินอี้เหยา นางเม้มปากแน่นไม่ยอมพูด มู่ชิงเกอจึงต้องตอบแทน “องค์หญิงมากับเสียนอ๋อง พอแยกกันก็บังเอิญมาเจอกับกระหม่อม กระหม่อมกำลังจะพาองค์หญิงไปส่งให้เสียนอ๋อง”
ฉินอี้เหยายิ้มทีหนึ่ง แล้วมองชิงเอ๋อร์ “เสียนอ๋องอยู่ที่ใด?”
ชิงเอ๋อร์รีบทำความเคารพพร้อมตอบว่า “เรียนองค์หญิง เมื่อสักครู่เสียนอ๋องดีดพิณอยู่ที่ศาลาในป่าดอกท้อ”
ฉินอี้เหยาหันไปบอกองครักษ์สองคนทันทีว่า “พวกเจ้าทั้งสองพาองค์หญิงหย่งฮวนไปหาเสียนอ๋องก่อน หากหาไม่เจอก็พาองค์หญิงกลับวัง”
องครักษ์ทั้งสองรับคำสั่ง
ตอนนี้ ป๋ายซีเยวี่ยกำลังมองมู่ชิงเกอและฉินอี้เหยาด้วยความแปลกใจ
คิดไม่ถึงว่า มู่ชิงเกอไม่เพียงแต่จะมีคู่หมั้นคู่หมายเป็นถึงองค์หญิงองค์หนึ่ง แต่ยังสนิทสนมกับองค์หญิงอีกองค์ในวังเป็นอย่างมากด้วย
คนไร้พลังคนหนึ่งจะเป็นที่โปรดปรานได้เพียงนี้เลยหรือ หรือว่านางจะพลาดอะไรไป?
ป๋ายซีเยวี่ยค่อยๆ ขมวดคิ้วพลางแอบคิดในใจ
องค์หญิงตัวน้อยปล่อยมือมู่ชิงเกออย่างอ้อยอิ่งไม่เต็มใจแล้วเดินไปหาฉินอี้เหยา พอเดินได้ไม่กี่ก้าวก็หันไปถามมู่ชิงเกอว่า “พี่ชาย ท่านยังไม่ได้บอกข้าเลย ว่าท่านคือใคร”
มู่ชิงเกอเงียบ
เป็นความจริงที่ว่า ทั้งสองครั้งที่พบกัน เหมือนนางจะยังไม่เคยแนะนำตัวเอง
“กระหม่อมคือมู่ชิงเกอแห่งตระกูลมู่” มู่ชิงเกอตอบพร้อมรอยยิ้มจางๆ
“มู่ชิงเกออย่างนั้นหรือ?” ฉินอี้เหลียนเอียงศีรษะ เพราะกำลังใช้ความคิด แล้วพูดขึ้นอย่างตื่นเต้น “อ๋อ! ข้ารู้แล้ว ท่านคือคุณชายมู่ชิงเกอของตระกูลมู่ใช่ไหม? ได้ยินมาว่า เมื่อหลายปีก่อนในวังหลวง ท่านสามารถทำให้ดอกไม้นานาพรรณบานสะพรั่งเพราะความงดงามของท่านได้ และยังเป็นว่าที่ราชบุตรเขยของพี่เหยาใช่หรือไม่? ”
“หย่งฮวน เจ้าควรไปได้แล้ว” ฉินอี้เหยาพูดตัดบทองค์หญิงตัวน้อย ราวกับนางอยากจะมองข้ามความว้าวุ่นในใจตนที่เกิดขึ้นจากคำว่า ‘ว่าที่ราชบุตรเขย’ นี้
เมื่อก่อนนางไม่เคยรู้สึกอะไรกับเรื่องนี้เลยแต่เหตุใดตอนนี้ เป็นเพราะอะไรกันแน่นะ?
ฉินอี้เหลียนที่ถูกสั่งให้หยุดพูดนางจู๋ปากเล็กๆ ของตน ยังคงมองมู่ชิงเกออย่างอาลัยอาวรณ์ แล้วเดินออกจากสายตาของทุกคนไป
พอองค์หญิงจากไป บรรยากาศภายในป่าก็ดู แปลกประหลาด